แฉเอกสารลับ แอบขายข้าวล้านตัน---เป็นตนจนแล้วต้องกินข้าวเน่าๆ

วันจันทร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2553
แฉเอกสารลับ แอบขายข้าวล้านตันล็อคสเป็ค

กรุงเทพ ลือหึ่งทั้งวงการ เมื่อกระทรวงพาณิชย์สั่งขายข้าวในสต๊อก 1ล้านตัน โดยไม่ผ่านระเบียบการประมูล ซึ่งเป็นขั้นตอนปกติ อีกทั้งล็อคสเป็คผู้รับงานแค่ ๔ บริษัทใหญ อีกทั้งขายข้าวใหม่ปี ๕๒

"เอกสารลับมาก" ที่ระบุที่มาของเรื่องดังกล่าวดังนี้

เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2553 นายมนัส สร้อยพลอย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ประธานคณะทำงานดำเนินการระบายข้าวสาร ได้ทำหนังสือ "ลับมาก" ถึงหน่วยงานเกี่ยวข้องอ้างว่า

สืบเนื่องจากคณะรัฐมนตรีได้มีการประชุมพิจารณาเรื่องกรอบยุทธศาสตร์การระบายข้าวสารตามโครงการแทรกแซงของรับบาลเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2553 และมีมติให้คณะอนุกรรมการพิจารณาระบายจำหน่ายข้าวสารพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการตามกรอบยุทธศาสตร์รวมถึงปริมาณการจำหน่ายด้วยความระมัดระวังโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อภาวะราคาตลาดและให้คณะทำงานดำเนินการระบายข้าวสารเป็นผู้ดำเนินการและนำเสนอประธานคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวสารพิจารณาอนุมัติ แล้วเสนอให้ประธานกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติหรือรองประธานกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) พิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนลงนามกับคู่สัญญาต่อไป

คณะทำงานดำเนินการระบายข้าวสารได้มีการประชุมเพื่อพิจารณาการเสนอราคาซื้อข้าวสารในสต๊อกของรัฐบาลของบริษัทผู้ส่งออก ซึ่งประกอบด้วยชนิดข้าวตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาลดังนี้

(1) ข้าวหอมปทุมธานี นาปี ปี 2551/52 และ นาปรัง ปี 2552
(2) ข้าวเหนียวขาว 10% นาปี ปี 2551/52 และ นาปรังปี 2552
(3) ข้าวขาว 5% นาปรัง ปี 2551 นาปี ปี 2551/52 และ นาปรัง ปี 2552


โดยคณะทำงานฯได้เจรจาต่อรองกับผู้เสนอราคาซื้อข้าวสารดังกล่าวเสร็จสิ้นแล้วและได้นำเสนอผลการเจรจาต่อรองต่อ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวสารเพื่อพิจารณาอนุมัติและนำเสนอรองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) รองประธานกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) พิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป

กรมการค้าต่างประเทศขอเรียนว่ารองนายกรับมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) ในฐานะรองประธาน กขช.ได้ให้ความเห็นชอบการจำหน่ายข่าวสารในสต๊อกของรัฐบาลตามชนิดและโครงการรับจำนำข้าวเลปือกของรัฐบาล ตามข้อ (1)-ข้อ (3) ในส่วนของคลังสินค้าที่อยู่ในความรับผิดชอบของ...ดังนี้

1.ข้าวหอมปทุมธานี

เห็นชอบให้จำหน่ายข้าวหอมปทุมธานี นาปี ปี 2551/52 และนาปรัง ปี 2552 เมือ่วันที่ 28 กรกฎาคม 2553 โดยมีรายละเอียดรายชื่อบริษัท ชนิด และปริมาณข้าว ราคาจำหน่าย และคลังสินค้า รวม 7 คลัง ตามเอกสาร 1

2.ข้าวเหนียวขาว 100%
เห็นชอบให้จำหน่ายข้าวเหนียวขาว 10% นาปี ปี 2551/52 เมื่อวันที่ 6 าสิงหาคม 2553 โดยมีรายละเอียดรายชื่อบริษัท ชนิด และปริมาณข้าว ราคาจำหน่าย และคลังสินค้า รวม 1 คลัง ตามเอกสาร 2

