โหรชี้รัฐทำหน้าที่ถึงต้น54.โสรัจจะทายเสียว-ปี54

โหรวารินทร์ ชี้รัฐทำหน้าที่ถึงต้นปี 54.

เปิดอ่าน 5,224 ความคิดเห็น 17

โหรดัง "อ.วารินทร์" ทำนาย จะไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นกับประเทศอีกแล้ว พร้อมชี้รัฐบาลจะทำหน้าที่ถึงต้นปี 54

อ.วารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ โหรดังศิษย์หลวงปู่เกวาลัน สำนักสุขิโต พร้อมลูกศิษย์ร่วมกันประกอบพิธีมหาพุทธาภิเษก สังเวชนียสถาน ควงพระเจ้าล้านนา ปากทางเข้า อ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ซึ่งจัดสร้างขึ้นเพื่อเป็นอานิสงส์ให้เกิดความสงบสุขในบ้านเมือง ก่อนที่พรุ่งนี้จะประกอบพิธีทำบุญ เนื่องในวันเข้าพรรษา ซึ่งจัดเป็นประจำทุกปี อย่างไรก็ตาม อ.วารินทร์ ได้กล่าวถึง สถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันว่า จะไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นอีกแล้ว และรัฐบาลชุดปัจจุบันจะทำหน้าที่ต่อไปอีกระยะจนถึงต้นปี 2554


โสรัจจะ"ทายเสียว!ปี54 "หายนะ"กว่าปีนี้ ไทยมีสิทธิ"สิ้นแผ่นดิน?" โลกวิปริตอาเพศใหญ่หลวง ตายเป็นเบือวันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2553 เวลา 13:09:40 น.


กลายเป็นที่ฮือฮาทั่วบ้านทั่วเมือง เมื่อ คำพยากรณ์ที่บ่งบอกความ "หายนะ" หลากหลายด้านในประเทศไทย ของ "โสรัจจะ นวลอยู่" อีกหนึ่งสุดยอดโหราจารย์ชื่อก้อง ที่เปรียบดั่ง "นอสตราดามุสเมืองไทย"

ในหนังสือดัง "ศาสตร์แห่งโหร 2553" ได้เกิดเหตุการณ์วิกฤต และความวิปโยคอย่างค่อนข้างแม่นยำและใกล้เคียง จนน่าสะพรึงกลัว ไม่ว่าจะเป็น เหตุวุ่นวายทางด้านการเมืองที่ถึงขั้นนองเลือด สูญเสียชีวิตประชาชนไปเป็นจำนวนไม่น้อย เมื่อช่วงเดือนเมษายน-พฤาภาคมที่ผ่านมา ที่ "คนไทยแตกความสามัคคี" ถึงขั้นเผาบ้านเผาเมือง การตายหมู่จากเครื่องบิน รถยนต์ ฯลฯ และที่กำลังเกิดขึ้นอยู่สดๆ ร้อนๆ คือ มหันตภัยน้ำท่วมในพื้นที่ภาคเหนือ กลาง อีสาน และกำลังใกล้เข้าสู่กรุงเทพฯ ขึ้นทุกที สร้างความเดือดร้อน และยัดเยียดความทุกข์ยากให้กับราษฎรไปทุกหย่อมหญ้า

พยากรณ์ดวงเมือง ประจำปีเถาะ พ.ศ. 2554 ในหนังสือ ศาสตร์แห่งโหร ฉบับพิเศษ รู้ทันดวงกับโหรดัง 2554 คราวนี้ โสรัจจะ ก็ได้เขียนคำทำนายชะตากรรม ของโลก มวลมนุษยชาติ และชาติไทย ที่ต้องเผชิญวิปริตอาเพศซึ่งมีมากกว่าปีที่ผ่านมาว่า อย่างใหญ่หลวง ดั่งไฟนรกโลกันต์ลามเลียให้วอดวาย ฉิบหายกันถ้วนหน้าไม่แพ้ ปีเสือบ้าเลือดเช่นกัน

บางส่วนจาก หนังสือ ศาสตร์แห่งโหร 2554 โสรัจจะ ระบุคำพพยากรณ์ดวงเมือง(ไทย)ไว้ว่า ดาวสีเลือดได้รับแสงจากดวงมฤตยูในช่วงเดือนมีนาคม 2554 เป็นดาวปฏิวัตินองเลือดในมุมร่วมธาตุ ย่อมเกิดสภาพการเดิอดพลุ่งพล่านไม่สงบ เดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า เกิดศึกสงครามทั้งภายในและภายนอก เกิดความยุ่งยากทางการเมืองขนาดหนัก แต่ยังน้อยกว่า มหันตภัยที่สุดมหาหฤโหดไปทั่วโลก ซึ่งจะทำให้โลกเปลี่ยนแปลงไปรวดเร็วทุกสิ่งอย่างไม่เหมือนเดิม...

"น้ำในแม่น้ำและคลองทั้งปวงจะแดงเป็นโลหิต เมฆและท้องฟ้าจะแดงเป็นแสงไฟ แผ่นดินไหวสั่นสะเทือน ฤดูหนาวจะเป็นฤดูร้อน ที่ลุ่มจะกลับดอน ที่ดอนจะกลับลุ่ม โรคภัยจะเบียดเบียนสัตว์และมนุษย์ทั้งปวง มนุษย์หนึ่งในสี่ของโลกจะพลันตายลง จะเกิดข้าวยากหมากแพง ฝูงมนุษย์จะอดอยาก เสื้อเมืองทรงทรงเมืองจะหลีกเลี่ยง"

ในอนาคตไม่กี่ปีข้างหน้า กรุงเทพฯ และทั่วทุกภาคทุกจังหวัดจะถูกน้ำท่วมไปหมด ที่เกิดจากน้ำทะเลไหลทะลักเข้ามา และเกิดจากอุทกภัยอีกหลายครั้งจนต้องอพยพผู้คนหนีน้ำขึ้นเหนือไปเรื่อยๆ เกือบสุดเขตแดนไทย เมื่อนั้นคนไทยก็คงไร้สิ้นแผ่นดินได้?


จะเกิดโรคระบาดครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 100 ปี "ไข้หวัดนก" หรือไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ที่พัฒนาตนเองแพร่จากสัตว์มาสู่คนและคนนำพาให้คนเสียชีวิตจำนวนมาก เชื้อโรคจะแพร่ขยายทางอากาศไม่มีอะไรมาหยุดยั้งเชื้อนรกนี้ได้

ปลายเดือนธันวาคม พระเสาร์ย้ายเข้าเล็งดวงเมืองทำให้บางประเทศหนาวเย็นจนอยู่ไม่ได้ ผู้คนล้มตายมาก เมืองไทยจะเกิดอากาศร้อนจัดและหนาวจัดในเดือนเดียวกัน วิกฤตสุดรอบ 1,000ปี กรุงเทพฯจะมีหิมะตก...

ปีเถาะ 2554 เป็นปีที่ต้องต่อสู้กันทรหด ทั้งการเมืองและเศรษฐกิจ ใครก็ตามที่เป็นรัฐบาลต้องเผชิญวิกฤตการณ์รุนแรงที่สุด ฝ่ายค้านจะแย่งอำนาจ คนในเครื่องแบบจะรอให้ทั้งสองฝ่ายเพลี่ยงพล้ำลง ส่วนประชาชนตาดำๆ และยากจนก็จะหวาดผวา ปัญหาคอร์รัปชั่นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ต้นปี ถึงขนาดรัฐบาลต้องมีอันเป็นไป


...เหตุการณ์ของประเทศจะพลิกผันอย่างที่ไม่เคยเห็น และจะเกิดความว่างเปล่า ไม่มีนักการเมืองพรรคใดหลงเหลืออยู่ ระบบพรรคการเมืองจะสูญสิ้นไปจากประวัติศาสตร์การเมืองไทย



ผู้เป็นใหญ่และผู้คนสำคัญจะร่วงหล่นกันมาก อำนาจเก่าๆ ของคนเก่าๆ เสื่อมถอย จะมีเหตุการณ์นองเลือดรุนแรงเกิดขึ้น ประมาทมิได้ กลุ่มชน ฝูงชน อาจจะเคลื่อนไหวด้วยการสนับสนุนของผู้มีอำนาจเก่าอย่างเร้นลับ


"นักการเมืองชั่วพึงระวังเอาไว้ ถึงเวลานั้นประชาชนอาจลุกฮือขึ้นมาฆ่าเองโดยไม่แคร์ขื่อแปบ้านเมือง ดวงของบ้านเมืองใกล้ถึงจุดนี้แล้ว ..."


