อารมณ์สมถะ - วิปัสสนา ตัวอย่างอารมณ์สมถะ ![]() ทำยังไงดีคะ ทำไมถึงรู้สึกว่า ตัวเองทำไมมันสกปรกจังเลย ใจเราก็สกปรกปะปนไปด้วยกิเลสต่างๆ รู้สึกว่า ตัวเองเป็นคนบาปหนามากๆ ทั้งๆที่ก็ไม่ปรารถนาทำบาปทำชั่ว มีรักมีห่วงมีหวงมีหึง ไม่โลภไม่อยากได้ของๆใคร มีโกรธบ้าง แต่ก็ไม่แค้นหรือคิดอาฆาตใคร (โกรธแป๊บๆ) ไม่ถึงกับหลงหรือมัวเมามาก..ข้อนี้ ไม่กล้าจะฟันธง แต่จะใช้สติพิจารณาเพื่อไม่ให้หลงหรือมัวเมา และก็มีพรหมวิหาร 4 อยู่กับตัว ทุกครั้งที่เกิดความรู้สึกเหล่านี้ขึ้น จะรู้สึกหดหู่ใจ รู้สึกอึดอัดขัดจิตไปหมดเลยค่ะ นึกรู้ขึ้นมาทีไรแล้วรู้สึกคลื่นไส้ บางที ก็นั่งร้องไห้แบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยเฉยเลย (เวลาร้องไห้ด้วยอารมณ์แบบนี้ จะร้องไป คิดถึงพระพุทธเจ้าไป เพราะรู้สึกเป็นทุกข์ใจ และสับสนไม่รู้ว่าคืออะไร ? และต้องทำอย่างไร ?) อารมณ์แบบนี้ จะขึ้นมาเป็นพักๆค่ะ ไม่ได้เกิดขึ้นตลอด จนทำให้เกิดอาการสับสน ทำอะไรไม่ถูก หาทางออกให้กับอารมณ์ใจของตัวเองไม่ได้ รู้แต่โดยปกติจะนึกถึงความตายไว้กับตัวตลอด หลัง ๆ จะฝึกการภาวนานึกถึงพระนิพพานอยู่บ่อยๆ เพราะภาวนานึกถึงพระนิพพานแล้วจะรู้สึกสงบเย็น (มีบ้างอยู่บ่อยๆที่ลืมภาวนา พอนึกได้ก็จะภาวนา แต่เรื่องความตายจะนึกอยู่ตลอด แล้วก็ตั้งใจจะถือศีล 5 ตลอดชีวิตมาตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาน่ะค่ะ) ใคร่ขอคำแนะนำจากผู้รู้ค่ะ ว่าเมื่อความรู้สึกเหล่านี้เกิดจนทำให้เรารู้สึกอึดอัดไม่สบายกายไม่สบายใจไปหมด ควรทำอย่างไรดีคะ สิ่งที่เกิดนั้นคืออะไร ทำไมถึงทำให้มีความรู้สึกแบบนี้. หลักการ ![]() ยกตัวอย่าง ในระดับที่เรียกว่าสมถะ และวิปัสสนา เช่น นาย ก. เห็นหน้าหญิงสาวสวยคนหนึ่ง แต่แทนที่จะเห็นเป็นใบหน้าที่สวยงาม เขากลับมองเห็นเป็นแผ่นผิวหนัง พร้อมทั้งผม ขน เป็นต้น ที่ปฏิกูลด้วยเหงื่อมัน และฝุ่นละออง เป็นต้น มีกระดูก และเลือดเนื้ออยู่เบื้องหลัง ไม่ทำให้ติดใจใฝ่รัก โยนิโสมนสิการในกรณีนี้ เรียกว่าเป็นสมถะ (แง่ปฏิกูลมนสิการ) เพราะได้ความรู้สึกเป็นปฏิกูลมาระงับราคะ ทำให้ใจสงบอยู่ได้ นาย ข. เห็นหน้าหญิงสาวสวยคนเดียวกันนั้น แต่มองเห็นเป็นเยาวชนคนหนึ่ง