ข้าวแช่...แก้ร้อน
ผมรับลมร้อนด้วยการเอาตูดแช่น้ำ แต่แม่ผมเค้ารับลมร้อน... ด้วยการหาของเย็นป้อนตัวเอง เมนูวันนี้ก็เป็นหนึ่งในเมนูของเย็นดับร้อนของแม่ผมคร๊าบ เมนูนี้ว่าไปไม่ยากนะคร๊าบ แต่รายละเอียดเยอะ ในส่วนกับแกล้มทั้ง 7 นี่จะเสียเวลาหน่อย เพราะเป็นงานประดิษฐ์ แต่วันนี้แม่ผมทำกับแกล้มแค่ 5 อย่าง เพราะ ไชโป๊ผัดหวาน และหมูหวาน ทั้ง 2 อย่างแม่ผมไม่ชอบทานกับข้าวแช่
ส่วนประวัติข้าวแช่นั้นจัดเป็นมรดกทางวัฒนธรรมดั้งเดิมที่คนไทยรับเอามาจากชาวมอญตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 แล้วคร๊าบ และเป็นที่นิยมแพร่หลายมากในสมัยรัชกาลที่ 4 จวบจนสมัยรัชกาลที่ 5 เพราะในยุค สุนทรภู่ก็มีแล้ว ดังในบทกลอนจาก "รำพันพิลาป" ของรัตนกวีสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ได้รจนาไว้ถึง "ข้าวแช่" ว่าเป็นของกินในฤดูร้อนว่า
"...ฤดูร้อนก่อนเก่าทำข้าวแช่ น่าชมแต่เครื่องกับสำรับฉัน ช่างทำเป็นดอกจอกและดอกจันทน์ งามจนชั้นกระชายทำเหมือนจำปา มะม่วงดิบหยิบดูจึ่งรู้จัก ช่างน่ารักทำเป็นเช่นมัจฉา..."
ข้าวแช่ประกอบไปด้วย 3 ส่วน
1. ข้าว 2. น้ำที่แช่ข้าว 3. เครื่องแกล้ม
1. ข้าว
ส่วนประกอบของข้าว
- ข้าวหอมมะลิ - น้ำฝน - ดอกมะลิ กระดังงา ชมนาด กลีบกุหลาบมอญ วิธีเตรียมข้าว
- ซาวข้าวหอมมะลิ ใส่น้ำให้มากๆ ตั้งไฟให้เดือดประมาณ 10 นาที รินน้ำทิ้ง พักให้เย็นพักหนึ่ง แล้วนำไปขัดขาวโดยการเทน้ำเย็นอุณหภูมิห้องให้ท่วมข้าว เอามือถูๆ ให้เม็ดข้าวหมดเมือก ใส่กระชอนให้สะเด็ดน้ำ
นำข้าวที่ขัดแล้วห่อผ้าขาวบางไปนึ่ง 10 - 15 นาที พักให้เย็น
- นำดอกมะลิตูมที่กำลังจะบานล้างให้สะอาด (น่าจะเป็นมะลิที่ปลูกเองจะได้ปลอดสารพิษ) ใส่ลงไปในห่อผ้าขาวบางที่ห่อข้าวนำไปแช่เย็นไว้ 1 คืนก่อนนำมาใช้
2. น้ำที่แช่ข้าว นำน้ำฝนไปต้มให้เดือด แล้วนำไปอบควันเทียน 3 คืน โดยใส่ในภาชนะที่ฝาปิดสนิท ในการอบควันเทียนแต่ละคืนอบเทียน 2 - 3 เล่ม คืนสุดท้ายลอยดอกมะลิหรือดอกไม้ที่ชอบด้วย แต่ที่แม่ผมทำไม่ได้อบควันเทียนลอยแต่ดอกไม้ เพราะแม่ว่ากลิ่นควันเทียนแม่ได้กลิ่นจะเวียนหัว แต่ดอมะลิที่ลอยให้เก็บตอนเย็นและเก็บดอกตูมที่กำลังจะบาน พอข้ามคืนก็จะบานในภาชนะที่อบอย่างในรูป ถ้าใช้ดอกบานเลยจะทำให้มีกลิ่นเหม็นเขียว
3. เครื่องแกล้มขาวแช่ หลักๆ จะมี ไชโป๊ผัดหวาน ปลาผัดหวาน ลูกกะปิ พริกหยวกสอดไส้หมู พริกแห้งสอดไส้ปลาแห้งทอด หอมแดงสอดไส้ หมูหวาน
ไชโป๊ผัดหวาน
เครื่องปรุง - ไชโป๊อย่างดีแบบไม่เค็ม - น้ำตาลมะพร้าว - เกลือ - น้ำมัน
วิธีทำ
- เคี่ยวน้ำตาลมะพร้าวกับเกลือจนเหนียวพักไว้ - ล้างไชโป๊ให้สะอาดสัก 2 น้ำ นำมาผัดกับน้ำมันให้ถั่ว ใส่น้ำตาลที่เคี่ยวไว่ลงไปผัดให้เข้ากันปรุงรสให้เข้มข้น
