Group Blog
 
<<
มีนาคม 2549
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
20 มีนาคม 2549
 
All Blogs
 

ข้าวแช่...แก้ร้อน

ผมรับลมร้อนด้วยการเอาตูดแช่น้ำ แต่แม่ผมเค้ารับลมร้อน... ด้วยการหาของเย็นป้อนตัวเอง เมนูวันนี้ก็เป็นหนึ่งในเมนูของเย็นดับร้อนของแม่ผมคร๊าบ เมนูนี้ว่าไปไม่ยากนะคร๊าบ แต่รายละเอียดเยอะ ในส่วนกับแกล้มทั้ง 7 นี่จะเสียเวลาหน่อย เพราะเป็นงานประดิษฐ์ แต่วันนี้แม่ผมทำกับแกล้มแค่ 5 อย่าง เพราะ ไชโป๊ผัดหวาน และหมูหวาน ทั้ง 2 อย่างแม่ผมไม่ชอบทานกับข้าวแช่

ส่วนประวัติข้าวแช่นั้นจัดเป็นมรดกทางวัฒนธรรมดั้งเดิมที่คนไทยรับเอามาจากชาวมอญตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 แล้วคร๊าบ และเป็นที่นิยมแพร่หลายมากในสมัยรัชกาลที่ 4 จวบจนสมัยรัชกาลที่ 5 เพราะในยุค สุนทรภู่ก็มีแล้ว ดังในบทกลอนจาก "รำพันพิลาป" ของรัตนกวีสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ได้รจนาไว้ถึง "ข้าวแช่" ว่าเป็นของกินในฤดูร้อนว่า

"...ฤดูร้อนก่อนเก่าทำข้าวแช่ น่าชมแต่เครื่องกับสำรับฉัน
ช่างทำเป็นดอกจอกและดอกจันทน์ งามจนชั้นกระชายทำเหมือนจำปา
มะม่วงดิบหยิบดูจึ่งรู้จัก ช่างน่ารักทำเป็นเช่นมัจฉา..."

ข้าวแช่ประกอบไปด้วย 3 ส่วน

1. ข้าว
2. น้ำที่แช่ข้าว
3. เครื่องแกล้ม

1. ข้าว

ส่วนประกอบของข้าว

- ข้าวหอมมะลิ
- น้ำฝน
- ดอกมะลิ กระดังงา ชมนาด กลีบกุหลาบมอญ

วิธีเตรียมข้าว



- ซาวข้าวหอมมะลิ ใส่น้ำให้มากๆ ตั้งไฟให้เดือดประมาณ 10 นาที รินน้ำทิ้ง พักให้เย็นพักหนึ่ง แล้วนำไปขัดขาวโดยการเทน้ำเย็นอุณหภูมิห้องให้ท่วมข้าว เอามือถูๆ ให้เม็ดข้าวหมดเมือก ใส่กระชอนให้สะเด็ดน้ำ



นำข้าวที่ขัดแล้วห่อผ้าขาวบางไปนึ่ง 10 - 15 นาที พักให้เย็น



- นำดอกมะลิตูมที่กำลังจะบานล้างให้สะอาด (น่าจะเป็นมะลิที่ปลูกเองจะได้ปลอดสารพิษ) ใส่ลงไปในห่อผ้าขาวบางที่ห่อข้าวนำไปแช่เย็นไว้ 1 คืนก่อนนำมาใช้



2. น้ำที่แช่ข้าว นำน้ำฝนไปต้มให้เดือด แล้วนำไปอบควันเทียน 3 คืน โดยใส่ในภาชนะที่ฝาปิดสนิท ในการอบควันเทียนแต่ละคืนอบเทียน 2 - 3 เล่ม คืนสุดท้ายลอยดอกมะลิหรือดอกไม้ที่ชอบด้วย แต่ที่แม่ผมทำไม่ได้อบควันเทียนลอยแต่ดอกไม้ เพราะแม่ว่ากลิ่นควันเทียนแม่ได้กลิ่นจะเวียนหัว แต่ดอมะลิที่ลอยให้เก็บตอนเย็นและเก็บดอกตูมที่กำลังจะบาน พอข้ามคืนก็จะบานในภาชนะที่อบอย่างในรูป ถ้าใช้ดอกบานเลยจะทำให้มีกลิ่นเหม็นเขียว



