การแพทย์แบบรวมมิตรวิทยา 3(ทุกคน"ควรต้องอ่าน")

บทความนี้ยาวมาก อาจทำให้น่าเบื่อ คิดว่าจะตัดมาตอนสำคัญและให้ดาวน์โหลดนะครับ
--ในส่วนที่ไม่มีอันตราย --สามรถทำตามได้ครับ เช่นการถ่ายยา แต่อย่าเพิ่งรักษาให้ผู้อื่น มีเวรกรรมที่จะมาถึงท่านนะครับ

--การรักษาสุขภาพร่างกาย ก็เป็นไปตามแผนไทย เช่น ไม่ดื่มน้ำเย็นจัด น้ำอัดลม ชา กาแฟ น้ำตาล เว้นเนื่อสัตวใหญ่ กินปลาบ้าง ก็จะมีผลดี อาบน้ำอุ่นสลับน้ำเย็น เว้นของหมักดอง และ งดรสเค็มจัด เปรี้ยวจัด หวานจัด สิ่งปรุงรสทุกชนิด--ยอมให้แต่ซีอิ๊วขาวบ้าง

---การสั่งานลูกตุ้ม ให้ใช้จิตสั่งงาน หรือจะให้ดี พูดออกมาเลยครับ--เดี๋ยวจะให้รายละเอียดครับ
------------------------------------
“ทอม ลองตรวจให้น้าจูใหม่สิ”
ทอมพยักหน้า “ได้เหรอ ? จะให้ลองใหม่เหรอ ?”
เธอหยิบลูกดิ่งออกมาจากถุง แล้วขอมือน้าจู เริ่มตรวจ
เพียงไม่กี่วินาที ลูกดิ่งเริ่มขยับ ทำงานตามคำถามที่เธอตั้ง เธอยิ้ม พยักหน้ากับตัวเอง คำถามเป็นชุด ๆ ถูกสื่อสารไปหาลูกดิ่ง ได้รับคำตอบในเวลาอันรวดเร็วเช่นที่เธอเคยทำได้
ทอมเงยหน้าขึ้นมาทางอี๊หลิน
“อี๊หลินคะ จดนะคะ…. น้ำต้มเห็ดสามอย่าง ทานแทนน้ำเปล่า วันละหนึ่งลิตร เพื่อไปล้างเซลมะเร็ง ทานขมิ้นชันสี่แคปซูลทุก ๆ สองชั่วโมง ถ้าลืมก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องไปทานชดเชยนะคะ แต่ช่วงบ่ายสามถึงห้าโมงเย็น ให้ทานสิบแคปซูล อันนี้จะช่วยเรื่องระบบเพศ น้าจูทำน้ำกระชายปั่นได้มั้ยคะ?”
“ถ้ามีเงินพอซื้อมุกสกัด ให้ทานมุกสกัดตอนช่วงบ่ายสามถึงห้าโมงเย็นสองเม็ด มุกสกัดจะไปเพิ่มเอสโตรเจนให้เร็วที่สุด เพราะน้าจูขาดเอสโตรเจนมาก มีสูตรแทนได้คือ น้ำกระชายปั่นผสมใบบัวบก แล้วก็ผสมมะม่วงสุกปั่น ทานสองสามแก้วในระหว่างเวลานี้ น้ำกระชายจะไปช่วยบำรุงมดลูก มะม่วงสุกปั่นจะไปเพิ่มเอสโตรเจน ทั้งหมดนี้ ให้ทำไปก่อนหนึ่งเดือน แล้วหลังจากนั้น ค่อยมาตรวจใหม่”
************
ศิษย์มีครู
ถ้าทอมคิดว่าวิชาลูกดิ่งนี้ เป็นวิชาที่มีค่า แล้วก็มีครู ยิ้มหมายถึง คงต้องมีเทวดาช่วย อย่างน้อยก็เทวดาประจำตัวทอมน่ะ… น่าจะมี ?”
ทอมพยักหน้า “ใช่ ๆ ต้องอาศัยเทวดา”
“อือ… ถ้างั้น เราก็ไม่ควรไปตรวจใครถึงที่ แต่เขาต้องมาหาเราแทน เราควรจะบอกคนที่สนใจให้มาหาเรา เป็นการทดสอบศรัทธาก่อนนะ ถ้าเขาไม่สะดวก แสดงว่าเวลาเขายังไม่ถึงนะคะ เขายังไม่พร้อม แต่ถ้าเราไปบริการเขาถึงที่บ้านนี่ ความมีค่าของเราก็หมดไป”
“อือ เราลืมคิดเรื่องนี้ไปเลย”
“ทอมรู้มั้ยคะ ว่าทำไมลูกดิ่งของทอมไม่ทำงานตอนตรวจให้น้าจูตั้งแต่แรก ?”
“เพราะน้าจูติดเจ้ากรรมนายเวร”
“ไม่ใช่นะ นั่นเป็นเรื่องนึง แต่อีกเรื่องนึงคือ วันที่ทอมตรวจผ่านรูปให้น่ะ ทอมตรวจให้ที่ไหน สถานที่ของใคร ?”
“บ้าน รินทร์ ทอมไปหารินทร์ที่บ้าน”
“นั่นคือเหตุผลนะคะ ทอม ถ้าทอมให้รินทร์มาหาทอมที่บ้านเอง ลูกดิ่งก็จะใช้ได้ เทวดาของทอมน่ะ ท่านเป็นพรหมเลยนะ องค์นี้ท่านถือตัวพอสมควร ที่ยิ้มมาวันนี้ ก็จะมาเตือนทอมเรื่องนี้ วันนี้ท่านแม่ได้เจรจากับเทวดาของทอม จึงทำให้ทอมตรวจน้าจูได้ แต่เทวดาของทอม ก็บอกท่านแม่ว่า ให้เตือนทอมเรื่องนี้ด้วย ถ้าเคารพศรัทธาในท่าน ทอมก็ต้องไม่ไปเที่ยวเสนอตรวจให้ใคร ๆ ถึงบ้านเขานะ แต่ถ้าเขาเห็นค่า ให้เขามาหาเราในที่ของเรา ไม่งั้นต่อไป ท่านก็จะไม่ช่วยทอมแล้วนะคะ”
“โห… ยิ้ม ขอบคุณมาก ขอบคุณมาก ขอบคุณท่านแม่ด้วย นี่ถ้าไม่บอกเรานะ เราคงไม่มีทางรู้ อือ… เราไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลยนะ ยิ้ม ความจริงเที่ยวเร่ไปตรวจใครต่อใคร มันก็ไม่ใช่เรื่องเนอะ”
เพื่อนส่งยิ้มให้แทนคำตอบ
***************
สวัสดีค่ะ พี่ทอมว่างอยู่หรือเปล่า ? แฟนนี่ถามเรื่องประเมินสุขภาพหน่อยได้มั้ยคะ ?”
“ได้จ๊ะ ประเมินให้ใครล่ะ ?”
“ให้เพื่อนคุณพ่อค่ะ ตอนนี้คุณอานั่งอยู่ข้าง ๆ นี่ มีอาการปวดไหล่ค่ะ ปวดทุกวัน แต่ก็ไม่มาก”
“แล้วแฟนนี่ถามเรื่องหลัก ๆ หรือยัง ? พยาธิ ไวรัส เชื้อรา กระดูกเคลื่อน ?”
“ค่ะ แฟนนี่ถามแล้ว กระดูกปกติ ไม่มีไวรัส ไม่มีเชื้อรา มีพยาธิ แต่พยาธิไม่ได้ทำให้ปวดไหล่ค่ะ”
“พยาธิตัวไหน ?”
“พยาธิไส้เดือนค่ะ”
ทอมฟังแล้วเข้าใจ ตามประสบการณ์ พยาธิจะทำให้อาการปวดที่มีอยู่เดิม เพิ่มมากขึ้น เพราะเลือดน้อยลง แต่การกำจัดพยาธิอย่างเดียว ก็ยังไม่ได้แก้ต้นเหตุ
“มีไข้ด้วยหรือเปล่า ?”
“ไม่มีค่ะ”
“โอเค งั้นถามตามนี้นะ ถามกรดยูริค ถามว่ามีกรดยูริคเกินปกติใช่หรือไม่ ?”
“ค่ะ” แฟนนี่ จ่อลูกดิ่งที่ฝ่ามือของผู้ป่วย แล้วตั้งจิตถาม ไม่กี่อึดใจ ลูกดิ่งก็ทำงาน
“ไม่มีค่ะ”
“ต่อไป ถามว่า มีสะเก็ดเลือดใช่หรือไม่ ?”
“ค่ะ” ทันทีที่ตั้งจิตถาม ลูกดิ่งก็แกว่งทันใด “ใช่คะ มีสะเก็ดเลือด”
“ถามต่อว่า สะเก็ดเลือดนี้ ทำให้ปวดไหล่ใช่หรือไม่ ?”
แฟนนี่ตอบกลับทันที “ใช่ค่ะ”
ถามสูตรว่าต้องใช้สูตร โยเกิร์ตหนึ่งถ้วย น้ำมันงาหนึ่งช้อนโต๊ะ ใช่หรือไม่ ?”
“ใช่ค่ะ”
“โอเค งั้นถามจำนวนวัน ว่าต้องทานกี่วัน ?”
แม่มดน้อยเริ่มถามไล่จำนวนวัน จนได้คำตอบ “เจ็ดวันค่ะ”
“อื้อ เจ็ดวันก็เจ็ดวัน ก็บอกให้ทำสูตรนี้ โยเกิร์ตรสธรรมดาหนึ่งถ้วย แล้วใส่น้ำมันงาไปหนึ่งช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากัน แล้วทานให้หมด วันละหนึ่งครั้ง เวลาไหนก็ได้”
“พี่ทอมคะ สะเก็ดเลือดเกิดจากอะไร ?”
“สะเก็ดเลือด เกิดจากแต่ก่อนเคยกระทบกระแทก หรือ เกิดอุบัติเหตุ เลือดก็จะจับตัวเป็นลิ่ม นาน ๆ เข้าก็ตกผลึกแห้ง เป็นสะเก็ด เมื่อวิ่งไปติดตรงไหน ก็ทำให้อวัยะนั้นมีปัญหา สูตรที่ให้นี้ ช่วยสลายสะเก็ดเลือดได้จ๊ะ”
“ค่ะ ขอบคุณมาก
************
..........ต้องตามที่เขาคิด แล้วชั้นยึดมั่นกับอะไรอยู่ ถึงไม่ยอมปล่อยวางซักอย่าง ? ”
“ลาออก ก็ไม่ได้แปลว่ายอมแพ้ใช่มั้ยครับ ?”
“มีสิ่งที่เราต้องเอาชนะอยู่สิ่งเดียว ยอมแพ้ไม่ได้ คือ กิเลส นอกนั้น ยอมได้หมด ไม่จัดว่าแพ้อะไรทั้งนั้น มันไม่มีการแพ้ชนะอะไรในโลกนี้ตามแบบที่คนทั่วไปมองกัน คนเราทุกวัน ต้องต่อสู้กับกิเลสของตัวเอง เรื่องอื่น ๆ ยอมให้ได้หมด เรื่องที่ยอมไม่ได้คือ ปล่อยให้กิเลสชนะเรา ปล่อยให้ความยึดมั่นเอาชนะเรา แล้วมันก็ชนะเรามาตลอด…”
“ยึดมั่นในสิ่งที่ไม่ถาวร ในสิ่งที่เป็นทุกข์ ในสิ่งที่ไม่ใช่ของเรา”
“จบเลย นั่นแหละ ตอบได้ตรงเป๊ะ

