พญานาคเล่นน้ำ-นาคกินน้ำ-ที่บึงโขงหลง--2553--2554

พญานาคโผล่





เรื่องราวของ พญานาค นั้นไม่มีขอพิสูจน์ว่ามันมีจริงหรือเป็นเพียงแค่ตำนาน แต่หลายๆคนเชื่อว่า พญานาค นั้นมีอยู่จริง ล่าสุดชาวบ้านจังหวัดบึงกาฬพบ พญานาค ปรากฎในบึง โดยเชื่อว่าเป็น ปู่อือลือ เทพศักดิ์สิทธิ์ประจำบึง สำหรับเพื่อนที่สนใจเรื่องราวของ พญานาค วันนั้ผมติดตามข่าวมาให้ชมกันครับ

--ชาวบ้านบึงกาฬนับพัน แห่รอดูพญานาคในบึงโขงหลง เชื่อเป็น ปู่อือลือ เทพศักดิ์สิทธิ์ประจำบึง สำแดงอิทธิฤทธิ์ วันนี้ (10 ก ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก พล.ต.ต.ชัยทัต รุ่งแจ้ง ผบก.ภ.จว.บึงกาฬ ว่าเมื่อวันที่ 8 ก.ค.ที่ผ่านมาขณะที่ตนและคณะรองผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ ได้ไปตรวจราชการที่ อ.บึงโขงหลง ได้มี พ.ต.อ.ชยรพ สายจันยนต์ ผกก.สภ.บึงโขงหลง มารายงานว่า วันนี้เวลาประมาณ15.20 น. จะมีพญานาคขึ้นมาลอยเหนือน้ำในบึงโขงหลงสร้างความฮือฮาให้ประชาชนเป็นอย่าง มาก ตนและคณะรองผู้ว่าจึงไปเฝ้ารอดู โดยมีชาวบ้านที่ทราบข่าวก็มีทยอยมารอดูพญานาคกว่าพันคน

กระทั่งเวลาประมาณ 15.18 น. ประชาชนที่รออยู่ต่างร้องฮือฮาชี้มือไปกลางหนองน้ำ ห่างจากฝั่งน้ำไปประมาณ 200 เมตรมีสิ่งมีชีวิตคล้ายงูขนาดใหญ่กำลังว่ายน้ำบิดตัวเป็นเกลียว เริ่มต้นว่ายจากทางทิศใต้ไปทางทิศเหนือ ความยาวประมาณ 8-10 เมตร หรือประมาณเส้นผ่าศูนย์กลาง 20 ซม. มีสีดำ ว่ายน้ำอยู่ประมาณ 2 นาทีก็ดำน้ำหายไป ผมเห็นกับตาครั้งแรกก็ยังไม่เชื่อ แต่พอได้มาเห็นประกอบกับเวลาที่ผู้กำกับบอกว่าจะขึ้นมาให้เห็น 15.20 น. ก็ใกล้เคียง และทราบว่าครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่ 4 แล้วที่พญานาคขึ้นมาให้เห็นและบอกเวลาล่วงหน้าทุกครั้ง นับว่าเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์ ผบก.ภ.จว.บึงกาฬ กล่าว

ด้าน พ.ต.อ.ชยรพ สายจันยนต์ ผกก.สภ.บึงโขงหลง กล่าวว่าตนพึ่งย้ายมารับตำแหน่งที่นี่ตั้งแต่เดือน ก.พ.54 บ่อยครั้งขณะที่หลับจะฝันเห็น ปู่อือลือ ซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อาศัยอยู่ในบึงโขงหลง มาแจ้งให้ตนสร้างศาลบ้าง ตั้งกองทุนบ้าง ตื่นขึ้นมาคิดจะพูดให้ใครฟังก็กลัวหาว่าบ้าเพราะเพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่ยังไม่ คุ้นเคยกับใคร แต่ปู่อือลือบอกหากไม่เชื่อจะแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ให้คนดู โดยจะมาปรากฏร่างเป็นพญานาคมาว่ายน้ำให้เห็นในบึงโขงหลง และบอกเวลามาด้วย ครั้งแรกตนก็จะบอกเพียงตำรวจลูกน้องและคนรู้จักไปดูก็เห็นจริง ๆ ครั้งที่ 2-3 มีคนทราบข่าวก็มาดูกันมากขึ้น และวันออกพรรษาปีนี้ ปู่อือลือท่านบอกว่าจะให้ชมทั้งบั้งไฟพญานาคเหมือนในน้ำ โขงที่มีลูกไฟสีแดงพุ่งขึ้นมาจากบึงโขงหลงอีกด้วย