3. เครื่องแกล้มขาวแช่ หลักๆ จะมี ไชโป๊ผัดหวาน ปลาผัดหวาน ลูกกะปิ พริกหยวกสอดไส้หมู พริกแห้งสอดไส้ปลาแห้งทอด หอมแดงสอดไส้ หมูหวาน

ไชโป๊ผัดหวาน

เครื่องปรุง
- ไชโป๊อย่างดีแบบไม่เค็ม
- น้ำตาลมะพร้าว
- เกลือ
- น้ำมัน

วิธีทำ

- เคี่ยวน้ำตาลมะพร้าวกับเกลือจนเหนียวพักไว้
- ล้างไชโป๊ให้สะอาดสัก 2 น้ำ นำมาผัดกับน้ำมันให้ถั่ว ใส่น้ำตาลที่เคี่ยวไว่ลงไปผัดให้เข้ากันปรุงรสให้เข้มข้น

ปลาผัดหวาน

เครื่องปรุง

- ปลายี่สก หรือปลาโอ 1 ตัว
- น้ำตาลมะพร้าว
- เกลือ
- น้ำส้ม
- น้ำมัน

วิธีทำ

- ทำความสะอาดปลาด้วยเกลือเพื่อกำจัดกลิ่นคาว หลังจากล้างด้วยเกลือแล้ว เอาปลาไปแช่น้ำส้มเจือจางสักครู่เพื่อดับกลิ่น นำปลาไปล้างน้ำส้มออกให้หมด นำไปนึ่งประมาณ 20 -25 นาทีจนสุก
- นำปลาที่สุกแล้วมาแกะให้เป็นฝอยๆ แยกเนื้อปลาไว้พัก 1/3 ส่วนของเนื้อปลาทั้งหมด
- เคี่ยวน้ำตาลมะพร้าวกับเกลือจนเหนียวพักไว้
- เอาเนื้อปลาฝอยลงผัดกับน้ำมันให้ถั่ว ใส่น้ำตาลที่เคี่ยวไว่ลงไปผัดให้เข้ากันปรุงรสให้เข้มข้น

ลูกกะปิ

เครื่องปรุง



- เนื้อปลาแกะฝอย 1 ถ้วย
- กระชายหั่นละเอียด 1/2 ถ้วย
- ตะไคร้อ่อนหั่นฝอย 1 ถ้วย
- ข่าอ่อนหั่นฝอย 2/3 ถ้วย
- หอมแดง 1/2 ถ้วย
- กะทิ1/2 ถ้วย
- กะปิดี 3 ช้อนแกง
- น้ำตาลปี๊ป 1/2 ถ้วย
- น้ำปลา 2 ช้อนแกง
- ไข่เป็ด 1 ฟอง
- แป้งข้าวเจ้า 1/4 ถ้วย
- น้ำปูนใส 3- 4 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมัน 3 ถ้วย

วิธีทำ



- ปั่นกระชาย ตะไคร้ ข่า หอมแดง เนื้อปลา ให้ละเอียด



- ใสกะปิ น้ำตาลปี๊ป ลงไปละลายในกะทิ ปรุงรสด้วยน้ำปลา ชิมให้พอดี



นำของที่ปั่นมากวนรวมกันกับกะทิ จนเหนียวเข้ากันดี จับตัวเป็นก้อน



- นำมาปั้นเป็นลูกกลอนประมาณ 1 ซม. พักไว้



- ตีไข่เป็ด ใส่น้ำปูนใส แป้งข้าวเจ้า น้ำ คนให้เข้ากันให้เหนียวพอประมาณ



- นำลูกกะปิที่ปั้นไว้ลงไปชุบไข่ แล้วนำไปทอดพอเหลือง ตักขึ้นวางบนกระดาษซับน้ำมัน (เวลาทอดไม่ควรใส่เกิน 10 - 15 ลูก เพราะเดี๋ยวลูกกะปืจะติดกัน)



พริกแห้งสอดไส้ปลาแห้งทอด

ส่วนผสมพริก

- พริกแห้งเม็ดใหญ่ 20 เม็ด
- ไข่เป็ด 1 ฟอง
- แป้งข้าวเจ้า
- น้ำปูนใส
- น้ำมัน

ส่วนผสมไส้ปลา

- ปลาช่อนเค็มปิ้งโขลก 1 ถ้วยตวง
- น้ำมัน 1/4 ถ้วยตวง
- หอมซอยเจียว 1/4 ถ้วยตวง
- น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วยตวง
- เกลือ 1/2 ช้อนชา

