ทำสมาธิแล้วเกิดสภาวะทางกาย ![]() ![]() ดูเหมือนกับว่าอาการทางจิตเกิดได้จากการทำสมาธิ (ไม่ถูกวิธี?) แล้วอาการทางกายล่ะคะ ![]() ตอนนั้นค่อนข้างหวั่นใจ แต่ก็อดทนนั่งจนหายไป ใช้เวลาช่วงนั้นราวสองวันค่ะ กลัวว่าคราวนี้ทำอีกแล้วเกิดมันเป็นอีก แล้วไม่หายจะแย่ .... (หากเรื่องที่เขาพูดกันว่าหมดวาสนาทางนี้เป็นเรื่องจริง เพราะมีคนพูดใส่เราแบบนั้นเช่นกัน แต่ดิฉันเองไม่อยากจะเชื่อ ผลของทุกอย่างย่อมเกิดจากเหตุ แต่ดิฉันไม่รู้ว่าเหตุใด ร่างกายเราเกิดอาการผิดปกติเช่นนั้นจากการทำสมาธิแล้วจะไปป้องกัน หรือเลี่ยงมันได้อย่างไร ) https://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2010/10/Y9785609/Y9785609.html ![]() ให้ดูตัวอย่างหนึ่ง ![]() ![]() จนเมื่อวานนี้ และวันนี้ ได้เกิดการสั่นขึ้นที่ร่างกายส่วนตัวขึ้น มันเริ่มจากตุบๆ เหนือก้น แรกๆเห็นไม่ชัด จนมันตุบๆๆๆ แรงขึ้นๆ จนกลายเป็นสั่น และสั่นรุนแรงขึ้น เหมือนแผ่นดินไหว แต่ก็พยายามประคองจิตเอาไว้ให้นิ่งดูเฉยๆ ในระหว่างนั้น เริ่มฟุ้งซ่านขึ้นมานิดๆ แต่ก็ประคองไว้ จนรู้สึกเหนื่อย ปวดหัว เพราะสั่นแรงมาก มาแล้วก็หาย แล้วก็มาอีก จนถึง วันนี้ๆ ลองลืมตาดูว่ามันเป็นอย่างไร พอลืมตาดูก็เห็นว่าร่างกายสั่นจริง สั่นแต่ช่วงตัว ก็หลับตาประคองสติต่อให้เห็นการเกิดดับ (บางทีนอกจากเหนือก้นจะตุบๆ แล้ว ที่บริเวณกลางอก ก็ตุบๆๆ สังเกตได้ชัด บริเวณหัวด้วย แต่ไม่มากเท่าไหร่) ไม่ทราบว่ามีท่านใดเคยทำสมาธิแล้วเป็นแบบนี้บ้างคะ ขอรบกวนให้คำปรึกษาด้วยนะคะ....อยู่ต่างประเทศจะไปวัดขอคำปรึกษา จากพระไม่ได้เลย ![]() ![]() ไม่ฝืน ไม่ต้านสภาวธรรม แต่ให้กำหนดจิต (ว่าในใจ) ทุกๆขณะ ที่ประสบสภาวะ ตัวกำหนดรู้คือที่ว่าในใจตามที่มันเป็นนั่นแหละ เป็นตัวเปลี่ยนตัวตัดวงจรความคิด (องค์ธรรม เช่น สติสัมปชัญญะก็เกิดด้วย) ผู้ปฏิบัติกำหนดเรียนรู้สภาวะไป กำหนดรู้มัน แต่ไม่ฝืนไม่ต้านมัน ไม่กลัว หมดเวลาที่ตั้งใจไว้ สมมติ 30 นาที ลุกเดินจงกรมระยะต่ำๆ ระยะที่ ๑ ซึ่งก็ช่วยลดสภาวะสมาธิที่แรงกับปีติได้ (นั่งเท่าใดจงกรมเท่านั้น เดินมากกว่าหน่อยก็ไม่เป็นไร) ![]() ให้ดูสภาวะปีติหน่อย วิปัสสนูปกิเลส (เกิดในขณะอุทยัพพยญาณอย่างอ่อน - ตรุณวิปัสสนา) ๑. โอภาส เห็นแสงสว่างต่างๆ ๒. ปีติ ๕ อย่าง (ปีติจะเกิด) ดังนี้ 1. ขุททกาปีติ มีลักษณะดังนี้ 1.1 เยือกเย็น ขนลุกตั้งชันไปทั้งตัว 1.2 ร่างกาย มึน ตึง หนัก 1.3 น้ำตาไหลพราก 1.4 ปรากฏเป็นสีขาวต่างๆ ๒. ขณิกาปีติ มีลักษณะดังนี้ 2.1 เป็นประกายดังฟ้าแลบ 2.2 ร่างกายแข็ง หัวใจสั่น 2.3 แสบร้อนตามเนื้อตามตัว 2.4 คันยุบยิบ เหมือนแมลงไต่ตามตัว ๓. โอกกันติกาปีติ มีลักษณะดังนี้ 3.1 ร่างกายไหวโยก โคลงแคลง บางครั้งสั่นระรัว 3.2 สะบัดหน้า สะบัดมือ สะบัดเท้า 3.3 น้ำลายสอในปาก คลื่นไส้ อาเจียน 3.4 มีอาการคล้ายๆละลอกคลื่นซัด 3.5 ปรากฏมีสีม่วงอ่อน สีเหลืองอ่อน ๔. อุเพงคาปีติ มีลักษณะดังนี้ 4.1 มีอาการคล้ายๆกายสูงขึ้น ตัวเบา ตัวลอย 4.2 คันยุบยิบ เหมือนมีตัวไร ตอมไต่ตามหน้าตา 4.3 ท้องเสีย ลงท้อง 4.4 สัปหงกไปข้างบ้าง ข้างหลังบ้าง 4.5 หัวหมุนไปมา 4.6 กัดฟันบ้าง อ้าปากบ้าง หุบปากบ้าง 4.7 กายงุ้มไปข้างหลังบ้าง ข้างๆบ้าง 4.8 กายกระตุก ยกแขน ยกขา 4.9 ปรากฏสีไข่มุก สีนุ่น ๕. ผรณาปีติ มีลักษณะดังนี้ 5.1 ร่างกายเยือกเย็นแผ่ซ่านไปทั้งตัว 5.2 ซึมๆไม่อยากลืมตา ไม่อยากเคลื่อนไหว 5.3 ปรากฏเป็นสีคราม สีเขียว สีบงกด |
บทความทั้งหมด
|