สำหรับ นาค หรือ พญานาค เป็นความเชื่อของผู้คนในภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สันนิษฐานว่าต้นกำเนิดความเชื่อเรื่องพญานาคน่าจะมาจากอินเดีย ด้วยมีบันทึกและจารึกหลายเรื่องเล่าถึงพญานาค โดยเฉพาะใน มหากาพย์มหาภารตะ นาคถือว่าเป็นปรปักษ์ของ ครุฑ รวมทั้งในตำนานพุทธประวัติ ก็เล่าถึงพญานาคไว้หลายครั้งด้วยกัน

ลักษณะของพญานาคตามความเชื่อจะแตกต่างกันไป แต่พื้นฐานคือมีลักษณะตัวเป็นงูตัวใหญ่มีหงอนสีทองและตาสีแดง เกล็ดเหมือนปลามีหลายสีแตกต่างกันไปตามบารมี พญานาคตระกูลธรรมดาจะมีเศียรเดียว แต่ตระกูลที่สูงขึ้นไปนั้นจะมีสามเศียร ห้าเศียร เจ็ดเศียรและเก้าเศียร นาคจำพวกนี้จะสืบเชื้อสายมาจาก พญาอนันตนาคราช ผู้เป็นบัลลังก์ของพระวิษณุนารายณ์ ณ เกษียรสมุทร เล่ากันว่ามีร่างกายใหญ่โตมหึมามีความยาวไม่สิ้นสุด มีพันเศียร มีอิทธฤทธิ์มากสามารถบันดาลให้เกิดคุณและโทษได้ รวมทั้งแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้ด้วย

พญานาค ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าแห่งงู แต่ไม่สามารถบรรลุธรรมได้ อยู่สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา แบ่งเป็น 4 ตระกูลใหญ่ คือ ตระกูลวิรูปักษ์ พญานาคตระกูลสีทอง ตระกูลเอราปถ พญานาคตระกูลสีเขียว ตระกูลฉัพพยาปุตตะ พญานาคตระกูลสีรุ้ง และตระกูลกัณหาโคตมะ พญานาคตระกูลสีดำ ตามเรื่องเล่าพญานาคสามารถเกิดได้ทั้ง 4 แบบ คือ 1.แบบโอปปาติกะ (เกิดแล้วโตทันที) 2.แบบสังเสทชะ (เกิดจากเหงื่อไคล สิ่งหมักหมม) 3.แบบชลาพุชะ (เกิดจากครรภ์) และ 4.แบบอัณฑชะ (เกิดจากไข่)

ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็มีตำนานเรื่องพญานาคแพร่หลาย ชาวบ้านเชื่อกันว่าพญานาคอาศัยอยู่ในแม่น้ำโขง หรือเมืองบาดาล และมีความพยายามหาข้อมูลมายืนยันความเชื่อว่า มีคนเคยพบรอยพญานาคในวันออกพรรษาโดยจะมีลักษณะคล้ายรอยของงูขนาดใหญ่ รวมทั้งมีนักท่องเที่ยวสนใจไปเฝ้าชม บั้งไฟพญานาค ในช่วงเทศกาลออกพรรษาเป็นประจำทุกปี บริเวณจังหวัดที่ติดแม่น้ำโขง

ในพุทธประวัติก็มีเรื่องเกี่ยวกับพญานาค สมัยสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมแล้ว ได้เสด็จไปตามเมืองต่าง ๆ เพื่อแสดงธรรมเทศนา มีครั้งหนึ่งได้เสด็จออกจากร่มไม้อธุปปาลนิโครธไปยังร่มไม้จิก ทรงนั่งเสวยวิมุตติสุขอยู่ 7 วัน ระหว่างนั้นมีฝนตกพรำ ๆ และลมหนาวโชยพัดมาตลอด มีพญานาคชื่อ มุจลินท์ ศรัทธาแรงกล้า ม้วนลำตัวขด 7 รอบเป็นอาสนะและแผ่พังพานเป็น 7 เศียร ปกป้องพระผู้มีพระภาคเจ้าจากพายุฝนและลมมิให้ถูกพระวรกาย ความเชื่อดังกล่าวนี้เองเป็นต้นกำเนิดของพระพุทธรูปปางนาคปรก เนื่องจากมีความเชื่อว่า พญานาค คือผู้คุ้มครองปกป้องพระศาสดาแห่งศาสนาพุทธ เป็นต้น