******
“เออ… คนที่ฝึกไม่ได้เพราะเขาตั้งใจคิด แล้วพยายามเพ่งให้เห็นทางตา ซึ่งมันไม่ใช่ มโนมยิทธิมันคืออารมณ์นึก ไม่ใช่อารมณ์คิด แต่มันจะมีความเป็นทิพย์อยู่ โดยเราไม่รู้ตัว
***************
*************
ผลประโยชน์ขัดกัน
“หมอที่โรงพยาบาลเค้าก็มีวิธีวิเคราะห์ตามศาสตร์ของเค้า หมอโรงพยาบาลน่ะ เค้ารักษาโดยยึดหลักสถิติ ว่าคนที่มีอาการแบบนี้ส่วนใหญ่แล้วมีสาเหตุมาจากอะไร แต่น้องนี่ใช้วิธีแบบคัสต้อมเมด ใช่มั้ย ? แฟนนี่เล่าให้ฟังถึงวิธีการใช้ลูกดิ่ง อย่างที่พวกเราทำนั่นน่ะ เรียกว่าคัสต้อมเมด เจาะไปที่คนคนนั้นเลย ไม่ต้องสนใจว่าสถิติคนทั่วไปเป็นยังไง ฉันจะถามเอาเฉพาะคนคนนี้เลยว่า เค้าเป็นอะไร”
“น่าทึ่งนะ ผมเองก็เชื่อว่ามีคนสามารถรักษาโรคด้วยวิชาพิเศษแบบนี้ แต่ไม่เคยคิดว่า วันนึง หลานสาวตัวกะเปี๊ยกที่เห็นมาตั้งแต่เกิด กลับจะมีวิชานี้ นี่ทำให้ผมทึ่งมาก”
“ตอนผมถูกให้ออกซิเจน รู้สึกว่าร่างกายมันเริ่มพังไปทีละส่วน แต่สมองยังพอจะทำงานได้ ก็คิดอะไรไปต่าง ๆ นานา เรื่องที่ไม่เคยมองไม่เคยคิด ก็กลับมาคิด เรื่องที่เคยคิดแล้วหาคำตอบไม่ได้ ก็เริ่มเห็นคำตอบชัดขึ้น ผมเรียกกระบวนการนี้ว่า ซับไซด์ แอนด์ คริสตัลไลซ์” เขาหันมามองภรรยา
“ซับไซด์ แอนด์ คริสตัลไลซ์ หมายถึง เวลาความคิดที่ขยายไปเรื่อย ๆ มันเริ่มละเอียดลง เราคิดไปจนขอบเขตมันแคบไปเรื่อย ๆ คือ ความคิดมันเริ่มซับไซด์ลง แล้วมันก็ตกผลึก คริสตัลไลซ์ ปัญหาที่แต่ก่อนเคยคิดวนไปวนมา มันเริ่มมีคำตอบที่น้อยลง ๆ จนเหลือคำตอบเดียว อย่างนี้เรียกว่า ความคิดตกผลึก นี่เป็นกระบวนความคิดนะ เวลาเราผ่านประสบการณ์เยอะขึ้น คำตอบของชีวิตมันจะชัดขึ้น”
“หลังจากผมป่วยหนัก คำตอบหลายอย่างในชีวิตก็ชัดขึ้น เรียกว่ายังไงดี เรียกว่าหาแกนของตัวเองเจอ หลังจากผมออกจากรามา ฯ ก็ได้มาเจออาจารย์เก่ง เหมือนกับว่า ชีวิตผมได้เปลี่ยนไปอีกมุมนึง”
“ผมออกจากรามา ฯ แล้ว อาการดีขึ้น แต่น้ำหนักก็ยังต่ำกว่าเดิมเยอะ ก็มีสส.นครปฐม พาอาจารย์เก่งมาหาที่บ้าน แล้วอาจารย์ก็เริ่มรักษาด้วยวิชาอาจารย์ ความจริงไม่ใช่รักษา อาจารย์ท่านเรียกว่า ฝึกพลัง ท่านไม่ใช้คำว่ารักษา ใช่มั้ยอาจารย์ ?”
“ครับ ผมจะไม่ได้รักษาใคร ผมแค่เพียงบอกวิธีให้คนป่วยฝึกเอง แล้วรักษาตัวเอง แต่ครั้งแรกๆ ผมจะตรวจให้เขาก่อน
แล้วต่อไป ไปฝึกเอง”
---------------------
ผมเรียนมาหลายวิชา วิชาพลังจักรวาลนั่นก็แค่หนึ่งอย่าง เรื่องหายใจนี่ผมฝึกมาจากพระอาจารย์ของผม ที่ผมสอนคุณแอ๊ดมีหลายวิชา จากหลายอาจารย์”
“อาจารย์เก่งเล่าให้ฟังได้มั้ยคะ ว่าจะตรวจยังไงว่าเค้ามีสุขภาพเป็นยังไง แล้วต้องฝึกวิชาอะไรถึงเข้ากับโรคนั้น ?”
“เริ่มต้น ต้องตรวจสมดุลเสียก่อน แต่วิชานี้เป็นวิชาที่เล่าให้ฟังลำบาก”
“ตรวจสมดุลก็คือ เราจะหาสาเหตุของการเจ็บป่วย วิชานี้ต้องสวมร่างเขาทับในร่างเรา ฟังแล้วจะงงนะ ว่ามันทำกันได้แบบนี้เหรอ คือ คล้าย ๆ กับเราถอดจิตเราไปอยู่ในร่างเขาน่ะ แต่ของผมน่ะ มันไม่ใช่เราไปอยู่ในร่างเขา แต่เราเอาส่วนที่มีปัญหาของเขา มาอยู่ในร่างเรา เดี๋ยวผมแสดงวิธีให้ดู”
อาจารย์วัยห้าสิบปี ขยับแว่นตา สำรวจร่างกายของทอมโดยใช้สายตากวาด ตั้งแต่หัวลงมาถึงลำตัว ลงมาถึงปลายเท้า เขายื่นมือขวาออกมาข้างหน้า ห่างจากท้องน้อยของเธอประมาณคืบ แล้วค้างมือไว้อย่างนั้นประมาณสิบวินาที “ตรงนี้ปกตินะ ระบบเพศหนูไม่มีปัญหา”