ดาวอังคารสีเลือดย้ายเข้าสู่ราศีมีน เล็งดาวพระเสาร์ เดือนมีนาคมและเดือนเมษายน ปี 55 จะมีลางร้ายบอกเหตุล่วงหน้า การเมืองรุนแรงเหมือนพายเรือในอ่าง วนเวียนซ้ำไปมาเหมือนปีก่อนๆ ประชาชนชุมนุมเป็นเรือนแสนตามท้องถนน เกิดขึ้นจากความโกรธแค้นและรู้ทันความเคลือบแคลงของรัฐบาล ซ้ำยังเกิดจลาจลเผาเมือง สถานที่สำคัญต่างๆ ของรัฐบาล รถถัง รถปราบจลาจล ทั้งในกรุงเทพฯและปริมณฑล ถูกเผายับเยิน ผู้คนล้มตายมหาศาล ผ่านไปหลายเดือนกว่าจะสงบ คนในเครื่องแบบแตกแยก เกิดเป็นสงครามกลางเมือง เลือดไทยต้องไหลรินนองแผ่นดิน เป็นหนทางสู่ "ปฏิวัติรัฐประหาร"ใหญ่อีกครั้งเรียกว่า เหตุร้ายหนักกว่า ในเดือนพ.ค. 53


เดือน ก.ค. ความสัมพันธ์ประเทศเพื่อนบ้านเข้าสู่ภาววะยุ่งเหยิง ขอให้ทุกฝ่ายสมานสามัคคี อย่าแตกแยกไม่งั้นศัตรู ซึ่งเป็นหอกข้างแคร่ จะหาโอกาสจ้องทำลาย แต่ถ้ามีเหตุรุนแรงไทยจะไม่เสียเอกราชแน่ แต่จะเสียเลือดเนื้อไปมาก


ด้านเศรษฐกิจ เรียกว่าเป็นปีหายนะทางด้านเศรษฐกิจอย่างแท้จริง ยังไม่สามารถแก้ไขให้ดีขึ้น ประชาชนเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า ธนาคารแต่ละแห่งแตกแยกหนัก ทั้งเล็กใหญ่ปิดตัว หุ้นร่วงตลอดปี


ปัญหาภาคใต้ยังยิง-ลอบวางระเบิดไม่หยุด สหประชาชาติสะเทือน ผู้ก่อการร้ายใช้อาวุธมีอานุภาพสูงจากภายนอกเข้ามาประกาศแบ่งแยกดินแดน ดวงผู้นำประเทศอ่อนแรง เป็นช่องให้ถูกทำร้าย.......


ขณะที่ กรหริศ บัวสรวง ผู้อำนวยการสถาบันพยากรณ์องค์รวม ซึ่งเคยพยากรณ์ นักการเมืองถูกฟ้องร้องเป็นคดีความ บุคคลสำคัญทางการเมืองถูกลอบทำร้าย สภาผู้แทนกลายเป็นเวทีแห่งความขัดแย้ง วงการบันเทิงดารา นักร้อง นักแสดงชื่อดังจะเสียชื่อเสียง ไปเมื่อ ปี 53 ที่ผ่านมา จนเป็นที่กล่าวขานไปเช่นกัน ก็ทำนายสถานการณ์ต่างๆ ในปี 2554 เช่นกันว่า ปีนี้ เปรียบเหมือนเป็น กระต่ายที่ตื่นเต้นลุกลี้ลุกลน เป็นจุดหัวเลี้ยวหัวต่อของดวงเมืองซึ่งแย่งชิงอำนาจกันไม่ลดละ ถือเป็นอันตรายในระบอบประชาธิปไตย ดวงเมืองจะสงบสุขร่มเย็นแค่ 5 เดือนเท่านั้น พร้อมกับเตือนรัฐบาล ภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่า ถ้าไม่สามารถเข้าถึงคนไทยส่วนใหญ่ได้ โอกาสการก้าวสู่สิ่งที่ดีในอนาคตอาจหลุดลอยไป

ขณะที่นักการเมืองที่สร้างความอัปยศ สร้างความเสียหายให้กับบ้านเมืองจะพลาดโอกาสได้รับการเลือกตั้ง แต่คนที่มีคุณธรรม จริญธรรมมีโอกาสก้าวเข้ามาเป็นผู้นำคนใหม่ได้สูง ส่วนเหตุการณ์ไม่ปกติ วุ่นวาย จะอยู่ในระหว่างเดือนกันยายนถึงตุลาคม เกษตรกร หรือผู้ใช้แรงงานอาจมาชุมนุมประท้วง วงการทหาร ตำรวจเกิดความขัดแย้ง


กรหริศ ทำนายภาพรวมเศรษฐกิจใน ปี 54 ว่า การลงทุนดีเกือบตลอดทั้งปี แต่ภาคอุตสาหกรรมต้องแบกรับภาระ ปชช.เดือดร้อน แต่ธุรกิจประเภทการสื่อสารทุกประเภท ทั้งโทรศัพท์ โทรทัศน์ผ่านดาวเทียม สังคมออนไลน์ จะมีการแข่งจขันสูง การท่องเที่ยวโกยผลกำไร อหังสาริมทรัพย์ขยายตัว คนกทม.เล็งหาที่อยู่ใหม่หลีกปัญหาน้ำท่วมใหญ่ในอนาคต เด็กและเยาวชนส่วนใหญ่จะหันมาทำความดี คนในสังคมร่วมกิจกรรมจิตอาสามากขึ้น แต่ในปลายปีอาจมีความเศร้าโศก สะเทือนใจจากการจากไปของบุคคลสำคัญ...


นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งของ "ศาสตร์แห่งโหร 2554" ที่รวบรวมคำทำนาย ของ โสรัจจะ และ กรหริศ ในการลำเลียงคำพยากรณ์มาให้ผู้อ่านรับรู้ความเป็นไปเรื่องราวที่น่าสนใจอย่างรอบด้าน ในการไขความลับแห่งโชคชะตา โดยสุดยอดโหราจารย์ที่มีเชื่อเสียงที่ได้รับความเชื่อถือมาตลอด 30 ปี นอกจากนี้ ยังมีคำพยากรณ์ของ ทั้ง หมอทรัพย์ สวนพลู อ.จุฑามาศ ณ สงขลา และปรมาจารย์แห่งโหรชื่อดังอีกหลายท่าน รวบรวมอยู่ในหนังสือเล่มดังกล่าวด้วย เพื่อให้รู้ทันดวงชะตาของ ทั้งโลก เมือง และของตัวเอง ตลอดปี 2554 นี้ ทั้งเรื่องเล็กเรื่องใหญ่

หลายคนอาจไม่เชื่อเรื่องคำทำนาย ทายทัก แต่ถ้าเราได้รับรู้เพื่อเตรียมตัว ในการรับมือ และป้องกันสิ่งต่างๆ ได้ ก็จะทำให้ไม่ประมาทในการดำรงชีวิตที่อาจทำให้เราหมดหวัง หดหู่ แต่สุดท้ายแล้ว ทุกคนต้อง "ก้าวไปข้างหน้า"อย่างมี "ความหวัง"กันต่อไป


นอสตราดามุสเมืองไทย" พยากรณ์ดวงปี 53 ชี้การเมืองวุ่นวาย ใต้ยุ่งเหยิง มีภัยสึนามิ เขื่อนแตก หิมะตก วันที่ 01 มกราคม พ.ศ. 2553 เวลา 09:30:07 น. โสรัจจะ นวลอยู่

--------------------------------------------------------------------------

โหรดัง"ชี้คนไทยใจเย็นๆการเมืองวุ่นอีก 2 ปี กลั้นใจรอปี 2555 เศรษฐกิจรุ่งเรือง ลุยได้เต็มที่!!!วันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2553 เวลา 19:51:54 น.

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 26 สิงหาคม ที่โรงแรมฮอลิเดย์อินน์ สีลม นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในการเปิดสัมมนาทางวิชาการด้านโหราศาสตร์ระหว่างประเทศ ไทย – อินเดีย โดยนายภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ และประธานสภาโหราจารย์ กล่าวถึงดวงเมืองของประเทศไทย ว่า ขณะนี้ ดวงเมืองมีพระเคราะห์สำคัญ ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งดาวอังคารกับดาวเสาร์ ซึ่งในส่วนของดาวอังคาร เป็นดาวประจำราศีของดวงเมือง และดาวเสาร์ เป็นเจ้าเรือนกรรมมะ หมายถึงการบริหารราชการแผ่นดิน ตอนนี้อยู่ในภพอริ หมายถึงมีอุปสรรค ปัญหาซึ่งจะต้องต่อสู้ แก้ไข กับปัญหานานาชนิด เพราะฉะนั้น ใครที่จะมาเป็นรัฐบาล ก็ต้องอดทด ต่อสู้แก้ไขกับอุปสรรค