อย่างไรก็ตามในอดีตมีพระสายวิปัสสนากรรมฐานหลายรูป ที่เคยกล่าวไว้เกี่ยวกับคุณวิเศษและความอัศจรรย์ของพญานาค และมีการสร้างรูปเคารพตามวัดต่าง ๆ มากมาย ทั้งบันไดนาค รูปปั้นพญานาค และมีการสร้างวัตถุมงคลที่เป็นพญานาคไว้มากมายด้วย เช่น หลวงปู่คำพันธ์ วัดธาตุมหาชัย อ.ปลาปาก จ.นครพนม อดีตพระเกจิชื่อดังฉายา เทพเจ้าแม่น้ำโขง ก็เคยสร้างวัตถุมงคล นาคเกี้ยวและเหรียญรุ่นอุดมความสุขปี 2540 ด้านข้างองค์หลวงปู่ก็เป็นรูปพญานาคคู่ ได้รับความนิยมกันมากในปัจจุบัน
-------------
ก็อปลิ้งนี้ไปวางครับ ชัดเจนดีมาก
//www.komchadluek.net/detail/20110714/103022/%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%B6%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B9%82%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%9A%E0%B8%B6%E0%B8%87%E0%B9%82%E0%B8%82%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%87.html

--------------------------------------------------------



--ที่บึงโขงหลง 13 มิย.2553

พญานาคกินน้ำ หรือ ปรากฏการณ์ มหัศจรรย์ ที่บึงโขงหลง
พญานาคกินน้ำ หรือ ปรากฏการณ์ มหัศจรรย์ ที่บึงโขงหลง ยังคงหาคำตอบไม่ได้ว่าสิ่งที่เห็นจะเป็น พญานาคกินน้ำ ที่ชาวบ้าน บึงโขงหลง จ.หนองคาย เชื่อว่าอย่างนั้นแต่บางคนก็ว่าอาจเป็น พายุงวงช้าง ปรากฏการณ์ ธรรมชาติ อันน่ามหัศจรรย์ แต่หากเป็นพายุทำไมไม่เคลื่อนที่ไป

ชาวบ้าน อ.บึงโขงหลง จ.หนองคาย ฮือฮาพายุหมุนงวงช้างที่เกิดขึ้นเมื่อหลายวันก่อนที่บึงโขงหลง โดยเชื่อว่าเป็นพญานาคออกมาเล่นน้ำ เพราะเกิดในขณะที่ไม่มีพายุ ไม่มีลมพัด และเชื่อว่าพญานาคออกมาเล่นน้ำเนื่องจากคนในหมู่บ้านช่วยกันจัดระเบียบของบึงใหม่ ให้มีความสะอาดเรียบร้อย โดยพายุหมุนดังกล่าวเกิดขึ้นประมาณ 10 นาที

อย่างไรก็ตาม ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผอ.ศูนย์เครือข่ายงานวิเคราะห์วิจัย และฝึกอบรมการเปลี่ยนแปลงของโลก แห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวถึงปรากฏการณ์พายุงวงช้างว่า ปรากฏการณ์ดังกล่าวส่วนใหญ่มักจะเกิดในน้ำ โดยเฉพาะในทะเลจะเห็นบ่อยกว่าในน้ำจืด สำหรับประเทศไทยเคยเกิดปรากฏการณ์นี้ขึ้น แต่ไม่บ่อยนัก และไม่เป็นอันตราย เพราะมีขนาด 1% ของพายุทอร์นาโด