---------------------
อาจารย์เก่งเลื่อนมือขึ้นมาที่ระดับสะดือ “ฐานนี้ปกติ”
เขาขยับมือขึ้นมาที่ระดับหน้าอก “ตรงนี้มีปัญหานะ จักระนี้หนูผิดปกติ” (จุดพลังงานจักระ Chakra--มีเจ็ดจุด)
“ต่อมา หนูนั่งตัวตรงนิดนึง ปล่อยปลายนิ้วชี้ลงดิน แบบนี้นะ นั่งสบาย ๆ หายใจเข้าออก ผ่อนคลาย ค่อย ๆ หลับตานะ คิดว่าข้างในร่างกายเราโปร่งใส” “เดี๋ยวผมจะยกจักระที่มีปัญหา มาสวมที่ตัวผม หนูก็หลับตาไปเรื่อย ๆ ไม่ต้องทำอะไร”
เขาทำฝ่ามือเป็นท่าคล้ายอุ้มลูกบอลอยู่ด้านหน้าทรวงอกของทอม แล้วดึงฝ่ามือนั้นกลับมาทาบที่หน้าอกของเขา แล้วค่อย ๆ หลับตา รุ่งพอตีความได้ว่า ลักษณะการทำท่านั้น คือ การดึงเอาอวัยวะที่มีปัญหาของทอม เข้ามาที่ตัวเขาเอง เพื่อวิเคราะห์ จะใช่หรือไม่ เขาก็ไม่แน่ใจ แต่หากวิชานี้สามารถทำให้คนฝึกรู้อาการคนป่วยได้จริง นับว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์ เป็นอีกศาสตร์ที่เขาไม่เคยรับรู้มาก่อน
---------------------
“ผมก็มีลูกศิษย์มาให้ตรวจมาเป็นสิบปีแล้ว นับไม่ถ้วน ใครเป็นใครบ้างผมก็จำไม่ได้ ก็มีอยู่กลุ่มหนึ่ง มาให้ตรวจ ผมก็ตรวจแล้วก็เจอว่า คนกลุ่มนี้มีอาการเหมือน ๆ กัน คือ เย็นเกินไป หัวใจมีปัญหา ระบบปราณไม่สมดุล ธรรมดาคนที่มากันเป็นกลุ่ม ต่างคนก็มีปัญหาต่างกันไป แต่กลุ่มนี้ ปัญหาเหมือนกันหมดเลย ตอนนั้นมากันประมาณสี่ห้าคน”
“อาการเป็นยังไงบ้างคะ ?”
“อาการเหรอ … ก็ อ่อนเพลีย หมดแรง บางคนก็แขนขาชา เหนื่อยหอบ พอพบว่าข้างในเย็น ขาดสมดุล ผมก็ซักถามเรื่องการใช้ชีวิต อาหารการกิน พบว่า คนกลุ่มนี้กินอาหารเหมือนกันหมดเลย ส่วนที่เหมือนกันคือ กินน้ำปั่นผักทุกวัน วันละสองแก้วอย่างต่ำ แล้วก็มีสูตรอาหารที่กินล้างพิษ ผมก็บอกว่า ใช่เลย ถ้าขนาดกินทุกวันนี่ ไม่ต้องสงสัย เลยให้พวกเขางดน้ำผักปั่น งดอาหารล้างพิษที่มีคนบอกให้กิน แล้วก็กินข้าวเหนียวเพื่อเพิ่มความร้อน ผมให้กลับไปกินอาหารตามปกติ พวกเขาก็กลับไป สิบกว่าวัน ก็ยกโขยงมากันเกือบสิบคน บอกว่าพวกที่มากันวันก่อน อาการอ่อนเพลียหายหมดเลย จากคนที่เดินขึ้นบันไดยังเหนื่อย กลับมีแรงเหมือนปกติ ไอ้ที่ยกคนมานี่ คือมีอาการเดียวกัน จะให้มาช่วยดูให้อีก ปรากฏว่า เป็นเหมือนกัน คือ กินแต่น้ำผักปั่น แล้ว ก็สูตรอาหารล้างพิษ”
“อือ… ค่ะ ใครไปบอกให้พวกเค้ากินสูตรนั้นล่ะคะ ?” ทอมถามต่อ
“ใครที่ไหนล่ะ คนพวกนี้มีเงิน ก็ไปเข้าศูนย์ธรรมชาติบำบัดบ้านธรรมชาตินี่แหละ เขาก็มีคอร์สของเขา เริ่มต้นเข้าไป ต่างคนก็มีอาการอื่น ๆ พอเริ่มบำบัดไปเรื่อย ๆ อาการกลับแย่ลง ยิ่งเหนื่อยมากขึ้น พวกเขาก็เลยสงสัยว่ารักษาผิดทางหรือเปล่า พอดีเพื่อนเขาเป็นลูกศิษย์ผม ก็พามาหาผม ”
--------------------
ผมไปเจอวิชาตรวจสุขภาพด้วยลูกดิ่ง เขาสามารถรู้สุขภาพเราได้โดยไม่ต้องแตะตัวคนป่วย เพียงแต่เอาหินมาจ่อที่ฝ่ามือ มันเป็นวิชาที่ใช้พลังจิต...."
เขากลับชะงัก เพราะไม่แน่ใจว่าคุณย่าจะเข้าใจเรื่องพวกนี้ขนาดไหน แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังหาคำอธิบายเรื่องนี้ได้ยาก เขาควรจะข้ามเรื่องพลังลี้ลับของวิชานี้ หรือ ควรจะเล่าเพื่อทำให้เกิดศรัทธาก่อน ถ้าหากยิ่งเล่าแล้ว กลับกลายเป็นตัวตลกของคนฟังล่ะ เขาควรหาวิธีพิสูจน์
