ม้าฮ้อ....มังกรคาบแก้ว.. เมี่ยงเห็ด 3 อย่าง
เห็นชื่อเมนูวันนี้ผู้อ่านหลายท่านอาจสงสัยว่าอะไรน่ะ แม่ผมทำอาหารอะไร หรือนึกยังไงถึงได้ตั้งชื่ออาหารเสียวิลิสมาหราเสียขนาดนี้ แล้วชื่อ 3 ชื่อนี้เป็นอาหารชนิดเดียวกัน หรือเป็นอาหาร 3 ชนิดล่ะ ผมจะเฉลยให้ว่า... ชื่อ .... ม้าฮ้อ.... มังกรคาบแก้ว.. เมี่ยงเห็ด 3 อย่าง แต่ละชื่อนี้จะเป็นชื่อของว่าง 3 ชนิด ที่ทำทีเดียวแต่เปลี่ยนเครื่องแกล้มก็จะได้ของว่างที่แตกต่างกันถึง 3 ชนิด
โดยม้าฮ้อ และมังกรคาบแก้วเป็นชื่อของว่างโบราณของไทยที่นิยมทำในเทศกาลงานบุญ โดยเฉพาะในชุมชน ไทย-มอญ ซึ่ง ม้าฮ้อ และมังกรคาบแก้วก็คือ...พริกเกลือที่เอาไว้ทานกับผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เป็นกลวิธีหรือศิลปะการสร้างสรรค์อาหารที่ทำให้ทานผักผลไม้รสเปรี้ยวได้ในปริมาณมาก เป็นความฉลาดในการหาวิธีรับประทานอาหารที่รสชาดทานยากให้อร่อยขึ้น แบบเดียวกับการทานปลาแห้งกับแตงโมนั่นเอง
การทำพริกเกลือแบบนี้ที่ยุ่งยากกว่าพริกเกลือตามรถเข็นขายผลไม้หน่อย แต่ก็ไม่ถึงกับยากเกินไปนัก ซึ่งถ้าใครทำไส้สาคูไส้หมูเป็นก็จะทำพริกเกลือแบบม้าฮ้อเป็น เพียงแต่ม้าฮ้อจะไม่ใส่หัวผักกาดแห้ง ดังนั้นพริกเกลือม้าฮ้อก็จะประกอบไปด้วย หมูสับ กุ้งสับ ถัวลิสงคั่ว หอมแดง ผัดกับเครื่องเทศ ปรุงรสหวานเค็ม โดยกวนให้เหนียวจะได้ปั้นเป็นก้อนๆ ได้คล้าย ๆ กับไส้ของสาคูไส้หมู เมื่อนำมามาวางบนชิ้นสับปะรดจะเรียกว่า ม้าฮ้อ หรือนำพริกเกลือนี้ยัดไส้ในส้มผ่าซีกจะเรียกว่า.. มังกรคาบแก้ว
แต่ในวันนี้แม่ผมปรับปรุงม้าฮ้อและมังกรคาบแก้ว โดยจะทำให้เป็น ม้าฮ้อสุขภาพ ด้วยการใส่เห็ด 3 อย่าง (ที่มีประโยชน์ในการล้างพิษในตับ)เพิ่มเข้าไป จริงๆ ถ้าจะสุขภาพจริงๆ ต้องใส่แค่เห็ด 3 อย่าง โดยไม่ต้องใส่หมูกับกุ้ง แต่ทีนี้แม่ผมเกรงว่าถ้าไม่มีหมูและกุ้งจะทำให้ม้าฮ้ออร่อยน้อยลง และจะไม่มีใครทานต้องเททิ้งทั้กระทะ นอกจากเพิ่มเห็ดแล้วแม่ผมยังลดปริมาณน้ำตาลลง เพื่อจะได้ไม่ต้องทานหวานมาก แล้วนำใบชะพลูมาเป็นตัวเลือกเพิ่มในการทานกับพริกเกลือม้าฮ้อ ทำให้ได้อาหารว่างชนิดใหม่ขึ้นมาคือ ... เมี่ยงเห็ด 3 อย่าง
