สู้มะเร็งร้ายด้วยสมุนไพร- แป๊ะตำปีง หญ้าปักกิ่ง-งว่านฮ็อก-ใบย่านาง

แป๊ะตำปีง หญ้าปักกิ่ง-งว่านฮ็อก-ใบย่านาง
----การใช้สมุนไพร ก็เพือการปรัมสมดุลของร่างกายให้ปกติ เพื่อใช้ความมหัศจรรย์หรือภูมิต้านทานของร่างกาย กำจัดโรคร้ายแรงออกไปได้ ทั้งนี้อาจมีอุปสรรคเช่น ร่างกายเสื่อมมาก แก่มากแล้ว--หรือมีกรรมเก่าที่ร้ายแรงมาซ้ำเติม ทุกอย่างอยู่ใต้กฏธรรมชาติและกฏแห่งกรรม ทั้งนี้คุณแม่ของผมท่านก็เสียไปด้วยโรดมะเร็งที่ถุงน้ำดี และกระเพาะอาหารครับ
วันพฤหัสบดี ที่ 21 มกราคม 2553
ต้น พญาวานร สมุนไพร ฮว่านง็อก (Hoan Ngoc)
Posted by อิสระพระเครื่อง(พระธาตุพนม) ,

พญาวานร
สมุนไพร ฮว่านง็อก (Hoan Ngoc)


จะขอแนะนำสมุนไพรที่ค้นพบล่าสุดและคิดว่าน่าจะมีประโยชน์สำหรับทุกท่านเนื่องจากเป็นสมุนไพรเดียวที่รักษาโรคได้อเนกอนันต์ ต้นไม้ ฮว่านง็อกนี้ เข้ามายังประเทศไทยเราเกือบสิบกว่าปีแล้ว แต่ยังหวงแหนปกปิดเป็นความลับเฉพาะคนกลุ่มหนึ่ง

* สมุนไพรฮว่านง็อก
เป็นต้นสมุนไพร ถือกำเนิดในประเทศเวียดนาม ผู้นำเข้ามาเป็นกลุ่มทหารผ่านศึก สมัยสงครามเวียดนาม กระถางแรกมีราคา ถึง 70,000 ( เจ็ดหมื่นบาท) นำมากินสดๆ แก้โรคต่างๆ มากมาย และเห็นผมเร็ว รู้จักกันในรุ่นของทหารผ่านศึกรุ่นนั้นรุ่นเดียว ผู้เขียนได้ข้อมูลและมีความสนิทชิดชอบกับทายาทของนายทหารผู้นั้น ซึ่งไม่ขอเอ่ยนาม (ปัจจุบัน อายุ 68 ปี) จึงได้ถามประวัติความเป็นมา การใช้และสรรพคุณ ซึ่งท่านใช้รักษาอาการเจ็บป่วยของบุคคลในครอบครัวก่อน เช่น ภรรยาของท่านเป็นเบาหวาน กินใบสมุนไพร ฮว่านง็อกไม่นานก็หาย ซึ่งจะแจกแจงรายละเอียดต่อไป
*ลักษณะของต้น

เป็นต้นไม้ชิดใบอ่อน ปลายแหลมส่วนล่างของใบจะหยาบสีเขียวอ่อน ด้านสีเขียวเข้ม เป็นต้นไม้ที่มีใบมาก แตกกิ่งก้านทรงพุ่มดี การขยายพันธุ์เพียงตัดยอดปักชำลงดินก็เกิดรากตั้งตัวได้เร็ว ย้ายลงปลูกในกระถางใส่ปุ๋ยพรวนดินก็จะเจริญงอกงาม

วิธีใช้

ส่วนสำคัญคือใบใช้เคี้ยวรับประทานสดๆ จะคั้นและกรองเอาน้ำข้นๆรับประทานหรือต้มเป็นน้ำแกงรับประทานก็ได้ ส่วนเปลือกและรากไม้ สามารถต้มกลั่นเป็นสุราได้ด้วย ใบไม้ไม่มีกลิ่นและรสสามารถต้มเอาน้ำใสๆ ดื่มได้ ส่วนการรับประทานมากหรือน้อยอยู่ที่ธาตุ หนักเบา ของแต่ละคน โดยทั่วไปจะรับประทาน 1-4ใบ คนที่มีอาการหน้ามือตาลาย หลังรับประทาน 15 นาทีก็จะหาย ให้รับประทานติดต่อกัน 7 วัน วันละ 2 ครั้งก่อนอาหาร (ท้องว่าง)

หลังจากคนไข้รายหนึ่ง หลังจากรักษาโรคมะเร็งตับจากยานานาชนิดไม่หาย เมื่อได้รับประทานใบสดของต้น ฮว่านง็อกแล้ว คนไข้มีปฏิกิริยาตอบรับอย่างไม่น่าเชื่อ จากการมีไข้สูงถึง 40 องศา ลดลงเหลือ 37 องศา การเจ็บป่วยลดลงมาก ผิวหนังเคยเหลืองก็ลดลง หน้าท้องแฟบลง ตัวเบาลง ทำให้คนไข้ลุกขึ้นมาสนทนาได้

ทำไมคนไข้จึงฟื้นตัวเร็วขนาดนั้นหลังจากรับประทานได้ 20 นาที ยาได้ออกฤทธิ์ รับประทาน 5 ใบจะลดความเจ็บปวดได้ 3 ชั่วโมง รับประทาน 7 ใบลดได้ 5 ชั่วโมง เสมือนหนึ่งยาวิเศษ เพราะคนไข้โรคตับได้เจ็บป่วยมาถึงวาระสุดท้ายแล้วกลับฟื้นและมีความหวัง ต้นฮว่านง็อกเป็นต้นไม้ใบยาที่มีคุณค่าสูงส่ง เป็นของขวัญจากสวรรค์มอบให้แก่มวลมนุษย์ ก่อนหน้านี้เรียกว่า ต้นลิง เนื่องมาจากทหารที่อยู่ในป่าเห็นลิงที่ไม่สบายใจนอนซมอยู่ จะมีลิงตัวอื่นไปเด็ดใบ สมุนไพรฮว่านง็อกมา ให้เคี้ยวกินแล้ว ฟื้นขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ หลังจากนั้นทหารได้ลองนำใบไม้นี้มาให้ทหารที่เจ็บป่วยไม่สบายหรือเหนื่อยล้ากินปรากฏว่าอาการที่เป็นอยู่หายได้ ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นฮว่านง็อก ฮว่าน แปลว่า ฟื้น ง็อก แปลว่า หยก หรือเพชรที่เป็นของมรค่า (ข้อมูลจากชาวเวียดนาม ที่ อ.บ่องขวัญ เจริญรัตน์ ได้ไปสัมภาษย์จากชาวเวียตนามที่อยู่ จังหวัด เฮว้ และจังหวัด กว่างตริ หลายท่าน เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2549) และมีเด็กสองคนทะเลาะวิวาทและชกต่อยกัน จนทำให้ลูกอัณฑะหายไป เมือรับประทานใบไม้นี้แล้ว กลับทำให้ลูกอัณฑะกลับคืนปกติ

***สรรพคุณของต้นสมุนไพร (จากเอกสาร ฮานอย 2/9/1995 ถ่ายทอดจาก ต้นฉบับจริง)ปรับปรุงบางส่วน

1. รักษาคนสูงอายุ ปวดเมื่อยตามร่ายกาย ทำงานหนัก เกิดประสาทหลอน

2. รักษาอาการไข้หวัด ท้องไส้ไมปกติ

3. รักษาอาการมีบาดแผล เคล็ด ขัด ยอก กระดูกหัก

4. รักษาอาการทางเดินอาหารไม่ปกติ

5. รักษาอาการโรคกระเพาะอาหาร โรคเลือดออกในลำไส้เกี่ยวกับกระเพาะปัสสาวะ

6.รักษาอาการคอพอก ตับอักเสบ

7.รักษาอาการไตอักเสบ ปัสสาวะเป็นเลือด ปัสสาวะขุ่นข้น

8.รักษาอาการโรคมะเร็งปอด มีอาการปวดต่างๆ โดยไม่ทราบสาเหตุ ให้รับประทาน ต่อไป 100 – 200 ใบ อาการจะหายหมด

9.รักษาโรคตาทุกชนิด เช่น ตาแดง ตาต้อ ตาห้อเลือด

10.รักษาอาการมดลูกหย่อนของหญิงคลอดบุตรใหม่ ได้ผลดี ช่วยให้มดลูกเข้าอู่เร็ว

11.รักษาโรคความดันโลหิตสูง ความดันโลหิตต่ำ โรคประสาทอ่อนๆ เป็นการสนับสนุนเหตุผลโรคความดันโลหิตสูง ซึ้งผู้เขียนก็เป็น และรับประทานครั้งละ 5 ใบเช้า เย็น 1 วันอาการหน้ามืด มึนหัว หายไป รู้สึกสบายเบาสมอง

12.สามารถใช้กับสัตว์ได้ จากเอกสารระบุว่าใช้กับไก่ชนหลังชนไก่แล้ว ต้องการให้ไก่ฟื้นจากอาการบาดเจ็บ ให้ไก่กินใบสมุนไพรฮว่านง็อก จะฟื้นตัวได้เร็ว

13.ใบแห้งชงดื่มแทนน้ำเปล่า จะช่วยให้หายจากโรคได้เร็วขึ้น

14.ช่วยลดไขมันหน้าท้อง ไขมันในเส้นเลือด และช่วยลดคลอเลสเตอร์ล่อนในเส้นเลือด ฯลฯ


รายละเอียดในการรักษาแต่ละโรค
1.โรคกระเพาะอาหารเป็นแผล รับประทานครั้งละไม่เกิน 7 ใบ วันละ 2 ครั้ง รับประทานติดต่อกันจนครบ 50 ใบ

2.โรคเลือดออกในลำไส้ รับประทานใบสด 7 – 13 ใบ หรือคั้นเอาน้ำวันละ 2 เวลา

3.โรคเกี่ยวกับเป็นบิด รับประทานครั้งละไม่เกิน 7 ใบ วันละ 2 เวลา ติดต่อกันประมาณ 100 ใบ

4.โรคตับอักเสบ คอพอก รับประทานครั้งละ 3-4 ใบ วันละ 3 ครั้ง ติดต่อกัน จนครบ 150 ใบ

5.โรคไตอักเสบ ปวดเป็นประจำ รับประทานครั้งละ 3-4 ใบ วันละ 3 ครั้ง ติดต่อกันจนครบ 30 ใบ

6.อาการท้องไส้ไม่ปกติ รับประทาน 7- 14 ใบ 2 ครั้งหาย

7.ปวดเมื่อยตามร่างกาย รับประทาน 7- 14 ใบ 2 ครั้งหาย

8.อาการปัสสาวะแสบ ปัสสาวะเป็นเลือดรับประทาน 14 – 21 ใบ โดยคั้นเอาน้ำข้นๆ มารับประทาน

9.โรคตาแดง รับประทาน 7 ใบ และบด 3 ใบปิดที่ตาเวลานอน 1 คืนจะหาย

10.โรคความดันสูงจะลดทันทีเมื่อรับประทาน 5-9 ใบ

11.แก้เบาหวาน ผู้ชายรับประทานวันละ 7 ใบ ผู้หญิงรับประทานวันละ 9 ใบ ภายใน 90 วันอาการลดลง

12.ใช้กับสัตว์ เช่น ไก่เหงา เป็นอหิวาห์ หรือนิวคลาสเซิล ให้ไก้กิน 2-3 ใบ ไก่ชนแล้วให้กิน 2-3 ใบ (น่าจะประยุกต์ใช้กับสัตว์อื่นได้)

13.ลำใส้อุดตัน กินครั้งละ 7-14 ใบกินควบกับใบ “เมอโลง” (สมุนไพรเวียตนาม) ขณะรับประทานอาหาร ระยะเวลา 1-2 เดือนก็จะหาย

***หมายเหตุ การรับประทานหรือกินใบสมุนไพรให้กินก่อนอาหารเสมอ
แนะนำเป็นวิทยาทานโดย ร้านลูกพระธาตุประดิษฐ์

--------------ฟังดูเหมือนยาเทวดาเลย มีชนิดหนึ่งขึ้นตามข้างทาง แต่สรรพคณพอฟัดกับต้นงว่านฮ็อกนี้ คือใบย่านาง ที่นำมาทำแกงเปอะ หรือแกงขี้โคลนดำๆ นั่นแหละครับ------------------------

---------------------------------------------------------------

วันอาทิตย์ หากิจกรรมทำกันในครอบครัวครับ

แม่ผมได้ข้อมูลมาจาก แคมป์สุขภาพ ของโรงพยาบาลมิชชั่น ว่าน้ำใบย่านางมีประโยชน์ ต่างๆมากมาย ก็เลยคิดว่าจะมาทำน้ำใบย่านางดื่มกัน

อันนี้เป็นข้อมูลที่คัดลอกจากหนังสือ " ย่านาง สมุนไพลมหัศจรรย์ " โดย
-ใจพชร มีทรัพย์ ( หมอเขียว ) นักวิชาการสาธารณสุข
นักบำบัดสุขภาพทางเลือก
ครูฝึกแพทย์แผนไทย



--------------ย่านาง เป็นพืชสมุนไพร ที่ใช้เป็นอาหาร และ เป็นยามาตั้งแต่โบราณ

--------หมอยาโบราณอีสาน เรียกชื่อทางยาของย่านางว่า
" หมื่นปี บ่ เฒ่า แปลเป็นภาษาภาคกลางว่า " หมื่นปีไม่แก่ "
..................................