แต่เขาจะพิสูจน์อย่างไร ในเมื่อความเชี่ยวชาญในการใช้วิชาลูกดิ่งของเขาก็ยังมีน้อยมาก หากต้องมาพิสูจน์ต่อหน้าคนที่ไร้ศรัทธา ลูกดิ่งคงไม่ทำงานแน่ ๆ
คุณย่าเขย่ามือรุ่งอีกครั้ง "หลาน ว่าไง ? ทำไมเงียบไปล่ะ ?"
"อธิบายลำบากครับ มันเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น ต้องมีความเชื่อด้วย"
"เรื่องความเชื่อเหรอ ? อธิบายยากล่ะสิ ฟังย่าเล่าก่อนดีมั้ย ?"
---------------------
"พี่เพ็ญ ผมจะเล่าให้ฟังว่าผมพบอะไร มีอยู่สามอย่าง ที่เป็นเรื่องสำคัญ อยากให้ช่วยกันจัดการสามเรื่องนี้ก่อน อาการคุณย่าจะดีขึ้นแน่นอน"
"ได้เลย รุ่ง ว่ามา
"อย่างแรก คุณย่ามีพยาธิสองชนิด ทั้งตัวกลม และ ตัวแบน พยาธิจะกินเลือดจนทำให้โลหิตจาง มีอาการอ่อนเพลีย ขับถ่ายไม่สะดวก คุณย่าต้องถ่ายพยาธิ ผมเขียนยาที่ต้องไปหาซื้อให้ในกระดาษนี้นะครับ ให้กินตามนี้"
"พยาธิเหรอ ? อือ ไม่เห็นคุณหมอได้เตือนเรื่องนี้เลย สมัยนี้ก็ไม่ได้ยินว่าใครเขาเตือนให้ถ่ายพยาธิกันแล้ว"
"เป็นไปได้ เป็นไปได้มากเลย สมัยก่อนเราจะเห็นว่าโบราณจะจับเด็กถ่ายพยาธิกันบ่อย ๆ เดี๋ยวนี้ไม่มีใครพูดถึงพยาธิกันแล้ว"
"เรื่องที่สอง คุณย่ามีโซเดียมในเลือดสูง จะต้องลดโซเดียม โดยการงดทานของประเภท ถั่ว รวมทั้งอาหารที่ทำจากถั่วด้วย เช่น นมถั่วเหลือง น้ำเต้าหู้ แล้วก็งดของดอง ตัวอันตรายก็คือข้าวเหนียว เพราะมีโซเดียมสูงมาก แล้วคุณย่าต้องทานผักสด ผลไม้สด เพิ่ม เพราะมีโปตัสเซียมสูง หัวใจคนเรา ต้องการระดับโปตัสเซียมกับโซเดียมในปริมาณที่สมดุล ปริมาณที่เหมาะสมนั้น จะต้องมีโปตัสเซียมมากกว่าโซเดียม เอาเป็นว่า คุณย่าต้องงดอาหารจำพวกที่ทำมาจากถั่ว งดของดอง แล้วก็งดข้าวเหนียว รวมถึงอาหารขบเคี้ยว บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เพราะมีโซเดียมสูง "
"ได้ ๆ คงต้องจัดการกับน้ำนมถั่วเหลืองของคุณมัณ"
"เรื่องสุดท้าย คุณย่ามีกระดูกเคลื่อน ที่คอ กับ หลัง เดี๋ยวผมจะสอนพี่เพ็ญ ให้ทำให้คุณย่าทุกวัน" "ผมคิดว่า คุณย่าอาจจะหายได้ด้วยวิธีธรรมชาติบำบัด เพราะผมเคยได้ยินอาจารย์เล่ากรณีแบบนี้ ที่หมอแผนปัจจุบันใช้เวลารักษานาน ส่วนใหญ่ก็พยุงไว้ กำเริบทีนึงก็บำบัดทีนึง แต่อาจารย์ที่สอนผม จะสอนให้แก้ต้นเหตุ แล้วต้นเหตุบางทีมันแก้ได้ง่าย จนไม่มีใครเชื่อ"
"ย่าเชื่อ" คุณย่าตอบทันที
"น้องวิก็เชื่อค่ะ คุณย่ารักษาโรคนี้กับหมอมานานแล้ว ไม่เห็นมีอะไรดีขึ้น มีแต่จะแย่ลง แล้วหมอก็ไม่เคยเตือนเรื่องกินข้าวเหนียวเลย ถ้าวันนั้น คุณย่าเป็นอะไรไป หมอคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเพราะข้าวเหนียว"
---------------------------
************
รุ่งหยิบลูกดิ่งในกระเป๋ากางเกงออกมา ยืนโน้มตัวเข้าหาคนป่วย ยื่นลูกดิ่งจ่อเหนือหน้าผากของคนไข้ที่กำลังหลับสนิท จิตรวบรวมสัมผัสทั้งหมดในร่างกายเป็นสมาธิได้อย่างรวดเร็ว ในใจยิงคำถามทันที
"ฉันช่วยคนคนนี้ได้หรือไม่ ?"
ลูกดิ่งนิ่ง ไม่เคลื่อนไหว
รุ่งตั้งคำถามกับตัวเองทันที 'แล้วเราจะถามคำถามนี้ไปทำไม ? ถ้าเรามั่นใจว่าเราช่วยได้ เราก็ไม่ต้องถามคำถามนี้'
เขาข้ามไปคำถามถัดไป "คนป่วยคนนี้ ไม่มีเจ้ากรรมนายเวรใช่หรือไม่ ?"