ทั้งนี้ลักษณะการเกิด "พายุงวงช้าง" หรือ "นาคเล่นน้ำ" มี 2 แบบ ได้แก่

1. เป็นพายุทอร์นาโด ที่เกิดขึ้นเหนือผืนน้ำ (ซึ่งอาจจะเป็นทะเล ทะเลสาบ หรือแอ่งน้ำใดๆ) โดยพายุทอร์นาโดจะเกิดขึ้นระหว่างที่ฝนฟ้าคะนองอย่างหนัก เรียกว่า พายุฝนฟ้าคะนองแบบซูเปอร์เซลล์ (Supercell thunderstorm) และมีระบบอากาศหมุนวนที่เรียกว่า เมโซไซโคลน (Mesocyclone) จึงเรียกพายุนาคเล่นน้ำแบบนี้ว่า นาคเล่นน้ำที่เกิดจากทอร์นาโด (Tornado waterspout)

2. เกิดจากการที่มวลอากาศเย็น เคลื่อนผ่านเหนือผิวน้ำที่อุ่นกว่า โดยบริเวณใกล้ๆ ผิวน้ำมีความชื้นสูง และไม่ค่อยมีลมพัด (หรือถ้ามีก็พัดเบาๆ) ผลก็คืออากาศที่อยู่ติดกับผืนน้ำซึ่งอุ่นในบางบริเวณจะยกตัวขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง ทำให้อากาศโดยรอบไหลเข้ามาแทนที่ จากนั้นจึงพุ่งเป็นเกลียวขึ้นไป แบบนี้เรียกว่า "นาคเล่นน้ำ" (True waterspout) ซึ่งมักเกิดในช่วงอากาศดีพอสมควร (fair-weather waterspout) อาจเกิดได้บ่อย และประเภทเดียวกับกรณีที่เกิดขึ้นในประเทศไทย เนื่องจากในช่วงที่เกิดมักจะมีพายุฝนฟ้าคะนองร่วมอยู่ด้วย

แต่ความแตกต่างของ 2 แบบนี้ก็คือ นาคเล่นน้ำที่เกิดจากทอร์นาโดจะเริ่มจากอากาศหมุนวน (ในบริเวณเมฆฝนฟ้าคะนอง) แล้วหย่อนลำงวงลงมาแตะพื้น คืออากาศหมุนจากบนลงล่าง ส่วนนาคเล่นน้ำของแท้จะเริ่มจากอากาศหมุนวนบริเวณผิวพื้นน้ำ แล้วพุ่งขึ้นไป คืออากาศหมุนจากล่างขึ้นบน ในช่วงที่อากาศพุ่งขึ้นเป็นเกลียววนนี้ หากน้ำในอากาศยังอยู่ในรูปของไอน้ำ เราจะยังมองไม่เห็นอะไร แต่หากอากาศขยายตัวและเย็นตัวลงถึงจุดหนึ่ง ไอน้ำก็จะกลั่นตัวเป็นหยดน้ำจำนวนมาก ทำให้เราเห็นท่อหรือ "งวงช้าง" เชื่อมผืนน้ำและเมฆ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ "พายุงวงช้าง"

โดยส่วนใหญ่มีความยาวประมาณ 10 - 100 เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางมีตั้งแต่ 1 เมตร ไปจนถึงหลาย 10 เมตร โดยในพายุอาจมีท่อหมุนวนเพียงท่อเดียวหรือหลายท่อก็ได้ แต่ละท่อจะหมุนด้วยอัตราเร็วในช่วง 20-80 เมตรต่อวินาที กระแสลมในตัวพายุเร็วถึง 100 - 190 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และอาจสูงถึง 225 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งสามารถคว่ำเรือเล็กๆ ได้สบาย ดังนั้น ชาวเรือควรสังเกตทิศทางการเคลื่อนที่ให้ดี แล้วหนีไปในทิศตรงกันข้าม นอกจากนี้ พายุชนิดนี้ยังสามารถเคลื่อนที่ได้เร็วตั้งแต่ 3 - 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ส่วนใหญ่จะเคลื่อนที่ค่อนข้างช้าประมาณ 18 - 28 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทั้งนี้ พายุนี้มีอายุไม่ยืนยาวนัก คืออยู่ในช่วง 2 - 20 นาที จากนั้นก็จะสลายตัวไปในอากาศอย่างรวดเร็ว

------------------------------------------------------------

---------------------------------------------------------------------------
ข่าวสด 12 กค.54

