ต่อจากวิปัสสะนึก ประเด็นนี้ https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=samathijit&month=16-01-2023&group=5&gblog=54 ว่าไปแล้ว ประเด็นต่อไป ![]() ขอแนะนำครับ อาจจะไม่หรูมาก แต่พออยู่ได้ มีเรือนปฏิบัติแยกเป็นหลัง เด็กอาจจะอยู่ใกล้กันได้ มีอาหารส่ง ๒ มื้อ แบ่งกินตอนเย็นได้ถ้ากลัวหิว มีกิจอย่างเดียว ทำเพื่อแก้ทุกข์ ไม่ทำเพื่อแก้อยาก อบรมแนวทางปฏิบัติให้เข้าใจก่อน 1 วัน https://pantip.com/topic/41825126 - ที่ว่า ทำเพื่อแก้ทุกข์ ไม่ทำเพื่อแก้อยาก (ไม่ทำเพื่อแก้ความอยาก) นี่ก็เข้าใจผิด ผิดยันหลักอริยสัจ ๔ โน่นเลย อริยสัจมี ๔ (เรียกสั้นๆ) คือ ทุกข์ สมุทัย (= ตัณหา) นิโรธ มรรค อยาก, ความอยาก แปลออกมาจาก ตัณหา ที่แปลว่า ความอยาก. ความอยากแบบตัณหา ตรงข้ามกับความอยากแบบฉันทะ ซึ่งเรียกเต็มๆว่า ธรรมฉันทะ (เป็นกุศล) ตัณหาเรียกเต็มๆว่า ตัณหาฉันทะ (เป็นกิเลส) ตามหลักอริยสัจ ๔ ข้อ ๒ คือ สมุทัย ได้แก่ ตัณหา ตัณหาท่านว่าเป็นต้นเหตุแห่งทุกข์ (อริยสัจ ข้อ ๑ ทุกข์เป็นผล สมุทัยเป็นเหตุ) แล้วไปพูดเสียว่า => มีกิจอย่างเดียว ทำเพื่อแก้ทุกข์ ไม่ทำเพื่อแก้อยาก <= ถ้าเราไม่แก้ทุกข์ที่ต้นเหตุคือตัณหา (สมุทัย) ความอยาก แล้วทุกข์มันจะหมดจะดับจะนิโรธได้อย่างไร เราจะแก้ทุกข์ที่ตัวทุกข์ไม่ได้ (ทุกข์พึงปริญญา คือ กำหนดรู้) ต้องแก้ที่เหตุคือสมุทัย = ตัณหา ที่แปลว่า ความอยาก. ปล. ตัณหา เจ้าสำนักแห่งหนึ่ง สาวกมากเหมือนกัน ให้ความหมายซื่อๆว่า หาแล้วตัน คือว่าหาๆแล้วมันตัน หาไม่เจอะหาไม่เจอ หาแล้วตัน = ตัณหา (ว่าซ่าน) ![]() https://www.facebook.com/photo/?fbid=191178526898795&set=a.113824664634182 ลิงค์นั้นยังเหลืออีกสองสามประเด็น ![]() ใช้ขณิกะสมาธิ กับ อิริยาบถต่าง ๆ และ นามต่าง ๆ ตามความเป็นจริง เหมือนไปดูละครชีวิต แต่ไม่ต้องไปเล่นละครเอง เช่น เดินช้า ๆ หย่อง ๆ พร้อมบริกรรม 1 ชั่ว นั่งดูท้อง 1 ชั่วโมง. - เรื่องขณิกสมาธิ เรื่องปฏิบัติ (ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา ที่เรียกสั้นๆว่า มรรค) นี่เรื่องยาวเรื่องใหญ่ จะเอาแต่พูดไม่พอที่จะเข้าใจ ผู้นั้นๆต้องลงมือทำด้วย แล้วก็ต้องรู้เข้าใจสิ่งที่ตัวจะทำ รู้แล้วก็ลงมือทำไปตามความรู้เข้าใจนั้น งานจึงจะสำเร็จ ถ้าไม่รู้เรื่องเลย หรือรู้ผิดเข้าใจผิดนี่ เราจะทำอะไรไปไหน ? ขืนทำไปตามฤทธิ์ตามเรื่อง โน่น = > ศรีธัญญา ![]() ยกตัวอย่างรูปธรรมให้เห็นภาพ สมมุติเราจะทำบันไดสักอันหนึ่ง (อะไรอื่นนอกจากนี้ก็ได้) เบื้องต้นมีอุปกรณ์สำหรับทำ เช่น ฆ้อน ตะปู ไม้ที่ใช้ทำครบ + ความรู้เข้าใจทำได้ทำเป็น แล้วทำไปตามความรู้นั้น งานจึงสำเร็จ ถ้าตัวไม่รู้เรื่องที่จะทำเลย ตอกตะปูก็ไม่เป็น ใช้ไม้อะไรทำก็ไม่รู้ แค่นี้ไปไม่รอดแล้ว ฉันใด การปฏิบัติธรรม, การปฏิบัติกรรมฐาน หรือใช้อื่นๆนอกจากนี้ก็ฉันนั้น - ปล. ยังมีเรื่องแทรกกลางขณะที่ทำอีกนะ เช่น นายคนที่ทำบันได ขณะตอกตะปูกิ๊งๆ ตอกไปคิดไป คิดถึงเรื่องอื่นๆ เช่น เมื่อวานทะเลาะกับคนข้างบ้าน อินไปหน่อยนึกว่าหัวตะปูเป็นหัวคู่กรณีตีๆๆพลาดไปถูกหัวแม่มือตัวเอง ![]() กรณีผู้ปฏิบัติกรรมฐาน ปฏิบัติธรรม เป็นต้น ก็เช่นกัน ขณะที่ภาวนาไปๆๆๆ จิตสงบถึงระดับหนึ่ง สภาวธรรมปรากฎ เห็นนั่นเห็นนี่ ได้ยินเสียงนั่นนี่ เป็นต้นนะ ![]() ![]() https://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2010/10/Y9785609/Y9785609.html เรื่องการปฏิบัติกรรมฐาน หรือใช้ชื่ออื่นๆทำนองนี้ ไม่ง่ายที่จะเข้าใจ อีกทั้งไม่ง่ายที่จะเข้าถึง ตัวอุปสรรคภาคปฏิบัติมีมากมาย โดยเฉพาะกิเลสมาร ขณิกสมาธิ แค่ไหน ![]() https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=samathijit&month=01-2023&date=24&group=66&gblog=40 ![]() อุปสรรค (อุปะสัก) น. เครื่องขัดข้อง, ความขัดข้อง, เครื่องขัดขวาง. (ส. อุปสรฺค ป. อุปสคฺค) (ไว) คำที่เติมเข้าข้างหน้าคำอื่นเพื่อให้มีความหมายแปลกออกไปจากเดิม เช่น อภิ + รัฐมนตรี = อภิรัฐมนตรี อุป+ทูต = อุปทูต พจนานุกรมฉบับราชบัณฑยสถาน พ.ศ.๒๕๒๕ น.๙๑๕ |
บทความทั้งหมด
|