วิธ๊ทำไส้ปลาแห้ง (ได้น้ำหนักประมาณ 250 กรัม)



- ย่าง หรือ อบปลาช่อนให้เหลือง นำมาโขลกให้ละเอียด ฟูมาก ๆ
- ใส่น้ำมันในกระทะตั้งไฟให้ร้อนใส่หอมเจียวให้เหลือง ตักขึ้นพักไว้



- คั่วปลาโขลกในกระทะให้เหลืองไม่ต้องใส่น้ำมัน เมื่อเหลืองทั่วแล้วผสม เกลือ น้ำตาลทราย หอมเจียว



วิธีสอดไส้พริกทอด

- พริกตัดตรงส่วนหัวคว้านเอาเม็ดออก ล้างให้สะอาด ผึ่งไว้ให้หมาดๆ



- นำใส้ปลาแห้งใส่เข้าไปในเม็ดพริก กัดหัวพริกดัวยไม้กลัด



- ตีไข่เป็ด ใส่น้ำปูนใส แป้งข้าวเจ้า น้ำ คนให้เข้ากันให้เหนียวพอประมาณ
- เอาเม็ดพริกลงไปชุบไข่ ลงทอดในน้ำมันร้อน พอเหลืองกรอบเอาขึ้นพักให้สะเด้ดน้ำมัน พักไว้พอเย็นพริกกรอบแล้วนำไปเสริฟได้



พริกหยวกยัดไส้

ส่วนผสม

- พริกหยวกเม็ดสวย 20 เม็ด
- เนื้อหมูบดและเนื้อกุ้งบดในสัดส่วนที่เท่ากัน 1 ถ้วย
- รากผักชี 1 ช้อนโต๊ะ
- กระเทียม 1 หัว
- พริกไทย 2 ช้อนชา
- น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
- ไข่เป็ด 5 ฟอง
- แป้งข้าวจ้าว 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมัน 1/2 ถ้วย

วิธีทำ



- โขลกรากผักชี กระเทียม พริกไทย ให้ละเอียด นำหมูบดและกุ้งบดมาผสมแล้วโขลกรวมกันให้เหนียว ใส่น้ำปลา น้ำมัน ไข่เป็ดเฉพาะไข่แดง 1 ฟองนวดให้เข้ากันพักไว้

- พริกหยวกที่เลือกอย่างดีแล้วนำมาล้าง ผ่าและแคะเม็ดออกให้เกลี้ยง ไม่ต้องหั่นขั้วออกเพราะจะได้ปิดไส้ไม่ให้กระจายออกมา และทำให้ดูสวยน่าทานมากขึ้น



- นำไส้ที่ทำไว้แล้ว นำมาใส่ในพริกหยวกให้เต็มพอดี อย่าอัดแน่นจนเกินไปนะเดี๋ยวไส้จะทะลักออกมา จากนั้นก็นำไปนึ่งพอสุก ใช้ไฟกลางประมาณ 5 นาที นำลงทอดให้พอเหลืองน่ารับประทาน



- นำไข่ที่เหลือใส่ชาม ตีพอแตก ใส่แป้งข้าวจ้าว ผสมให้เข้ากัน นำกะทะแบนขึ้นตั้งไฟให้ร้อน ใส่น้ำมันเล็กน้อยให้ทั่วใช้มือชุบไข่โรยขวางไปมาให้เป็นแผ่นตาข่าย ตักขึ้นวางบนถาด ตัดริมให้เรียบร้อย วางพริกหยวก ม้วนห่อให้สวย



หอมแดงสอดไส้ทอด

เพื่อความสะดวก อาจใช้ไส้พริกหยวกสอดไส้หอมแดงเลยก็ได้แต่ถ้าจะทำเป็นไส้ปลาก็ได้ ตามสูตรข้างล่าง

ส่วนผสม

- หอมแดง 30 หัว
- ปลาแห้งป่น 1/2 ถ้วย
- มะพร้าวขูดคั่ว 1/2
- ไข่เป็ด 3 ฟอง
- น้ำตาล
- แป้งข้าวจ้าว 1/4 ถ้วย
- น้ำปูนใส 3 - 4 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ



- หอมแดงส่วนหนึ่งมาผ่ากลาง คว้านไส้ออกเพื่อจะยัดไส้ และนำอีกส่วนหนึ่งมาสับแล้วผสมกับปลาแห้งป่นและมะพร้าวขูด (ใช้ปลาอย่างเดียวกได้) เติมน้ำตาลลงไปนิดหน่อยให้พอหวาน นำไข่ 1 ฟองมาผสมรวมกัน นำไปยัดไส้หอมแดง
- นำไข่ 2 ฟองมาตีผสมกับ แป้ง น้ำปูนใส ให้เข้ากัน นำหอมสอดไส้ไปทอดให้เหลืองกรอบ

เนื้อฝอยหรือหมูฝอยผัดหวาน

ส่วนผสม

- เนื้อเค็มหรือหมูเค็ม
- น้ำตาล
- พริกไทย
- น้ำปลา
- หอมเจียว

วิธีทำ

นำเนื้อเค็มหรือหมูเค็มมาปิ้งแล้วทุบให้เส้นเนื้อแตก ฉีกเป็นฝอย นำไปคั่วด้วยการโรยน้ำมันลงไปทีละน้อยจนเนื้อกรอบ v โรยน้ำตาลผัดให้เข้ากันจนน้ำตาลละลายจับเส้นเนื้อหรือหมู ใส่พริกไทย น้ำปลาปรุงรส จากนั้นจึงโรยหอมเจียวก่อนยกลง

การเสริฟ "ข้าวแช่ "

โดยทั่วไป"ข้าวแช่"จะเสริฟข้าวขัดมา 1 โถ น้ำอบ 1 เหยือก น้ำแข็ง 1 ชาม หรืออาจตักเสริฟเป็น ข้าวแช่ 1 ถ้วย แบบนี้เลยก็ได้



และกับแกล้มทุกอย่าง พร้อมผักเคียงพวก มะม่วงดิบ กระชาย ต้นหอม



วิธีทานข้าวแช่ ขอแนะนำว่า.. อย่าตักกับข้าวใส่ลงในชามข้าวแช่ เพราะจะทำให้ไขมันจากกับข้าวลอยเป็นฝาบนผิวน้ำ ทำให้น้ำอบหมองขุ่นไม่น่าดู ควรตักกับข้าวทานก่อน แล้วจึงตักข้าวพร้อมกับน้ำทานตามไป




 

Create Date : 20 มีนาคม 2549
29 comments
Last Update : 19 เมษายน 2551 21:34:30 น.
Counter : 1493 Pageviews.

 

แวะมาหาอะไรกินดับร้อนค่ะ

 

โดย: asita 20 มีนาคม 2549 15:14:50 น.  

 





จ๊ะเอ๋ๆๆ
น่าหม่ำจัง คะ



 

โดย: หนี่หนีหนี้ (แพรวขวัญ ) 20 มีนาคม 2549 15:21:24 น.  

 

สวัสดีค่ะ อ่านกรรมวิธีและขั้นตอนแล้ว คิดถึงคนทำเลยนะคะเนี่ยะ กว่าจะออกมาเป็นข้าวแช่รับทานดับร้อนๆแบบนี้ เมื่อก่อนตอนที่คุณแม่ อยู่ กทมด้วย ลิลี่มักจะอาสาไปซื้อที่สวนจตุจักรวันเสาร์อาทิตย์ มีอยู่เจ้านึง อร่อยมากเลยค่ะ

 

โดย: สาวหน้าใส 20 มีนาคม 2549 15:41:03 น.  

 

ขอหม่ำชุดนึงค่า ร้อนมั่ก ๆ เลย

 

โดย: คุณย่า 20 มีนาคม 2549 16:17:30 น.  

 

คุณแม่พี่บัดดี้เก่งจังเลยค่ะ
เห็นแล้วคิดถึงบ้านจัง

 

โดย: Amber (Amber n the Gang ) 20 มีนาคม 2549 16:50:29 น.  

 

เฮ้ออออออ.... ถ้าก่าจะได้เกน แจนต้องเหนื่อยขนาดนี้ รอเกนฝีมือจากเพ่ดีก่า 5555555

คือประมาณว่า เสียดายของที่จาทำอะค่ะ ไม่ใช่อะไรหร๊อกกกกกก

 

โดย: Jannyfer 20 มีนาคม 2549 16:52:37 น.  

 

ขอทานด้วยคนจ๊ะ

ร้อนจังเนาะ

 

โดย: อย่ามาทำหน้าเขียวใส่นะยะ 20 มีนาคม 2549 17:09:06 น.  