ประสบการณ์ของผู้ป่วยที่ใช้ใบย่านางแก้ไขปัญหาสุขภาพ จนมีผลให้อาการเจ็บป่วยทุเลาเบาบางลง

- เนื้องอกในมดลูก มดลูกโต ตกเลือด ตกขาว ปวดตามร่ายกาย

- มะเร็งปอด

- มะเร็งตับ

- มะเร็งมดลูก

- โรคหัวใจ โรคไต โรคกระเพาะอาหารอักเสบ เนื้องอกในเต้านม

- เบาหวานและความดันโลหิตสูง

- ขับสารพิษ

- ภูมิแพ้ ไอ จาม

- เริ่ม งูสวัด

- ตุ่มผื่นคันที่แขน

- อาการปวดแสบขัด ออกร้อนในทางเดินปัสสาวะ

- นอนกรน ไตอักเสบ

- อาการปวดขาที่แขน

- เล็บมือผุ

- เก๊าต์

ใช้ใบย่านางในการเพิ่มคลอโรฟิล คุ้มครองเซลล์ ฟื้นฟูเซลล์ ปรับสมดุล

บำบัดหรือบรรเทาอาการที่เกิดจากภาวะไม่สมดุล แบบร้อนเกิน

มาเริ่มการทำกันดีกว่าครับ

ก่อนอื่น ซื้อใบย่านางจากตลาดมาก่อน ถุงเบ้อเริ่ม ราคาแค่สิบบาท
ใบย่านาง
jiravut ( 0 ♥ 0 ☆ )
--เด็ดใบออก ล้างทีละใบ จนสะอาด
: ตรียมน้ำอุ่น ประมาณ 70 องศา (ไม่ควรเกินกว่านี้ เพราะจะกลายเป็นใบย่านางต้ม)
ที่มีขั้นตอนนี้เพราะจะได้ฆ่าเชื้อโรคและพยาธิ ที่ติดมากับใบ
----เอามาลวก แป๊บเดียวนะครับ เดี๋ยวเสียคุณค่าของคลอโรฟิลล์
----เอามาใส่ในน้ำดื่มสะอาด เตรียมคั้นด้วยมือครับ
ขยี้ๆๆๆๆๆๆ หรือโขลกด้วยครก--เติมน้ำใบเตยปั่น เพื่อเพิ่มความหอม
--กรองด้วยกระชอน แล้วนำมาดื่มได้เลย------------
------ขอบคุณ---- jiravut ( 0 ♥ 0 ☆ ) 03.08.08 : 11:12------------

------------------ย่านาง สมุนไพรมหัศจรรย์ ---------------------
-----ย่านางเป็นพืชสมุนไพร ที่ใช้เป็นอาหารและยามาตั้งแต่โบราณ
หมอเขียว(ใจเพชร มีทรัพย์) นักวิชาการสาธารณสุข นักบำบัดสุขภาพทางเลือก มีประสบการณ์นำใบย่านางมารักษาผู้ป่วยหนัก หลายโรค พบว่าทุเลาเบาบางลง และหายป่วย บางครั้งใช้ร่วมกับยาตัวอื่น แต่ส่วนใหญ่ คนที่ดื่มน้ำย่านางทุกวัน จะเห็นผลได้ภายในเวลา ๓ เดือน โรคที่มีรายงานว่า ดื่มน้ำย่านางหาย เช่น ลดน้ำตาลในเลือด ความดันโลหิตสูง ตกเลือดจากมดลูก โรคเก๊าท์ และโรคเชื้อราทำลายเล็บ หรือเป็นผื่นคัน เป็นอาการของโรคที่เกิดจากภาวะไม่สมดุลแบบร้อนเกิน วิธีใช้ ใบย่านางตั้งแต่ ๓-๑๐ ใบ โดยพิจารณาจากลักษณะของผู้ป่วย นำมาโขลกให้ละเอียด ผสมน้ำ ๑-๓ แก้ว ดื่ม วันละ ๒-๓ เวลา
(จากหนังสือ ย่านาง สมุนไพรมหัศจรรย์ ของ หมอเขียว)
----------------------------โดยคุณ --ปัจเจกตน--------------------

วิธีใช้
ใช้ใบย่านางในการเพิ่มคลอโรฟิล คุ้มครองเซลล์ ฟื้นฟูเซลล์ ปรับสมดุล
บำบัดหรือบรรเทาอาการที่เกิดจากภาวะไม่สมดุล แบบร้อนเกิน ดังนี้


เด็ก ใช้ใบย่านาง 1-5 ใบ ต่อน้ำ 1-3 แก้ว 200-600 ซีซี
ผู้ใหญ่ ที่รูปร่างผอม บางเล็ก ทำงานไม่ทน ใช้ 5-7 ใบ ต่อน้ำ 1-3 แก้ว
ผู้ใหญ่ที่รูปร่างผอม บาง เล็กทำงานทน ใช้ 7-10 ใบ ต่อน้ำ 1-3 แก้ว
ผู้ใหญ่ที่รูปร่างสมส่วน ตัวตัวโต ใช้ 10-20 ใบ ต่อน้ำ 1-3 แก้ว

โดยใช้ใบย่านางสดโขลกให้ละเอียดแล้วเติมน้ำ หรือ ขยี้ใบย่านางกับน้ำหรือปั่นในเครื่องปั่น
( แต่การปั่นในเครื่องปั่นไฟฟ้า จะทำให้ประสิทธิภาพลดลงบ้าง เนื่องจากความร้อนจะไปทำลายความเย็น
ของย่านาง ) แล้วกรองผ่านกระชอนเอาแต่น้ำ ดื่มครั้งละ 1/2 - 1 แก้ว วันละ 2-3 เวลาก่อนอาหารหรือตอนท้องว่าง
หรือผสมเจือจางดื่มแทนน้ำ เพราะถ้าเกิน 4 ชั่วโมง มักจะมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว ไม่เหมาะที่จะดื่ม
แต่ถ้าแช่ในตู้เย็น ควรใช้ภายใน 3-7 วัน โดยให้สังเกตุที่กลิ่นเปรี้ยวเป็นหลัก
......................................
นอกจากนี้แล้ว
ยังสามารถใช้น้ำย่านางมาสระผม ช่วยให้ศีรษะเย็น ผมดกดำหรือชลอผมหงอก
ผสมดินสอพองหรือปูนเคี้ยวหมากให้เหลวพอประมาณ ทาสิว ฟ้า ตุ่ม ผื่นคัน พอกฝีหนอง
...............................

ขอบคุณครับ
............รู้แล้ว.......บอกต่อ และ นำไปใช้ในชีวิตประจำวันก็จะดีนะครับ
-----------------------------------------------------------------
น้ำ มันไม่เหม็นเขียวมากหรอกครับ แต่ใส่น้ำใบเตยจะช่วยให้หอมมากขึ้น
-----เมื่อก่อน เรามักจะรู้จักกันว่า ใบย่านางเอามาต้มกับหน่อไม้ ทำซุบหน่อไม้ (ไอ้ที่น้ำเขียวๆดำๆนั่นแหละ) มันเอาไว้ลดพิษของหน่อไม้
jiravut ( 0 ♥ 0 ☆ ) 03.08.08 : 15:34

: 18.ชอบมากเลยค่ะน้ำใบย่านาง
-----ตอนแรกเห้นขายที่ตลาดเช้า คนขายบอกว่าอร่อยแต่ในใจคิดว่าต้องเหม็นเขียวแน่เลยย เลยซื้อมาชิมถุงนึง แต่ปรากฏว่า น้ำใบย่านางรสชาดเหมือนน้ำนมข้าวมากๆค่ะ มีคลอโรฟิลเยอะมาก ตามสรรพคุณที่เจ้าของกระทู้เขียนไว้ด้านบนเลยค่ะ เดี๋ยวนี้จะไปซื้อมาดื่มทุกๆอาทิตย์ค่ะ
epsilon ( 0 ♥ 0 ☆ ) 03.08.08 : 15:41
-------------------------------ขอบคุณแหล่งที่มาครับ-------------------
ต้นยาแปะตำปึง
(เมื่อก่อนที่บ้านพ่อมีเยอะครับ รสจืดๆ พอกินได้)


ต้นแปะตำปึงเดิมเป็นต้นยามาจากประเทศจีน ลักษณะของใบยาจะหนานุ่มคล้ายกำมะหยี่ รสชาดของใบยาคล้ายชมพู่ที่ยังไม่แก่

สรรพคุณ ของใบยา ได้แก่ จะฟอกเลือด ปรับระบบเลือดให้ดีขึ้น น้ำเหลืองจะดีขึ้น รักษาแผลภายใน - ภายนอก ชะล้างสารพิษภายในร่ายกายออกทาง (อุจจาระ ปัสสาวะ และทางตา) ทำให้กินข้าวใด้นอนหลับอาการปวดต่าง ๆ ก็จะหาย ระบบหายใจจะดีขึ้นไม่เหนื่อยหอบ ขับลมแน่นภายในช่องท้อง โรคที่ใบยาแปะตำปึง ได้รักษาหายมาแล้ว ได้แก่โรคเบาหวาน ความดันสูง-ต่ำ โรคหืดหอบ-ภูมิแพ้ โรคมะเร็งทุกชนิด ริดสีดวงทวารหนัก งูสวัด โรคเก๊า ขับนิ่ว แผลสะเก็ดเงิน แผดฝีหนองทั่วไป โรคหัวใจ โรคโลหิตจาง เนื้องอกต่าง ๆ ในไต ปวดเหงือก ปวดฟันแผลอักเสบ ปวดท้องประจำเดือน คอเรสเตอรอล ไขมันในเส้นเลือด ไทรอยท์ ปวดเส้น ปวดหลัง โรคกระเพาะ ดวงตาที่เป็นต้อ ดวงตาอับเสบ ขุ่นมัว โรคผิวหนังทั่วไป (สิว ฝ้า เป็นด่าง) <โรคเอดส์ถ้าทานใบยาก็จะมีผลให้สุขภาพดีขึ้น>

วิธีการรับประทาน ใบสด ควรรับประทานวันละ 1 ครั้ง ประมาณ 2,3 หรือ 5 ใบ เวลาที่ควรรับประทานใบยาที่ดีที่สุดคือ ตี 5-7 โมงเช้า เพราะลำไส้เริ่มทำงาน ท้องยังว่างอยู่จะได้ผลเร็ว ถ้าบางท่านที่ปวดเหงือก - ปวดฟัน ปากเป็นแผลลำคออักเสบ ควรรับประทานใบยาในเวลากลางคืน (แปรงฟันให้เรียบร้อย) ค่อยรับประทานใบยาเคี้ยวและอมทิ้งไว้สักระยะเวลาหนี่งแล้วค่อยกลืน ผลที่จะได้รับคือ ตื่นเช้าอาการปวดจะหายไป จะขับถ่ายโล่งสบาย จะมีขี้ตาออกมาเยอะหน่อย เพราะใบยาจะขับสารพิษออกทางตา ถ้าใครปวดท้องและเป็นโรคกระเพาะให้รับประทานใบยาเดี่ยวนั้น สักพักหนึ่งอาการปวดของโรคกระเพาะก็จะหายไป ยังช่วยขับลมแก๊สที่แน่นในท้องออกด้วย ยังสามารถนำใบยาแปะตำปึงใปใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้อีก นอกเหนือจากรับประทานใบสดแล้ว ได้แก่

1.นำใบยามาทำเป็นอาหาร เช่น แกงจืด (15-20 ใบต่อ 1 ท่าน)

2.นำมาพอกตาสำหรับคนที่ดวงตาเป็นต้อ ดวงตาอักเสบ ตามัว นำใบยาประมาณ 7-8 ใบ มาขยี้ หรือใช้ครกตำก็ได้ บีบน้ำยาใส่ที่ดวงตา แบ่งใบยาเป็น 2 ส่วน พอกไว้ 20-30 นาที ค่อยล้างออก ผลที่ได้รับคือ ดวงตาจะสว่างขึ้น แผลต่าง ๆ จะหายไป รวมทั้งต้อด้วย ถ้าท่านใดเป็นมาก ควรทำไว้สักระยะหนึ่ง

3. ท่านที่เป็นริดสีดวงทวารหนัก ควรทานใบสด และควรนำใบยามาขยี้หรือตำให้ได้พอเหมาะยัดใส่ทวารหนัก จำทำให้แผลหายเร็ว ติ่งที่โผล่ยุบเลือดที่ออกก็จะหยุด

