ผีเสื้อห้วย ผีกองก็อย แอ่นกะแต้-สัตว์ลึกลับ

ผีเสื้อห้วย กองก๋อย แอ่นกะแต๊
เท้าวายุ (ขอบคุณแหล่งข้อมูล)
Group: Destroy-x-tream
Posts: 12,178
Joined: 6-October 05

เรื่องที่ผมจะเล่านี้เป็นเรื่องจริงของนักผจญภัยผู้ยิ่งใหญ่ โจ๋ย บางจาก เรื่องมีอยู่ว่า คู่ทุกข์คู่ยากของคุณโจ๋ย ชื่อว่าโกมินทร์ เขาเล่าว่าเมือสิบกว่าปีก่อน สมัยดอยแม่สลอง ตำบลแม่สลองใน จังหวัดเชียงรายยังเป็นป่าดงดิบ มีไอ้ตัวประหลาดอาศัยอยู่ ซึ่งชาวบ้านทุกคนเรียกมันว่า "ผีเสื้อห้วย"
-------มันไม่ใช่ตำนาน เคยมีหลักฐานภาพถ่ายอยู่ในตู้เอกสารของ สวนสัตว์เชียงใหม่ เมื่อปี พ.ศ.2510 ซึ่งตอนนั้น สวนสัตว์เชียงใหม่ยังเป็นเอกชน ซากศพ "ผีเสื้อห้วย" ที่เชียงใหม่ ปัจจุบันไม่ทราบว่าอยู่ ณ ที่ใด แต่ผู้ที่เคยพบเห็นนั้นแจ้งว่า มันเป็นสัตว์ประเภทลิง แต่ไม่มีขน ดวงตากลมโต และอวัยวะส่วนขา ไม่มีข้อหัวเข่า หรือลูกสะบ้า มีสวนสูงราว 80 ซม.
-----------ไม่ได้มีการระบุเพศ จากคำบอกเล่าของชาวบ้านที่ได้พบเห็นเล่าว่า ตอนที่เขาไปถางหญ้าและแวะพักกินเมี่ยงแถวริมห้วยสายเล็กๆ แกได้ยินเสียงสิ่งของมีนน้ำหนักกระทบพื้นดิน จึงได้หันไปดูตามเสียง และได้พบเห็น "สิ่งมีชีวิต" ที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนมันเป็นกึ่งลิงกึ่งคน มีผมยาวถึงดิน กำลังนั่งประจันหน้ากับแกอยู่ มีแขนยาว ไม่นุ่งผ้า จนเห็นผิวหนังทั้งตัวไม่มีขน ดวงตากลมโต และมองไม่เห็นเพศ! หลังจากประจันหน้าได้ซักพัก "สิ่งมีชีวิต" ตัวนั้น ก็ทำคล้ายๆ ใช้แขนอันทรงพลัง ดีดตัวไปจากก้อนหินที่มันนั่งอยู่ ลอยหายไปในพงหญ้ารกเมื่อดูที่ก้อนหิน ได้สังเกตุเห็นรอยเท้าเล็กๆ ปรากฎเพียงข้างเดียว จึงไมแน่ใจว่าสิ่งมีชีวิตลึกลับนี้ใช้แขนหรือเท้าข้างเดียวเท่านั้น จึงกระโดดได้ไกลกว่า 10 เมตร