ลูกดิ่งนิ่ง หมายถึง คำตอบปฏิเสธ
แล้วเขาก็นึกหัวเราะตัวเองอีกครั้ง 'แล้วกูจะถามคำถามนี้ทำไมอีกวะ ? เปิดโอกาสให้ลูกดิ่งปฏิเสธ โง่จริง ๆ'
เขาตัดสินใจข้ามคำถามนี้ ตรงไปยังคำถามที่เกี่ยวกับโรคทันที
คำถามเรื่องหมวดหมู่ของโรคพยาธิ ถูกยิงออกไปทันที ในทุกคำถาม ลูกดิ่งให้คำตอบได้เพียงไม่ถึงสองวินาที คำตอบที่พบคือ
...มีพยาธิตัวแบนจำนวนมาก
คำถามหมวดต่อไป สำหรับจุลินทรีย์ที่ทำลายเม็ดเลือด คำตอบที่พบคือ
.. มีไวรัสในไขกระดูก มีเชื้อราในระบบดูดซึม
คำถามหมวดต่อไป สำหรับอุปสรรคในการไหลเวียนของเลือด คำตอบที่พบคือ
... มีสะเก็ดเลือดตกค้าง
อวัยวะส่วนใด ที่สะเก็ดเลือดไปตกค้าง เขาควรจะไล่ถามไล่เรียงตั้งแต่ศรีษะลงมา
ฉับพลันทันใดนั้น ยังไม่ทันที่คำถามในหมวดอวัยวะที่ติดสะเก็ดเลือดจะออกมาจากจิต ความเจ็บปวดอย่างหนักหน่วง ก็เกิดขึ้นที่กลางหลังของเขา เพียงแค่ชั่ววินาที อาการเจ็บจี๊ดวิ่งแปล๊บขึ้นมาถึงกระโหลกด้านหลัง
รุ่งรู้สึกเสียววาบไปทั้งตัว เขารีบยืนตัวตรง เพื่อประคองหลัง
อาการเจ็บทวีความรุนแรงหนักขึ้น เขาขยับตัวหันหลัง เพื่อหาเก้าอี้ แต่การขยับตัวของเขา ทำให้เกิดอาการเจ็บแปล๊บขึ้นอีกครั้ง จนเขาสะดุ้งเฮือก มือปล่อยให้ลูกดิ่งตกลงบนพื้น "แป๊ก" ลูกดิ่งกระทบพื้น แล้วแตกออกเป็นสามชิ้น กระเด็นออกจากกัน
รุ่งรู้ตัวว่าเขาคงยันกายในท่ายืนไม่ได้แล้ว เขาค่อย ๆ ย่อขา ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นช้า ๆ แต่ไม่ว่าจะขยับตัวเชื่องช้าสักเท่าไหร่ อาการเจ็บที่กลางหลังก็จะเกิดขึ้นตามการเคลื่อนไหวของเขา ไม่กี่วินาทีถัดมา เขาหย่อนก้นนั่งลงบนพื้นได้สำเร็จ มือสองข้างเท้ายันพื้นไว้ เขาจำเป็นต้องทิ้งกายลงนอนหงายกับพื้นให้ได้ เพื่อไม่ให้กระดูกหลังขยับเขยื้อนได้อีก
รุ่งค่อย ๆ ขยับมือทั้งสองข้างที่ยันพื้นไว้ออกไปเรื่อย ๆ พยายามประคองหลังเพื่อจะนอนราบ เมื่อขยับตัว ความเจ็บที่หลังก็วิ่งจี๊ดขึ้นมาอีก จนทำให้เขาร้องออกมาเบา ๆ "โอ๊ย !"
หนึ่งอึดใจผ่านไป รุ่งอยู่ในท่านอนหงายได้เรียบร้อยแล้ว ลมหายใจเริ่มอ่อนระรัวด้วยความเหนื่อย ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เขาถึงกับน้ำตาเล็ด
*************
**
ฮอนด้าซิตี้สีแดง วิ่งบนถนนไฮเวย์ด้วยความเร็วหนึ่งร้อยยี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง...... โชเฟอร์กำลังใช้ความคิดเดาผลลัพธ์ของลูกดิ่ง หากเธอถามคำถามด้วยใจที่เป็นกลางจริง ๆ เธอเชื่อว่า ลูกดิ่งจะตอบว่า เธอควรรับงานนี้
แต่หากว่า เธอมีความเชื่อว่าลูกดิ่งจะตอบเช่นนี้ นั่นแสดงว่า ใจเธอกำลังไม่เป็นกลาง แล้วผลลัพธ์ก็อาจจะไม่เที่ยงตรง กลายเป็นว่า เธอได้คำตอบที่เข้าข้างตัวเอง
แต่หากว่าใช้สติสัมปะชัญญะของตัวเธอเอง แล้วไม่ต้องถามลูกดิ่ง เธอก็ยังนึกเหตุผลใดมาคัดง้างไม่ได้ว่า ทำไมเธอจึงไม่ควรรับงานนี้
แต่... เมื่อคิดอีกที เพราะงานนี้ เป็นงานที่เธอได้มาเพราะการได้ลูกดิ่งลูกใหม่นี้เป็นที่ปรึกษา ฉะนั้น เธอมั่นใจว่า คำถามทุกคำถามที่เธอใช้มาตลอด และ กำลังจะใช้ต่อไป มีความเป็นกลางเพียงพอแล้ว
ลูกดิ่งเพนดูลั่ม มันคือเครื่องมือพยากรณ์ จะพยากรณ์อะไรก็ใช้มือจับสายสร้อยไว้ แล้วตั้งคำถาม ลูกดิ่งจะแกว่งไปมา เพื่อตอบว่า ใช่ หรือ ไม่ใช่ ?"
******
"เครื่องมือพยากรณ์ ? เช่น เรื่องอะไรบ้างคะ ?"