การเก็บรักษาให้ได้นาน ถ้ามีใบยาที่แก่และเหลือง นำมาล้างแล้วผึ่งให้แห้ง นำมาปั่นหรือตำก็ได้ บีบน้ำยาใส่ถ้วย นำไปนึ่งให้สุกปล่อยให้เย็นแล้วใส่ขวดเก็บไว้ในตู้เย็น เก็บไว้ใช้ได้นาน ถ้าเป็นงูสวัด และแผลต่าง ๆ ใช้น้ำยาทา หรือนำใบยาสดมาตำพอกก็ได้ ตากแห้งทำใบชาได้

อาหารแสลงที่ควรระวัง เช่น เนื้อ กุ้ง ปลาหมึก ปู ปลาทู ปลาร้า หูฉลาม กะปิ ข้าวเหนียว หน่อไม้ แตงกวา หัวผักกาด เผือก สาเก เครื่องดองของเมา น้ำชา กาแฟ (ถ้าสุขภาพไม่แข็งแรงควรงด) <สตรีมีครรภ์ห้ามรับประทาน>

วิธีการปลูก ต้นยาแปะตำปึงเมื่อปลูกได้ระยะหนึ่งประมาณปีกว่าต้นแม่ก็จะตาย ควรหักปักชำใหม่ เมื่อโตเต็มที่แล้วจะมีช่อดอกสีเหลืองไม่มีฝักและเมล็ด ต้องปักชำเท่านั้น ต้นยาชอบน้ำ อากาศดี ชอบแสงแดดพอสมควร และดินร่วน สิ่งที่ควรระวัง คือ เพี้ยแป้งชอบเกาะลำต้นและใบ ถ้ามีเพี้ยแป้งก็จะมีมดแดง จะทำให้ต้นยาเหียวแห้ง และตาย ต้องระวังสัตว์บางชนิดชอบกิน

หมายเหตุ ทุกท่านที่เจ็บป่วยเมื่อรับประทานใบยาแล้ว ก็ควรไปพบแพทย์ และตรวจรักษาตามปกติ และทานยาตามแพทย์สั่งส่วนใบยานั้นควรเป็นใบยาเสริมให้เจ็บป่วยหายเร็วขึ้นเท่านั้น (ท่านที่มีต้นยาปลูก และปลูกต้นยาพอรับประทานแล้วขอความกรุณาช่วยเหลือผู้อื่นด้วย จะได้เป็นบุญกุศล ที่ได้ช่วยผู้อื่นพ้นทุกข์)

สนใจติดต่อ ชมรมว่านยาสมุนไพรแปรรูป อำเภอบุ่งคล้า จังหวัดหนองคาย

อ.สุขพัฒน์โชค มหิศนันท์ โทร.042-499052

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

พระคาถา (ป้องกันภัยโรค)

เข มับปัด โต อุ ปะสัม ปะ เก ปิเส คิ

ตั้งนะโม 3 จบ ภาวนาให้เจริญรุ่งเรือง ปลอดภัยจากอุบัติภัยทุกอย่างในโลก

Re: แปะตำปึง... สมุนไพรจากสวรรค์ ...
« ตอบ #2 เมื่อ: เมษายน 02, 2007, 12:35:05 am
--------------------------------------------------------------------------
สรรพคุณเรื่องแก้โรคมะเร็ง ... ผมได้เห็นความมหัศจรรย์กับญาติๆผมเอง ป่วยเป็นมะเร็งที่แขน ต้องตัดเนื้อสะโพกมาเสริมเนื้อที่เสียจากมะเร็งร้าย และลุกลามเรื่อยๆ ..รักษาหลายปีก็ไม่หาย จนกระทั่งหมอลงมติว่าต้องตัดแขนทิ้ง ..
.. เหมือนเทวดามาโปรด ต่อมาไม่กี่วันญาติผมก็ได้รับคำแนะนำจากหมอจีนให้ลองกินใบแปะตำปึง กินทุกวันๆ ...
สิ่งที่ไม่น่าเชื่อ อีก 3 ปีต่อมา ผมกลับบ้านไปเยี่ยมญาติ ปรากฏว่าแผลที่เป็นมะเร็งหายสนิท ไม่ต้องตัดแขนทิ้ง ....
..นอกจากนั้นผมก้เจอกับผู้ป่วยอีกหลายรายที่มีอาการป่วยคล้ายๆกัน และหายจากโรคนี้ด้วยใบแปะตำปึง (แต่บางท่านนอกจากกินสมุนไพรนี้แล้ว ยังปฎิบัติธรรมนั่งกรรมฐานควบคู่ไปด้วย ---------------------------------------------------------------------------
ปลายปีที่ผ่านมา ผมมีโอกาสเดินทางผ่านอ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร ..เจอร้านที่นำสมุนไพรชนิดนี้มาปรุงควบคู่กับอาหารด้วย .. จึงคิดว่าน่านำมาลงแนะนำเป็นอย่างยิ่ง

เมนูที่ลองแล้วคิดว่าอร่อยผมขอแนะนำต้มเลือดหมูใส่ยอดแปะตำปึง... ร้านนี้ทำสูครน้ำใส หอมกรุ่น ท่านใดที่ทานผักไม่ได้อาจเปลี่ยนใจ...
..และมีอีกหลายสูตร ว่างๆผ่านมาร้านนี้ลองแวะทานกัน เพราะนอกจากอิ่มท้องแล้ว ยังช่วยขับสารพิษออกจากร่างกายด้วย
..ต้นแปะตำปึงเป็นต้นไม้สมุนไพรที่ปลูกง่าย ร้านนี้ปลูกไว้เยอะทีเดียว... ทานอิ่มแล้วก็ขอมาปลูกซักกิ่ง เจ้าของร้านคงไม่ขัดข้องครับ.. ------------------------------------------------------------
นอกจากนี้ยังมีเมนู หญ้าเทวดา อีกด้วย...
----------------------------------------------------
(บางคนสงสัยว่าเป็นตัวเดียวกับจินฉี่หมาเยี่ยหรือไม่)
ต้นกำเนิด : ต้นยานี้มาจากประเทศจีน บางท่านเรียกว่า จินฉี่เหมาเยี่ย เข้ามาในไทยพร้อมกับหญ้าปักกิ่งหรือหญ้าเทวดา
แปะตำปึง ถูกตั้งชื่อเป็นไทยว่า จักรนารายณ์ แต่มีชื่อเรียกหลากหลาย เช่น กิมกอยมอเช่า หรือ ผักพันปี เป็นต้น
ลักษณะ : เป็นไม้พุ่มเตี้ย ลำต้นสีเขียว แตกกิ่งก้านอ่อน หักง่าย เมื่อโตเต็มที่ในฤดูหนาวจะออกดอกสีเหลืองมีก้านยาว
มี 2 ชนิดคือ 1. ชนิดใบกลม (แปะตำปึง)ใบสีเขียวอ่อน ใบหนาเพราะมีขนหนานุ่มแบบกำมะหยี่ทั้งด้านบนและล่าง เส้นใบด้านบนลึกเช่นเดียวกับเส้นกลางใบแต่ด้านหลังใบกลับนูน กิ่งก้านออกเขียวปนแดง เปราะหักง่าย
2. ชนิดใบยาว (จินฉี่เหมาเยี่ย) ใบค่อนข้างยาวกว่าแหลมกว่าและผิวใบค่อนข้างเรียบเพราะขนน้อยกว่าแบบใบกลม จับเทียบดูจะรู้สึกได้ชัด
----------------------------ขอบคุณเว็ปอิเล็คโทรนิก และช่างเล็ก----------

ชื่อพฤกษศาสตร์ : Murdannia louriformis (Hassk.) R.S. Rao & Kammathy วงศ์ : COMMELINACEAE



หญ้าปักกิ่งเป็นไม้เนื้ออ่อน อายุหลายปี สูง 10 ซม. ใบ เดี่ยว เรียงสลับ ใบที่โคนต้นกว้าง 1.5 ซม. ยาว 10 ซม. ใบส่วนบนสั้นกว่าใบที่โคนต้น ดอกช่อ ช่อดอกออกที่ปลายยอดรวมเป็นกระจุกแน่น ใบประดับย่อยค่อนข้างกลม ทับกัน สี เขียวอ่อน บางใส กลีบดอกสีฟ้าหรือม่วงอ่อน ร่วงง่าย ผล แห้ง แตก การขยายพันธุ์ ปักชำต้น ประโยชน์ รักษาอาการของโรคมะเร็งหลายชนิด ถิ่นกำเนิดในประเทศจีนตอนใต้ แถบสิบสองปันนา เจริญในดินทราย และต้องการแดดรำไร

หญ้าปักกิ่ง สมุนไพรบำบัด รักษาโรค (เล่งจือเฉ้า) Murdannia LoriFormis (Hassk)
Rolla Rao et Kammathy Commelinaceae ลักษณะของหญ้าปักกิ่ง หญ้า ปักกิ่ง
เป็นไม้ล้มลุก สูงราว 10-30 ซ.ม. ใบเดี่ยว หนาเรียวคล้ายใบไผ่ ฉ่ำน้ำดอกเล็ก ๆ
ออกที่ปลายต้น สีบานเย็น กลีบขาวแกมม่วง หญ้าปักกิ่งมีกำเนิดในประเทศจีนตอนใต้
แถบสิบสองปันนา การขยายพันธุ์หญ้าปักกิ่งโดยการแยกหน่อ หรือเมล็ด หากจะนำมาปลูก
ควรปลูกหญ้าปักกิ่งกับดินร่วนปนทราย และวางไว้ในที่ๆ มีแดดรำไร
สรรพคุณของหญ้าปักกิ่ง หญ้า ปักกิ่ง เป็นสมุนไพรรักษาโรคครอบจักรวาล
ชาวจีนสมัยโบราณใช้หญ้าปักกิ่งเป็นสมุนไพรรักษาโรคมาเป็นเวลาหลายพันปีแล้ว
ใช้บำรุงพลังปราณ ปรับสมดุลย์ร่างกาย เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน Activate Cells หญ้า
ปักกิ่งรักษามะเร็งได้ในระดับหนึ่ง เช่น ในตับ ลำคอ มดลูก กระเพาะอาหาร ลำไส้
ต่อมน้ำเหลือง เม็ดโลหิต (ลูคีเมีย) [...]
read more
หญ้าปักกิ่ง หญ้าเทวดา ทางเลือกของผู้ป่วยมะเร็ง0
มี สมุนไพรหลายชนิดที่ใช้เป็นยารักษาโรคได้
ทั้งยังมีฤทธิ์ช่วยยับยั้งอาการบางอย่างได้ด้วย
ขณะเดียวกันก็ยังสามารถใช้ร่วมกับยาแผนปัจจุบันเพื่อการรักษาที่ควบคู่กันไป
ได้อีกด้วย “หญ้าปักกิ่งหรือหญ้าเทวดา”
ก็เป็นสมุนไพรหนึ่งในนั้นที่มีคุณสมบัติดังกล่าว
ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องของสมุนไพรที่มีฤทธิ์ยับยั้งโรคมะเร็ง ช่วยบำรุงพลัง
และปรับสมดุลในร่างกายได้ มีข้อถก เถียงกันมานานเรื่องการใช้ หญ้าปักกิ่ง
แต่ผลการวิจัยได้พิสูจน์ว่าหญ้าปักกิ่ง มีคุณสมบัติยับยั้งโรคมะเร็งได้จริง
แต่ต้องรับประทานอย่างถูกต้อง ทั้งนี้ สิ่งที่ต้องระมัดระวังให้มาก หลังจากที่
หญ้าปักกิ่งแพร่หลายในบ้านเรา คือเรื่อง หญ้าปักกิ่งปลอม ซึ่งต้องสังเกตให้ดี
อย่าหลงเชื่อผู้ขาย และต้องปรึกษาผู้รู้เท่านั้น ภ.ญ.ปัทมา สุนทรศารทูล
อธิบายสรรพคุณว่า หญ้าปักกิ่ง หรือในชื่อภาษาจีนว่า เล้งจือเช่า หรือหญ้าเทวดา
เป็นยามีรสจืด เย็น มีสรรพคุณในการยับยั้งโรคมะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งในคอ
มะเร็งตับ มะเร็งมดลูก มะเร็งเม็ดเลือดขาว การตรวจวิเคราะห์ในห้องแล็บพบว่า
ลำต้นหญ้าปักกิ่งมีสารกลุ่มกลัยโคสพิงโกไลบิตส์ เป็นสารต้านมะเร็งระยะต้น
ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย เช่น โรคมะเร็ง เส้นเลือดหัวใจตีบ
โรคภูมิแพ้ โรคความดันและเบาหวาน สามารถใช้รักษาร่วมกับยาแผนปัจจุบันได้
ช่วยลดอาการข้างเคียงจาการฉายแสง ในผู้ป่วยที่จำเป็นต้องฉายแสง
Tags:
มะเร็ง,มะเร็งตับ,มะเร็งมดลูก,มะเร็งเม็ดเลือดขาว,มะเร็งในคอ,เสริมภูมิคุ้มกัน
read more
ยุทธศาสตร์ 4 อ. สู้มะเร็ง !!1บางครั้งเราก็ลืมๆไปเหมือนกันว่า ร่างกาย
สังขารของเราซึ่งเกิดจากท้องแม่มานั้นมันเป็นไปตามกฏธรรมชาติ
เป็นส่วนหนึ่งของสรรพสิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่เกิดมา ตั้งอยู่
แล้วดับสูญไปตามกฏของพระไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ชีวิตคนเรา
นั้นเป็นผลิตผลของธรรมชาติ บนพิภพ บนโลกนี้….ก็ “โลกมนุษย์” ใบที่เราแย่งกันอยู่
แย่งกันกินนี่แหละ มนุษย์ เกิดขึ้นจาก”กรรม”ของแต่ละคน ประกอบขึ้นด้วย กาย และ ใจ
ภาษาพระท่านเรียกว่า “รูปธรรม-นามธรรม” กาย และ ใจ จึงต้องมีปฏิสัมพันธ์กับโลก
ซึ่งก็คือ ธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ ในเมื่อกาย และ ใจ
ซึ่งเป็นโครงสร้างของมนุษย์ต้องดำเนินไปตามกฏของธรรมชาติการเกิด แก่ เจ็บ ตาย
จึงต้องขึ้นอยู่กับธรรมชาติรอบๆตัวคือธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ
เพราะร่างกายของเราก็ประกอบด้วยธาตุทั้งสี่นี่แหละ
ส่ำสัตว์ทั้งหลายมันก็ดำรงชีวิตอยู่กับ ธรรมชาติ ตั้งแต่ เกิด แก่ เจ็บ ตาย [...]