---------- คุณโจ๋ย จึงได้บันทึกเหตูการนี้ไว้ อีกสามปีต่อมา เรื่องราวเดียวกันนี้ได้ปรากกฎที่ชายแดนพม่า จากปากคำของเจ้าหน้าที่สถานนีวิจัยชาวเขา ในจังหวัดเชียงราย เล่าว่า เด็กชาวเผ่าอะข่าในหมู่บ้านใกล้กับสถานีได้หายตัวไป คนในหมู่บ้านจึงออกค้นหา และได้พบกับเด็กญ อายุ4 และ 7 ขวบที่หายไป กำลังแขวนตัวเอาหัวห้อยลงดินกับต้นไม้ แต่เด็กทั้งสองไม่ถูกพันธนาการใดๆ แต่ทั้งสองกลับไม่แสดงอาการหรือขอความช่วยเหลือจากผู้ไปพบเห็น จนผู้ใหญ่ต้องขึ้นไปนำลงมา ซักถามก็ไม่ยอมพูด แต่คนในในคณะได้สังเกตุเห็นว่า ที่โคนต้นไม้มี ห่อข้าวเหนียวแดง กับ ไข่ต้ม อยู่ในห่อ
----------จึงคิดว่ามีคนนำมาให้เด็กทั้งสอง จึงเก็บไปด้วยเพื่อให้เด็กกินระหว่างทาง แต่พอเดินพ้นดอยห่างมาราว 2 กม. เด็กทั้งสองก็ร้องไห้ และพูดจาไม่รู้เรื่อง จนคนในคณะจึงต้องช่วยปลอบไม่ให้ร้อง และเมื่อเดินทางใกล้ถึงหมู่บ้าน เกรงว่าเด็กจะหิว จึงนำห่อข้าวเหนียวแดงกับไข่ต้มที่เก็บมาจากโคนให้เด็กกิน แต่ปรากฎว่าเปิดห่อมากลับมีเพียงกรวดทราย กับ เมล็ดมะเดื่อป่าเท่านั้น และเมื่อกลับถึงหมู่บ้านเด็กทั้งสองก็จำความไม่ได้ เล่าแต่เพียงว่า มีลิงตัวเล็กๆมาพาเข้าไปแต่ไม่รู้ว่าทำไม่จึงยอมเดินตาม และไปห้อยอยู่บนต้นไม่ได้ และแล้วคุณโจ๋ยก็ได้ติดตามเรื่องนี้ไปอีกหลายปี
--------------ค้นหาพยานจาก พม่า ลาว และจีน ได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า นอกจากชื่อ "ผีเสื้อห้วย" แล้วชาวต่างชาติยังเรียกกันว่า "แอ่นกะแต้" "กองก๋อย" และ "กะแอ๊น" ทุกชาติต่างอธิบายรูปร่างคล้ายคลึงกัน ข้อมูลสุดท้ายที่คุณโจ๋ย ได้คือเป็นรูปจากกล้องภ่ายภาพติดระบบเซ็นเซอร์ด้วยแสงอินฟาเรด ตามทางเดินของสัตว์ ซึ่งได้ภาพแปลกๆหลายใบ แต่มีอยู่ภาพหนึ่งที่คุณโจ๋ย ฉงนสังสัย เป็นภาพของปลายเท้าสัตว์ชนิดหนึ่ง ปรากฎตรงมุมซ้ายของภาพทั้งๆที่กล้องได้คำนวนหน้ากล้องแบบมุมกว้าง ใช้ความเร็วระบบเฟล็ตอัตโนมัติ ตั้งสปิด 1 ต่อ 60 วินาที ซึ่งในลักษณะนี้ ความจริงน่าจะต้องมองเห็นสัตว์ได้ทั้งตัว ไม่ควรเห็นแต่ปลายขาที่มองดูคล้ายๆ ลิงกระโดดผ่านหน้ากล้อง คนในหมู่บ้านบนเขาเชื่อกันว่า "สัตว์ประหลาด" ตัวนี้มีอาคม เรื่องราวที่เหลือเชื่อของคุณโจ๋ย ยังมีอีกมากนะครับ ถ้าชอบเรื่องการผจญภัยในป่าก็ศึกษาเพิ่มเติมใน Internet ที่บ้านของท่านได้นะครับ