ปัดพิสูจน์พญานาคบึงโขงหลง
------จากกรณี พ.ต.อ.ชยรพ สายจันยนต์ ผกก.สภ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ อ้างว่าสามารถสื่อสารกับพญานาค ซึ่งจะมาปรากฏกายให้เห็นบนหนองน้ำบึงโขงหลงจนเป็นที่ฮือฮาของชาวบ้าน กระทั่งพบสัตว์คล้ายงูใหญ่ลักษณะลำตัวสีดำ ยาว 8-10 เมตร ว่ายน้ำจากทิศใต้มาเหนือ โผล่มาให้เห็นห่างจากฝั่ง 200 เมตร นานประมาณ 2 นาทีจริง และพญานาคยังบอกผ่าน พ.ต.อ.ชยรพอีกว่า วันออกพรรษาปีนี้จะมาให้เห็นยิ่งใหญ่กว่าเดิมนั้น

ความคืบหน้า เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 11 ก.ค. พ.ต.อ.ชยรพเปิดเผยว่า ตนสามารถสื่อสารกับ "ปู่อือลือ" พญานาคแห่งบึงโขงหลงได้เฉพาะในเวลาหลับพักผ่อน และการมาปรากฏกายก็เพื่อต้องการบอกว่า อยากเห็นคนทำความดี มีความรักสามัคคีกัน ซึ่งยังขอให้ตนช่วยสร้างศาลและจัดพิธีบวงสรวงให้ทุกปี พร้อมกับสั่งให้ติดป้ายไว้ว่า ถ้าไม่เชื่อไม่เคารพก็ขออย่าลบหลู่ ส่วนจะมีนักวิทยาศาสตร์หรือใครมาขอพิสูจน์ข้อเท็จจริงว่าเป็นสัตว์อะไรแน่นั้นขอปฏิเสธและเห็นว่าไม่เหมาะสม ไม่เกิดประโยชน์กับใครเนื่องจากเป็นความเชื่อศรัทธาของสังคมท้องถิ่น ดังจะเห็นได้จากเรื่องราวบั้งไฟพญานาคที่ถูกมองว่าเกิดจากการสมมติ แต่จริงๆ แล้วไม่เป็นเช่นนั้น ส่วนเวลาที่จะปรากฏร่างให้ดูอีกเมื่อใดนั้นยังไม่กำหนด แต่ตนจะเรียนท่านปู่อีกทีก่อนว่ามีคนอยากเห็นท่านจะให้มาดูได้เมื่อใด แต่ที่แน่ๆ วันออกพรรษาจะมาปรากฏให้เห็นยิ่งใหญ่กว่านี้

ด้านพ.ต.ท.เขียว บารมี อดีตสารวัตรใหญ่ สภ.บึงโขงหลง หนึ่งในผู้ที่มีความเชื่อ กล่าวว่า ปู่อือลือเป็นพญานาคเจ้าเมืองรัตพานคร ที่ขึ้นกับเมืองหลวงที่อยู่ในน้ำโขง ตรงวัดอาฮงสิลาวาส ต.ไคสี อ.เมืองบึงกาฬ โดยมีเจ้านายใหญ่นามว่า พระเจ้าศรีสุทโท การมาปรากฏกายของพญานาคปู่อือลือครั้งนี้คงจะเป็นการอาศัยร่างของพ.ต.อ.ชยรพ เพื่อสื่อสารกับมนุษย์เท่านั้น ซึ่งคงไม่ได้ต้องการทำร้ายใคร แต่จะมาช่วยให้เมืองบึงโขงหลงเจริญขึ้น

-----------------------------------------------------------------------------
--ผมเคยอ่านที่มีคนทำบุญแล้วเอาเศษอาหารไปล้างลงแม่น้ำโขง พญานาค
ทำให้เกิดน้ำวนจนตลิ่งพัง พระท่านบอกว่าเสษพริกลงไปโดนพญานาคทำให้แสบร้อนมาก จึงสำแดงอิทธิฤทธิ์
---แต่มาวิเคราะห์เมื่อน้ำโขงแห้ง แทบไม่มิดหลังเท้า ไม่มีซากสาหร่าย
ที่จะเป็นเหตุของบั้งไฟพญานาค และไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆปรากฏ
---แสดงว่าพวกเขาอยู่อีกมิคิของเวลา-สถานที่อื่น และสามรถปรากฏเป็นร่างงูใหญ่ให้เห็นก็ได้ เรียกว่า--การหายตัวล่องหนและปรากฏกาย--dematerialization--materialization วึ่งเกินกว่าขอบเขตของวืทยาศาสตร์จะอธิบายได้----เดี๋ยวผู้เขียนจะหามาลงอีกนะครับ ตอนนี้มีข้อมูลแน่นๆ เรื่องของเหล็กไหล--เป็นธาตุที่ใกล้เคียงธอเรี่ยม และมีวิญญาณของสัตว์กึ่งเทพอยู่ในนั้นด้วย
---------------------------------------------------------------------