4อ,การดูแลตัวเองเมื่อเป็นมะเร็ง
ชนะมะเร็งได้ด้วยหัวใจนักสู้ กองบรรณาธิการ
ใครก็ตามที่ได้รับรู้ว่าตนเองเป็น “มะเร็ง” แล้ว ส่วนใหญ่จะเกิดความรู้สึกช็อกเป็นอันดับแรก แต่ก็มีคนป่วยหลายคนที่สามารถทำใจได้กับโรคที่เป็นและมีกำลังใจที่เข้มแข็งที่จะต่อสู้ต่อไป
------บางครั้งตัวญาติเองกลับจะรู้สึกทุกข์ร้อนไปกับอาการป่วยไข้มากกว่าผู้ที่เป็นเองเสียอีก ดังเช่น คุณวรชาติ อุชุไพบูลย์วงศ์ เคยเผชิญกับโรคร้ายนี้มาแล้ว เขาเคยป่วยหนักเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองขั้นร้ายแรง ตรวจพบเมื่อปี พ.ศ.2540 หรือกว่าเจ็ดปีมาแล้ว
--------ใครที่ได้พบเห็นคุณวรชาติในวันนี้แทบทุกคนจะต้องไม่เชื่อว่าเขาเคยป่วยหนักถึงขนาดที่ว่าต้องหามกันเลยทีเดียว
ด้วยหน้าตาที่ยิ้มแย้ม ผิวพรรณที่สดใสบ่งบอกถึงความมีสุขภาพดีในวันนี้
แล้วอะไรที่ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่ เป็นคนใหม่ได้ บทความต่อไปนี้คือคำตอบ “ช่วงก่อนที่จะตรวจพบว่าเป็นมะเร็ง ประมาณปี 2540 ก็ทราบกันดีว่า ปีนั้นเป็นปีที่เศรษฐกิจตกต่ำ เดือนกรกฎาคม ปี 40 มีการประกาศลดค่าเงินบาท ตอนนั้นผมทำงานเครียดมาก ทำงานตลอด วันอาทิตย์ก็ไม่เคยหยุด ความเครียดสะสมเรื้อรัง…จู่ๆ ก็เกิดปวดหัว ตัวร้อน ไม่สบายขึ้นมา กินอะไรไม่ได้ อาเจียนด้วย ก็ไปหาหมอด้านอายุรกรรมทั่วไป ถึง 3 หมอ หมอให้ admit ที่โรงพยาบาล ก็พบว่าเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง แต่ตอนแรกหมอเขาไม่บอกให้ผมทราบว่าเป็นมะเร็ง แต่บอกกับภรรยาผม และภรรยาผมก็บอกกับผมว่าผมเป็นต่อมน้ำเหลืองอักเสบ และจะต้องให้การรักษาคล้ายกับรักษามะเร็ง คือเธอคงกลัวว่าผมจะรับไม่ได้ ซึ่งตอนแรกผมก็รับไม่ได้จริงๆ นั่นแหละ [...]

วิธีง่ายๆต่อสู้กับมะเร็ง0วิธีการรักษามะเร็งแบบธรรมชาติง่ายๆ 4 ข้อ ดังนี้ จิตใจ ต้องสู้
-----อาหารงดเว้นเนื้อสัตว์ แล้วหันมารับประทานอาหารที่มะเร็งไม่รับประทาน 15 ชนิด ได้แก่ ธัญพืช 5 ชนิด ได้แก่ ข้าวกล้อง , ข้าวม้ง ,ข้าวบาเล่ย์ , ข้าวสาลี, และลูกเดือย นำมาหุงด้วยหม้อข้าวไฟฟ้า ผักผลไม้ 10 ชนิด ได้แก่หอมหัวใหญ่ ,มันฝรั่ง,หรือมันเทศ ,กล้วยน้ำว้าสุก (8 ลูก/วัน),ฟักทอง, ข้าวโพดหวาน ,ยอดแค ,ถั่วพู(2ชนิดนี้ขาดไม่ได้),บลอคโคลี่หรือกะหล่ำดอก ,ถั่วหวาน และคะน้าฮ่องกง(ผักผลไม้ 5 ชนิดแรกใช้นึ่ง) นำทั้ง 10 ชนิด หั่นเป็นชิ้นๆ นำมาเข้าเครื่องปั่นแบบไม่ต้องละเอียดมาก เพื่อให้กระเพาะอาหารทำหน้าที่ย่อย
---จากนั้นนำมารับประทานหนัก 1 กก./วันกับธัญพืช
อาบน้ำร้อนสลับเย็นหรือเย็นสลับร้อนอย่างละ 2 นาที รวมเวลา 10 นาที 1 ครั้ง/วัน เตรียมน้ำร้อนโดยใช้เครื่องทำน้ำร้อน เตรียมน้ำเย็นโดยหาถังน้ำใส่น้ำแข็งแล้วอาบร้อนจัดและเย็นจัดเท่าที่ร่างกายทนได้ (ความรู้จากจีนโบราณและกรีก-โรมัน) ภูมิต้านทานโรคทั้งสิ้น 2 จำพวก จะถูกกระตุ้นขึ้นมาทำหน้าที่อย่างแข็งขัน การออกกำลังกาย เดินเร็วหรือวิ่งเหยาะๆ ประมาณ 45นาที
-----------------------------------------------------------------------

หญ้าเทวดาหรือหญ้าปักกิ่งกับการรักษาโรคมะเร็ง
กลุ่มงานวิจัย สถาบันมะเร็งแห่งชาติ0

ดร. ผ่องพรรณ ศิริพงษ์ หัวหน้างานวิจัยสมุนไพร กลุ่มงานวิจัย สถาบันมะเร็งแห่งชาติ
------------ปัจจุบันโรคมะเร็งเป็นสาเหตุการตายอันดับสองของประชากรไทยและมีแนวโน้มสูงขึ้นทุกๆปี
------ยารักษาโรคมะเร็งที่ใช้ในทางการแพทย์ ก็มีแต่ยาแผนปัจจุบันที่มีราคาแพง ซึ่งจะต้องนำเข้า จากต่างประเทศทั้งหมด ทั้งในรูปยาสำเร็จรูปหรือวัตถุดิบ อีกทั้งยังพบว่ามีผลข้างเคียงสูง ทางเลือกอีกทางหนึ่งของผู้ป่วยโรคมะเร็ง จึงหันมานิยม ใช้สมุนไพรพื้นบ้านเพื่อนำมารักษา โรคมะเร็งที่เป็นอยู่
สมุนไพรจากประเทศจีนชนิดหนึ่งซึ่งมีผู้นำมาเผยแพร่ ประมาณ 30 ปี
มาแล้วและปัจจุบันก็ยังคงนิยมใช้อยู่อย่างแพร่หลาย คือหญ้าเทวดาหรือหญ้าปักกิ่ง หรือเรียกชื่อ ภาษาจีนว่า เล่งจือเฉ้า หญ้าเทวดาหรือหญ้าปักกิ่งหรือเล่งจือเฉ้า มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Murdania loriformis (Hassk) Rolla Rao et Kammathy อยู่ในวงศ์ Commelinaceae เป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว แต่ไม่ใช่พืชในวงศืหญ้าทั่วไป เป็นไม้ล้มลุก สูง ประมาณ 7-10 ซ.ม. และอาจสูงได้ถึง 20 ซ.ม. ใบเป็นใบเลี้ยงเดี่ยว ความยาวไม่เกิน 10 ซ.ม. ดอกออกเป็นช่อที่ ปลายยอด รวมกันเป็นกระจุกแน่น [...]
Tags:
ความเป็นพิษ,รักษามะเร็ง,สถาบันมะเร็งแห่งชาติ,หญ้าปักกิ่ง,หญ้าเทวดา,เล่งจือเฉ้า
read more
----------------------------------------------------------------
มะเร็งปอด12
เป็นมะเร็งที่ปอดแต่ผ่าไม่ได้เพราะเป็นเนื้อร้าย เลยต้องใช้เคมีบำบัด เข็มที่ 1 มีอาการแพ้มาก เข็มที่ 2 ยิ่งแย่ลงอีก เริ่มทานหญ้าเทวดา (หญ้าปักกิ่ง)
กลับมาให้คีโมต่อเข็มที่ 3-4 ไม่มีอาการแพ้อีกเลย แถมก้อนเนื้อและจุดตามปอดหายไปหมด… คุณพ่อของดิฉันป่วยเป็นมะเร็งที่ปอด เวลาพูดจะมีอาการไอ ต่อมาพูดก็ไอ ไม่พูดก็ไอ จึงพาไปตรวจที่ ร.พ.ศิริราช คุณหมอบอกว่าต้องผ่าตัดเพราะมีเนื้องอกที่ปอด หลังผ่าตัดอาการไอก็ยังไม่หาย กลับไอมากขึ้นจนนอนไม่ได้ อาหารก็ทานไม่ลง จึงถามคุณหมอว่าเป็นอะไรกันแน่ คุณหมอก็บอกว่าที่ผ่าตัดนั้นไม่สามารถเอาก้อนเนื้อออก เพราะเป็นเนื้อร้ายผ่าออกไม่ได้ จึงให้รักษาทางเคมีบำบัด (เคโม) ระหว่างรอให้เคโมก็มีอาการอื่นแทรกซ้อนตลอดเวลา ช่วงเวลาที่นอนรอให้เคโมประมาณ 1 เดือน น้ำหนักลดลง 11 ก.ก. กินไม่ได้นอนไม่หลับ มีอาการเหนื่อยหอบตลอดเวลา บางครั้งต้องพ่นยา และใช้เครื่องช่วยหายใจวันละหลายครั้ง
Tags: มะเร็ง,มะเร็งปอด,หญ้าปักกิ่ง,หญ้าเทวดา
read more
-------------------------------------------------------
ดูแลตัวเองเมื่อเป็นมะเร็ง
(6) การปรุงหญ้าปักกิ่ง (2) ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหญ้าปักกิ่ง (10)
ความรู้เกี่ยวกับมะเร็ง (4) ประสบการณ์หญ้าปักกิ่ง (5) มะรุม (3) สมุนไพรน่ารู้
(3) หญ้าปักกิ่งสด-สำเร็จรูป (1) หมอเส็ง: อ่านดูแล้วมีประโยชน์มากครับ
อาศัยหลักการใช้ธรรมชาติเข้ามาช่วยในการต� seang: รางจืดชนิดต้นมีหรือเปล่าครับ
ถ้ามีลักษณะเป็นแบบไหน มีคุณประโยชน์ทาง� ตรงๆๆ: มีคนแนะนำ ใบ ฮวาน ง็อก นะคะ
สำหรับมะเร็งปอด ลองดูอีกทาง เป็นทางเลือก
------------------------------------------------------------