นายภิญโญ กล่าวว่า ช่วงดาวเสาร์ โคจรอยู่ตรงนี้ จะยาวนานไปถึงปี 2555 ดวงเมืองก็ยังจะต้องมีปัญหาวุ่นวายไปอีก 2 ปี แต่ยังมีดาวที่ให้คุณ คือดาวพฤหัส ที่จะโคจรเข้าสู่ราศีเมษ ในเดือน พ.ค.ปีหน้า ก็จะไปทับลักขณากำเนิดของดวงเมือง และไปทับอาทิตย์ เหตุการณ์ทางการเมืองก็น่าจะดีขึ้น เพราะในตำราดาวพฤหัสกับอาทิตย์ เป็นคู่มิตรกัน หมายถึงเรื่องของชื่อเสียง ผลประโยชน์ แต่ก็ยังมีดาวที่ให้โทษคงอยู่ด้วย โดยมองว่า ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองและความแตกแยกทางสังคมยังคงมีอยู่ต่อไปจนถึงปี 2555 เพราะฉะนั้น ก็ต้องประสานกันหน่อย และระมัดระวังไม่ให้เกิดความรุนแรงจนถึงขั้นนองเลือด เพราะดาวนพเคราะห์กำลังบีบอยู่ ตอนนี้จะเห็นว่าดาวเสาร์อยู่ตรงราศีกันต์กุมกับดาวอาคาร ราหูอยู่ตรงราศีคนยิงธนู อีกไม่นานราหูก็จะเคลื่อนไปราศีพฤศจิก ในเดือนพ.ค.ปีหน้า ก็จะทำมุมปลายหอก ไปสู่ดวงเมือง เพราะฉะนั้นแม้ว่าดาวพฤหัสจะให้คุณ แต่ดาวให้โทษก็ยังคงให้โทษอยู่เช่นกัน ดังนั้น ต้องประคับประคองให้ดี

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีวิธีแก้ปัญหาความขัดแย้ง ความรุนแรงทางโหราศาสตร์ ได้อย่างไร นายภิญโญ กล่าวว่า อยู่ที่คน คือดวงดาว ก็คือดวงดาวบนฟากฟ้า แต่คนต้องมีจิตสำนึก เพราะฉะนั้น การแก้ไขต้องแก้ที่ตัวคน ส่วนดวงดาวเราใช้เป็นเครื่องมือในการพยากรณ์เท่านั้นเอง ถ้าคนรู้สำนึก มีจิตที่ดี และเปลี่ยนเงื่อนไข ที่เห็นว่า นำไปสู่แนวทางที่ไม่ดี ก็ให้ปรับเงื่อนไขที่จะนำไปสู่ทิศทางที่ดี ก็จะช่วยประคับประคองให้การเมืองไทยดีขึ้น


ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้มีการวิเคราะห์ดวงของผู้นำประเทศ อย่างดวงของนายกรัฐมนตรี หรือไม่ นายภิญโญ กล่าวว่า ดวงของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ลักขณาอยู่ราศีกรกฎ มีอาทิตย์คุมอยู่ ท่านผ่านวิกฤติมาตอนดาวอังคาร อยู่ราศีกรกฎ ซึ่งก็ผ่านมาแล้ว ขณะนี้ระมัดระวังอย่างเดียว คือ เรื่องความปลอดภัย ส่วนนายกรัฐมนตรีจะอยู่จนครบวาระหรือเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองหรือไม่ นายภิญโญ ทำนายว่า รัฐบาลคงจะอยู่ได้อีกสักพัก เพราะหากดวงดาวเคลื่อน เหตุการณ์ต่าง ๆ ก็จะเคลื่อนตามไปด้วย

ขณะที่ นายภาณุวัฒน์ พันธุ์วิชาติกุล ผู้อำนวยการสถาบันศาสตร์แห่งชาติ แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีขาล ธาตุทอง เป็นปีเสือดุ แต่ดุอย่างมีคุณธรรม เพราะฉะนั้น ใครทำอะไรที่ไม่ดี ก็มักจะถูกตอบสนองอย่างรวดเร็วในแง่ของดวงชะตาแต่ละบุคคล จะเห็นว่าดวงเมืองจากที่วิเคราะห์ตั้งแต่ต้นปีว่าจะเกิดอะไรขึ้น ในแต่ละเดือน ซึ่งในเดือนสิงหาคม ถือว่าเป็นเดือนวอก เป็นเดือนแห่งความวุ่นวาย จุกจิก ข่าวลือ ออกมาวุ่นวายหนัก พอเดือนกันยายน ก็จะเป็นเรื่องของผลประโยชน์ การรับปากอะไรต่าง ๆ แล้วไม่ได้ทำตามที่ตกลงไว้ ก็จะมาก่อความปั่นป่วน ทั้งในส่วนของข้าราชการ หรือนักธุรกิจ ที่ไม่สามารถ ทำตามได้ ก็จะโยงไปถึงเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นเดือน 9 ซึ่งเป็นดวงที่วุ่นวายกับพวกผู้ชายโดยเฉพาะ สังเกตดูจะมีปัญหาทั้งเดือนตุลาคม และพฤษภาคม ซึ่งถือเป็นเดือน 3 เดือน 6 เดือน 9 ของคนจีน ประกอบกับเดือนตุลาคม คนจีนเชื่อว่า เป็นดวงจอ เป็นธาตุไฟ

สำหรับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นปีมะโรง ธาตุไม้ พอธาตุไม้ แต่เดือนจอชง กับมะโรง และเป็นธาตุไฟที่เผาธาตุไม้ และช่วงอายุของนายกรัฐมนตรี ก็อยู่ในช่วงเคราะห์ด้วย ควบคู่ไปกับการเจอเดือนที่ไม่ดี ก็จะประสบปัญหาหลายด้าน เพราะฉะนั้น เดือนตุลาคม จะเป็นเดือนที่หนักที่สุดของตัวนายกรัฐมนตรี ที่ดูแลรัฐบาลอยู่ พอแกนนำรัฐบาลมีปัญหาก็จะนำไปสู่คนอื่น ๆ เพราะฉะนั้นถ้าจะทำอะไรอยู่ก็ต้องระวัง เช่น ถ้ารับผิดชอบภาระบ้านเมืองก็จะมีเรื่องปั่นป่วนเกิดขึ้น ถึงขั้นอาจจะมีเรื่องของอาวุธ ระเบิด ปืนไฟ มาสร้างปัญหากับบ้านเมือง โยงไปถึงขั้นบุคคลในเครื่องแบบ ทั้งทหาร ตำรวจ จะต้องออกมาดูแลบ้านเมือง และหากหนัก ๆ ก็อาจถึงขั้นต้องเสียเลือดเสียเนื้อ และสุดท้ายอาจจะมีการรัฐประหารเกิดขึ้นในปลายปีนี้ ก็อยากให้ระมัดระวังในเรื่องนี้

นายภาณุวัฒน์ กล่าวว่า แนวทางการแก้ไขปัญหาในมุมมองด้านโหราศาสตร์ เห็นว่า การเอาน้ำเย็นเข้าลูบไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาได้ ควรจะต้องอดทนใจเย็น ในลักษณะเอาน้ำแข็งเข้านาบ รวมทั้ง ต้องหาบุคคลที่มีความสามารถ ความพร้อมที่จะประสาน 10 ทิศ คุยทุกฝ่ายได้มาช่วยเจรจา รวมทั้ง ผู้นำต้องเบรกตัวเอง ไม่ว่าจะ


ผู้สื่อข่าวถามว่า หากวิเคราะห์ดวงเมืองแล้วช่วงเวลาไหนบ้านเมืองจะดีขึ้น จนเป็นปกติ นายภาณุวัฒน์ กล่าวว่า ปีหน้าเป็นปีกระต่าย 2554 ธาตุทอง เป็นปีแห่งคุณธรรม ปีแห่งการเจรจา ซึ่งเป็นปีแห่งการประนีประนอม ทั้งเสื้อเหลือง เสื้อแดง รัฐบาล ฝ่ายค้าน ฝ่ายแค้น ฝ่ายเคือง ปัญหาก็จะคลี่คลายไปได้ในระดับหนึ่ง ขณะที่ เศรษฐกิจ ของไทย ในปี 2555 ซึ่งเป็นปีมังกร ธาตุน้ำ เศรษฐกิจ การเงิน ทุกอย่าง จะเคลื่อนตัวไปสู่ทิศทางที่ดีขึ้น เศรษฐกิจจะรุ่งเรือง ช่วงนั้นลุยได้เต็มที่ ใครจะทำอะไรก็ได้ จึงขอให้ใจเย็น ๆ


ผู้สื่อข่าวถามว่า ช่วงนั้นผู้นำประเทศยังเป็นคนเดิมหรือไม่ นายภาณุวัฒน์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่ว่ากับว่าผู้นำประเทศจะฟันฝ่าปัญหาในช่วงเดือนตุลาคม ถึงต้นเดือนพฤศจิกายน ไปได้หรือไม่ ถ้าผ่านพ้นตรงนั้นไปได้ ก็จะค่อย ๆ ฟื้น และแข็งแรงตามลำดับ ซึ่งขณะนี้ดวงรัฐมนตรีกว่าครึ่ง ดวงเข้าเคราะห์ มากกว่าดวงดี เพราะมีรัฐมนตรีดวงดีอยู่ไม่ถึงครึ่ง มีคนดวงตกกว่า 20 คน ซึ่ง ตัวของนายกรัฐมนตรี เองคาดว่า หลังวันที่ 13 พ.ย. 2553 ก็คงจะพ้นเคราะห์ ทุกอย่างจะนิ่งขึ้น ก็อยากให้ประคอง ไปให้ได้ เพราะหากปล่อยให้เกิดความวุ่นวาย คุมเกมอะไรไม่อยู่ ส.ส. ก็อาจจะตกงานหลายปี