"จริง ๆ ก็พยากรณ์ได้เกือบทุกเรื่อง แต่ที่พี่ถนัดที่สุดคือ เรื่องสุขภาพ"
"ถ้างั้น หินก้อนนี้ อยู่กับพี่ก็จะเป็นประโยชน์ที่สุด พี่เก็บไว้เถอะค่ะ"
"นี่ก็คงเป็นลูกดิ่งเหมือนกันใช่มั้ยคะ ? หงส์เจอมันตกอยู่ที่ใต้เตียง"
ทอมมองที่ฝ่ามือของหงส์ หงส์น้อยเทหินแก้วใสพร้อมสร้อยลงในมือของทอม มันคือลูกดิ่งหินควอตซ์ที่แตกออกเป็นสามชิ้น
-------------------
คำถามแรกที่ถูกยิงออกไปคือ "ฉันช่วยชายผู้นี้ได้ ใช่หรือไม่ ?"
ลูกดิ่งหมุนเป็นวงกลมทันที แทนความหมายว่า 'ใช่'
เธอรู้สึกแปลกใจ เพราะคำตอบที่ได้ แตกต่างจากครั้งแรกที่เธอเคยประเมินให้เขา
ทอมถามคำถามทวนอีกครั้ง "หากฉันช่วยชายผู้นี้ได้ ขอให้ลูกดิ่งนิ่ง"
ลูกดิ่งนิ่งสนิท ตามที่ขอ ทอมพยักหน้าพอใจ
"ไม่มีเจ้ากรรมนายเวร คอยขัดขวางการตรวจครั้งนี้ ใช่ หรือ ไม่ ?"
ลูกดิ่งแกว่งเป็นวงกลม... ไม่มีเจ้ากรรมนายเวรใด ๆ ขัดขวาง
แต่ทำไม รุ่งถึงถูกเจ้ากรรมนายเวรเล่นงาน ? เธอเอียงคอ และ ขมวดคิ้วกับคำถามที่เกิดขึ้นในใจ
แต่นั่นคงไม่ใช่ประเด็นสำหรับตอนนี้ เมื่อไม่มีสิ่งใดขัดขวางเธอ เธอก็สามารถเจาะลึกในสาเหตุของโรคได้ ทอมเริ่มพูดให้หงส์จดตาม
"มีพยาธิตัวแบน ต้องใช้นิโคลซาไมด์ จำนวน 15 แผง"
"ล้ำไส้รั่ว เชื้อราในลำไส้ในระดับสามสิบวัน"
"ไวรัสไขกระดูกหลัง ในระดับสิบสี่วัน น้องหงส์จดตามนี้ไปก่อนนะคะ"
"เลือดเลี้ยงหัวใจหกสิบเปอร์เซนต์ ขาดโปตัสเซียม สะเก็ดเลือดที่สมองส่วนหลัง โยเกิร์ตน้ำมันมะรุมสิบวัน"
ทอมยิงคำถามไปเรื่อย ๆ ตามแบบแผนที่ได้ฝึกฝนมา แทบจะไม่มีโรคไหนเลยที่ชายคนนี้ไม่เป็น ด้วยต้นเหตุของโรคที่มากมายขนาดนี้ เธอจำเป็นต้องจัดเรียงลำดับความสำคัญ ไม่สามารถบำบัดทุกอย่างได้พร้อมกัน ทอมยื่นมือขอกระดาษจากหงส์มาดู แล้วใช้ปากกาขีดวงกลม
เธอจรดปากกาอยู่ที่คำว่า 'เชื้อรา' นี่ควรเป็นสิ่งแรกที่เธอจะจัดการมันก่อน เพราะระดับเชื้อราที่พบนั้นมากจนทำให้ระบบดูดซึมเสีย แต่หากจะต้องจัดการเชื้อรา เธอจำเป็นต้องห้ามคนป่วยทานของหวานทุกชนิด และ โปรตีนจากสัตว์ รวมทั้งนม ซึ่งหมายถึง คนป่วยก็จะทานโยเกิร์ตเพื่อละลายสะเก็ดเลือดไม่ได้
แต่ถ้าปล่อยสะเก็ดเลือดติดที่สมองต่อไป อาการอื่น ๆ ที่เกิดจากสมองขาดเลือดอาจจะเกิดขึ้นตามมา
นี่ยังไม่นับไวรัสในไขกระดูก ซึ่งปกติแล้ว บำบัดด้วยเม็ดมะรุมได้ แต่ เม็ดมะรุมมีความหวานมาก จะทำให้เชื้อรากำเริบได้
หากผู้ป่วยงดโปรตีน และ ของหวาน เพื่อควบคุมเชื้อรา ร่างกายก็จะได้รับพลังงานไม่พอที่จะต่อสู้กับไวรัสในไขกระดูก
เธอเลื่อนปากกาไปจรดที่คำว่า 'ไวรัส' แทน
หากเธอเลือกที่จะจัดการไวรัสก่อน ด้วยการให้โด๊ปเนื้อสัตว์ และ ของหวานเพื่อสร้างพลังงาน ภายในไม่กี่วัน เชื้อราก็จะเติบโตเป็นทวีคูณแน่นอน
สีหน้าทอมบอกถึงความกังวล เธอไม่เคยรับคนไข้ที่ตรวจเจอสาเหตุของโรคมากมายขนาดนี้มาก่อน ทอมเริ่มมีความลังเลว่าตนเองควรจะแนะนำวิธีการเยียวยาแบบไหนที่จะเหมาะสมที่สุด
ทอมกำลังนึกถึงความช่วยเหลือจากนักเพนดูลั่มคนอื่น ... อาจารย์นา นักเพนดูลั่มรุ่นพี่ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านประเมินสุขภาพ และ การบำบัดรักษาอาการที่ซับซ้อน การปรึกษาเธอ คงเป็นทางเลือกทางเดียวที่มีอยู่ ณ ขณะนี้
---------------------