ปลาผัดหวาน
เครื่องปรุง
- ปลายี่สก หรือปลาโอ 1 ตัว - น้ำตาลมะพร้าว - เกลือ - น้ำส้ม - น้ำมัน
วิธีทำ
- ทำความสะอาดปลาด้วยเกลือเพื่อกำจัดกลิ่นคาว หลังจากล้างด้วยเกลือแล้ว เอาปลาไปแช่น้ำส้มเจือจางสักครู่เพื่อดับกลิ่น นำปลาไปล้างน้ำส้มออกให้หมด นำไปนึ่งประมาณ 20 -25 นาทีจนสุก - นำปลาที่สุกแล้วมาแกะให้เป็นฝอยๆ แยกเนื้อปลาไว้พัก 1/3 ส่วนของเนื้อปลาทั้งหมด - เคี่ยวน้ำตาลมะพร้าวกับเกลือจนเหนียวพักไว้ - เอาเนื้อปลาฝอยลงผัดกับน้ำมันให้ถั่ว ใส่น้ำตาลที่เคี่ยวไว่ลงไปผัดให้เข้ากันปรุงรสให้เข้มข้น
ลูกกะปิ
เครื่องปรุง
- เนื้อปลาแกะฝอย 1 ถ้วย - กระชายหั่นละเอียด 1/2 ถ้วย - ตะไคร้อ่อนหั่นฝอย 1 ถ้วย - ข่าอ่อนหั่นฝอย 2/3 ถ้วย - หอมแดง 1/2 ถ้วย - กะทิ1/2 ถ้วย - กะปิดี 3 ช้อนแกง - น้ำตาลปี๊ป 1/2 ถ้วย - น้ำปลา 2 ช้อนแกง - ไข่เป็ด 1 ฟอง - แป้งข้าวเจ้า 1/4 ถ้วย - น้ำปูนใส 3- 4 ช้อนโต๊ะ - น้ำมัน 3 ถ้วย
วิธีทำ
- ปั่นกระชาย ตะไคร้ ข่า หอมแดง เนื้อปลา ให้ละเอียด
- ใสกะปิ น้ำตาลปี๊ป ลงไปละลายในกะทิ ปรุงรสด้วยน้ำปลา ชิมให้พอดี
นำของที่ปั่นมากวนรวมกันกับกะทิ จนเหนียวเข้ากันดี จับตัวเป็นก้อน
- นำมาปั้นเป็นลูกกลอนประมาณ 1 ซม. พักไว้
- ตีไข่เป็ด ใส่น้ำปูนใส แป้งข้าวเจ้า น้ำ คนให้เข้ากันให้เหนียวพอประมาณ
- นำลูกกะปิที่ปั้นไว้ลงไปชุบไข่ แล้วนำไปทอดพอเหลือง ตักขึ้นวางบนกระดาษซับน้ำมัน (เวลาทอดไม่ควรใส่เกิน 10 - 15 ลูก เพราะเดี๋ยวลูกกะปืจะติดกัน)
พริกแห้งสอดไส้ปลาแห้งทอด
ส่วนผสมพริก
- พริกแห้งเม็ดใหญ่ 20 เม็ด - ไข่เป็ด 1 ฟอง - แป้งข้าวเจ้า - น้ำปูนใส - น้ำมัน
ส่วนผสมไส้ปลา
- ปลาช่อนเค็มปิ้งโขลก 1 ถ้วยตวง - น้ำมัน 1/4 ถ้วยตวง - หอมซอยเจียว 1/4 ถ้วยตวง - น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วยตวง - เกลือ 1/2 ช้อนชา
วิธ๊ทำไส้ปลาแห้ง (ได้น้ำหนักประมาณ 250 กรัม)
- ย่าง หรือ อบปลาช่อนให้เหลือง นำมาโขลกให้ละเอียด ฟูมาก ๆ - ใส่น้ำมันในกระทะตั้งไฟให้ร้อนใส่หอมเจียวให้เหลือง ตักขึ้นพักไว้
- คั่วปลาโขลกในกระทะให้เหลืองไม่ต้องใส่น้ำมัน เมื่อเหลืองทั่วแล้วผสม เกลือ น้ำตาลทราย หอมเจียว
วิธีสอดไส้พริกทอด
- พริกตัดตรงส่วนหัวคว้านเอาเม็ดออก ล้างให้สะอาด ผึ่งไว้ให้หมาดๆ
- นำใส้ปลาแห้งใส่เข้าไปในเม็ดพริก กัดหัวพริกดัวยไม้กลัด
- ตีไข่เป็ด ใส่น้ำปูนใส แป้งข้าวเจ้า น้ำ คนให้เข้ากันให้เหนียวพอประมาณ - เอาเม็ดพริกลงไปชุบไข่ ลงทอดในน้ำมันร้อน พอเหลืองกรอบเอาขึ้นพักให้สะเด้ดน้ำมัน พักไว้พอเย็นพริกกรอบแล้วนำไปเสริฟได้
พริกหยวกยัดไส้
