ตราบใด มนุษย์ยังไม่สามารถจัดการกับปัญหาพื้นฐานแห่งชีวิตของตน ยังวางตัววางใจ
หาที่ลงไม่ได้กับ
ทุกข์ถึงขั้นตัวสภาวะ ตราบนั้น มนุษย์ก็จะยังแก้ปัญหาไม่สำเร็จ
ยังหลีกไม่พ้นการตามรังควานของทุกข์ ไม่ว่าจะพบสุขขนาดไหน และ
จะยังไม่ประสบความสุขที่แท้จริง ซึ่งเต็มอิ่ม สมบูรณ์ในตัว และจบบริบูรณ์ลงที่ความพึงพอใจอย่างไม่คืนคลายไม่กลับกลาย
ซ้ำร้าย
ทุกข์พื้นฐานที่หลบเลี่ยงและยังไม่ได้แก้นั้น กลับจะกลายเป็นเงื่อนปมซ้อนอยู่เบื้องหลัง คอย
ส่งอิทธิพลออกมาบีบคั้นรุนเร้าให้การแสวงหาและเสวยสุขต่างๆ เป็นไปอย่างเร่าร้อนกระวนกระวาย ไม่รู้จักเต็มอิ่ม และไม่มีความแน่ใจจริง ขาดความมั่นใจที่โปร่งโล่ง พร้อมทั้ง
ส่งผลในทางจริยธรรมเกี่ยวกับความดีความชั่ว เช่น เพิ่มทวีการแย่งชิงเบียดเบียน ให้แพร่หลาย และรุนแรงยิ่งขึ้นด้วย
ตัดประเด็นสำคัญจาก
มาตรงนี้ติ๊ดหนึ่ง
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=samathijit&month=11-11-2023&group=88&gblog=107 เท่านั้นก็เห็นโล่งทั้งมนุษย์ทั้งสังคมของเขา
แต่ดูแนวคิดอื่นๆอีก อิสลามกับเอทิสถาม-ตอบกัน
"ขอคำ
นิยามว่าเอทิสย์ กับ พวกไม่มีศาสนา เลเวล 1 หน่อยครับ
อิสลามอย่างผมมีข้อสงสัย"
"
เอธีส กับ
ไม่มีศาสนา อาจเป็นกลุ่มเดียวกัน หรือคนละกลุ่มก็ได้ ส่วนตัวเป็น
เอธีสไม่บูชาไม่นับถือ
ไม่ให้สิ่งเหนือธรรมชาติมามีอิทธิพลเหนือ
สติปัญญาตนเอง จะเรียกว่านี่คือ
ศาสนาของเราก็ได้
ศาสนาก็เหมือน
ควย เป็นของส่วนตัว อาจจะไม่เหมือน หรือเหมือนกับคนอื่นก็ได้ แต่ให้ใช้ให้
สุขให้ทุกข์ในพื้นที่ตนเอง"
https://www.facebook.com/100068048087287/videos/735632454652830 มุมมองคนแต่ละศาสนาแต่ละความเชื่อ พุทธก็อย่าง อิสลามก็อย่าง เอธีสก็อย่าง แต่เมื่อเอาทั้งนั้นมาแบดูแล้วพุทธะ (พุทธธรรม) ล้ำลึกกว่าเพื่อนสอนจากหยาบไปหาละเอียดค่อยลึกลงลึกลงดังฝั่งสมุทรค่อยลาดลงลาดลงจนถึงสะดือสมุทรฉะนั้น
- เอทิส พูดถึงคำศัพท์ สติ ปัญญา ไม่แน่ใจว่า สติ ปัญญาดังกล่าว มีความหมายเหมือนกับของพุทธะไหม
-
สติ ความระลึกได้, นึกได้, ความไม่เผลอ, การคุมใจไว้กับกิจหรือกุมจิตไว้กับสิ่งที่เกี่ยวข้อง, จำการที่ทำและคำที่พูดแล้วแม้นานได้
-
ปัญญา แปลกันว่า ความรอบรู้ เติมเข้าอีกว่า ความรู้ทั่ว ความรู้ชัด คือ รู้ทั่วถึงความจริง หรือรู้ตรงตามความเป็นจริง ท่านอธิบายขยายความกันออกไปต่างๆ เช่นว่า รู้เหตุรู้ผล รู้ดีรู้ชั่ว รู้ถูกรู้ผิด รู้ควรไม่ควร รู้คุณรู้โทษ รู้ประโยชน์มิใช่ประโยชน์ รู้เท่าทันสังขาร รู้องค์ประกอบ รู้เหตุปัจจัย รู้ที่ไปที่มา รู้ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งทั้งหลาย รู้ตามความเป็นจริง รู้ถ่องแท้ เข้าใจถ่องแท้ รู้เข้าใจสภาวะ รู้คิด รู้พินิจพิจารณา รู้วินิจฉัย รู้ที่จะจัดแจงจัดการ หรือดำเนินการอย่างไรๆ
แปลกันอย่างง่ายๆ พื้นๆ
ปัญญา คือ
ความเข้าใจ (หมายถึง เข้าใจถูก เข้าใจชัด หรือเข้าใจถ่องแท้) เป็นการ
มองทะลุสภาวะ หรือ มองทะลุปัญหา ปัญญาช่วยเสริมสัญญาและวิญญาณ ช่วยขยายขอบเขตของวิญญาณให้กว้างขวางออกไปและลึกซึ้งยิ่งขึ้น ส่องทางให้
สัญญามีสิ่ง
กำหนดหมายรวมเก็บได้มากขึ้น เพราะเมื่อเข้าใจเพียงใด ก็รับรู้และกำหนดหมายในวิสัยแห่งความเข้าใจเพียงนั้น เหมือนคิดโจทย์เลขคณิตข้อหนึ่ง เมื่อยังคิดไม่ออก ก็ไม่มีอะไรให้รับรู้ และกำหนดหมายต่อไปได้ ต่อเมื่อเข้าใจ คิดแก้ปัญหาได้แล้ว ก็มีเรื่องให้รับรู้ และกำหนดหมายต่อไปอีก
ปัญญาตรงข้ามกับ
โมหะ ซึ่งแปลว่า ความหลง ความไม่รู้ ความเข้าใจผิด สัญญาและวิญญาณหาตรงข้ามกับโมหะไม่ อาจกลายเป็นเหยื่อของโมหะไปด้วยซ้ำ เพราะเมื่อหลง เข้าใจผิดไปอย่างใดก็รับรู้และกำหนดหมายเอาไว้ผิดๆอย่างนั้น
ปัญญาช่วยแก้ไขให้วิญญาณ และสัญญาเดินถูกทาง
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=samathijit&month=04-08-2023&group=88&gblog=7