"โลชั่นนี้ใช้ทาตัวที่คอ หน้าอก แขน และ กระดูกหลังทั้งหมด หลังอาบน้ำทุกครั้ง โลชั่นจะป้องกันความชื้นเข้าทางผิวหนัง ร่างกายจะอบอุ่นและมีพลังงานสะสม ม้ามจะไม่โดนความชื้น และมีพลังผลิตเม็ดเลือดมาฆ่าไวรัส แต่ที่สำคัญคือ ตอนเช้า ต้องฝืนอาบน้ำเย็น น้ำเย็นจะช่วยไล่เลือดให้หมุนเวียน ช่วงนี้อากาศหนาว น้ำประปาจะเย็นมากในตอนเช้า พี่แอนดี้ต้องทนอาบน้ำเย็นในตอนเช้า แล้วรีบเช็ดตัวให้แห้ง ทาโลชั่น ส่วนตอนเย็น ต้องอาบน้ำอุ่น แล้วทาโลชั่น น้ำอุ่นจะช่วยเรื่องการไหลเวียนของลม"

"น้องหงส์ซื้อน้ำขิงชนิดไม่ใส่น้ำตาลมาด้วยนะคะ พี่แอนดี้ควรทานน้ำขิงเป็นช่วง ๆ โดยเฉพาะตอนค่ำ น้ำขิงจะช่วยให้ความอบอุ่น ต่อมาเรื่องเชื้อราในลำไส้ เชื้อราจะก่อสปอร์ฝังรากเป็นพังผืดในตัว น้ำที่ดื่มเข้าไปจะเข้าตัวไม่ได้ พี่แอนดี้จะฉี่บ่อย แล้วก็เป็นโรคไต เพราะไตต้องพาน้ำไปทิ้งบ่อยเกินความจำเป็น มันจะอักเสบ