ผู้สื่อข่าวถามว่า สิ่งที่นายกรัฐมนตรีจะต้องระวังเป็นพิเศษ ก่อนถึงวันที่ 13 พ.ย. 2553 นี้ คืออะไร นายภาณุวัฒน์ กล่าวว่า ที่ตนเคยให้สัมภาษณ์ตั้งแต่ต้นปีเมื่อช่วงเสื้อแดงที่กำลังวุ่นวาย กับเสื้อเหลือง กับซีกรัฐบาลอยู่ ตนได้เตือนนายอภิสิทธิ์ ว่า ให้ระวังเรื่องการถูกปองร้าย เดินทางไปไหนให้ระวัง ซึ่งก็ควรหมั่นทำบุญทำทาน สะเดาะเคราะห์ และทำอะไรด้วงความรอบคอบ คิดว่า สิ่งเหล่านี้จะสามารถคลี่คลายได้ ส่วนการแก้ดวงเมืองนั่น มันคือธรรมชาติมา ช่วงนี้ สิงหา กันยายน ตุลาคม เกิดน้ำท่วม ก็ต้องเพิ่มมาตรการระวัง และอดทน ใจเย็น ค่อย ๆ ชี้แนะให้ทุกคนใจเย็น อย่าไปตื่นตามกระแสที่มีคนปลุกขึ้น คิดว่า บ้านเมืองเราผ่านได้ เมืองไทยเรามีดีหลายอย่างที่สามารถทำให้คลาดแคล้วมาโดยไม่ต้องตกเป็นเมืองขึ้นของเมืองอื่นมา เมืองไทย มีบุญญาธิการ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านเมืองคู่เมืองที่ทำให้เราผ่านพ้นปากเหยี่ยวปากกามาได้ ทั้งนี้นายชวรัตน์ เป็นคนโหวงเห๊งดี?
---------------------------------------------------------------------------
หนังสือศาสตร์แห่งโหร 2553 (ให้ย้อนทบทวนเหตุการ์ณที่ผ่านมานะครับ)

"โสรัจจะ นวลอยู่" ทำนายดวงเมือง ชี้ปีหน้าการเมืองวุ่นวาย มีรัฐประหาร อาจเกิดชุมนุมใหญ่กว่า 14 ตุลา ระบุปัญหาชายแดนใต้หนักขึ้นเรื่อย ๆ หาทางออกไม่ได้ เตือนระวังพายุใหญ่ สึนามิ เขื่อนแตก และหิมะตกครั้งประวัติศาสตร์

นายโสรัจจะ นวลอยู่ นักพยากรณ์ชื่อดังเจ้าของฉายา "นอสตราดามุสเมืองไทย" ซึ่งเคยทำนายดวงเมืองทั้งของประเทศไทยและโลกได้อย่างแม่นยำมาหลายต่อหลายครั้ง อาทิเช่น เหตุการณ์ก่อการร้าย 11 กันยายน 2544, การแพร่ระบาดของไข้หวัดนก, เหตุการณ์สึนามิ 26 ธันวาคม 2547, การรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เป็นต้น ได้เขียนคำพยากรณ์ดวงเมืองประจำปี 2553 เผยแพร่ในหนังสือ "ศาสตร์แห่งโหร 2553" จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์มติชน ซึ่งมีเนื้อหาน่าสนใจเป็นรายเดือน ดังต่อไปนี้


มกราคม
คนจำนวนมากต้องตายลงอย่างกะทันหันจากโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่จะแพร่ขยายพันธุ์ทางอากาศ

บ้านเมืองจะมีการปฏิรูปใหญ่ นักวิชาการจะมีบทบาทเข้ามาบริหารบ้านเมือง ปัญหาอันยุ่งยากซับซ้อนของบ้านเมือง ต่อให้เทวดาหน้าไหนมาแก้ไขก็เห็นจะแก้ให้คืนดีได้ยาก เว้นแต่จะช่วยบรรเทาสถานการณ์ต่าง ๆ ไปตามกาลเทศะเท่านั้น


การเมืองของไทยอาจมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ อาจมีผู้คนล้มตายเป็นใบไม้ร่วง จะเกิดการผ่าตัดปฏิรูปหรือปฏิวัติตัวเองเป็นการใหญ่แบบพลิกแผ่นดินขึ้นในเมืองไทย เป็นระยะที่นายกรัฐมนตรีจักเป็นอันตราย คนสำคัญจะล่วงลับไป

กรุงเทพฯจะถูกก่อวินาศกรรมครั้งใหญ่ ผู้คนล้มตาย สถานทูตและตึกรามบ้านช่องถูกทำลาย มีการตายหมู่จากเครื่องบิน รถยนตร์ จะมีเครื่องบินภายในประเทศตก

จะสูญเสียบุคคลสำคัญของประเทศไปในระยะนี้ เป็นนิมิตร้าย ย่อมจะวุ่นวายไปทั่ว

สถานการณ์ทางใต้ของประเทศไทยเพิ่มความร้อนแรงและน่ากลัวขึ้น เกิดระเบิดพลีชีพหลายจุด มีคนตายนับร้อย

ศัตรูภายนอกจะแสดงบทบาทระราน ยั่วยวนโทสะมากขึ้นโดยอาศัยสถานการณ์อันยุ่งเหยิงภายในเป็นเหตุ

บุคคลในเครื่องแบบจะมีบทบาทคึกคักขึ้น
เพราะความเห็นแก่ตนของเหล่าอภิสิทธิ์ชนทั้งหลาย เป็นเหตุให้เหล่าปัญญาชนตระหนักถึงภัยอันใหญ่หลวงของประเทศชาติ ซึ่งถ้ายังขืนปล่อยให้สังคมดำเนินไปเช่นนี้ เหล่าคนยากจนหรือผู้ใช้แรงงานหาเช้ากินค่ำซึ่งล้วนมีรายได้น้อยไม่สมดุลกับรายจ่ายก็จะลุกฮือขึ้นมาจับอาวุธต่อต้าน อาจละเมิดกฎหมาย เกิดจลาจล ประทุษร้าย ก่อความไม่สงบ เกิดการปล้นฆ่าล้างผลาญ คนรวยมาเดินตามท้องถนนไม่ได้อาจถูกทำร้ายจนเสียชีวิต ต้องหลบซ่อนตัวอยู่แต่ในบ้าน ประกาศกฎอัยการศึก มีผู้คนต้องล้มตาย เกิดเป็นสงครามกลางเมืองแบ่งเป็นสองฝักสองฝ่าย แผ่นดินเดือด เลือดไหลริน ผู้นำต้องหนีลี้ภัยออกนอกประเทศเหตุการณ์ถึงจะสงบลงได้

เศรษฐกิจของประเทศเริ่มตกต่ำอีก คนงานถูกปลดออกจากงานเป็นจำนวนมาก ข้าวยากหมากแพง หุ้นตกอย่างวินาศสันตะโร สถาบันทางการเงินและธนาคารล้ม

เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงในประเทศไทย เกิดขึ้นทางภาคเหนือ มีผู้คนเสียชีวิตจำนวนมหาศาล และจะมีอุบัติเหตุทางทะเลและทางเครื่องบินมากกว่าในระยะใด มีการตายหมู่เป็นร้อย

กุมภาพันธ์
ทางภาคใต้ถูกก่อวินาศกรรมครั้งใหญ่ ชาวต่างชาติเสียชีวิตมากมายจากผู้ก่อการร้าย

เกิดโรคระบาดร้ายแรงทั่วประเทศ คนนับพันล้มป่วยและล้มตาย

มีเรื่องกระทบกระทั่งกับเขมร ที่เป็นหอกข้างแคร่ที่แสนขมขื่น


มีนาคม
ทางใต้ถูกก่อวินาศกรรมสุดโหดเหี้ยม

ต้นเดือนมีอัคคีภัยร้ายแรงทั่วทุกภาคของประเทศ เกิดรถไฟชนกันและตกราง คนตายนับร้อยและบาดเจ็บจำนวนมาก

อุบัติเหตุใหญ่ ๆ เกิดขึ้นตลอดเดือน มีการตายหมู่จากเครื่องบิน รถยนต์ และทางเรือ เกิดแผ่นดินไหวสุดหฤโหดเท่าที่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย ตึกระฟ้าในกรุงเทพฯพังทลายเป็นทิวแถว ฝังคนทั้งเป็นนับร้อยนับพันเหมือนมดปลวก