โดย : Lucky_13

-------อยากได้สัตว์ประหลาด ภูติผีปีศาจชนิดไหนๆ ไปขอที่ยัยมุกเด้อครับ เจออะไรแปลกๆเป็นอยากเลี้ยงไปหมด เหอๆๆ เจ้าชนิดนี้เรียกว่า กพันธ์ หรือกระพันธ์ เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิกึ่งอาคม โดยปกติอยู่คาบเกี่ยวระหว่างมิติมนุษย์และป่าหิมพานต์ วิ่งไวเหมือนลมพัด ฟันแทงไม่เข้า ที่ไทยเราเรียกว่า คงกระพันธ์ชาตรี ก็ได้สมญานามมาจากเจ้าตัวนี้นี่เอง
----------------------------------------------------------------------
----จากพระธุดงค์ที่ทรงอภิญญาบอกว่า ผีกองก็อย มันคล้ายอีเห็น แต่ปลายเท้ากลับชี้ไปด้านหลัง บางท่านว่าเหมือนชะนี แต่หน้าเท่างบน้ำอ้อย ร้องกองก๋อยๆ หากินกลางคืน เล่าว่ามันกลัวคนญสณนหรือพุดภาษาญวน เพราะคนญวนมีอาคม จับพวกมันมัดไว้ใช้งาน
--บางคนเห็นเป็นลิงขนาดใหญ่มานั่งผิงไฟด้วย ควักเขียดมากินสามตัว พวกเขาไล่ตีมัน แต่มันทนมาก ไม่ร้องเลย ตอนเช้า เพื่อนเขาตายไปสามคน เชื่อว่า เขียดนั้นก็คือวิญญาณของคนนั่นเอง ชาวป่าเชื่อว่ามันดูเลือดจากซอกนิ้วเท้าคน แล้วคนนั้นจะตาย

----นพ. นพพร เมืองแมน ก็ค้นคว้าว่า กะเหรี่ยงแถวเมืองกาญจน์ ก็เจอสัตว์คล้ายเอเลี่ยน เกรย์ ก็เรียกว่าผีเสื้อห้วย พูดไม่ได้ แต่อยากกินน้ำก็จะทำท่าทางให้ดู หรือส่งพลังจิต

---เวปพลังจิต--29-07-2009, 08:10 PM -------------------------
วันเกิดเหตุ : ไม่ระบุ ว่ากันว่าผ่านเดือนสองเดือนนี้สถานที่ : อำเภอปง จังหวัดพะเยา
เหตุการณ์ : ขณะชา่วบ้านสัก 10 กว่าคน ดำนากันกลางทุ่ง มีตัวอะไรไม่รู้ลอยลงมาหล่นปุ๊อยู่กลางนา เห็นว่าข้างข้างศาลอะไรสักอย่าง ชาวนาก้อพากันไปดู ตัวที่หล่นกลมๆ มีแขนมีขา ตาโตๆ มันก้อพยายามพลิกไปพลิกมา เหมือนจะลุก แต่คงจุกเลยลุกไม่ขึ้น คนเขาก้อไม่กล้าไปจับ กลัวเป็นไข้หวัด 2009 -*- แล้วสักพัก พอมันลุกได้ มันก้อลอยไปขึ้นไปบนท้องฟ้า แล้วก็หายวับไป ชาวบ้านก็เอามาพูดกันสนุกสนาน แต่คนที่อยู่ในเหตุการณ์จริงๆ เชื่อกันมาก และลือว่าเป็นมนุษย์ต่างดาว เราคนฟังว่าจะแอบไปถามคนในเหตุการณ์ในรายละเอียด เผื่อมาเล่าสู่กันฟังว่า มนุษย์ต่างดาวจะมีจริงแล้วหมดแรงหล่นกลางทุ่ง
น่าสงสาร มันจังเลย แล้วจะมาเล่าเพิ่มเติม อิอิ

---เคยอ่านในหนังสือ ของอาจารย์เทพพนมอ่ะ พวกชาวเขาจะเรียกว่า ผีเสื้อห้วย เล็กๆวิ่งเร็วมากๆ แบบว่าลอยเหนือพื้นประมาณนี้แหละ -----------------

---------------------------------------------------------

ผีโป่งค่าง ที่จริงก็คือ...........................
แกะน้อย
เท้าวายุ


From: ข้างหลังคุณ...