เชื้อราจะดูดน้ำตาล และ โปรตีนทั้งหมดในร่างกายเพื่อขยายพันธุ์ น้ำตาลจะไม่ขึ้นสมอง จะทำให้มีอาการอ่อนเพลีย สมองไม่แล่น ปวดหัว โปรตีนที่กินเข้าไป จะไม่ได้ใช้งาน ร่างกายจะผอมลง น้ำหนักลด วิธีรักษา ใช้น้ำใบย่านางคั้น ดื่มวันละสองลิตร แทนน้ำเปล่า แต่ถ้าได้ใบย่านางแดง ก็จะได้ผลเร็วกว่า อาหารแสลง คือ ของหวานทุกชนิด และ โปรตีนจากสัตว์ เช่น เนื้อสัตว์ นม และ ไข่ พี่แอนดี้ต้องอดทนในช่วงนี้ อาหารแสลง จะทำให้เชื้อราเติบโต"

"คุมอาหารคล้ายกับคนเป็นมะเร็งเลยใช่มั้ยคะ ?"

"ใช่เลยจ๊ะ เชื้อรานี่คือต้นเหตุใหญ่ของมะเร็ง เมื่อได้โปรตีนจากสัตว์ และ ของหวาน มันจะเติบโตแล้วก็กลายเป็นเนื้องอก และ มะเร็ง"

***************


Create Date : 19 พฤศจิกายน 2554
Last Update : 19 พฤศจิกายน 2554 0:50:24 น. 2 comments
Counter : 4888 Pageviews.

 
น่าเรียนรู้มากค่ะ


โดย: cnp. IP: 110.49.251.46 วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:10:46:11 น.  

 
น่าเรียนรู้มากค่ะ


โดย: cnp. IP: 110.49.251.46 วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:10:46:31 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jesdath
Location :
เชียงราย Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 35 คน [?]




Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
19 พฤศจิกายน 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add jesdath's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.