จะเกิดการผ่าตัดปฏิรูปหรือปฏิวัติตัวเองเป็นการใหญ่แบบพลิกแผ่นดินขึ้นในเมืองไทย เป็นระยะที่นายกรัฐมนตรีจักเป็นอันตราย คนสำคัญจะล่วงลับไป

หุ้นจะตกรุนแรง ธนาคารอาจปิดตัวลง ประสบภาวะเงินฝืด กำลังซื้อลดลง บรรดาบริษัทห้างร้านเอกชนหรือโรงงานผลิตสินค้าจำหน่ายภายในประเทศจะประสบปัญหาทางการตลาด จำเป็นต้องลดจำนวนคนงานลงอันเนื่องมาจากการลดผลผลิต โรงงานส่วนใหญ่จะต้องปิดตัวลง

ราวกลางเดือนมีไฟไหม้ใหญ่หลายจังหวัด อาทิ เชียงใหม่และชลบุรี

เกิดภัยพิบัติทางทะเลครั้งใหญ่เป็นประวัติศาสตร์ของประเทศ มีคลื่นยักษ์เป็นกำแพงสูงเสียดฟ้า อันเนื่องมาจากแผ่นดินไหวในหมู่เกาะสุมาตรา พัดเข้าถล่มหมู่เกาะและชายฝั่งด้านอันดามัน กวาดผู้คนและทรัพย์สินบ้านเรือนที่ติดทะเลลงสู่ทะเลไปเกือบหมดสิ้น ทำให้เกาะบางเกาะจมหายไปในทะเล


จะมีสัญญาณบางอย่างบ่งบอกว่าผู้ใหญ่ในแผ่นดินของเราจักเป็นอันตราย เกิดจลาจลเผาผลาญอาคารสถานที่ราชการและบ้านเรือนวอดวายไป ปลายเดือนบุคคลที่กุมอำนาจน่าจะตระหนักถึงอันตรายภายในและภายนอกที่ค่อนข้างรุนแรงมาก เราจะเริ่มขัดแย้งกับประเทศมหาอำนาจแดนไกล (สหรัฐฯ) เพราะสืบเนื่องมาจากข้อตกลงทางเศรษฐกิจที่ตกลงกันไม่ประสบผลสำเร็จ


เมษายน
ปัญหาพม่าและเขมรจะนำความเดือดร้อนอย่างมาก เหตุการณ์น่าเป็นห่วง

เศรษฐกิจของประเทศเริ่มตกต่ำอีกถึงขั้นล้มละลายทางเศรษฐกิจ คนงานถูกปลดออกจากงานเป็นจำนวนมาก ข้าวยากหมากแพง หุ้นตกอย่างวินาศสันตะโร

เกิดการปฏิวัติรัฐประหารครั้งใหญ่ เลือดนองไปทั่วแผ่นดิน

ในกรุงเทพฯจะถูกก่อวินาศกรรมเสียหาย มีการตายหมู่จากเครื่องบิน รถยนต์ จะมีเครื่องบินภายในประเทศตก

ทางใต้ร้อนเป็นไฟ ถูกก่อวินาศกรรมอย่างรุนแรง

กลางเดือน บุคคลสำคัญระดับสูงจะเจ็บป่วยหนักและเสียชีวิต รัฐบาลจะเผชิญกับวิกฤตการณ์อย่างหนัก เศรษฐกิจของบ้านเมืองตกต่ำอย่างสุดปัญญา

เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่เกาะสุมาตรา และมีผลกระทบถึงไทยอย่างรุนแรง


พฤษภาคม
บุคคลสำคัญของแผ่นดินจักเจ็บไข้ได้ป่วย และอาการจะรุนแรงอย่างคาดไม่ถึงด้วย อาจสูญเสียชีวิต

ทางภาคใต้เกิดจลาจลใหญ่ มีการสูญเสียชีวิตผู้คนมากมาย องค์กรระหว่างประเทศต้องเข้ามาเกี่ยวข้อง และอาจต้องประกาศสงครามกับประเทศเพื่อนบ้าน

ไข้หวัดนกระบาดหนักขึ้นมาอีก ทำให้ผู้คนล้มตาย จะติดต่อจากมนุษย์สู่มนุษย์ได้

เศรษฐกิจของบ้านเมืองตกต่ำอย่างสุด ๆ ค่าเงินบาทถดถอย หุ้นจะตกอย่างรุนแรง ธนาคารใหญ่ประสบภาวะเงินฝืดเคือง กำลังซื้อลดลง บริษัทห้างร้านหรือโรงงานผลิตสินค้าประสบปัญหาทางการตลาด เกิดปัญหาการส่งออก จำเป็นต้องลดจำนวนคนงาน โรงงานทั้งเล็กและใหญ่ปิดตัวลงมากมาย ปัญหาคนว่างงานมีไปทั่ว

ปลายเดือนประเทศไทยถูกเหล่าขบวนการแบ่งแยกดินแดนที่ภาคใต้ทำการเผาโรงเรียนหลายแห่ง ผู้นำประเทศถูกลอบทำร้าย

ส่วนด้านชายแดนจะมีการขัดแย้งกับเพื่อนบ้านเขมรและพม่ารุนแรง

มิถุนายน
ดารานักแสดงอาจประสบอุบัติเหตุหรือล่วงลับไปหลายคน
เลยกลางเดือนไปแล้วบุคคลสำคัญจะเดินทางออกนอกประเทศ หรือมิฉะนั้นก็อาจจะเจ็บป่วย

การเมืองไทยอาจมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ อาจมีผู้คนล้มตายเป็นใบไม้ร่วง

มีการลอบวางระเบิดชนิดร้ายแรงกว่าที่เคยมีมาใน 3 จังหวัดภาคใต้

เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในกรุงเทพฯ คนล้มตายเป็นพัน

กรกฎาคม
เกิดวินาศกรรมทั่วทุกภาคของประเทศ จะเกิดอุบัติเหตุหมู่ ไฟป่าเผาผลาญเป็นจำนวนมาก ไฟลุกโชติช่วงไปทุกหนแห่ง

ในวงการการเมือง บุคคลในเครื่องแบบจะมีปัญหาขัดแย้งกันรุนแรง ผู้มัวเมาอำนาจจะแสดงอำนาจโดยไม่เป็นธรรม

ผู้ก่อการร้ายทางภาคใต้จะกำเริบเสิบสานเป็นการใหญ่ ปัญหาชายแดนทางใต้จะก่อให้เกิดการกระทบกระทั่งกันอย่างรุนแรง ประเทศใกล้เคียงจะสนับสนุนให้มีการก่อการกำเริบมากขึ้น

กลางเดือนกรุงเทพฯ ตึกรามบ้านช่องที่อยู่อาศัยอาจถล่มทลายจากแผ่นดินทรุดตัวหลายแห่ง

ปลายเดือนพายุโซนร้อนผ่านตอนใต้ของประเทศอย่างรุนแรง ชาวใต้ต้องอพยพด่วน ชายทะเลฝั่งตะวันออกถูกพายุกวาดลงทะเลไปเป็นจำนวนมาก หลายจังหวัดทางภาคใต้โดนวาตภัยร้ายแรง ทางรถไฟสายใต้ขาด รถเดินไม่ได้ โทรศัพท์เสีย พายุไซโคลนลูกใหญ่จะพุ่งเข้าไทยอย่างร้ายแรงกว่าครั้งใด ๆ ที่ผ่านมา โหมเข้าภาคกลางรวมถึงกรุงเทพฯด้วย


สิงหาคม
เขมรบุกสยามประเทศ ส่งกำลังทหารเข้าโจมตี ทหารไทยเสียชีวิตจำนวนมาก ถึงคราวแล้วที่ประเทศไทยจะเข้าสู่สงครามที่เราไม่เคยมีมาเลยกับประเทศเพื่อนบ้านเป็นเวลาช้านานแล้ว เป็นการรบอย่างแท้จริง ถ้าประเทศไทยยังเฉยเมยไม่ตระหนักต่อปัญหาที่รุมเร้าหนักข้อขึ้นทุกที เสมือนดูหมิ่นสยามประเทศมาโดยตลอด ดังนั้นปี 2553 จะเกิดการรบนองเลือดถึงขั้นเสียชีวิตผู้คนมากมาย ถึงจะได้คืนมาซึ่งแผ่นดิน แต่ก็อาจจะต้องประกาศสงครามกับเพื่อนบ้าน

กลางเดือน ถูกเหล่าขบวนการแบ่งแยกดินแดนที่ภาคใต้ทำการเผาโรงเรียนหลายแห่ง ผู้นำประเทศถูกลอบทำร้าย

รัฐบาลประกาศขึ้นภาษีทุกประเภท เงินบาทลอยตัวสูงสุดในประวัติการณ์ ผู้คนเดือดร้อน ฆ่าตัวตายกันเป็นแถว