ผมรักษามะเร็งด้วยตนเอง
โดยวิธีธรรมชาติบำบัด ได้ผลมาก หายเป็นปกติมา 7 ปีแล้วครับ12นายมนตรี อติพยัคฆ์
ป่วยเป็นมะเร็ง ลำไส้ใหญ่ ระยะที่ 3 หลังจากผ่าตัดลำไส้ส่วนที่เป็นมะเร็งออก
เซลล์มะเร็งได้ลุกลามต่อมน้ำเหลืองไปแล้วมีโอกาสมากที่จะกระจายสู่จุด
อันตรายที่สุดคือตับ และอวัยวะส่วนต่างๆในช่องท้อง
แต่ก็ได้ตัดสินใจรักษาโดยธรรมชาติบำบัดทันที (ยุทธศาสตร์ 4 อ.)
โดยไม่ขอรับเคมีบำบัดและรังสีรักษาตามแผนการรักษาของแพทย์
ซึ่งในกรณีเช่นนี้ในความเห็น ของแพทย์สรุปว่าโอกาสที่จะอยู่รอดถึง 2
ปีหลังการผ่าตัดอาจจะต่ำกว่า 50% ซึ่งก็มีเหตุผลที่ต้องเชื่อ
แต่ผมก็เชื่อใน”ทางเลือกใหม่”ว่าอาจจะทำให้ผมอยู่ได้เป็นสิบปี
ซึ่งก็เกินพอแล้วสำหรับสภาวะเช่นนี้ แต่ถ้าจะอยู่ได้
ต่อไปอีกก็เป็นเรื่องที่ดีในการใช้ชีวิตต่อไปอย่างสงบสุข
ผมตัดสินใจใช้ทฤษฏีบำบัดมะเร็ง ของ นพ.แมกซ์ เกอร์สัน บิดาแห่งนักธรรมชาติบำบัด
และจากหลักการของอาหารแมคโครไบโอติกส์ มาดัดแปลงรักษาตนเองให้เป็น วิถีไทยๆ
ด้วยวิธีคิด ด้วยเหตุด้วยผลจนเกิดความเชื่อมั่นว่าถ้าใช้วิธีนี้ต้องไม่ตายแน่
เอาชีวิตตัวเองเดิมพันเลย
ผมได้ตรวจเช็คเลือด CEA (Carcinoembryonic Antigen) ทุก 3 เดือน
ที่สถาบันมะเร็งแห่งชาติหลังการผ่าตัด ค่าของ CEA ขึ้นๆลงๆ
เคยอยู่ในระดับปกติดีที่สุดที่ 1.1 ng/ml สูงกว่าปกติที่ 5.1 และกลับมาที่ 4.4
และสูงขึ้นไปที่ 8.7 (ก่อนผ่าตัดขึ้นกว่า 40) การเจาะเลือด CEA นั้นเป็นการตรวจหา
Antigen ของเซลล์มะเร็งบางชนิด โดยเฉพาะลำไส้ใหญ่
คนปกติที่ไม่สูบบุหรี่จะมีค่าไม่เกิน 5 หน่วย ถ้ามีมะเร็งก็อาจขึ้นไปอีก ถ้าถึง 10
หน่วยก็ควรต้อง CT-Scan ดูแล้ว ถ้าถึง 20 หน่วยก็อาจจะเริ่มลุกลาม ถ้าขึ้นไปเป็น
100 เป็น 1000 ก็ถึงขั้นแพร่กระจาย (Metastatis) มะเร็งระยะเริ่มต้นนั้นค่าของ CEA
ไม่มีอะไรคงที่ ตัวเลขบ่งชี้อาจขึ้นอยู่กับปริมาณสารก่อมะเร็งในร่างกาย
รวมทั้งสภาวะต่างๆในร่างกายและจิตใจ ซึ่งเรื่องนี้เราก็สามารถควบคุมได้ระดับหนึ่ง
จึงไม่ยึดเอา CEA เป็นเหตุให้เครียด แต่จะดูว่าสุขภาพตัวเองเป็นอย่างไร ดีขึ้น
แข็งแรงขึ้นหรือเปล่า มีชีวิตที่ปกติสุขหรือเปล่า ยังกินได้นอนหลับ น้ำหนักไม่ลด
คุณภาพชีวิตยังดี ก็ถือว่าเราควบคุมมะเร็ง
ให้หยุดนิ่งได้บ้างก็น่าจะสบายใจสบายกายขึ้นบ้างไม่ใช่หรือ ซึ่งผมก็เป็นเช่นว่านี้
ที่เป็นเช่นนี้ผมเชื่อว่า
เป็น เพราะการทานอาหารมังสวิรัติและการปฏิบัติตัวตาม “ยุทธศาสตร์ 4อ.” ของผมนั่นเอง
ผู้ปฏิบัติควรเรียนรู้ วิธีกินอาหารมังสวิรัติให้ได้สารอาหารครบ เหมือนกับอาหารปกติ
ไม่ต้องกลัวขาดโปรตีน (ไม่เช่นนั้น ช้าง ม้า วัว
ควายมันจะเติบโตได้อย่างไร)ความจริงแล้วเซลล์ในร่างกายผลิตกรดอะมิโนได้ 14ชนิด
ต้องการจากอาหารอีก 8 ชนิด คนที่ทานมังสวิรัติ ถ้ารู้หลักก็จะได้สารอาหารครบ 5
หมู่อยู่แล้ว แพทย์ปัจจุบันมัก จะแนะนำผู้ป่วยมะเร็งให้ทานอาหาร 5 หมู่
แต่ไม่บอกว่าควรจะลดละเลิกอะไรบ้าง แถมบางท่านยังบอกว่าให้ทานเนื้อนมไข่
หมูเห็ดเป็ดไก่ได้ตามสบายเสียอีก(เพื่อจะได้มีเรี่ยวแรงสู้กับเคมีบำบัด
และได้รับเม็ดเลือดขาวที่ถูกทำลายจากคีโมมาชดเชย)
ผู้ป่วยมะเร็งหลายคนได้รับการผ่าตัดก้อนมะเร็งออกไปแล้วแต่กลับไปทานอาหาร
ประเภทเปรี้ยว หวาน มัน เค็ม
กลับไปกินเนื้อสัตว์ประเภทเนื้อแดงที่ให้โปรตีนและไขมันสูง(ไปบำรุงให้เซลล์
มะเร็งเติบโตอีก) เริ่มแตะเหล้า เบียร์ บุหรี่ กินอาหารสารพิษปนเปื้อน
กินเนื้อสัตว์ปิ้ง ย่างไหม้เกรียม รมควัน (เริ่มสะสมสารก่อมะเร็งอีก)
วันดีคืนดีมะเร็งก็เลยกลับมา
รู้ตัวอีกครั้งก็สายเกินแก้เสียแล้วนี่แหละการที่แพทย์ปัจจุบันไม่เปิดใจ
กว้างให้กับความสำคัญของ “โภชนบำบัด” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการ
แพทย์ ทางเลือก (Altanative Medicine) ทำให้การรักษามะเร็งอาจถึงทางตันได้
ดังนั้นการแพทย์แบบ ประสมประสาน (Integrated Medicine)
ซึ่งใช้การแพทย์ปัจจุบันเป็นหลักและการแพทย์ทางเลือกมาเสริมจึงเป็น
ทางออกที่ดีที่สุดในยุคแห่งบูรณาการ
หลัง ผ่าตัด : ผมย้ายมาเจาะเลือดติดตามผล CEA
และตรวจระบบทางเดินอาหารด้วยเครื่องมือต่างๆที่ รพ.ใกล้ บ้าน (ใช้บริการ 30 บาท ฯ)
การบำบัดด้วยตนเองยังคงใช้ “ยุทธศาสตร์ 4อ.” สนับสนุนด้วย “หญ้าเทวดา”
หลังผ่าตัด 1 ปี : CEA ขึ้นมาที่ 8.7 ng/ml ตรวจ CT-Scan พบก้อนเนื้อ 4×2
ซ.ม.ในลำไส้ใหญ่ส่วนต้น หมอนัด อีก 2 อาทิตย์ให้ไปทำ Colonoscopy
(ส่องกล้องลำไส้ใหญ่) ผมมีความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างสูงที่จะต้องทำให้ก้อน
เนื้อนั้นหายไปให้ได้ด้วยพลังแห่งระบบภูมิคุ้มกัน(Immune System) จึงเร่งปฏิบัติ
“ยุทธศาสตร์ 4อ.”อย่างเข้มข้น จริงจัง บูรณาการระบบชีวิตประจำวันใหม่ตาม “หลัก10
ข้อ สู้มะเร็ง” ทานอาหารแบบชนิดต้านมะเร็งอย่างเคร่งครัด
พร้อมทั้งทานวิตามินเอเบต้าแคโรทีน วิตามินซี-ดี-อี หญ้าเทวดา(ปักกิ่ง)
ผักใบเขียวทั้งสดและนำมาปั่นทานวันละหลายครั้ง ออกกำลังกาย นั่งสมาธิ
ทำจิตใจให้มั่นคง ตัดความหวาดหวั่น วิตกจริต
เชื่อมั่นและศรัทธาในแนวทางที่ตนเองบำบัด อยู่ด้วยพลังใจ
คิดๆๆๆว่าก้อนมะเร็งต้องหายไป และทั้งหมดนี้ก็ประสบผลสำเร็จ
วันส่องกล้องไม่พบเนื้องอกในลำไส้ รอดพ้นผ่าตัดครั้งที่สองไปอย่างปาฏิหาริย์
หลังจากนั้นอีก 2 เดือนก็ไปตรวจเลือดอีกครั้งอีกครั้งปรากฏว่าค่า CEA
ออกมาเยี่ยมมากแค่ 1.8 ng/ml ตัวเลขต่ำน่าพอใจมาก(ค่าปกติ 0-5 ng/ml)
หลังจากนั้นอีก 3 เดือนก็ไปตรวจ CEA อีก ปรากฏว่าผลออกมายิ่งดี อยู่ที่ 1.1 ng/ml
(เหตุที่มะเร็งกลับมาในครั้งนั้นสงสัยว่าอาจจะเป็นเพราะผมกลับไป กินเนื้อปลาอีก
เหมือนกับกรณีที่หมออารีย์เผลอตัวไปกินไก่ย่างส้มตำ หรือ อาจารย์หม่อม(ธันย์
โสภาคย์)ชล่าใจ กลับไปกินเนื้อปลา และขนมหวาน)
การตรวจ ครั้งสำคัญ : (18/03/47)
เป็นการตรวจครั้งสำคัญในโอกาสที่ครบสองปีหลังการผ่าตัด ปรากฏว่า ค่า CEA
ดีเยิ่ยมอยู่ที่ 1.4 ng/ml ผลการตรวจการทำหน้าที่ของตับ LFT (Liver Function Test)
และ Ultrasound ช่องท้องออกมาปกติ ผล x-ray ปอดปกติ
ก็เป็นอันว่าผมอยู่ในภาวะที่ปกติแน่นอนแล้ว
ดีใจมากที่ตัดสินใจได้ถูกต้องในการรักษามะเร็งด้วยตนเองด้วยความเชื่อมั่นใน
ด้านธรรมชาติบำบัด และด้วยจิตใจที่มั่นคง เชื่อมั่นในวิธีคิดวิธีปฏิบัติของตัวเอง
..(การตรวจเลือด 22/6/48 ผลยังออกมาดีมาก ค่าCEA อยู่ที่ 1.7 ng/ml )
ปัจจุบัน : สุขภาพร่างกายเป็นปกติแล้ว
ไม่มีอะไรบ่งบอกหรือส่งสัญญาณว่ามะเร็งจะกลับมา เรื่องตรวจ CEA ก็เลยเลิกลากันไป
สภาพร่างกาย : กินได้ นอนหลับ แข็งแรง รูปร่างดี (ได้น้ำหนักสัมพันธ์กับส่วนสูง)
ระบบขับถ่ายดีเยี่ยม ดีกว่า ก่อนเป็นมะเร็งลำไส้เสียอีก
(อาหารมังสวิรัติช่วยได้มาก) …. ลาก่อนอาหาร/ขนมที่ทำจากเนื้อสัตว์ แป้งขัดขาว นม
เนย ไข่ น้ำตาลทรายขาว กะทิ ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่มีเส้นใยอาหาร (Fibre)
และบางชนิดมีไขมันชนิดไม่ดีและสารปนเปื้อนเป็นเหตุให้ท้องไส้ผิดปกติ ท้องผูก
แน่นท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ ท้องเสีย ปวดท้อง
…. ขอลาอย่างถาวรเลยอาการทั้งหลายที่ว่านั้น !
สุขภาพ : สุขภาพทั่วๆไปอยู่ในระดับที่ดี (ดีกว่าเพื่อนๆที่ไม่ได้เป็นมะเร็งในวัยเดียวกันหลายคน) ผลพลอยได้จากการรักษามะเร็งด้วยธรรมชาติบำบัด นอกจากมะเร็งจะหายแล้วยังทำให้ร่างกายเป็นเขตปลอดเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันอุดตันในเส้นเลือด เข่าเสื่อม ไตเสื่อม อวัยวะต่างๆก็ทำหน้าที่ปกติ เช่น ปอด ตับ หัวใจ ฯลฯ ภูมิคุ้มกันแข็งแรงทำให้ร่างกายไม่เสื่อมสมรรถภาพ เลือดลมดี โรคภัยไม่ค่อยมารบกวน แม้กระทั่งไข้หวัดจะมีบ้างก็เป็นปี
สภาพจิตใจ : สงบ สบาย ไร้กังวล มีความมั่นใจว่าตัวเองได้หายจากโรคมะเร็งแล้ว