สำหรับผักผลไม้ทั้ง 3 นั้น แม่บอกว่าถ้าลิ้นเด็กๆ อายุน้อยรับรู้รสได้ดีแบบพี่ยีนส์ จะทานได้แค่ม้าฮ้อกับมังกรคาบแก้ว แต่ถ้าลิ้นสูงวัยไม่รับรู้ความขมความขื่นแบบยายกับตาผมก็สามารถทานได้ทั้ง 3 ชนิด โดยไม่เดือดร้อนแถมอีนิดหนึ่ง ชื่อ..ม้าฮ้อนี่แม่ผมว่า...น่าจะได้จากการทานม้าฮ้อเยอะๆ ผู้ทานต้องวิ่งฮ้ออย่างเร็วเหมือนม้าไปจู๊ด จู๊ด หรือเปล่าก็ไม่รู้
ส่วนผสม
- น้ำมันมะกอก 3 ชต. - เนื้อหมูบด ( สับ ) 1 ถ. - กุ้งสดบด ( สับ) 1 ถ. - เห็ดหูหนูซอยละเอียด 1 ถ้วย - เห็ดฟาง 1 ถ้วย - เห็ดหอมสด 1 ถ้วย - หอมแดงซอย 1/ 2 ถ. - พริกไทย กระเทียม รากผักชี โขลกละเอียด 3 -4 ชต. - น้ำปลา 3 ช้อนคาว. - น้ำตาลปึก 1 ตลับ - พริกแดงหั่นฝอย 1 เม็ด - ผักชีเด็ดเป็นใบๆ 2 ชต. - ผักไว้ทานกับเมี่ยง ผักสลัด ใบทองหลาง ใบชะพลู - ส้มเขียวหวาน 500 กรัม - สับปะรด ( ที่เปรี้ยวๆหวานๆ ) 1 ผล - ผักชี พริกขี้หนู
วิธีทำ
- โขลกรากผักชีกระเทียมพริกไทยให้ละเอียด สับหมู กุ้ง สับเห็ดทั้ง 3 ชนิดพอหยาบๆ ซอยหอมแดงเตรียมไว้
- นำกระทะตั้งไฟใส่น้ำมันพอร้อนใส่รากผักชีกระเทียมพริกไทยที่โขลกไว้ผัดให้หอม ใส่หมูสับ กุ้งสับ ลงไปผัดให้สุก
ใส่เห็ดทั้ง 3 ชนิดลงไปผัดพอสุก ปรุงรสด้วยน้ำตาลมะพร้าว เกลือ ซีอิ้วขาว น้ำปลา ผัดจนแห้งออกเหนียวนิดๆ แต่ไม่เหนียวเท่าสูตรดั้งเดิมเพราะสูตรนี้เพื่อสุขภาพเลยลดน้ำตาลให้น้อยลง พักไว้ให้เย็น
นำมาเสริฟคู่กับผักและผลไม้ชนิดที่แตกต่างกันก็จะได้ของว่างที่รสชาดแตกต่างกันไป และมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันไป ตามที่คนไทยโบราณได้ตั้งไว้
โดยถ้าตักเป็นก้อนกลมๆ วางบนสับปะรดแต่งหน้าด้วยผักชี และพริกขี้หนูแดงซอย จะเรียกว่า ม้าฮ้อ หรือ นำไปใส่ในส้มผ่าซีกแต่งหน้าด้วยผักชี และพริกขี้หนูแดงซอยจะเรียกว่า.. มังกรคาบแก้ว
นำมาทานกับใบชะพลู ใบทองหลาง ผักสลัด ก็จะเรียกว่า...เมี่ยงเห็ดสามอย่าง
Create Date : 29 เมษายน 2551 |
Last Update : 29 เมษายน 2551 14:52:57 น. |
|
9 comments
|
Counter : 1957 Pageviews. |
|
|
|