พายุโซนร้อนผ่านตอนใต้ของประเทศอย่างรุนแรง มีผู้คนเสียชีวิตมากมาย จนต้องมีการอพยพผู้คนไปอยู่ยังดินแดนแห่งใหม่ที่ปลอดภัย

เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงในประเทศไทย เกิดขึ้นทางภาคเหนือ มีผู้คนเสียชีวิตจำนวนมหาศาล และจะมีอุบัติภัยทางทะเลและทางเครื่องบินมากกว่าในระยะใด มีการตายหมู่เป็นร้อย


กันยายน
ทางใต้ขอแบ่งแยกเพื่อปกครองตนเอง
ดีเปรสชั่นผ่านตอนเหนือของประเทศอย่างรุนแรง น้ำป่าเริ่มไหลบ่าจากทางภาคเหนือและอีสาน ลงมาทางใต้ต่อเลยมาถึงกรุงเทพฯ เขื่อนทั้งเล็กและใหญ่พังทลาย เกิดน้ำท่วมใหญ่ในหลายจังหวัด พืชพันธุ์ธัญญาหารเสียหายหนักยิ่งกว่าครั้งใด มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคน กรุงเทพฯต้องจมอยู่ใต้บาดาลเป็นเวลายาวนาน


ภัยธรรมชาติยังคุกคามต่อไปอีกทั้งภาคเหนือ อีสาน และทางภาคใต้ โดยเฉพาะทางภาคใต้จะโดนอย่างหนัก ถือได้ว่าเป็นวาตภัยครั้งร้ายแรงที่สุดที่เกิดขึ้นในประเทศไทย บ้านเรือน สิ่งก่อสร้าง และผู้คนที่อาศัยอยู่ติดทะเลจะถูกพายุร้ายหอบตกทะเลแทบไม่เหลือหลอแม้แต่รายเดียว เป็นการสูญเสียครั้งใหญ่
ปัญหาของประเทศมีมาก ผู้เป็นใหญ่ บุคคลสำคัญจักล้มเจ็บอย่างกระทันหัน


ตุลาคม
เกิดปัญหาทางภาคใต้ ทำให้ทั่วโลกตกตะลึง เกิดการจลาจลนองเลือด
บุคคลในเครื่องแบบจะมีบาทบาททันที เกิดการจลาจล รัฐประหารครั้งใหญ่ เกิดการนองเลือด ผู้คนล้มตายเป็นเบือ(ไม่เกิด)


พฤศจิกายน
เป็นเดือนสุดโหดสุดวิปริตที่แท้จริงสำหรับคนไทย เพราะจะเกิดภัยธรรมชาติครั้งรุนแรง แหล่งน้ำทั้งเล็กและใหญ่พังทลาย น้ำจะไหลทะลักเข้าท่วมหมู่บ้าน ตำบลและอำเภอ


เกิดไต้ฝุ่นเข้าถล่มภาคใต้ ที่ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ และสุราษฎร์ธานี (หนักกว่าพายุเกย์) คนตายนับพัน--(พายุที่รุนแรงก็เกิดขึ้นจริงๆ)


หุ้นตกอย่างรุนแรง การเมืองของไทยเต็มไปด้วยความผันผวน เผชิญกับวิกฤตการณ์อย่างหนัก ข้าวยากหมากแพง--(ข้าวเสียหาย และเมล็ดลีบอีกด้วย)


มีการประท้วงลุกลามกลายเป็นการชุมนุมใหญ่จากบุคคลทุกสาขา เกิดการจลาจล มีการเผาผลาญทำลายสถานที่สำคัญ รัฐบาลไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ เกิดการปฏิวัติรัฐประหาร ต้องเสียเลือดเสียเนื้ออีกครั้ง เหตุการณ์ครั้งนี้ดูจะรุนแรงกว่าเมื่อครั้ง 14 ตุลาคม 2516


วิกฤตทางภาคใต้ได้ลุกลามเข้ามาถึงกรุงเทพฯ มีผู้คนเสียชีวิต-(-มีระเบิดที่สมานเมตตาแมนชั่น)-----------


ธันวาคม
"เขื่อนยักษ์แตก" น้ำทะลักเข้าท่วมหมู่บ้าน อำเภอ หลายจังหวัด พื้นที่ไร่นา สัตว์เลี้ยง สิ่งก่อสร้าง ผู้คนที่อพยพหนีไม่ทัน ล้มตายมหาศาลอย่างอเนจอนาถ สร้างความเสียหายไปทั่วประเทศ น้ำอาจลงมาถึงกรุงเทพฯ เราต้องขอความช่วยเหลือจากองค์การต่าง ๆ จากต่างประเทศโดยด่วน
-----------(จริง แต่เป็นเขื่อนขนาดเล็กของสนามกอล์ฟ และของวัด)--------
เกิด "หิมะตกในกรุงเทพฯ" และปริมณฑล เป็นอาเพศที่ทำให้คนตกตะลึงไปทั่วโลก

มีการลอบวางเพลิง วางระเบิด การเมืองระส่ำระสายและภัยรอบข้างทำให้ดูเหมือนเกิดความคับขัน

ทางใต้วิกฤตสุด หาทางแก้ไขไม่ได้

เกิดความขัดแย้งระหว่างประเทศอย่างหนัก สงครามอาจยืดเยื้อต่อไปจนกลายเป็นสงครามโลกครั้งใหญ่ที่สุดที่เคยมีมา

ปลายเดือนเกิดคลื่นยักษ์สึนามิเข้าถล่มชายฝั่งทะเลด้านอ่าวไทย กวาดผู้คนและทรัพย์สิน สิ่งก่อสร้างลงสู่ทะเลจนเกือบหมดสิ้น โดยที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม นายโสรัจจะสรุปปิดท้ายว่า แม้คำทำนายดวงเมืองประจำปีนี้ของตนจะค่อนข้างร้ายแรง แต่ขอเตือนทุกคนว่าอย่าหลงเชื่อจนงมงาย เพราะวิชาโหราศาสตร์เป็นเพียงทฤษฎีที่กำหนดขึ้นเพื่อใช้เป็นหลักในการให้คำพยากรณ์ และการพยากรณ์ก็เป็นเพียงความคาดคะเน ซึ่งอาจจะเกิดหรือไม่เกิดขึ้นเลยก็ได้ ดังนั้น ทุกคนจึงควรยึดมั่นในการทำความดีและละเว้นการทำชั่ว ซึ่งย่อมอำนวยผลดีให้เกิดขึ้นตามมาภายหลัง
-------------------------------------------------------------------------

คำทำนายน่าขนหัวลุก"โสรัจจะ นวลอยู่" ชี้จุดจบของ ปท.จะเกิดขึ้นโดยน้ำมือของนักการเมืองชั่ววันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 เวลา 13:20:22 น.

โสรัจจะ นวลอยู่

ประเทศไทย ได้เข้าสู่มิคสัญญีแล้ว การฆ่ากันกลางเมือง ถูกเผยแพร่ออกไปทั่วโลก ท่ามกลางความสิ้นหวังในสังคมออนไลน์ มีการนำคำทำนายของ " โสรัจจะ นวลอยู่" ซึ่งเคยนำมาเผยแพร่ในมติชนออนไลน์ ปรากฎว่าได้รับการกล่าวขานไปทั้งเมืองว่า ใกล้ความจริงเข้าไปทุกขณะ จนน่าขนลุก

คำพยากรณ์ของ"โสรัจจะ นวลอยู่" ระบุว่า ปี 2553 ดวงดาวยังคงเดินในสภาพไม่ปกติ เป็นปีเสือดุสุดหฤโหดมหาวิปโยคอย่างแท้จริง "พระเสาร์ยังสถิตอยู่ในราศีกันย์ตลอดทั้งปี และพระราหูสถิตราศีธนูทั้งปี "ดาวอังคาร ดาวสีเลือดย้ายเข้าสู่ราศีตุล ในวันที่ 4 กันยายน 2553 เล็งลัคนาเมือง"

"26 เมษายน 2553 ดาวพฤหัสบดี อันเป็นดาวฝ่ายคุณธรรม ฝ่ายศาสนาและเป็นดาวแห่งความดีเดินเข้าสู่ราศีมีน เป็นวินาศกับดวงเมือง สถิตร่วมกับดาวพุธและมฤตยู ปีนี้ดาวเสาร์เล็งกับมฤตยู ซึ่งเป็นบาปเคราะห์ล้วนร้ายแรงทั้งสิ้น เป็นสิ่งน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง ในการเดินของบาปเคราะห์ล้วนร้ายแรงทั้งสิ้น

ป็นสิ่งน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง ในการเดินของบาปเคราะห์ใหญ่ทั้งสองดวงพร้อมด้วยอังคารโยคหลัง อนึ่งตั้งแต่ต้นปีถึงเดือนเมษายน 2553 ดาวอังคารบาปเคราะห์ที่รุนแรงแบบทะลุทะลวงได้เข้าสู่ราศีกรกฎ ทำมุมฉากหรือมุมข้อพับกับราศีเมษ"