กิจวัตรประจำวัน :
เช้ามืด ออกกำลังกายบริเวณสวนที่เต็มไปด้วยแมกไม้สีเขียวแหล่งฟอกอากาศให้บริสุทธิ์ โดยการจ็อกกิ้ง ประมาณ 1 ก.ม. เสร็จแล้วพักสูดอากาศยามเช้า (นำออกซิเจนสดๆเข้าไปให้ปอดฟอกเลือดเก่าซึ่งมีสีดำเพื่อจะ
ได้เลือดใหม่สีแดงสมบูรณ์ด้วยออกซิเจนส่งไปให้หัวใจสูบฉีดไปทั่วร่างกาย) หลังจากนั้นออกกำลังกายต่อ เริ่ม ต้นด้วย ซิทอัพ-sit-up บริหารหน้าท้อง แกว่งแขนบริหารลมปราณ ดัดเนื้อดัดตัวอีกนิดหน่อยตามรูปแบบของโยคะ ชาร์จจักระ(พลังจักรวาล)เป็นอันจบการบริหารกายและจิต เสร็จแล้วก็เดินเล่นในสวนพร้อมสุนัข กลับเข้าบ้านทานหญ้าเทวดา(ปักกิ่ง) 3
เม็ดก่อนอาหารเช้าซึ่งประกอบด้วย โจ๊กข้าวกล้อง ซุปมิโสะ(เต้าเจี้ยวบดญี่ปุ่น)ผสมสาหร่ายญี่ปุ่นวากาเม่ะ ขนมปังโฮลวีทปิ้ง 2 แผ่น กล้วยน้ำว้า 2 ลูก หลังอาหารเช้าทานว่านรางจืด 3แคบซูล
(ทั้งหญ้าเทวดาและว่านรางจืดทานวันละ 3 มื้อก่อน/หลังอาหาร ทาน 7 วัน เว้น 4 วัน) ทำ ดัท็อกซ์-Detox อาทิตย์ละ 2 ครั้งจาก นั้นก็หาอะไรทำเพลินๆเช่น รดน้ำต้นไม้ ตัดแต่งกิ่งใบ ใส่ปุ๋ย พรวนดิน กวาดใบไม้
ล้างรถบ้าง ซักผ้า รีดผ้าบ้าง เปิดทีวีดูรายการข่าว อ่านหนังสือพิมพ์
เสร็จแล้วก็ดื่มน้ำเต้าหู้(จืด)ผสมลูกเดือย ทานกับ Cornflakes(ข้าวโพดอบเป็นเกล็ดๆ) อาบน้ำ สวดมนต์ทำวัตรเช้า นั่งสมาธิประมาณ 1 ชั่วโมง ทำอาหารกลางวัน (ก๋วยเตี๋ยวน้ำเส้น ข้าวกล้อง) ผัดมักกะโรนีบ้างสปาเก็ตตี้บ้าง
ดิ่มน้ำปั่นแครอท,ฟักทอง,ข้าวโพด ,งาดำ บางครั้งก็มีหัวมันต้มสีม่วง(มันต่อเผือก) ทานทั้งเปลือก ฟักทองนึ่ง
หลังจากนั้นก็พักผ่อน ดูทีวี อ่านหนังสือทั่วๆไปบ้าง เข้าอินเตอร์เน็ตบ้าง โทรศัพท์บ้าง จนบ่ายแก่ๆก็ทานผลไม้(ไม่หวาน) ขนมขบเคี้ยวต่างๆที่ทำจากธัญพืช น้ำผักสุขภาพ ถึงเวลาทานอาหารเย็นก็จะทานข้าวบ้างละ เป็นข้าวซ้อมมือแท้ๆ (สีน้ำตาลเข้ม) หุงรวมกับถั่วแดงและลูกเดือย(เพื่อเพิ่มกรดอมิโนให้ครบถ้วน) หุงสุกแล้วโรยด้วยจมูกข้าว งาดำคั่วทานกับต้มจับฉ่ายสลับกับสตูซึ่งมีส่วนผสมหลักคือ แครอท มันฝรั่ง มันเทศ ฟักทอง ผสมถั่วแดง ถั่วแขก ถั่วลันเตา นอกจากนั้นก็จะมีแกงส้ม แกงเลียงกินได้เป็นอาทิตย์ บางครั้งก็มีอย่างอื่น เช่นผัดปรุงรสต่างๆ เนื้อเทียมต่างชนิดทำด้วยโปรตีนเกษตร ผสมเห็ด ข้าวโพด หรือทำด้วยแป้งผสมถั่วเหลือง หัวบุกและแครอต นำมาผัดซ้อสต่างๆ อร่อยมากจากนั้น ก็ออกไปเดินสูดอากาศบริสุทธิ์ กลับมาทำโยคะ จนกระทั่งใกล้ค่ำจึงกลับมาสวดมนต์ทำวัตรเย็น นั่งสมาธิ รักษาตัวเองด้วยพลังจักวาล เสร็จแล้วก็อาบน้ำ พักผ่อนดูทีวี ดื่มน้ำเต้าหู้เปิดวิทยุฟังเพลง ดูหนังที่เช่ามา อ่านหนังสือ จนถึงเวลานอนประมาณ ห้าทุ่มทุกวัน
ทั้งหมดเป็นกิจวัตรธรรมชาติบำบัดประจำวัน
จะเห็นได้ว่าครบ 4 อ. คือ อารมณ์ อาหาร อากาศ ออกกำลังกาย
สำหรับกิจกรรมพิเศษก็มีอีกหลายอย่าง เช่น เช้าวันเสาร์อาทิตย์ต้องใส่บาตรพระสงฆ์ที่เดินมาหน้าบ้าน ว่ายน้ำ แล้วขับรถเข้าเมืองไปทานอาหารเที่ยงที่ชมรมมังสวิรัติจตุจักร เดินเลยไปที่ตลาดนัด ดูไม้ดอกไม้ประดับที่นำมาขาย
ไปดูเสื้อผ้าที่ทำจากผ้าฝ้ายทอมือย้อมสีด้วยเปลือกไม้ธรรมชาติ
บางครั้งก็ถือโอกาศนั่งรถไฟใต้ดินที่สถานีใกล้กันเข้าไปเดินเล่นในเมืองแถวๆ สีลม ไปศูนย์ประชุมฯสิริกิติ์ ชมนิทรรศการที่สนใจ แวะพักผ่อนที่สวนเบญจกิติที่อยู่ติดกัน บางครั้งก็ไปห้างสรรพสินค้า ไปดูหนัง ดูหนังสือที่น่าสนใจ นานๆทีก็ไปพักผ่อนสัมผัสธรรมชาติแถวเหนือๆที่ชอบโดยเฉพาะเชียงใหม่ กิจวัตรและกิจกรรมของผมแบบนี้แหละทำให้จิตใจร่าเริงเบิกบาน
------ผลที่ได้ทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่ทรงประสิทธิภาพ เพิ่มปริมาณเซลล์
เม็ดเลือดขาวที่แข็งแกร่ง กระหายที่จะรุมกินโต๊ะเจ้าพลพรรคมะเร็ง
…เจ้า พวกเซลล์มะเร็งทั้งหลายเคราะห์ซ้ำกรรมซัด เจอเข้าไป 2 เด้ง !
ไหนจะถูกเซลล์เม็ดเลือดขาวของผมตามไล่ล่าชีวิต ไหนจะถูกตัดขาดจากอาหาร ชูกำลังประเภท หวาน มัน เค็ม ก็เลยหมดสภาพ กลับไปหมกเม็ดซ่อนตัว รอที่จะได้อาหาร บำรุงบำเรอให้แข็งแรงเพื่อจะได้กลับมาล้างแค้น (ไม่ต้อง หวังหรอกนายมะเร็ง!)
--------ข้อคิดที่ได้ : ความรู้สึกของผมในระหว่างที่กำลังเป็นเป็นมะเร็ง
เคยคิดเหมือนกันว่าชีวิตกำลังดำเนินอยู่ที่ปลาย สุดของปากเหว
พร้อมที่จะร่วงหล่นลงไปสู่ความตายได้ทุกเมื่อ แต่ในทางกลับกันถ้ามีสติ
ปัญญาและพลังใจใน การต่อสู้กับมะเร็งอย่าง”รู้เขารู้เรา”
ชีวิตที่อยู่คู่กับมะเร็งก็อาจจะมีคุณภาพ สภาพของเหวที่น่ากลัวก็อาจจะค่อยๆ
ตื้นเขินจนเป็นพื้นที่ธรรมชาติสวยงามที่ให้ความสดชื่นรื่นรมย์
เติมเต็มชีวิตที่เหลือให้มีความหวังครั้งใหม่ได้
หมายเหตุ : แนวทางรักษามะเร็งของผมเป็นแนวทางที่ใช้ธรรมชาติบำบัด
ผลดีที่เกิดกับผมนั้นอาจจะแตกต่างกับ ผู้ป่วยรายอื่นที่มีความไม่เหมือน
กันทั้งในสภาพร่างกาย จิตใจ สภาพแวดล้อม ความมุ่งมั่น ความเพียรพยายาม การตัดสินใจในกรณีต่างๆเป็นวิธีคิด วิธีปฏิบัติของผม เป็นเรื่องเฉพาะตัว แม้กระทั่งการตัดสินใจไม่ใช้เคมีและรังสีบำบัด ผู้ป่วยท่านอื่นๆจึงควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์แผนปัจจุบันเป็นหลัก
-----ถ้าจะใช้การแพทย์ทางเลือกก็ต้องใช้ดุลพินิจและวิจารณญาณของท่านตลอดจนผู้ให้การปรึกษาของท่านเป็นหลัก เพราะมีผู้ที่แอบอ้างเป็นแพทย์ทางเลือกบางคนมีพฤติกรรมที่ไม่จริงใจต่อผู้ ปวยโดยให้ข้อแนะนำอย่างฉาบฉวย มุ่งที่จะขายวิตามิน ในราคาที่ค่อนข้างสูงอย่างเดียว ขายกันเป็นชุดประกอบด้วยวิตามินสิบกว่าชนิด กินกันวันละเป็นหมื่นๆมิลลิแกรม หมดแล้วให้มาซื้อใหม่ ไม่รู้จบ ผู้ป่วยบางรายหมดเงินไปหลายหมื่นบาท
ซึ่งไม่ต่างจากแพทย์แผนปัจจุบันหลายท่านที่ไม่มี ความจริงใจและความเป็นกันเองต่อผู้ป่วยคิดอย่างเดียวที่จะเสนอการใช้ยาเคมี ชนิดต่างๆที่แพงแสนแพงต่อผู้มีฐานะดี ใช้ครั้งละเป็นหมื่นเป็นแสนบาท บางคนหมดไปกว่าสิบล้านแต่กลับมีอาการทรุดลงเรื่อยๆส่วนผู้ป่วยที่มีฐานะยากจนแพทย์ก็จะ กำหนดให้ใช้ยาเคมีแบบพื้นๆโดยตัวแพทย์เองก็รู้ทั้งรู้ว่าโอกาศที่มะเร็งจะ หายได้โดยวิธีดังกล่าวนี้มีเปอร์เซ็นต์ที่ค่อนข้างน้อย ความเหลื่อมล้ำต่ำสูงในฐานะของผู้ป่วยทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมกันในการ รักษาโรคทั้งหลายโดยเฉพาะโรคร้ายอย่างมะเร็ง! ธรรมาภิบาล และจริยธรรมยังเป็นปัญหาในวงการแพทย์ปัจจุบัน ผมเองไม่ได้ต่อต้านในเรื่องนี้เพราะทั้งวิตามินสำเร็จรูปและยาเคมีก็มี ประโยชน์ไม่มากก็น้อย แต่ทุกอย่างมันอยู่ที่ความ พอเหมาะพอควรในสถานภาพของแต่ละคน ผมเองก็ไม่ได้กินวิตามินสำเร็จรูป และไม่ได้ใช้ทั้งคีโมและฉายแสงด้วย แต่ผมก็อยู่ได้มาถึงวันนี้อย่างมีคุณภาพชีวิตที่ครบถ้วนโดยการใช้ปฏิบัติการ ทางธรรมชาติบำบัดอย่างเคร่งครัด เชื่อมั่น แน่วแน่ ศรัทธาในหนทางนี้อย่างมั่นคง.ณ วันนี้ถึงแม้ว่าผมจะอยู่ในสภาวะที่ปกติแล้วก็ตาม แต่จะยึดแนวธรรมชาติบำบัดต่อไปในการดำเนินชีวิต ไม่เช่นนั้นมะเร็งอาจกลับมาอีกรอบซึ่งเป็นไปได้มาก เห็นมามากแล้ว ความประมาท กับ ความตาย เป็นของคู่กัน !
(Visited 10,515 times, 54 visits today)
พิมพ์หน้านี้ | 10,066 views
« คำเตือนจากคุณหมอ
ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคมะเร็งฤทธิ์ยับยั้งการแบ่งเซลล์และความเป็นพิษของหญ้าปักกิ่งต่อเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาว
»Tags: ธรรมชาติบำบัด, รักษามะเร็ง, สมุนไพรบำบัด, หญ้าปักกิ่ง, หญ้าเทวดา,
เล่งจือเฉ้า