 

แม่บั๊ดดี้ขยันจังจ้า ... ขนาดว่าห้าอย่างก็เล่นเอาเหนื่อยแล้วนะค่ะเนี่ย

 

โดย: JewNid 20 มีนาคม 2549 17:56:42 น.  

 

แหะ...เคยได้ยินจากคุณย่าคุณยายว่ามีวิธีทำที่กินเวลามากเอาการ
เพิ่งจะได้เห็นจริง ๆ ก็วันนี้
..ขยันจังค่ะ

 

โดย: ไม่เคยทานข้าวซอย (แ ม ง ป อ ) 20 มีนาคม 2549 18:06:17 น.  

 

อะ อะ ขอเป็นคนกินดีกว่า
อยากย้ายไปบ้านนี้จัง

 

โดย: เอ๊กกี่ IP: 125.25.0.44 20 มีนาคม 2549 20:54:01 น.  

 

อยากกินมากกก ข้าวแช่ ไม่ได้สัมผัส ลูกกระเดือกข้าพเจ้ามานานมากแล้ว ยิ่งลูกกระปิทอดนะ น้ำลายไหลเลย

 

โดย: merf1970 20 มีนาคม 2549 21:04:39 น.  

 

ข้าวแช่ อาหารที่ใช้เวลาทำนานมากๆเลยจ้ะ รายละเอียดเยอะ แต่ก็น่าแล้วชื่นใจนะจ้ะ

 

โดย: อินทรีทองคำ 20 มีนาคม 2549 23:31:26 น.  

 



โห ทึ่ง ของแกล้มเพียบ แบบนี้อิฉันไม่มีปัญญาทำเองจ้า

ไม่เคยกินข้าวแช่ด้วยสิ ตอนเด็กๆ เคยชิมแต่ ข้าวหมาก เหมือนกันไหม

 

โดย: Kofschip 21 มีนาคม 2549 1:56:09 น.  

 

ทึ่งกับวิธีทำค่ะ ยังไม่เคยลองกินข้าแช่เลยค่ะในชีวิตนี้

 

โดย: brasserie 1802 21 มีนาคม 2549 2:05:00 น.  

 

เท่าที่ดูเหมือนชีวิตจะยุ่งยากเลยค่ะ
เวลาทำกับข้าวเนี๊ยแป๋มไม่ถนัดจริงๆๆค่ะ
แต่ชอบคนทำกับข้าวเป็นนะคะ
รู้สึกเป็นคนมีเสน่ห์จังเลย

 

โดย: หยิ๋งแป๋ม 21 มีนาคม 2549 7:52:19 น.  

 

เห็นแล้วหิว เห็นแล้วสงสารตัวเอง เห็นแล้วคิดถึงบ้าน เห็นแล้วน้ำลายไหล เห็นแล้วคิดถึงแม่ ไม่เคยได้กลับบ้านช่วงหน้าร้อนเลยไม่มีวาสนาได้กิน แง่งๆๆ สงสารตัวเอง โทรบอกแม่ให้ไปกินเผื่อให้ดีกว่า

 

โดย: ทำร้ายจิตใจกันจังเลยยยย IP: 70.113.195.34 21 มีนาคม 2549 12:07:07 น.  

 

Hi, I would like to make this dish, however, there are a few questions I'd like to ask:

1. can I use rose water instead of jasmine?
2. how do you op tien?
3. can I use normal instead of using the rain water?

Thank you.
PS, I am Thai, so you can type to me in Thai.
Cha

 

โดย: cha IP: 82.194.62.23 21 มีนาคม 2549 13:49:58 น.  

 

Hi, I would like to make this dish, however, there are a few questions I'd like to ask:

1. can I use rose water instead of jasmine?
2. how do you op tien?
3. can I use normal instead of using the rain water?

Thank you.
PS, I am Thai, so you can type to me in Thai.
Cha
water_lily0914@yahoo.com

 

โดย: cha IP: 82.194.62.23 21 มีนาคม 2549 13:50:29 น.  

 

ตอบคุณ ชา นะคะ

- ไม่ต้องใช้น้ำฝนก็ได้ค่ะ ใช้ดอกกุหลาบลอยแทนมะลิก็ได้ค่ะ ดอกไม้ที่ลอยนี่แล้วแต่ผู้ทานค่ะว่าชอบกลิ่นของดอกไม้อะไรค่ะ

 

โดย: อ้วนดำปื๊ดปื๊อ 21 มีนาคม 2549 15:15:20 น.  

