ปัจจัยในการบรรลุธรรม
สวัสดีครับ เวลาเราป่วย การรักษาก็คือการทานยา หรือถ้าให้ดีก็ต้องหมั่นออกกำลังกาย ทานอาหารให้ถูกหลัก 5 หมู่ นี่เป็นความรู้พื้นฐานที่ ทั่วไปก็ทราบกันดีว่าการดูแลสุขภาพจริงแล้วไม่ยากเลยแต่เรามักจะเข้าใจอะไรผิด ๆ เช่น คิดว่าตัวเองไม่สวยก็ไปหาซื้อครีมตามตลาดนัด มาทาผิวทาหน้าให้มันเด้งขาวเนียนสวย แต่ว่าความจริงแล้วมันมีพิษร้ายแฝงอยู่แต่เราก็ฝืนใช้กันไปแบบผิด ๆ หน้าจึงเละในที่สุดแถมเสียเงินด้วย แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรื่องปัจจัยในการบรรลุธรรม ก็ต้องขอเรียนว่า ผมพยายามยกตัวอย่างให้ท่านเข้าใจโดยการเปรียบเทียบให้เห็น ภาพว่าการบรรลุธรรมนั้นไม่ยากเลยแต่เราต้องมีความเข้าใจว่า เราปฏิบัติกัน "ถูกต้องหรือไม่" มันก็เหมือนกับที่กล่าวมาในย่อหน้าแรกว่า เราเลี่ยง ไปหาครีมตลาดนัด เราเลี่ยงไปหายาหมอเถื่อนฉีดสารเข้าใบหน้า มันไม่ใช่ทางที่ถูกต้องหรอก ทางที่ถูกต้องในการปฏิบัติธรรมนั้นมีหลักอยู่ 5 ประการที่เรา ๆ ท่าน ๆ ต้องพึงรำลึกไว้เสมอ โดยการท่องให้ขึ้นใจว่า "ฉันยังพร่องข้อหนึ่งข้อใดหรือหลายข้อ" ดังต่อไปนี้
๑ ศรัทธา คือความเคารพนับถือในพระรัตนตรัยเป็นที่มั่น เป็นเสาหลัก ในใจเราต้องตั้งมั่นเสมอว่า ในชีวิตนี้ไม่มีอะไรล้างศรัทธาของเราที่มีต่อพระ รัตนตรัยได้ ศรัทธาไม่ใช่ความเชื่อนะครับ แต่เป็นสภาพจิตที่ยินดียอมรับเข้าไปในกระแสของจิต ความแตกต่างระหว่างศรัทธาและความเชื่อคือ เมื่อเราเกิดศรัทธา เราจะสามารถรับรู้พลังของคำว่าศรัทธา มันจะรู้สึกอิ่มเอิบ ใจมันดีมันสุขเมื่อมีศรัทธา แต่เมื่อเราเกิดความเชื่อ มันก็เพียงเชื่อในเหตุและผลเป็นต้น แต่มิได้มีพลังสัมผัสใด ๆ เกิดขึ้นเหมือนคำว่า ศรัทธา การแก้ไขเมื่อขาดศรัทธา เราต้องสมาทานศีลและเปิดใจยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น โดยการวางความคิดเราให้เป็นกลาง พยายามศึกษาประวัติของพระพุทธเจ้า ของพระสาวก พระอรหันต์ เช่นประวัติของหลวงปู่มั่นเป็นต้น เราจะเกิดศรัทธาขึ้นครับ
๒ วิริยะ คือ ความหมั่นเพียรเพื่อให้ได้ถึงเป้าหมาย แต่คนส่วนใหญ่ไปไม่ถึงดวงดาวเพราะขาดความเคล็ดลับวิธีการเสริมความเพียร ผมว่าการที่เราฝึกให้เป็นรูปแบบอย่างที่หลวงพ่อปราโมทย์ท่านเน้น จะช่วยในเรื่องของการเพิ่มวิริยะได้ เช่นเรากำหนดเป็นตารางเวลาเลยว่า ในทุก ๆ วัน ก่อนนอนหลังจากที่สมาทานศีล ให้เรานับลมหายใจไปจนกว่าดวงจิตจะหลับลงไป คือให้คำมั่นสัญญาว่าจะทำอย่างนี้ทุกวัน นี่แหละการฝึกให้เป็นรูปแบบอย่างง่าย การฝึกแบบนี้ ถ้าเราผ่านขั้นตอนเบื้องต้นไปได้แล้ว อานิสงส์ของศีลที่เราสมาทานไว้จะส่งผลให้เรามีความตั้งมั่นขึ้นด้วยครับ