Share3
12 Comments to “ผมรักษามะเร็งด้วยตนเอง โดยวิธีธรรมชาติบำบัด ได้ผลมาก
หายเป็นปกติมา 7 ปีแล้วครับ”
ปภัสสรา says:
August 10, 2010 at 4:13 pm
อยากได้ความรู้เพิ่มเติมและขอเบอร์โทรศัพท์ด้วยค่ะ
ปภัสสรา says:
August 10, 2010 at 4:14 pm
เพราะตอนนี้คุณพ่อเป็นมะเร็งผิวหนังและลามเข้าต่อมนำเหลืองนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า
ตั้งแต่วันที่ 28 พฤศภาคม 2553 ถึง ปัจจุบัน
ปภัสสรา says:
August 10, 2010 at 4:22 pm
กรุณาตอบด้วยนะค่ะเป็นทุกข์ใจมากเลยค่ะ ไม่รู้จะไปปรึกษาใครดี
Anonymous says:
August 11, 2010 at 2:38 pm
ใจเย็นเย็น นะคะ แนะนำให้อ่านหนังสือ ชีวจิต ของ ดร สาทิส อินทรกำแหง
หรือ ของ บัลวี หมอ บรรจบ
//www.cheewajit.com/index.aspx
มีตย. ของคนหายจากมะเร็ง ค่ะ
//www.balavi.com/content_th/nanasara/Con00055.asp
ให้อ่าน ธรรมะ ฝึก สติปัฏฐาน 4 นะคะ
//www.supawangreen.in.th/article.php
//www.wimutti.net/
จะได้สบายใจขึ้นค่ะ
pidchanun says:
September 27, 2010 at 11:12 pm
ตอนนี้แม่ป่วยเป็นมะเร็งปอดมาก็หลายปีแล้ว
แม่ชอบหายาทานเองเพราะไปหาหมอกับมาแต่กับสักพักกับดูแย่ลง แม่ตัวเหลืองซีด
แต่ตอนนี้กินมะรุมสกัดอยู่ก็ดีขึ้นแต่ก็ยังดูเหนื่อยๆอยู่ค่ะ
ถ้าจะให้แม่กินหญ้าปักกิ่งเสริมควบคู่ไปด้วยจะเป็นไรไหมค่ะ
รบกวนช่วยตอบหน่อยนะค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ
วรพล says:
October 9, 2010 at 6:21 pm
ผมเป็นคนหนึ่งที่มีโรคภัยความเจ็บปวดรุมเร้าหลายอย่าง ภูมิแพ้ เหนื่อย
ปวดเนื้อตัว เวลายกของหรือทำงานที่ใช้กำลัง จะปวดเจ็บกล้ามเนื้อ
ระบบการหายใจถดถอย คล้ายหอบหืด แน่นหน้าอก เหมือนมีอาการหดเกร็ง เป็นหวัดเรื้อรัง
เป็นโพรงไซนัสอักเสบ
admin says:
October 9, 2010 at 10:53 pm
ลองทานหญ้าปักกิ่งดูนะคะ เค้าช่วยเรื่องเสริมภูมิคุ้มกันค่ะ
ดังนั้นจะช่วยได้หลายด้าน
แต่อย่าลืมพบแพทย์ เพื่อตรวจหาสาเหตุด้วยนะคะ
ขอบคุณค่ะ
ศรัณยู says:
November 8, 2010 at 2:13 pm
แม่ผมป่วยเป็นมะเร็งปอดเหมือนกันครับ คืออย่างนี้นะครับ ผมอยากให้พวกเรา หมายถึงเราเป็นคนที่ดูแลคนป่วย คืออยากให้พวกเรามีเบอร์โทรติดต่อกันนะครับ
ในกลุ่มของโรคนั้นๆ เช่น
1.กลุ่มผู้ป่วยมะเร็งปอด มี คุณ A คุณ B คุณ C ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ดูแล ซึ่งสามารถ
โทรปรึกษากันได้ ในเรื่องของวิธีการดูแลผู้ป่วย อะไรที่ทำไปแล้วดี หรือ
สิง่ที่ต้องระวัง ประมาณนั้นครับ เพื่อที่ว่าเราจะได้ไม่ต้องลองผิดลองถูกกัน
เพื่อนคนที่เรารักครับ
ปล.สุดท้ายนี้ถ้ากลุ่มผู้ดูแลผู้ป่วย ในกลุ่มนี้ (มะเร็งปอด) ต้องการแนะนำ
อะไรติดต่อหรือทิ้งเบอร์โทรไว้ทาง mail นี้นะครับ saranyu.s[at]hotmail.com
ขอให้ทุกคนช่วยกันให้ข้อมูลกันนะครับ เพื่อคนที่เรารัก ขอบคุณครับ
Numpang says:
December 5, 2010 at 7:56 pm
พ่อ มีอาการผิดปกติด เรื่องหายใจ หอบและเหนื่อยง่าย
เพราะมีน้ำมาขังที่เยื้อหุ้มปอดตลอด ตอนนี้รอผลการตรวจหาเชื้ออยู่ค่ะ
จึงอยากศึกษาเรื่อง หญ้าเทวดา ไว้เพื่อช่วย
ให้อาการพ่อทุเลาลง เห็นแล้วสงสารมากๆ คะ
อรลักษณ์ says:
December 16, 2010 at 4:33 pm
ถ้าเป็นมะเร็งปากมดลูก กินน้ำหญ้าปักกิ่งจะช่วยได้ไหม หรือ
สมุนไพรตัวไหนบ้างที่สามารถช่วยให้อาการทุเลาลง ใครให้ข้อมูลได้ช่วยด้วยนะคะ
จะขอบคุณมากคะ
นอ้งพร says:
December 29, 2010 at 9:17 pm
อยากรบกวนถามว่า
ตอนนี้พอดีอยากมีบุตรเลยไปหาคุณหมอที่จุฬาคุณหมอขอดูมดลูกว่ามี่ไข่=เลยเจอแจ๊กพ็อต จ๊ะเอ๋ เนื่องอก3cm.อยากทราบว่าตอ้งทำอย่างไง
กินหญ้าปักกิงจะหายไหมค๋ะ!(ซึ่งหมอบอกว่าเป็นปกติที่ญ.10คนจะเป็น2คนในอายุ35ปีขึ้นไปในยุคนี้)แต่ก็รู้สึกไม่ดีอยู่ดีแหละว่าไม!
-------------------------------------------------------------
HIV การดูแลตัวเองเมื่อเป็นมะเร็ง การทำน้ำหญ้าปักกิ่ง การปลูกหญ้าปักกิ่ง
ข้อควรรู้เกี่ยวกับมะเร็ง ความเป็นพิษ ดอกมะรุม ฝักมะรุม ภูมิคุ้มกันบกพร่อง มะรุม
มะรุมแห้ง มะเร็ง มะเร็งคืออะไร มะเร็งตับ มะเร็งที่ม้าม มะเร็งปอด มะเร็งมดลูก
มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งในคอ มะเร็งในตับ ยับยั้งเซลล์มะเร็ง
รักษามะเร็ง รักษาโรค รางจืด วิธีรับประทานหญ้าปักกิ่ง สถาบันมะเร็งแห่งชาติ
สมุนไพร สมุนไพรบำบัด สมุนไพรไทย สรรพคุณ หญ้าปักกิ่ง สารต้านมะเร็ง หญ้าปักกิ่ง
หญ้าเทวดา ฮว่านง็อก เปลือกมะรุม เมล็ดมะรุม เม็ดมะรุม เม็ดเลือดขาว เล่งจือเฉ้า
เสริมภูมิคุ้มกัน เห็ดหลินจือ เอดส์ โสม ใบมะรุม

มะรุม Miracle Tree

--------------------------------------------------




 

Create Date : 11 กรกฎาคม 2554
18 comments
Last Update : 12 กรกฎาคม 2554 14:36:14 น.
Counter : 84993 Pageviews.

 

เป็นมะเร็ง แนะนำว่า หญ้านางช่วยยับยั้ง อนุมูลอิสระได้นะครับ ลองค้นหาในเวบไซด์ดูนะครับ สรรพคุณสมุนไพรนั้น ถ้าเป็นของสดจะดีมาก ดูจากน้ำเอ็นไซ ป้าเชง ถามว่าทำไมคนถึงซื้อกันมากมาย คำตอบคือ เพราะว่ามันใช้จุรินทรี ไปย่อยสารอาหารมาอยู่ในลักษณะของกรด ต่างๆ นอกจากนี้ สารอาหารที่อยู่ในพืชสมุนไพรจะถูกสกัดออกมา้ด้วย และมีอนุภาคเล็กเข้าสู่ผนังสำใส้ได้ แต่สมุนไพรอบแห้ง หรือ การแปลรูปแล้ว บางตัว อาจทำให้เสียคุณค่าทางยาไป ลืมบอกไปว่าน้ำหมักถ้าทำไม่สะอาดก็มีเชื่อราทำให้เกิดโรคมะเร็งตับได้นะครับ ทางที่ดีควรซื้อสมุนไพรสด มาคั้นน้ำดื่มด้วยตนเอง นอกจะสะอาดแล้วยังได้คุณค่าทางยาครบถ้วนอีกด้วย เพราะเราคนทำเอง ทั้งร่างกายเรามีเอ็นไซด์ย่อยสมุนไพรได้อยู่แล้ว แต่หากอยากได้สรรพคุณให้เห็นผลเร็ว ย่อยเร็ว ควรรับประทาน ก่อนทานอาหาร 1 ชม. หรือท้องว่า และควรคั้นน้ำดื่ม เอ็นไซด์ในการะเพาะอาหารจะย่อยสลายสมุนไพร นำไปให้ร่างกายใช้ได้เร็ว โดยเฉพาะพวกโรคมะเร็ง เจริญเติบโตได้เพราะได้รับอาหารพวกเนื้อสัตว์ หรืออาหารพวกที่มีอนุมูลอิสระ เหล่านี้ล้วนทำให้เซลมะเร็งเจริญเติบโต เราไปฆ่าพวกมะเร็งไม่ได้ด้วยยา แต่เราสามารถทำให้พวกมันอ่อนแอได้ด้วยการทานผักที่ปลอดสารพิษ กินแบบว่าแทนข้าวกันไปเลย (มีข่าวว่ามีคนทานแล้วหายขาดแล้ว) ผมเองเป็นคนที่เตรียมพร้อมกับโรคที่ซักวันหนึ่งเราอาจจะเป็น ตอนนี้ปลูกย่านางไว้พอกินแล้ว บอระเพ็ดนิดหน่อย กำลังเพาะลางจืดต้นอยู่ ไม่ทราบว่ามีที่อยู่ที่ไหน หากอยากได้ใบย่านางสดจะเก็บขายให้ อิอิ ไม่มีอย่างอบให้นะ กินสมุนไพรอบ อย่ากินซะดีกว่า ขีดละร้อยนะ ไม่แพง และมีให้ไม่เกิน 2 ขีดต่อราย ส่งอีเอ็มเอสไปให้ รวมค่าส่ง อีก 150 ส่งถึงอาจเหี่ยวหน่อยนะ เพราะมันสด และในการส่งอีเอ็มเอส ที่จังหวัดตราด มีรอบบ่ายรอบเดียว มีไรก็เมลล์มาแล้วกัน buffalo_bear_toy@hotmail.com

 

โดย: มนุษย์กินหย้า IP: 180.180.94.157 22 ธันวาคม 2554 12:50:26 น.  

 

แปะตำปึง

 

โดย: chansri3@truemail.co.th IP: 58.9.240.88 18 เมษายน 2555 9:23:54 น.  

 

หาซื้อสมุนไพรรักษาลูเคียเมียในแมวใด้ที่ใหน

 

โดย: yamashita IP: 27.130.75.174 23 มิถุนายน 2555 19:01:07 น.  

 

ได้ลองซื้อฮว่านง็อกชนิดแคปซูลมาทานแล้วค่ะได้ผลดีเลยทีเดียว รู้มาด้วยว่ารักษาได้หลายโรคทีเดียว ส่วนร้านที่ซื้อก็มาก้อเชื่อถือได้ค่ะ ยังไงโทรติดต่อสอบถามได้ที่ 034-424400 หรือ เข้าไปดูรายละเอียดที่เว็บไซด์ //www.baansamunpri.com
อยากแนะนำให้ทานค่ะ

 

โดย: คนป่วย IP: 223.206.189.29 6 กรกฎาคม 2555 13:38:18 น.  

 

สวัสดีค่ะ นิด ชอบปลูกสมุนไพรมากอยากได้มาปลูกบ้างจังค่ะ
เช่น แป๊ะตำปึง หญ้าปักกิ่ง ใบหญ่านาง ฮว่านง็อก หาได้ที่ใหนคะ
ไครทราบช่วยเมตตาด้วยนะคะ

phinraya@gmail.com tel.0907985782 ขอบคูณค่ะ

 

โดย: นิด IP: 110.49.240.73 15 สิงหาคม 2555 11:05:54 น.  