เรื่องโป่งค่างชาวบ้านถือว่าเป็นผีประจำอยู่ในป่า โป่งค่างเกิดจากสัตว์

ที่ถูกฆ่าตายกลายเป็นปีศาจมาหลอกหลอนบางที่ก็แปลงกายเป็นคนมาล่อให้นายพรานลงจากห้าง

จากนั้นก็ทำอันตรายนายพรานเสีย เรื่องของผีโป่งค่างบางครั้งก็เล่าว่าเป็นผีหรือเป็นสัตว์ที่หน้าตาคล้ายค่าง

และเมื่อพระยาราชเสนาเข้าป่าเมื่อเห็นค่างมากก็ถามถึงผีโป่งค่าง ก็ถูกผู้ใหญ่ห้ามไม่ให้พูดถึงทันที

เพราะถ้าไปถามเข้าอาจถูกมันดูดเลือดได้ แต่ครั้งนั้นไม่มีโอกาสได้เห็นผีโป่งค่าง และเมื่อเจ้าพระยาราชเสนาอายุ

30 ปี ได้มีโอกาสไปพบโป่งค่างที่หนองหงส์ และที่หนองหงส์ไม่มีใครกล้าพักแรมเพราะเป็นแหล่งที่โป่งค่างมาลง

โป่งค่างมีลักษระเหมือนลิง ร้องป๊อกเจี๊ยก ชอบอยู่ที่สูง มีอิทธิฤทธิ์ในการดูดเลือดคนเป็นๆและ

ก็จะตายในทันทีและพอถึงหนองหงส์ ท่านก็สั่งให้ลูกน้องพักผ่อนตัวเองจะคอยเฝ้ายามเอง แล้วคืนนั้นยากดึกสงัด

ท่านก็ได้ยินเสียงร้อง ป๊อกเจี๊ยก ป๊อกเจี๊ยกมาใกล้ๆ บริเวณที่ลูกน้องนอนอยู่

ทันใดนั้นเสียงก็เงียบไปจากแสงไฟที่ก่อกองเอาไว้ แล้วมันก็ค่อยๆไต่ลงมาจากต้นไม้ตรงไปที่ปลายเท้าของลูกน้อง

ที่นอนหลับอยู่พร้อมที่จะดูดเลือด เจ้าพระยาราชเสนาได้ยกปืนลั่นไกยิงไปที่ผีโป่งค่างทันที แล้วผีโป่งค่างก็ฟุบลงไป

และเมื่อเดินไปใกล้ๆก็สามารถเห็นมันมีรูปร่างเหมือนค่างแต่รูปร่างมันใหญ่กว่าค่างธรรมดา

หางสั้นเนื้อริมฝีปากข้างบนหดเหี้ยนจนเห็นเหงือก ชอบหากินตอนกลางคืนชอบดูดเลือด มักมาตัวเดียวไม่อยู่เป็นฝูง

-----เท้าวายุ
โดยส่วนตัวคิดว่า ผีโป่งค่างที่จริงคือลิงแก่ๆ ที่หากินไม่ไหว มันเลยลงมาหากินเลือดมนุษย์ เหมือนเสือสมิงที่เป็นเสือแก่ๆ หากินสัตว์อื่นไม่ไหว มันเลยฆ่าคน เพราะคนไม่มีพิษภัยและสู้เสือไม่ได้ครับ

------------------------------------------------------------


ตำนานผีล้านนาตอนผีเสื้อห้วย (ผีเสื้อห้วยเฝ้าอยู่ตามลำห้วยหนองน้ำในป่า เสียงดังกะหลุ้บกุ๊บกั๊บ......ผีเสื้อห้วยกำลังเอาบ่ะหินแป๋งลำห้วย ถ้าไผไปคุย(รบกวน)มือเอาบ่ะหินออกจากที่มันแป๋งมันจะไปรังควาญผู้นั้นเอาจ๋นต๋าย)

.........เรื่องเล่าใจความสั้นๆของผู้เฒ่าชาวล้านนาบอกลูกหลานมิให้ไปเคลื่อนย้ายหินในลำห้วย