ส่วนผสม - พริกหยวกเม็ดสวย 20 เม็ด - เนื้อหมูบดและเนื้อกุ้งบดในสัดส่วนที่เท่ากัน 1 ถ้วย - รากผักชี 1 ช้อนโต๊ะ - กระเทียม 1 หัว - พริกไทย 2 ช้อนชา - น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ - ไข่เป็ด 5 ฟอง - แป้งข้าวจ้าว 2 ช้อนโต๊ะ - น้ำมัน 1/2 ถ้วย
วิธีทำ
- โขลกรากผักชี กระเทียม พริกไทย ให้ละเอียด นำหมูบดและกุ้งบดมาผสมแล้วโขลกรวมกันให้เหนียว ใส่น้ำปลา น้ำมัน ไข่เป็ดเฉพาะไข่แดง 1 ฟองนวดให้เข้ากันพักไว้
- พริกหยวกที่เลือกอย่างดีแล้วนำมาล้าง ผ่าและแคะเม็ดออกให้เกลี้ยง ไม่ต้องหั่นขั้วออกเพราะจะได้ปิดไส้ไม่ให้กระจายออกมา และทำให้ดูสวยน่าทานมากขึ้น
- นำไส้ที่ทำไว้แล้ว นำมาใส่ในพริกหยวกให้เต็มพอดี อย่าอัดแน่นจนเกินไปนะเดี๋ยวไส้จะทะลักออกมา จากนั้นก็นำไปนึ่งพอสุก ใช้ไฟกลางประมาณ 5 นาที นำลงทอดให้พอเหลืองน่ารับประทาน
- นำไข่ที่เหลือใส่ชาม ตีพอแตก ใส่แป้งข้าวจ้าว ผสมให้เข้ากัน นำกะทะแบนขึ้นตั้งไฟให้ร้อน ใส่น้ำมันเล็กน้อยให้ทั่วใช้มือชุบไข่โรยขวางไปมาให้เป็นแผ่นตาข่าย ตักขึ้นวางบนถาด ตัดริมให้เรียบร้อย วางพริกหยวก ม้วนห่อให้สวย
หอมแดงสอดไส้ทอด
เพื่อความสะดวก อาจใช้ไส้พริกหยวกสอดไส้หอมแดงเลยก็ได้แต่ถ้าจะทำเป็นไส้ปลาก็ได้ ตามสูตรข้างล่าง
ส่วนผสม - หอมแดง 30 หัว - ปลาแห้งป่น 1/2 ถ้วย - มะพร้าวขูดคั่ว 1/2 - ไข่เป็ด 3 ฟอง - น้ำตาล - แป้งข้าวจ้าว 1/4 ถ้วย - น้ำปูนใส 3 - 4 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
- หอมแดงส่วนหนึ่งมาผ่ากลาง คว้านไส้ออกเพื่อจะยัดไส้ และนำอีกส่วนหนึ่งมาสับแล้วผสมกับปลาแห้งป่นและมะพร้าวขูด (ใช้ปลาอย่างเดียวกได้) เติมน้ำตาลลงไปนิดหน่อยให้พอหวาน นำไข่ 1 ฟองมาผสมรวมกัน นำไปยัดไส้หอมแดง - นำไข่ 2 ฟองมาตีผสมกับ แป้ง น้ำปูนใส ให้เข้ากัน นำหอมสอดไส้ไปทอดให้เหลืองกรอบ
เนื้อฝอยหรือหมูฝอยผัดหวาน ส่วนผสม
- เนื้อเค็มหรือหมูเค็ม - น้ำตาล - พริกไทย - น้ำปลา - หอมเจียว
วิธีทำ
นำเนื้อเค็มหรือหมูเค็มมาปิ้งแล้วทุบให้เส้นเนื้อแตก ฉีกเป็นฝอย นำไปคั่วด้วยการโรยน้ำมันลงไปทีละน้อยจนเนื้อกรอบ v โรยน้ำตาลผัดให้เข้ากันจนน้ำตาลละลายจับเส้นเนื้อหรือหมู ใส่พริกไทย น้ำปลาปรุงรส จากนั้นจึงโรยหอมเจียวก่อนยกลง
การเสริฟ "ข้าวแช่ "
โดยทั่วไป"ข้าวแช่"จะเสริฟข้าวขัดมา 1 โถ น้ำอบ 1 เหยือก น้ำแข็ง 1 ชาม หรืออาจตักเสริฟเป็น ข้าวแช่ 1 ถ้วย แบบนี้เลยก็ได้
และกับแกล้มทุกอย่าง พร้อมผักเคียงพวก มะม่วงดิบ กระชาย ต้นหอม
วิธีทานข้าวแช่ ขอแนะนำว่า.. อย่าตักกับข้าวใส่ลงในชามข้าวแช่ เพราะจะทำให้ไขมันจากกับข้าวลอยเป็นฝาบนผิวน้ำ ทำให้น้ำอบหมองขุ่นไม่น่าดู ควรตักกับข้าวทานก่อน แล้วจึงตักข้าวพร้อมกับน้ำทานตามไป
Create Date : 20 มีนาคม 2549 |
|
29 comments |
Last Update : 19 เมษายน 2551 21:34:30 น. |
Counter : 1493 Pageviews. |
|
|
|