 

คุณนิด ช่วยบอกชื่อ สกุลและที่อยู่ ผมมีทุกอย่าง จะฝากมาให้ หรือโทร 085-2744048

 

โดย: นิพนธ์ IP: 1.1.214.141 8 ตุลาคม 2555 9:28:54 น.  

 

สวัสดีค่ะ
เอ๋ ชอบปลูกสมุนไพรเหมือนกันอยากได้มาปลูกบ้างค่ะ
เช่น แป๊ะตำปึง หญ้าปักกิ่ง ใบหญ่านาง ฮว่านง็อก
และว่านขันหมาก
พอดีกำลังหาสมุนไพรรักษาเพื่อนและญาติ 2 คน
ที่กำลังเป็นมะเร็งต่อมทอลซิลและมะเร็งลำไส้อยู่
จะทำยังไงดีถึงจะได้ปลูกคะ...รบกวนหน่อยจ๊ะ
ติดต่อ email.com m_wongtaprom@hotmail.com
บ้านอยู่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ขอบคุณค่ะ

 

โดย: เอ๋ IP: 124.122.36.148 27 ตุลาคม 2555 14:59:17 น.  

 

สำหรับ ฮว่านง๊อก หาได้ไม่ยากเลยจ๊ะ ไปที่ สนามหลวง 2 ต้นประมาณเข่า 3 ต้น
100 บาท และต้นสูงกว่านั้นสองไม้บรรทัดประมาณ 50-70 บาท
เมื่อวานไปหาซื้อเหมือนกันค่่ะ

 

โดย: คุณผู้หวังดี IP: 58.9.33.250 2 ธันวาคม 2555 2:57:33 น.  

 

สวัสดีค่ะ หนิงอยากได้ว่านสมุนไพรฮว่านง็อก ไม่ทราบว่าใครใจบุญปลูกไว้เยอะรบกวนขอหน่อยค่ะ จะเอามาปลูกเพื่อรักษาน้องหมาที่ป่วยเป็นระบบทางเดินปัสสาวะอักเสบ ฉี่เป็นเลือดค่ะ ขอบคุณค่ะ
ติดต่อ email : ningsiriwan1@hotmail.com
อยู่ที่ จ.ชลบุรี ขอบคุณค่ะ

 

โดย: หนิง IP: 192.99.14.36 1 เมษายน 2557 14:49:26 น.  

 

ว่าแต่พวกนี้ปลูกนานไหมค่ะกว่าจะได้ใบมากินน่ะค่ะ
พอดีตอนนี้มีหมาเป็นมะเร็งที่ก้นอยู่น่ะค่ะสงสารมันแต่ไม่รู้ว่าจะทำยังไงเพราะจากที่อ่านตามเวปส่วนมากถ้าผ่าตัดแล้วจะยิ่งลามเลยคิดว่าจะให้เค้าทานสมุนไพรน่าจะดีกว่าใครพอรู้่บ้างค่ะว่าต้องทานยังไงสำหรับหมาน่ะค่ะ

 

โดย: กุ๊ก IP: 58.11.73.9 5 มิถุนายน 2557 4:42:07 น.  

 

เป็นมะเร็งตับระยะสุดท้าย สู้คะ แพทย์ไม่ให้คีโมแล้ว กินสมุนไพรชนิดใดคะ มีใครกินแล้วหายบ้าง

 

โดย: bs IP: 202.28.177.17 5 เมษายน 2558 16:15:30 น.  

 

ถ้าอยากได้ต้นมาปลูกราคาแพงมากหรือป่าวคะ

 

โดย: ฝ้าย IP: 1.46.4.231 21 กรกฎาคม 2558 10:41:23 น.  

 

ถ้าเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ให้กินใบแปะตำปึงปั่นกับน้ำ ป้อนผสมกับน้ำผึ้งค่ะ กินทุกวัน เช้าเย็น ต่อมน้ำเหลืองยุบลงค่ะ

 

โดย: PHIN IP: 1.1.176.152 3 สิงหาคม 2558 14:43:27 น.  

 

ถ้าเป็น โรคไต หรือ ไตวายเฉียบพลัน
ต้มใบหญ้าปักกิ่ง 1 กก. กับน้ำ 1 ลิตร ให้มีสีเข้มหน่อยค่ะ
ป้อน 1 cc ต่อน้ำหนักสุนัข 10 กก.
กินทุกวัน เช้าเย็น (ป้อนบ่อยๆ ก้อได้ค่ะ)
แล้วก้อให้กินไข่ขาวต้มแบบยางมะตูมเละๆ
ใส่หลอดหรือช้อน ป้อนค่ะ
(อย่ากินไข่แดงค่ะ)

 

โดย: PHIN IP: 1.1.176.152 3 สิงหาคม 2558 14:49:13 น.  

 

หญ้าปักกิ่ง ซื้อที่ แถวหน้าวัด เยาวราช มีขาย
เป็น กก. ค่ะ ประมาณ 70-80 บาท

 

โดย: PHIN IP: 1.1.176.152 3 สิงหาคม 2558 14:51:03 น.  

 

ขอประชาสัมพันธ์น่ะค่ะ #ทางเลือกใหม่สำหรับผู้ป่วยมะเร็ง #และผู้ที่ต้องการดูแลรักษาสุขภาพ
โปรไบโอติกพลัส No.1+ยีสต์แดง สำหรับมะเร็งทุกระยะ หรือ
โปรไบโอติกพลัส No.1+ไบโอโยเกิร์ต สำหรับมะเร็งลำไส้และเกี่ยวข้องกับทางเดินอาหาร

โปรไบโอติกเป็นจุลชีพกลุ่มจำพวกกำจัดโรค มีฤทธิ์ในการทำลายเซลล์มะเร็งและป้องกันเซลล์ที่ผิดปกติกลายพันธุ์ไปเป็นเซลล์มะเร็ง ไม่มีผลข้างเคียงหรือสารอันตรายใดๆ ตกค้างในร่างกาย โดยสามารถทานเพื่อลดโอกาส ความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งได้ เพียงทานโปร 1+ยีสต์แดง 1 กระปุก ต่อ 6 เดือน ก็จะลดความเสี่ยงได้ แถมยังมีสุขภาพดี เพราะโปรไบโอติกมีประโยชน์มากมายต่อร่างกายช่วยปรับสมดุลต่างๆ ของร่างกาย ทำให้มีสุขภาพดี ร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่อโรคต่างๆได้มากขึ้นและดียิ่งขึ้นค่ะ


#ประโยชน์ของยีสต์แดงมีมากมายเช่น

- มีกรดอะมิโน 18 ชนิด โดยแบ่งเป็นกรดอะมิโนที่จำเป็นครบ 10 ชนิด และกรดอะมิโนที่ไม่จำเป็นอีก 8 ชนิด ความสำคัญของกรดอะมิโน

--ให้ความเจริญเติบโต และรักษาสุขภาพให้แข็งแรง กระตุ้นการหลั่ง GROWTH HORMONE

--ซ่อมแซมเนื้อเยื่อส่วนที่สึกหรอของร่างกาย

--เสริมสร้างภูมิต้านทานของร่างกาย

--มีสารไคตินจากเชื้อรา ช่วยเสริมสร้างไขข้อของร่างกาย และลดการเสื่อมของไขข้อในผู้สูงอายุ

--มีสาร GABA (gamma-Aminobutyric acid) ในปริมาณที่สูง ซึ่ง GABA เป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่ง มีบทบาทสำคัญในการทำหน้าที่เป็นสารสื่อประสาท (neurotransmitter) ในระบบประสาทส่วนกลาง นอกจากนี้ GABA ยังถือเป็นสารสื่อประสาทประเภท สารยับยั้ง (inhibitor) โดยจะทำหน้าที่รักษาสมดุลในสมองที่ได้รับการกระตุ้นซึ่งช่วยทำให้สมองเกิด การผ่อนคลายและนอนหลับสบาย อีกทั้งยังทำหน้าที่ช่วยกระตุ้นต่อมไร้ท่อ (anterior pituitary) ซึ่งทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนที่ช่วยในการเจริญเติบโต (HGH) ทำให้เกิดการสร้างเนื้อเยื่อ ทำให้กล้ามเนื้อเกิดความกระชับและเกิดสาร lipotropic ซึ่งเป็นสารป้องกันการสะสมไขมัน

--มีสารไคโตซาน ซึ่งสามารถช่วยดักจับไขมันในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ไขมันตามระบบทางเดินอาหารหรือระบบขับถ่าย ในกรณีที่เป็นคนที่อ้วนมากหรือมีไขมันสะสมมากเกินไป จะพบว่ามีคราบไขมันออกมากับอุจจาระที่ถ่ายออกมาด้วย

--มีสารแอนติออกซิแดนท์ในปริมาณที่สูงมาก ช่วยปกป้องเซลล์ของร่างกายจากสารอนุมูลอิสระได้ ช่วยให้เซลล์ต่างๆทำงานได้อย่างเป็นปกติ

--มีคุณสมบัติด้าน anti-mutagenic ซึ่งช่วยป้องกันการเกิดกลายพันธุ์ของเซลล์ไปเป็นเนื้องอกหรือมะเร็ง

#ไม่ต้องรอให้เป็นมะเร็งก็สามารถทานได้เพื่อป้องกันและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย
สำหรับผู้ป่วยมะเร็งขอเพียงแค่เปิดใจยอมรับทางเลือกในการรักษาอื่นๆ เพราะโปรไบโอติก มีงานวิจัยค้นคว้ามากมาย และมีผู้ป่วยมะเร็งหลายรายที่ได้ทดลองใช้แล้วดีขึ้น มีค่ามะเร็งลดลงเรื่อยๆ ต่ออายุและสามารถหายขาดได้
#ชมวิดีโอนี้ท่านจะเข้าใจได้ง่ายขึ้นว่าโปร1+ยีสต์แดง สามารถกำจัดเซลล์มะเร็งได้อย่างไร
https://www.youtube.com/watch?v=CfyRs540aYw
สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์
โปร1+ยีสต์แดง //www.xn--72cc8a5dsb3bd8gg9f.com/p/149

(จะดีกว่ามั้ยถ้าตัวเราเอง หรือคนที่เรารักสามารถหายจากโรคร้ายได้ โดยไม่มีนิวเครียร์ตกค้างในร่างกาย(คีโม)และไม่มีผลข้างเคียงหรือผลเสียกับอวัยวะใดๆในร่างกาย)
#แชร์หรือส่งต่อเพื่อเป็นประโยชน์และทางเลือกของผู้ป่วย
ขอบคุณค่ะ

(ใช้เงินเพียงเดือนละไม่เกิน 4000 บาท ผู้ป่วยระยะสุดท้ายใช้มากสุดแค่ 6 ชุดเท่านั้น หายได้เลยค่ะ อย่ารอจนกว่าหมอบอกว่าให้กลับไปพักที่บ้านเพราะหมอก็ช่วยอะไรไม่ได้แล้วถึงจะมาน่ะค่ะ เพราะมันจะเสียเวลาและโอกาสของท่านผู้ป่วยเอง)

 

โดย: ดิแองเจิ้ล IP: 119.42.86.243 11 มีนาคม 2559 17:30:19 น.  

 

เพิ่มพลังชีวิตใหม่ต่อต้านโรคร้าย ด้วยพลังคอสมิก.....รักษามะเร็งระยะสุดท้าย ไม่เห็นผลยินดีคืนเงิน ติดต่อคุณรสริน line id: jakcosmic

 

โดย: Rosarin IP: 27.55.90.199 21 มกราคม 2560 16:17:04 น.  

 

ปรารถนาหายจากโรค/อาการผิดปกติ
ต้องรู้สาเหตุของที่มาของโรคและความผิดปกติทั้งหลาย
ดังนี้้
1. เกิดจากกรรมไม่ดีจากอดีต ทำร้ายผู้มีพระคุณ ทำลายผู้มีความบริสุทธิ์ ทำลายผู้มีบารมี
2. เกิดจากอยู่ใกล้ชิดคน ที่มีพลังมืด และมีพลังมืดสะสม
3. เกิดจากอยู่ในสถานที่ หรือเคยไปสถานที่ ที่มีพลังงานผิดปกติ
4. เกิดจากคุณไสยจากอดีต
5. เกิดจากคุณไสยปัจจุบัน
หนทางการรักษาที่มั่นคงคือ ความดี ของผู้ป่วยเพียงพอหรือไม่
ปรารถนารู้ในสาเหตุ ด้วยตนเอง / และวิธีการรักษา ที่ถูกต้องต่อระบบธรรมชาติทั้งปวง ติดต่อไปที่ Line ID : Jakcosmic, Line ID : Jakcosmic999

 

โดย: Rosarin IP: 223.24.110.173 11 มีนาคม 2560 11:34:32 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


jesdath
Location :
เชียงราย Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 35 คน [?]




Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
11 กรกฏาคม 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add jesdath's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.