ในป่าใหญ่ดงกว้าง ผู้คนที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องผีลำห้วยท่านจะเล่าให้ลูกหลานได้ฟังว่า

"ตามแม่น้ำลำห้วยทั่วไปในป่าจะมีผีรักษาลำห้วยมิให้ใครไปผู้ใดทำลาย ผู้คนที่ไปในป่าต้องระวังผีเสื้อห้วย มันมีลักษณะเหมือนยักษ์เหมือนเยนตั๋วใหญ่เขี้ยวงายาวโก้งโง้ง มีแฮงตึง(กำลังมาก)วันดีคืนดีผีเสื้อห้วยจะตกแต่งลำห้วย ด้วยการเคลื่อนย้ายหินผากลิ้งไปไว้ตามที่มันต้องการ ดังนั้นเมื่อคนเราเข้าไปป่าจึงได้พบเห็นลำห้วยหลายๆแห่งสวยงาม มีก้อนหินวางไว้ดูเหมือนคนเอาไปตกแต่ง ผีเสื้อห้วยมันช่วยกันรักษาลำห้วยเปรียบเหมือนดั่งมีเสื้อสวมใส่ปกห่มลำห้วยให้คงอยู่ตามธรรมชาติมิให้ใครไปบุกรุก หากใครกลิ้งหินลงถมหรือขวางลำห้วยถือว่า "ขึ้ด" ฝืนกฎของเจ้าป่าเจ้าเขา ผีเสื้อห้วยจะเสกเอาฝนเอาลมแฮงพัดต้นไม้โค่นล้มระเนนระนาดเพื่อขับไล่ผู้บุกรุกให้ออกจากป่า ผู้คนจึงสั่งสอนลูกหลานว่าเมื่อเข้าป่าอย่าได้กลิ้งหิน เคลื่อนย้ายก้อนผาไปจากที่ๆมันอยู่จะเกิดปรากฏการณ์ขึ้ดหรืออาถรรพ์ร้ายแรง ได้รับอันตรายจากผีเสื้อห้วยดังกล่าวแล้ว

นอกจากนี้ในลำห้วยยังมีจ๊างน้ำ(ช้างน้ำ)อาศัยอยู่ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงของผีเสื้อห้วย เลี้ยงไว้ช่วยรักษาดูแลมิให้ใครมาทำลายสายน้ำลำห้วยหากมีไผ(ใคร)ไปทำลายสายน้ำช้างน้ำจะแทงเงาของผู้บุกรุกทำให้ตายทันทีจมลงในลำห้วยนั้น ส่วนวิญญาณของผู้บุกรุกก็ต้องมาเป็นผีขี้ข้าให้ผีเสื้อห้วยไว้ใช้สอยรักษาดูแลลำห้วยสืบต่อไป

ผีเสื้อห้วยจึงเป็นผีที่คุ้มครองเหมือนดั่งเสื้อที่ปกป้องลำห้วยมิให้ใครมาทำลายสายน้ำลำห้วยในป่า
------------------------------------------------------------------
ตำนานผีล้านนาตอนผีโป่งดงดำ
(วิญญาณสัตว์ที่ถูกฆ่าตามโป่งมันผูกอาฆาตเมื่อมีโอกาสมันจะใส่ยำลงในตัวคน)
---------- ตามป่าทั่วไปเราจะพบสัตว์ป่ากินโป่งซึ่งเป็นดินที่มีธาตุอาหารพิเศษบำรุงให้สัตว์สมบูรณ์ตามธรรมชาติ ไม่ว่าสัตว์น้อยใหญ่จะต้องกินโป่งหรือง้วนดินเสริมพลังงาน ดินโป่งแต่ละที่มีความแตกต่างกันไปบ้างตามความเข้มข้นของธาตุอาหาร ขณะเดียวกันธาตุเหล่านั้นบางครั้งมีพิษต่อคนบางคนที่มีความต้านทานไม่เพียงพอ หากเดินไปใกล้หรือลงในดินโป่งจะเกิดอาการเรียกว่าผีโป่งใส่ยำ