3.ข้าวขาว 5%
เห็นชอบให้จำหนย่ายข้าวขาว 5% นาปรัง ปี 2551 ,นาปี ปี 2551/52 และ นาปรัง ปี 2552 เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2553 โดยมีรายละเอียดรายชื่อบริษัท ชนิด และปริมาณข้าว ราคาจำหน่าย และคลังสินค้า รวม 18 คลัง ตามเอกสาร 3

ในการนี้ขอให้.....ดำเนินการตามทำสัญญาซื้อขายกับบริษัทตามข้อ 1-3 โดยถือปฏิบัติให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในข้อ 10-12 ตามหนังสือกรมการค้าต่างประเทศด่วนที่สุด ที่ พณ 0307/ว.598 ลงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2553 อย่างเคร่งครัด (เอกสาร4) โดยในส่วนของเงื่อนไขการรับมอบและขนย้าย รองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) มีบัญชาให้บริษัทรับและขนย้ายข้าวสารตามข้อ 1-2 ให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 60 วันนับตั้งแต่วันทำสัญญาซื้อขาย และ ตามข้อ 3 ให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 90 วัน นับตั้งแต่วันทำสัญญาซื้อขาย ทั้งนี้ให้เป็นการดำเนินการในทางลับจนกว่าจะมีการขนย้ายข้าวสารออกจากคลังสินค้าเพื่อประโยชน์ของทางราชการ และเมื่อได้ดำเนินการทำสัญญาแล้วขอให้ส่งมอบสำเนาสัญญาพร้อมเอกสารประกอบสัญญาให้กรมการค้าต่างประเทศทราบด้วย

จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป จะขอบคุณมาก

นายมนัส สร้อยทอง

อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ประธานคณะทำงานดำเนินการระบายข้าวสาร

ทั้งนี้คำสั่งดังกล่าวยังแนบ หนังสือด่วนที่สุดที่ พณ 0307/ว.598 ลงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2553 ที่ที่อ้างข้างต้นให้หน่วยงานต่างๆอีกด้วย

มีความเห็นจากหลายฝ่ายว่าเป็นการแอบทำกันอย่างน่าสงสัยเพราะ
๑. เป็นการขายข้าวใหม่ปี ๕๒ ทั้งที่ควรขายข้าวเก่าในสต็อคที่เหลือค้างเพราะขายไม่ออกก่อน
๒. ล็อคสเป็คผู้ซึ้อแค่ ๔ เจ้าใหญ่
๓. ขายโดยไม่ผ่านระเบียนการ "ประมูล" ซึ่งเป็นระเบียบปกติของราชการ แต่ขายเงียบๆ
๔. เร่งรัดขายอย่างผิดปกติ และทำเป็น "เอกสารลับ" ให้ขายก่อนค่อยเปิดเผยทีหลัง

แหล่งข่าวรายงานว่า มีการวางแผนสองชั้น ให้แอบขายข้าวใหม่ไปก่อนล็อคใหญ่ไปเรื่อยๆ พอข้าวใหม่หมด ก็ฮั๊วกับรัฐบาลบีบขายข้าวเก่าราคาถูกๆ แล้วไปขายต่อต่างประเทศราคาแพง ทั้งที่เพิ่งมีกรณีข้าวพระราชทานเน่าเมื่อปลายสัปดาห์ก่อน


ดูข่าวข้าวพระราชทานเน่าของกระทรวงพาณิชย์ได้ที่ //www.go6tv.com/2010/08/blog-post_20.html

วันเสาร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2553คนจนช้ำ "จนแล้วต้องกินข้าวเน่า"

,กรุงเทพฯ.จากกระแสข่าว "ข้าวเน่า" โครงการถุงข้าวเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ของรัฐบาล ที่จะแจกถุงข้าวน้ำหนัก ๑ ก.ก. จำนวนทั้งสิ้น ๖๐ ล้านถุง โดยเริ่มแจกตั้งแต่วันที่ ๑๐ สิงหาคม ถึง ๕ ธันวาคมศกนี้นั้น

ประเด็นของการทุจริตที่เกิดขึ้น ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนจากฝ่ายผู้รับผิดชอบ

1.ค่าใช้จ่ายในการนำข้าวมาใส่ถุงที่ตอนแรกมีการตกลงกับบริษัทคู่สัญญาในจำนวนถุงละ 4.75 บาท แต่ปรากฎว่าเมื่อมีการลงมือทำจริงๆ กลับมีต้นทุนจ่ายบริษัทเพียงถุงละ 80 สตางค์ ทำให้เกิดส่วนต่างถึง 240 ล้านบาท ตรงนี้ใครได้รับไป