Create Date : 18 กรกฎาคม 2554
Last Update : 18 กรกฎาคม 2554 22:29:45 น. 5 comments
Counter : 5713 Pageviews.

 
อยากเห็นมากค่ะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 18 กรกฎาคม 2554 เวลา:16:09:07 น.  

 
เคยไปดูบั้งไฟพญานาคค่ะ เห็นจริงๆๆว่าขึ้นเป็นดวงไฟเลยง่ะ


โดย: kookai_baba วันที่: 18 กรกฎาคม 2554 เวลา:17:27:31 น.  

 
บุคคลที่สามารถติดต่อพวกนาคได้ เชื่อว่าเคยมีกรรมพัวพันกัน อาจเกิดเป็นนาคมาก่อน
--ตรงหนองคาย มีผู้บอกว่าเป็นวัง เมืองหลวงของพญานาค
และมีทางขึ้นอีกทางในเวียงจันทน์ แต่มีผู้มีบุญเสกของปิดทางไว้
---คนที่เกิดมาจากนาค จะสนใจพุทธศาสนามาก ชอบเล่นพวกวิทยุ อิเลคทรอนิกส์ เครื่องยนต์
---ผมำด้ไปพบหลวงปู่บุญเหลือที่หนองคาย ได้ร้องไห้ เมื่อท่านทัก และมีเทพทักว่า แต่ก่อนเกิดเป็นหลานปู่บุญเหลือในภพของนาค และรักผูกพันกันมากกับท่าน--ก็แปลกดีครับ
---แม้จะมีการใช้เครื่องมือสมัยใหม่บอกว่า บั้งไฟพญานาค คือกลุ่มแก๊สพวกฟอสฟอรัส แต่ก็ยังอธิบายเหตุผลไม่ได้ว่าทไมจึงเกิดในช่วงเดียวกันของทุกปี
---ช่วงก่อนมีสารฟอสฟอรัสขาว ไหลตามน้ำโขงมา ไม่มีใครทราบว่ามาอย่างไร เกิดมาจากไหน และเป็นสารที่ไวไฟมาก สามราถลุกใหม้ได้เอง
--แม่น้ำโขงมีปรากฏการ์ณ์ประหลาด บางปีมีคางคกจำนวนมากมาจากฝั่งลาว ลงไปในน้ำโขง บางปีมีตัวชีปะขาวหลายล้านตัวบินมาเล่นไฟแล้วก็ตาย มีหลักฐานหลายอย่าง เช่น หงอน เกล็ด พญานาคที่มีผู้เก็บไว้ ในขณะที่มี้พบเห็นตัว และร่องรอยการเลื้อยไปมา มีทุกปี แต่ให้เห็นจะๆ
ก้ไม่มีหรอก--เพราะว่า นาคแปลงร่างเป็นคนได้ เราเห็นก้ไม่รู้ว่าเป็นนาค ยกเว้นพระที่ท่านสำเร็จเป็นพระอริยะ


โดย: jesdath วันที่: 18 กรกฎาคม 2554 เวลา:21:22:36 น.  

 
อยากเห็นจัง


โดย: อะแฮ่ม IP: 125.25.95.171 วันที่: 1 สิงหาคม 2554 เวลา:11:37:22 น.  

 
ไม่ทราบว่ามีเรื่องเล่าเกี่ยวกับคนที่เกิดในคืนวันขึ้น15ค่ำเดือน11ปีมะโรงบ้างมั๊ยค่ะ พอดีรู้จักคนที่บังเอิญเกิดวันนี้จริงๆ


โดย: สอบถามเรื่องเล่า IP: 118.172.196.95 วันที่: 17 สิงหาคม 2554 เวลา:22:56:36 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jesdath
Location :
เชียงราย Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 35 คน [?]




Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
18 กรกฏาคม 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add jesdath's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.