ปู่ปั๋นแข้งแคะเตียว(เดิน)ป้อกกะแด้ก.ป้อกกะแด้ก...กะโผลกกะเผลกไม่สมประกอบ เพราะตอนที่ยังหนุ่มเขาชอบนำสินาดยาว(ปืนเฝ่า)ไปส่องสัตว์ที่ลงกินโป่งตามป่า สิ้นเสียงสินาด สัตว์ป่าไม่ว่ากวาง เก้ง ฯลฯ.ดิ้นกะด่าว...กะด่าว..สายตาเบิกโพลงด้วยความแค้นทั้งๆที่เลือดสาดยังปิ้มใจทนอดเหลือกตามองว่าใครเป็นผู้ยิงมัน ทั้งๆที่มันหากินอย่างสุจริตไม่เบียดเบียนใคร วิญญาณสัตว์ตัวแล้วตัวเล่าเมื่อสิ้นใจเปลือกตามันอ้าลืมไม่ยอมปิดวิญญาณยังเลื่อนลอยไปมาอยู่แถวดินโป่งด้วยแรงอาฆาตและหวงแหนถิ่นที่เป็นผีเฝ้าโป่งผู้คนเรียกกันว่า " ผีโป่งดงดำ "บางครั้งมันสบโอกาสเห็นคนหลายๆคนที่กำลังส่องสัตว์มันจะตะแหลงแปลงร่างเป็นสัตว์เข้ากำบังตัวคนผู้ใดผู้หนึ่งเพื่อหลอกคนอื่นๆหลงเข้าใจว่าเป็นสัตว์ป่าจึงยิงร่างผีสัตว์กำบังสิ้นเสียงปืนกลับเกิดเสียงคนร้องโอดโอยครวญครางกลายเป็นว่าพรานล่าสัตว์ยิงพรานด้วยกันเองกลายเป็นผีเฝ้าโป่งอยู่กับวิญญาณสัตว์ต่อไปตามเวรกรรม

บางครั้งวิญญาณผีโป่งป่ามันใส่ "ยำ " หรือง้วนพิษโป่งลงในตัวคนที่ไปเดินล่าสัตว์ตามโป่ง จนมีอาการหัวเข่าบวมเป่งผู้คนทั่วไปเรียกกันว่า " โรคโป่ง" หากรักษาไม่ถูกทางเนื้อตอนหัวเข่าเปื่อยยุ่ยกระดูกเข่าหล่อนเลาะเคาะแข้งหลุดจากขา เกิดอาการเจ็บปวดทรมานเป็นคนขากุดขาด้วน แต่บางคนรักษาถูกทางก็เพียงแต่อาการบวมยุบตัวลงเหลือเพียงหัวเข่าป๋มป้กค้กเดินกะโผลกกะเผลกไม่สมประกอบภาษาล้านนาเรียกกันว่า " เสีย-องค์-ก๊ะ"

ผีโป่งดงดำมันมียำ(พิษ)มันจะเปลี่ยนง้วนดินที่รสอร่อยกลายเป็นง้วนพิษที่สุดโหดอมผู่พ่นใส่หัวเข่าคนที่ลงไปเก็บซากสัตว์ในโป่งจนป่วยสมกับกรรมที่พวกเขาทำกับสัตว์ป่า......

-------------------------------------------------------------------------

ตำนานผีล้านนาตอนผีจ๊างน้ำลำห้วย ผีจ๊างน้ำมันแทงเงาคนที่ไปทำลายลำห้วย ผู้คนเล่าขานตำนานจ๊างน้ำ(ช้างน้ำ)มากมายหลายส่ำสายผู้คนล้านนาต่างก็มีเรื่องจ๊างน้ำที่แทงเงาคนที่ไปป่นปี้ทำลายกระแสลำห้วย ด้วยว่าจ๊างน้ำเป็นสัตว์เลี้ยงของผีเสื้อห้วยที่ช่วยกันรักษาป่า รักษาลำห้วยให้มีน้ำหลากไหลบริสุทธิ์สดใสให้ผู้คนได้ดื่ม สัตว์ได้กินเลี้ยงชีวิต