ในข้อนี้ ทางรัฐบาลยังไม่ได้ตอบคำถามถึงส่วนต่างค่าใช้จ่าย ว่าทำไมถึงต่างกัน แล้วเงินส่วนต่างไปใหน

2.กรณีการเปิดรับบริษัทให้ดำเนินการเอาข้าวใส่ถุง ซึ่งตอนแรกมีการประมูลและตกลงกันได้ว่าจะมีจำนวน 6 บริษัทที่ได้โควต้าบริษัทละ 10 ล้านถุง แต่ปรากฎว่ามี 2 บริษัทที่โดนเตะออก หนึ่งในนั้นมีบริษัท นครสวรรค์ค้าข้าว ทำให้บริษัท พงษ์ลาภ ได้รับโควต้าข้าวไป30 ล้านถุง ตรงนี้ยังไม่มีใครออกมาชี้แจงว่าทำไม 2 บริษัท ถูกเตะออกจากโครงการนี้

มีข่าวออกมาสักระยะแล้วว่า หลังจากที่ราคาข้าวในตลาดโลกสูงขึ้นเพราะเกิดอุทกภัย ต่างประเทศเพาะปลูกข้าวได้น้อยลงราว ๒๐ เปอร์เซน แต่ราคาข้าวในประเทศกลับตกต่ำไม่เป็นไปตามกระแสโลก แต่ในเวลาที่ราคาข้าวในตลาดโลกลดลง ราคาข้าวในประเทศก็ยังตกต่ำด้วยเหตุผลว่าราคาตลาดโลกลดลง แต่ประเด็นที่ได้ยินมาคือ "บริษัทใหม่ๆ ที่ไม่เคยอยู่ในสารบบค้าขายข้าว โผล่มารับโควต้าข้าวได้อย่างไร" มีใครอยู่ข้างหลัง

3.พบว่ามีการนำข้าวใหม่ที่มีราคาถูกกว่าไปใส่ถุงแทน ทั้งๆ ที่ควรจะต้องใช้ข้าวเก่า เนื่องจากข้าวเก่าไม่มียาง เป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศ ทำให้สามารถทำกำไรให้กับบริษัทได้มากกว่าได้กำไร 2 เด้ง จะเห็นว่า มีบริษัทใกล้ชิดกับคนอยู่เบื้องหลังรัฐมนตรี ซึ่งเป็นบริษัทที่เติบโตเร็วมากตั้งแต่คมช.มีอำนาจ จากปัญหาเรื่องข้าวโครงการแจกข้าวเฉลิมพระเกียรติฯมีกลิ่นทุจริต จนเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่อคส.ที่ลงไปตรวจสอบเรื่องดังกล่าวต้องถูกฆ่าตายในที่สุด

แต่การตอบคำถามของเจ้ากระทรวง นอกจากไม่ตอบข้อสงสัยข้างต้นแล้ว ยังตอบเลี่ยงไปเพียงว่า
"ข้าวล็อตนี้จัดเก็บไว้ข้ามปี อาจมีฝนตกเข้าไปทำให้ข้าวเน่า อาจมีไม่เยอะแต่จะเปลี่ยนให้ทั้งหมด" "บริษัทฯที่รับโควต้าขาดทุนนะเพราะว่าต้องมีต้นทุนเปลี่ยนข้าว และค่าบรรจุใหม่ทั้งหมด"

แต่ข้อสงสัยคือ "เวลาบรรจุข้าวใส่ถุง ผู้รับเหมาไม่ได้ดูเลยหรือว่าข้าวที่บรรจุเข้าไป มีปัญหา มีมอด มีเชื้อรา หรือข้าวเน่าหรือไม่ หรือเพียงแค่ห่อใส่ถุง ส่งๆไปเพราะคิดแค่ว่า "เป็นข้าวของคนจน" ไม่ต้องไปสนใจ


Create Date : 19 พฤศจิกายน 2553
Last Update : 19 พฤศจิกายน 2553 2:41:51 น. 0 comments
Counter : 1342 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jesdath
Location :
เชียงราย Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 35 คน [?]




Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
19 พฤศจิกายน 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add jesdath's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.