เกิดปฏิวัติรัฐประหาร" ครั้งใหญ่อีกครั้ง
เมื่อร่วมผนึกกำลังกันเข้าตรึงลัคนา ราศีเมษกรุงสยามเช่นนี้ ทำให้เห็นชัดว่าถึงคราวชะตาเมืองกำลังตกต่ำ การแตกแยกโกรธแค้นชิงชังของผู้คน เสนาบดีมีเหตุอาเพศตางๆ เกิดการจลาจล รัฐประหาร ยึดอำนาจ คว่ำกระดาน บุคคลในเครื่องแบบแตกแยกแบ่งเป็นสองฝ่าย เกิดสงครามกลางเมือง ซึ่งเลือดไทยต้องไหลรินนองแผ่นดิน เป็นหนทางไปสู่ "การปฏิวัติรัฐประหาร" ครั้งใหญ่อีกครั้ง

----เป็นปีแห่งการทุกข์ทรมานของนักการเมืองที่ต้องก้มหน้าก้มตารับกรรมที่ ก่อไว้ ถูกประจานตีแผ่ความเลวร้าย ชั่วช้าสามานย์ ที่แอบแฝงซ่อนเร้นต่อผู้คนที่คอยตักตวงผลประโยชน์ของบ้านเมืองมาเป็นเวลาช้านาน จะต้องถูกคิดบัญชีจากวัฏจักรของดวงดาว ซึ่งส่อถึงความล่มสบายของอาณาจักร เกรงกลัวหรือไม่ก้แล้วแต่ท่านทั้งหลาย เพราะจุดจบของประเทศจะเกิดขึ้นโดยน้ำมือของนักการเมืองชั่ว และบุคคลที่เข้ามาบริหารประเทศอย่างไร้คุณธรรมอย่างทุกวันนี้ แต่ถ้าจะให้ผ่านจุดนั้นไปให้ได้และจะไปให้ถึงเวลาฟ้าใสของประเทศ

ตามดวงดาวบ่งบอกว่าอาจจะต้องใช้เวลาให้ผ่านช่วงเคราะห์กรรมไปอีกสัก ระยะหนึ่ง

แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ก่อกรรมไม่ดี จะถูกลงโทษจากสรวงสวรรค์ จากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ดูแลประเทศเพราะสยามประเทศนั้นไม่มีอะไรที่จะมาทำลาย ล้างให้สูญสิ้นไปได้

-----ซึ่งที่ทำนายมานี้ไม่มีอคติต่อใครๆ ทั้งสิ้น หรือสาปแช่งบุคคลใด แต่ไปเป็นไปตามดวงดาวลิขิตจริงๆ สิ่งที่จะลบร้างคำทำนายให้เบาลง ทุกๆ คนต้องสร้างแต่ความดีถือศีล 5 ทำจากใจจริงไม่ใช่เฉพาะภายนอก หรือชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น

พรรคการเมืองทั้งเล็กและใหญ่ทั้งหลาย ซึ่งเป็นอยู่ในปัจจุบันถึงกาลอวสาน สิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบันจะแตกสลายไปเองตามอิทธิพลของดวงดาว และจะเกิดสิ่งใหม่หรือมิติใหม่ซึ่งพัฒนาขึ้นมาเองยากแก่การคาดการณ์ได้

ดาวมฤตยูเจ้าแห่งการปฏิรูปเปลี่ยนแปลง ได้เดินเข้าทำมุมตรีโกณกับราศีมิถุน ประชาธิปไตยแห่งประเทศไทย และจะทำมุมอยู่อย่างนั้นเกือบถึง 7 ปี ระหว่างนี้จะมีบาปเคราะห์มาเข้าร่วมมุม ทั้งมุมกากบาท ทั้งมุมสามเหลี่ยม บ่งถึงไทยเรายังมีรัฐบาลที่ดันทุรังและไม่ฉลาดไม่เห็นการณ์ไกล

ความไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจ ย่อมจะกระทบกระเทือนต่อคุณภาพของการพัฒนาประชาธิปไตย และนำมาซึ่งความขัดแย้งทางสังคม

เกิดจลาจลในกรุงเทพฯ ทุกหมู่เหล่าแตกแยกเคียดแค้น ปิดร้านค้ายึดเป็นที่มั่นยิงต่อสู้กัน ทั่วทุกแถบในกรุงเทพฯ มีการขว้างระเบิดสนั่นเมืองไปหลายวัน จะก่อความยุ่งยากทีละน้อย และค่อยๆ รุนแรงขึ้นจนระงับไม่อยู่ ผู้มีอำนาจหรือคนสำคัญบางคนจักหมดอำนาจวาสนา

ข้อสังเกตเหตุการณ์รับกันนองเลือดครั้งนี้เกิดที่กรุงเทพฯ เมื่อดาวอังคารแห่งสงครามโคจรเข้าทับลัคนาแห่งดวงเมืองประชาธิปไตย จึงรบกันนองเลือดระหว่างผู้มีอำนาจกับประชาชน ครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่ตั้งกรุงเทพฯ มา อาจต้องใช้กำลังทหารเข้าแก้ ปัญหา เป็นหนทางไปสู่ "การปฏิวัติรัฐประหาร" ต้องรบราฆ่าฟันกัน สูญเสียชีวิตและทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก ตอนต้นปีบุคคลสำคัญและมีชื่อเสียงของประเทศจะถึงแก่กรรมจากการลอบทำร้าย ผู้คนระส่ำระสาย

ปีแห่งความหายนะทางเศรษฐกิจถึงขั้น ล้มละลาย

เศรษฐกิจภายในประเทศยังไม่สามารถแก้ไขได้ พร้อมกับเศรษฐกิจทั่วโลกก็ประสบปัญหาเศรษฐกิจเช่นกัน ประชาชนคนไทยเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า ยิ่งกว่าปีก่อน เป็นปีแห่งความหายนะทางเศรษฐกิจถึงขั้นล้มละลาย ธนาคารของรัฐไม่สามารถทำให้เศรษฐกิจฟื้นขึ้นมาได้ ธนาคารทั้งเล็กและใหญ่ปิดตัวลงอย่างสนิท ตลาดหุ้นถูกกระทบอย่างรุนแรง ร่วงหล่นต่ำสุด และปิดตัวเองลง มีคนฆ่าตัวตายเป็นเบือ พลเมืองประสบความยากจนข้นแค้นมากขึ้น แต่องค์ประกอบของรัฐได้ซ้ำเติมประชาชนด้วยการขึ้นค่าสาธารณูปโภคทุกรูปแบบ

-----------------------------จบของปี53-----------------------------------

โหร คมช."ทำนาย 1-2 เดือนบ้านเมืองวุ่น ชี้"ประยุทธ์" ดวงขึ้นผู้นำ"สนั่น"ยันไม่เสียใจโดนรื้อปาล์ม-ไทรวันที่ 05 ตุลาคม พ.ศ. 2553 เวลา 09:00:12 น.

โหรวารินทร์ทำนาย 1-2 เดือนบ้านเมืองวุ่น ให้ระวังคลื่นยักษ์สึนามิช่วงปลายปีนี้ "สนั่น" ยันไม่เสียใจโดนรื้อปาล์ม-ไทร ทั้งๆ ที่เป็นคนติดต่อสวนนงนุชมาปลูกหน้าตึกไทยคู่ฟ้า บอก"คนมีอำนาจจะทำอะไรก็ทำได้"

ความคืบหน้ากรณีมีการถอนต้นปาล์มยะวา และต้นไทรทรงอังกฤษออกจากหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ทั้งๆ ที่เพิ่งนำมาปลูกได้ไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีสาเหตุมาจากโหรประจำพรรคประชาธิปัตย์ระบุปลูกแล้วไม่เป็นมงคลกับผู้นำประเทศนั้น ล่าสุด พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ในฐานะเป็นผู้ติดต่อประสานงานให้สวนนงนุชมาปลูกต้นปาล์มยะวา และต้นไทรทรงอังกฤษในทำเนียบรัฐบาล กล่าวเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม ว่า รู้สึกว่าถ้าต้นไม้มีจำนวนมาก จะบังตัวตึกได้ เอ็ม 79 มาก็ปะทะไว้ แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว อย่างไรก็ตาม ไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไร ถึงแม้ว่าจะเป็นคนได้รับการติดต่อประสานงานจากสวนนงนุชมาก็ตาม คนมีอำนาจจะทำอะไรก็ทำได้ ตอนที่จะปรับเปลี่ยนนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกฯ ก็ไม่ได้มาแจ้งอะไรให้ทราบ มีเพียงทางสวนนงนุชที่แจ้งให้ตนทราบและมาเอาต้นไม้กลับไป


ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงตอบโต้คนพรรคเพื่อไทยที่ออกมากล่าวหานายกฯเป็นนักเรียนนอกมัวแต่งมงายเรื่องไสยศาสตร์ว่า การปรับภูมิทัศน์นั้นเป็นความรับผิดชอบของกองอาคารสถานที่ทำเนียบ ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของเลขาธิการนายกฯ นายกฯไม่มีส่วนไปสั่งการใดๆ ทั้งสิ้น เพียงแต่ก่อนหน้านี้มีการท้วงติงในการปรับภูมิทัศน์ เนื่องจากต้นไม้ดังกล่าวบดบังหน้าตึกไทยคู่ฟ้า จึงได้นำเอาภาพถ่ายเก่าๆ มาเปรียบเทียบดูว่าจะทำให้แตกต่างและเสียภูมิทัศน์หรือไม่

"ผมคิดว่าไม่เกี่ยวกับโชคลาง เพราะนายกฯมีความคิดเป็นวิทยาศาสตร์ ถึงแม้นายกฯจะไม่เชื่อแต่ก็ไม่เคยลบหลู่ ดังนั้น พรรคเพื่อไทยไม่ควรเอาแนวคิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่อยู่ได้เพราะไสยศาสตร์ทั้งสิ้นมากล่าวหาคนอื่น ดูได้จากการปรับฮวงจุ้ยที่ทำการพรรคหลายรอบจนกลายเป็นฮวงซุ้ยในที่สุด" นายเทพไทกล่าว

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากทำเนียบรัฐบาลปรับภูมิทัศน์ใหม่ หลังจากซินแสประจำพรรคประชาธิปัตย์ติติง พร้อมแนะนำให้ถอนต้นปาล์มและต้นไทรที่ไม่เป็นมงคลกับดวงรัฐบาลออกไปแล้วนั้น ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ได้มีการปรับภูมิทัศน์เช่นกัน มีการนำสีฟ้ามาทาตัดพื้นสีขาวบริเวณอาคารควง อภัยวงศ์ และลานพระแม่ธรณี หลังจากช่างทาสีได้ทาสีฟ้าตัดเป็นที่เรียบร้อย และสียังไม่ทันแห้ง นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ส.ส.กทม. และผู้อำนวยการพรรคประชาธิปัตย์ ได้โทรศัพท์เข้ามาสั่งให้ช่างทาสีปรับแก้ใหม่ โดยใช้สีขาวทาทับสีฟ้าที่เพิ่งทาไปก่อนหน้านี้ ทำให้พื้นพนังบริเวณลานพระแม่กลับเป็นสีขาวตามเดิม

นายณัฏฐพลกล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีแนวคิดใช้สีฟ้าทาตัดพื้นสีขาว เนื่องจากสีฟ้าเป็นสีประจำพรรค แต่ปรากฏว่าเมื่อช่างทาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ได้มีผู้ใหญ่ในพรรค และสมาชิกหลายคนโทรศัพท์เข้ามาหา และแจ้งว่าไม่อยากได้สีฟ้า อยากให้กลับไปเป็นสีขาวเหมือนเดิม ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก และสั่งให้ช่างแก้ไขทันที ยืนยันว่าไม่มีซินแสประจำพรรค หรือหมอดูคนไหนสั่งให้แก้ไขแต่อย่างใด

ที่ชั้น 22 อาคารอัมรินทร์ พลาซ่า นายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ เจ้าสำนักสุขิโต เจ้าของฉายา "โหร คมช." เปิดตัวหนังสือพ็อคเก็ตบุ๊กชื่อ "เปิดนิมิต 3 เรื่องเล่า ฉบับ อ.วารินทร์" ของบริษัท อัมรินทร์ พริ้นติ้ง จำกัด เนื้อหาระบุถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ว่า จะทำหน้าที่ทหารเสือของพระมหากษัตริย์และองค์ราชินีตัวจริงเสียงจริง และจะมาดูแลชาติบ้านเมืองอย่างชัดเจน พล.อ.ประยุทธ์จะต้องทำหน้าที่สานต่องานอันยิ่งใหญ่เป็นเสาหลักของบ้านเมืองในการรวบรวมสีต่างๆ มาเป็นสีธงไตรรงค์ และจะมีส่วนสำคัญในการสยบความวุ่นวายของบ้านเมือง

จากนั้นนายวารินทร์กล่าวถึงดวงของ พล.อ.ประยุทธ์ว่า น่าจะมาดูแลบ้านเมือง เกิดมาในลักษณะที่ค้ำบ้าน ค้ำเมืองมากกว่า ไม่ใช่ไปค้ำผู้ใดผู้หนึ่ง ถือเป็นผู้ประคับประคองบ้านเมืองมากกว่า รัฐบาลไหนก็ตามพอขึ้นมามีอำนาจ เมื่อถึงเวลาก็หมดเวลา

"ในช่วง 1-2 เดือนนี้ อาจจะมีวิกฤตเกิดขึ้นบ้านเมือง แต่ไม่น่าจะแรงถึงขนาดนองเลือดเหมือนที่ผ่านมา การทำกิจกรรมทางการเมืองในช่วงเดือนตุลาคม เกรงว่าจะเกิดความวุ่นวาย" โหร คมช.ระบุ

ผู้สื่อข่าวถามความเป็นไปได้ที่ประเทศไทยจะเจอภัยพิบัติครั้งใหญ่ นายวารินทร์กล่าวว่า ในเรื่องของสึนามิ น่าจะมีต้องระมัดระวัง เพราะตอนนี้วาระกรรมเกี่ยวกับธรรมชาติของบ้านเมืองเรายังต้องประสบอยู่ เป็นห่วงในช่วงเดือนหน้าไปถึง 1 ธันวาคม 2553 ก็รุนแรงพอควร น่าจะเป็นบริเวณภาคใต้ โดยลักษณะจะเหมือนครั้งที่ผ่านมา

-----------------------------------------------------------------------

โหร สว.ฟันธงพรรค ปชป.ถูกยุบ 95 % อีก 5ต้องพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์
----------วันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2553 เวลา 08:41:14 น.
บุญเลิศ ไพรินทร์
เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม นายบุญเลิศ ไพรินทร์ อดีตสมาชิกวุฒิสภา จ.ฉะเชิงเทรา หรือฉายาโหร สว.กล่าวถึงด้านโหราศาสตร์จากสถานการณ์บ้านเมืองที่กำลังมีการพิจารณายุบพรรคการเมืองและวิกฤติด้านอุทกภัยหลายจังหวัดนั้น ว่า สถานการณ์ดวงบ้านเมืองของไทยยังไม่ดีเพิ่มอีกช่วงปีนี้และปลายปีนี้ ถึง ต้นเดือน พ.ค. 54 นี้ ดวงเมืองไม่ดี ดวงพรรคพรรคประชาธิปัตย์ดวงไม่ดี เพราะดาวดีตกที่เสียหมด ดาวร้ายให้โทษให้โทษได้อยู่ ดวงเมืองยังไม่ปกติ ดวงเมืองเริ่มดีขึ้นหลังวันที่ 4 พ.ค.54 เป็นต้นไป

"ช่วงนี้จนถึงวันที่ 3 พ.ค.54 มี โอกาสบ้านเมืองยังเกิดเปลี่ยนแปลงทางการเมืองต่อไปได้อีก ยังไม่ปกติ - โอกาสเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เปลี่ยนแปลงพรรคการเมือง เปลี่ยนแปลงพรรคร่วมรัฐบาลที่ยังแกว่งอยู่มากตอนนี้ พรรคประชาธิปัตย์อาจถูกยุบ เพราะดวงพรรคประชาธิปปัตย์ตกอยู่ในที่เสีย มีโอกาสถูกยุบสูงถึง 95 เปอร์เซนต์ถูกยุบสูงตามดวงดาว ดาวบาปเคราะห์ตรึงทุกด้าน เหลือ 5 เปอร์เซนต์เพราะดาวดีดาวพฤหัสบดียังให้คุณอยู่ทำมุมเล็งลักษณ์ให้คุณพรรคประชาธิปัตย์อยู่ มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่จะช่วยได้ "นายบุญเลิสกล่าว

----------------------------------------------------------------------



























Create Date : 16 พฤศจิกายน 2553
Last Update : 16 พฤศจิกายน 2553 1:12:35 น. 2 comments
Counter : 1480 Pageviews.

 


โดย: MaFiaVza วันที่: 16 พฤศจิกายน 2553 เวลา:4:58:20 น.  

 
สวัสดีครับ ตุณมาเฟียและทุกๆท่าน 2554 น่ากลัวเหลือเกินครับ--ระวังตัวด้วยครับ นักวิชาการบอกแล้วว่า วงรอบของภัยพิบัติจะถี่ขี้น


โดย: jesdath วันที่: 16 พฤศจิกายน 2553 เวลา:15:31:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jesdath
Location :
เชียงราย Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 35 คน [?]




Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
16 พฤศจิกายน 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add jesdath's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.