อันว่าจ๊างน้ำมันเป็นวิญญาณสัตว์ตัวเล็กเท่าๆหนูปุ๊ก(พุก)ที่แอบซ่อนอยู่ตามเงิบเงื้อมหินผา เทือกไม้ริมน้ำลำห้วย พวกมันอยู่กันเป็นฝูง หากวันใดเป็นวันเดือนเป็ง(เพ็ญ)พวกมันพากันออกมาหล้นเล่นตามหาดทรายในลำห้วย เสียงเล่นน้ำของพวกมันดังจุ๋มจ๋าม....จุ่มจ๋าม...ร้องดังแผ้...แผ้.......แต่ก็แปลก ไม่เห็นตัวมัน ผีจ๊างน้ำมันมีงาที่พิษร้ายหากงามันแก่จัดมันต้องถอดงาด้วยการแทงต้นกล้วยริมลำห้วยแล้วฝังงาคาไว้ ผู้คนที่มีบุญญาธิการมากนัก เมื่อไปเที่ยวเตียวแอ่วป่าก็จะเห็นงาช้างน้ำฝังคาต้นกล้วยอยู่ หากอยากได้ต้องอธิษฐานว่า " ถ้าผู้ข้าเป๋นคนมีบุญขอจักถอดงาวิเศษนี้ได้จิ่มเตอ๊ะ " แล้วทำการถอดงาออกมาจากต้นกล้วย แต่ถ้าไม่มีบุญก็ไม่สามารถถอดงาออกมาได้ผู้คนก็ต้องสุมา ขออภัยในการที่ล่วงล้ำก้ำเกินผีจ๊างน้ำ

ด้วยเหตุที่จ๊างน้ำมักถอดงาไว้ตามต้นกล้วยนี้เอง หากผู้คนอยากจับช้างน้ำหรืออยากได้งาช้างน้ำพวกเขาจะตัดต้นกล้วยไปขวางลำห้วยไว้ตอนใกล้วันเดือนเป็ง โดยหวังว่าจ๊างน้ำจะโกรธเพราะถูกขวางทางมันจะแทงให้งาถอดคาต้นกล้วยไว้ ผู้คนจะรอตอนกลางวันก็จะเข้าไปเก็บงาจ๊างน้ำมาไว้เป็นเครื่องรางของขลังนัยว่า มันป้องกันอาถรรพ์หรือขึ้ด ป้องกันเภทผีร้ายได้แม่นแต๊ดีหลี

หากว่าใครไปทำลายป่าไม้ลำห้วยพวกมันจะพากันแทงเงาของผู้คนแล้วปล่อยพิษเรียกกันว่า "ปิ๊ดเลาะ " ใส่ผู้คนพิษจะไล่เลาะไปตามกระดูกกระเดี้ยวเจ็บปวดตายในทันทีทันใดสะใจของของพวกผีจ๊างน้ำแต๊ๆ

ด้วยศักดาวิเศษของพิษงาจ๊างน้ำพ่อหมอผีทั้งหลายจึงคิดคำภาษาอัญเชิญวิญญาณผีช้างน้ำเข้าสิงงาช้างหรือมีดหมอเพื่อใช้เป็นอาวุธในการปราบไล่บรรดาผีร้ายซะป๊ะผี เรียกกันว่า "คาถาจ๊างน้ำ" มีคำขึ้นต้นว่า "โอม......จ๊างน้ำหน้อยงาแดง จ๊างน้ำแม่นแกว่นแตงเงา.........."ที่ละว่าง.....ไว้เพราะเป็นข้อห้ามของพ่อครูห้ามไว้มิให้ใครเรียนโดยไม่มีการยกครูจะผิดผีครู ทำให้ผู้ทรยศต่อคำสอนมักมีอันเป็นไปเรียกกันว่า " ผิดผีครู" เกิดอาการดั่งบ้า