 


อ่า ดูอาหารไปหลายรายการเเล้ว
อิอิ

แบบว่าเรียกน้ำย่อยได้เยอะเลย
แต่กะลังไดเอ็ทล่ะ

ได้ไอเดียเยอะเลยเด๋วอาจจะลองทำบ้าง

ps . บ้านเราทำขนมไทย+เบเกอรี่

 

โดย: ไม่ใช่เทวดา IP: 203.188.34.142 21 มีนาคม 2549 23:46:50 น.  

 

อิอิอิ มาตอนอิ่มแล้ว ......ฮ่าๆๆ รอดตัวไปหนึ่งวัน

 

โดย: zMee IP: 203.148.204.84 22 มีนาคม 2549 13:19:26 น.  

 

เห็นมีพี่สาวคนสวยบ่นอยากทานข้าวแช่ เดี๋ยวไปตามมาทานที่นี่ดีกว่า
น่าอร่อยจังเลยค่ะ

 

โดย: ปูขาเก เซมารู 26 มีนาคม 2549 7:43:24 น.  

 

ยอดมากเลยครับ ละดีจังครับ ท่าทางน่าอร่อยนะครับ

 

โดย: หมื่นลี้เดียวดาย IP: 124.157.168.235 14 เมษายน 2549 3:19:43 น.  

 

เก่งไร้เทียมทานจริงๆเลยค่ะ เข้ามาดูกี่ทีก็ทำให้หิวได้ทุกครั้ง

เมนูนี้ เอริขอซื้อเค้ากินต่อไป ค่ะ แฮ่ะๆๆ

 

โดย: เอริ...จัง (เอริ...จัง ) 23 เมษายน 2549 8:24:37 น.  

 

กร๊ด ไฮโซมากๆค่ะ อยากลองทำแต่จะไหวไม๊ค่ะเนี่ย

 

โดย: shermie 21 เมษายน 2551 0:32:31 น.  

 

น่าทานมากเลยคะ แต่คงต้องใช้ความพยายามเยอะเลย
อย่างไรขออนุญาติจดสูตรไปทำนะคะ
อย่างไรมีคำถามอยากรบกวนถามคุณแม่บัดดี้คะ
น้ำปูนใส ทำเองได้ไหมคะ ที่นี่หาน้ำปูนใสไม่ได้เลยคะ
และถ้าไม่มีปลาช่อนเค็มปิ้ง เราสามารถใช้ปลาอย่างอื่นเอามาแทนได้ไหมคะ
ขอบคุณคะ

 

โดย: ยีราฟ IP: 99.240.70.222 2 มิถุนายน 2551 11:46:06 น.  

 

 

โดย: พงศ์ศักดิ์ มิตรยิ้ม IP: 124.120.156.191 12 มิถุนายน 2551 19:01:54 น.  

 

-- น้ำปูนใสสามารถใช้ปูนขาวทำน้ำปูนใสได้ ในอัตราส่วนเท่ากันคือ 1 ชต.ต่อน้ำ ๑๐ ถ้วย เพราะปูนกินหมากทำมาจากปูนขาวโดยผสมขมิ้นเข้าไปเป็นปูนแดง ( ที่ปูนกินหมากต้องใส่ขมิ้นเพราะปูนขาวเป็นด่าง ส่วนขมิ้นเป็นกรด เมื่อกรดและด่างผสมกันมันจะเปลี่ยนเป็นสีแดง ที่ต้องใส่ขมิ้นลงไปเพื่อเป็นการลดฤทธิ์ของด่างให้อ่อนลง จะได้ไม่กัดปากคนกินหมาก)
- ใช้ปลาเนื้อสีขาวอื่ยๆ ก็ได้ค่ะ ปลาทรายแดงทำแล้วจะค่อนขางคล้ายปลาช่อนค่ะ

 

โดย: อ้วนดำปื๊ดปื๊อ 2 สิงหาคม 2551 17:38:43 น.  

 

โฮะๆๆๆๆน่ากิน- -

 

โดย: Xล่อจางเรา IP: 124.120.66.88 18 สิงหาคม 2551 20:10:47 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


อ้วนดำปื๊ดปื๊อ
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 59 คน [?]




Friends' blogs
[Add อ้วนดำปื๊ดปื๊อ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.