๓ สติ คือ การระลึกรู้กาย เวทนา จิต ธรรม ที่แปลเปลี่ยนไปทุก ๆ ขณะจิต หรือการฝึกเจริญมหาสติปัฏฐานสี่นั่นเอง สำหรับส่วนตัวผม ๆ ถนัดการตามดูรู้จิตของผมเอง ผมถนัดเพียงหนึ่งอย่าง แต่ก็ส่งผลให้ชีวิตเปลี่ยนไปมากมาย ความเลวในตัวถูกฆ่าแบบถอนรากถอนโคนมิใช่เพียงการหยุดกิเลสเพียงครั้งคราว ดังนั้นใครที่ขาดสติ ต้องเพียรเจริญสมาธิเพื่อเป็นการแก้ไข ให้เจริญสมถะกรรมฐาน คือการภาวนาให้ได้อารมณ์เดียว อาทิเช่น เมื่อเรานั่งสมาธิแล้ว เรากำหนดอยู่กับคำภาวนาว่า"พุทโธ" อย่างนี้เป็นการฝึกเลี้ยง ฝึกกล่อมจิตจนมันเชื่อง อย่าลืม จิตไม่ใช่ของเรา มันจึงไม่เชื่อเรา จะสั่งให้มันหยุดคิด มันก็ไม่หยุด แต่พระพุทธเจ้าท่านสอนเราทำสมาธิก็เพื่อแก้ไขสิ่งนี้แหละครับ เมื่อเรามีพื้นฐานของสมาธิตรงนี้ดีแล้ว เราจึงไปเจริญมหาสติปัฏฐานสี่ต่อไปเพื่อการเฝ้ารู้ดูกายใจเคลื่อน ข้อนี้ผมถนัดปฏิบัติครับ
๔ สมาธิ คือ ความตั้งมั่นของจิตใจที่เรา ๆ ท่าน ๆ ต้องเริ่มต้นฝึกจากสมถะกรรมฐาน คือการอยู่กับคำภาวนาให้ได้อารมณ์เดียว แต่จริตแต่ละคนไม่เหมือนกัน อย่าเอาของใครมาพยายามทำจนเครียด อย่างผมไม่ถนัดอยู่กับคำว่ายุบ พอง แต่ผมถนัดการนับตัวเลข หายใจเข้านับหนึ่ง ออกนับหนึ่ง เข้านับสอง ออกนับสอง นับไปเป็นคู่เรื่อย ๆ หลังจากที่จิตเราตั้งมั่นแล้ว เราจึงค่อยเริ่มการวิปัสนากรรมฐานต่อไป เพื่อให้ได้ซึ่งปัญญา แต่ผมขอโน๊ตให้ท่านทั้งหลายจดจำคำของผมไว้นะครับว่า "อย่าเฝ้ามองว่าปัญญาฉันเกิดแล้วหรือยัง" เพราะนี่คือความปรุงแต่ง ถ้าท่านคิดแบบนี้ ประเดี๋ยวจะมีปัญหาตามมาคือ เราจะไปไม่ถึงฝั่ง เพราะมั่วแต่หลงตัวว่าได้ปัญญาแล้ว อันนี้ห้ามคิดเลย เพราะเวลาปัญญาเขาเกิดจริง ๆ นั้นเขาไม่เกิดให้เห็นทีละอย่าง แต่มันจะสว่างหมดเลย มันจะพลิกจิตให้เราหลุดพ้นจากความเขลาและจะมองเห็นความจริงตามธรรมชาติได้อย่างลึกซึ้งครับ อย่างไรก็ตาม ผมมีเคล็ดลับคือ ให้ท่านปฏิบัติอย่างเป็นรูปแบบทุกวัน แต่วันละ 3-5 นาทีเท่านั้น นั่งหลังจากสมาทานศีลและขอพระกรรมฐานด้วยนะครับ
๕ ปัญญา ความเข้าใจในความเป็นไปทางธรรมนั้น ถ้าท่านคิดว่าท่านขาดปัญญาในทางธรรม ก็ไม่ยาก ให้ท่านพยายามเปิดคลิ๊ปดูพระอาจารย์ที่สอนเก่ง ๆ ที่ท่านถูกจริต สอนแล้วเข้าใจง่าย เพราะพระท่านเก่งกว่าเรามาก ความรู้ของท่านจะเปิดทางลัดให้เราเข้าใจได้ง่ายขึ้น เช่นทานสอนว่า เราจะนั่งสมาธิอย่างไร เราก็ต้องลองว่าไปตามท่าน มิใช่รู้เพียงนิดหน่อยแล้วมานั่งเลย มันผิดครับ แบบนี้คนหลงทางกันมาก การปฏิบัติผมพูดเสมอว่าไม่ใช่เรื่องง่าย คนอยากปฏิบัติมีมาก แต่ปฏิบัติผิดกันเยอะเหลือเกิน ดังนั้น หาพระเก่ง ๆ มีเยอะครับ แต่ถ้าหากไม่รู้ มาเลยกดเบอร์นี้ 086-0554888 ผมจะช่วยให้ท่านเคลียร์กับสิ่งที่ท่านคลางแคลงใจในการปฏิบัติครับ
ขอให้ทุกคนวิเคราะห์ดูว่าเราขาดข้อไหน ให้เราไปเสริมเติมข้อนั้นให้บารมีมันเต็มไปแต่ละข้อ นี่แหละเอาว่าสรุปกันจะได้ทราบว่าเราหลงอยู่ตรงไหนบ้างครับ ขอบคุณข้อเขียนดีๆจากคุณเด็กวัด-- ลิ้งค์หัวข้อ: //www.banloktip.com/webboard/index.php?topic=2671 โทร : 086-055 4888 (หนิง - เด็กวัด) email : dekwad999@gmail.com FB : ณัฐภูเบศร์ เมธีรัตน์วรากร
Create Date : 14 ธันวาคม 2556 |
Last Update : 14 ธันวาคม 2556 19:05:16 น. |
|
3 comments
|
Counter : 1570 Pageviews. |
|
|
|