เอาไว้วันต่อไปจะเล่าเรื่องผีครู.......ให้อ่านเน้อหมู่เฮา
-----------------ขอบคุณเว็ปหนานพรหมมา------------------------------
ช้างน้ำตัวเล็กๆ ที่ภาคใต้ก็มี โดยขุพันธุรักษ์ราชเดชเล่าว่า ห้วยนั้นจะเงียบ ไม่มีสัตว์ใดๆ ลงไปกินน้ำ ท่านเคยจับไว้ได้เอากาละมังครอบไว้ มันจะดิ้นอาละวาดน่าดู งามีพิษร้าย สัตว์ต่างๆ พากันกลัว
---เชื่อหรือไม่ว่าเคยมีช้างแคระหากินในเมืองไทย มีพวกเชื้อเจ้าจับมา ผิดอาหารไม่นานก็ตยหมด สูญพันธุ์ไปหมดแล้ว
------------------------------------------------------
'เชน' ช็อก ภาพหลุดกับผีเชียงใหม่

นักร้องดัง เชื่อเป็นขาผีสาวที่เชียงใหม่ โดยภาพหลุดกับผีเป็นภาพที่แฟนคลับรายหนึ่งส่งมา และเป็นแฟนคลับที่ไม่ได้ฟอลโลเขาในทวิตเตอร์...

เชน-ธนา ลิมปยารยะ นักร้องอาร์เอสฯ เผยแก่ไทยรัฐออนไลน์ กรณีมีภาพหลุดว่อนในสื่อทวิตเตอร์ เผยให้เห็นขาของหญิงสาว แทนที่ขาตนเอง เจ้าตัวขวัญผวา เผยว่าเป็นภาพแฟนคลับรายหนึ่งส่งมาให้ดูหลังไปร่วมรา ยการวิทยุรายหนึ่งที่ จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.ที่ผ่านมา

เชนเผยว่า ตนเองสวมกางเกงขายาว เชื่อแน่ว่าขาที่เห็นในภาพไม่ได้เป็นขาของตนเอง ตอนนี้พยายามหาแหล่งที่มาของภาพเพื่อพิสูจน์ข้อสงสัย

"ตอน เห็นครั้งแรก ผมสติแตกมาก ทำอะไรไม่ถูก ก็พยายามเช็คไปทางรายการวิทยุดังกล่าว เขาก็บอกว่าไม่ทราบแหล่งที่มา เชื่อว่ามีแฟนคลับรายหนึ่งถ่ายไว้ และทวิตมาให้ผม ตอนนี้ผมหลอนๆ เมื่อเช้าก็ไปทำบุญมาครับ"


-----------------------------------------------------------------------------



Create Date : 04 มกราคม 2554
Last Update : 5 มกราคม 2554 22:52:39 น. 2 comments
Counter : 8303 Pageviews.

 
ดีคร่า แวะมาทักทายน่ะคร่า


โดย: www.24hotcasino.com IP: 180.183.243.47 วันที่: 20 มกราคม 2554 เวลา:13:11:14 น.  

 
ผมติดตามพี่.มาตลอด.หนังสือ.ข่าวสารท.ทุ่กอย่าง.ไอดอล.ของผม.ผมชอบ.ชืวิตทึ่อิสะระ.ไม่จมปลัก.ในโลกมายา.ขอบคุณครัยพื่.ทิ่ให้ผมระบายในใจ.ตั้งเเต่เด็ก.เข้าป่่าเหมือนพื่.ดืกว่า.สยายใจดี.ไม่เก็ยกด.กับผูัคนรอบข้าง..สุดจะพรรณาครับ.สุดท้ายนื้
ขอให้.มีเเต่.ความสุข.กับสิงที่ใด้.เปิดโลกกว้าง.ให้ผู้คนใด้เห็น/


โดย: มนัส IP: 49.230.233.228 วันที่: 2 พฤศจิกายน 2558 เวลา:12:50:50 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jesdath
Location :
เชียงราย Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 35 คน [?]




Group Blog
 
<<
มกราคม 2554
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
4 มกราคม 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add jesdath's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.