ที่ควรเอาใจใส่ดูแลให้เจริญงอกงาม เกิดความรู้สึกเมตตา นึกเหมือนเป็นน้อง หรือลูกหลาน กรณีนี้ ก็เป็นโยนิโสมนสิการตามแนวสมถะ (แง่เมตตาพรหมวิหาร) เพราะทำให้จิตใจสงบเยือกเย็น เป็นกุศล นางสาว ง. เห็นหน้าหญิงสาวสวยคนเดียวกันนั้น แต่มองด้วยความรู้สึกที่นึกไปว่า หญิงนั้น สวยเกินหน้าตน เกิดความรู้สึกริษยา และชักจะชังหน้า กรณีนี้ เป็นอโยนิโสมนสิการ เพราะคิดปลุกเร้าอกุศลธรรมขึ้นมาบีบคั้นใจ ก่อทุกข์ทรมานตนเอง ส่วน นาย จ. เห็นหน้าหญิงสาวสวยคนเดียวกันนั้น แต่มองเห็นเป็นที่ประชุมแห่งองค์อวัยวะ อันเกิดจากธาตุต่างๆ มาประกอบกันเข้า รวมสมมติเรียกกันว่า หน้าคนชื่อนั้น เป็นเพียงรูปธรรม ซึ่งไม่เที่ยง ไม่คงที่ จะต้องเปลี่ยนแปลง เป็นไปตามเหตุปัจจัย ไม่ดี ไม่ชั่ว ไม่ใช่สวย ไม่ใช่น่าเกลียดอะไรทั้งนั้น กรณีนี้ เป็นโยนิโสมนสิการแนววิปัสสนา เพราะมองตามสภาวะ หรือมองตามที่เป็นจริง (เทียบ วิสุทฺธิ. 2/20) อารมณ์สมถะอีกตัวอย่าง ![]() ผมเป็นคนนั่งสมาธิมาตั้งแต่อายุประมาณ 6 ขวบ ก็นั่งมาเรื่อยครับ จนปัจจุบันอายุ 40 ปี ลองศึกษาหลายๆ แนวทาง จนรู้สึกแนวอานาปานสติ น่าจะเหมาะกับตัวเราก็เลยปฏิบัติแนวนี้มาตลอดครับ เคยมีอยู่ครั้งนึง ผมนั่งสมาธิไปได้ประมาณ 30 นาที จิตนิ่ง จนหูไม่ได้ยินเสียง จมูกไม่ได้กลิ่น อยู่ดีๆ ก็เห็นตัวเองออกมายืนดูเราที่กำลังนั่งสมาธิอยู่ ผมก็มองดู เอ..หรือเราตายแล้ว ก็ยังกลัวๆครับ แต่ก็ตกใจสุด ตอนดูตัวเองนั่งสมาธิไปเรื่อยๆ ผิวหนังมันถูกถลกออกครับ จะเห็นเป็นกล้ามเนื้อ เส้นเลือด แล้วก็โดนถลกออกอีก จนเห็นเป็นโครงกระดูก แล้วค่อยๆ หายไป แล้วเหมือนใครเอาน้ำเย็นมากๆ มาสาด แล้วก็ประกอบร่างใหม่ กลับมาเป็นตัวเราที่นั่งสมาธิอยู่ แล้วก็โดนถลกออกอีกครับ หนัง เนื้อ กระดูก ภาพมันซ้ำๆแบบนี้ จนนั่งไป 3 ชม. พอดีนาฬิกาปลุกดังขึ้น ผมเลยลืมตาออกจากสมาธิ ใจนึงก็กลัว แต่ใจนึงก็รู้สึกเบื่อขึ้นมาในกายสังขารนี้ เพื่อนๆ เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มั้ยครับ มันคืออะไรครับ เราควรจะปฏิบัติเช่นไรต่อเพื่อให้เกิดปัญญา ตามแนวทางวิปัสสนากรรมฐานครับ รบกวนขอคำแนะนำ ชี้แนะจากเพื่อน พี่ น้อง ที่ปฏิบัติธรรมด้วยครับ - โยคีภาวนาถึงจุดนี้ (จิตเริ่มๆสงบลงบ้างนิดหน่อย) แล้วไปไม่เป็น ไม่รู้จะทำยังไง จึงจะผ่านพ้นจุดนี้ไปได้ ได้บอกไปนับครั้งไม่ถ้วนว่า ให้กำหนดรู้ตามที่มันเป็น คือ ตามสภาวะของมัน ทุกครั้งทุกขณะที่เห็น ได้ยิน เป็นต้น เมื่อกำหนดรู้ตามภาวะของมันแล้ว ก็ไปยึดกรรมฐานเดิม เช่น ลมเข้า-ออก หรือ พอง-ยุบไปใหม่ เอาอีกก็ได้ ตัดมา ![]() ฯลฯ ช่วงแรกใจผมมันร้อนไปหมด (อยากออกสมาธิ) แต่ด้วยความที่เราตั้งใจแล้วไงว่าจะทำสมาธิให้ได้นาน ๆ เลย อดทนนอนต่อไป พยายามโฟกัสลมหายใจเข้าออกครับ สักพักนึงผมว่าใจผมสงบลงเยอะ ไม่รู้สึกอยากลุกเลย แต่ว่าจากนั้นไม่นาน ผมรู้สึกเหมือนตัวเองมองเห็นรอบๆทั้งที่หลับตาอยู่ครับ เหมือนมีคนคนนึงเดินเข้าห้องมายืนมองผมอยู่ข้างเตียงครับ เขาแต่งชุดโทนขาวๆหน่อย แล้วก็ยื่นมือมาหาผม ผมสะดุ้งก็เลยลุกจากสมาธิครับ ตอนนั้นก็คิดว่าฝันนะแต่คิดไปคิดมา เรายังได้ยินเสียงเพลงสมาธิอยู่นี่ หรือจะบอกว่ามีใครมาหาก็ไม่น่าใช่ ผมล็อคประตูห้องไว้แล้ว ไม่น่าจะเปิดเข้ามาได้เลย แต่ที่แน่ๆผมรู้สึกกลัวจนไม่กล้านอนสมาธิอีกครับ https://pantip.com/topic/41812143 - ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก มันเป็นภาพในใจเราเอง (พูดตามภาษาสมมุติ) แล้วก็ไม่ใช่เทวดงเทวดาที่ไหนเหมือนกัน ![]() ทีนี้เอาตัวอย่างทางความคิดบ้าง ![]() มีคนเคยเบียดเบียน ครอบครัวผม และตัวผมเอง ซึ่งเรื่องนี้ก็ ผ่านไป 5 ปีแล้วครับ สิ่งที่ผมสังเกตุคือ เมื่อไรก็ตามที่นั่งสมาธิ ฝึกสติอยู่กับปัจจุบัน ความแค้นเรื่องนี่จะลดลง แต่เมื่อผมเผลอเมื่อไร ความคิดความแค้น เรื่องราวเก่าๆเริ่มกลับมาฉายให้เห็นอีกละ ปัจจุบันผมทำได้เพียง ฝึกสติอยู่กับปัจจุบัน เหมือนทำได้แค่กดมันไว้ เผลอก็กลับมา ปล. จึงอยากทราบว่า การให้อภัยทาน เขาทำได้ยังไงกันหรอครับ https://pantip.com/topic/41812623 การปฏิบัติผู้ปฏิบัติต้องทำให้คลุมหลัก หลักในที่นี้คือสติปัฏฐาน หลักเขามี ๔ ส่วน จขกท.เอง ขาดข้อ จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐานไป ไม่กำหนดรู้ความคิดด้วย จริงๆ ผู้ปฏิบัติจะต้องกำหนดจิตคือความคิดด้วย กล่าวคือ มันคิดเรื่องนั่นนี่โน่น กำหนดรู้ตรงๆ คิดหนอๆๆๆๆ กำหนดรู้สักสามสี่หนแล้วปล่อย (กำหนดรู้ตามนั้นแล้วปล่อย) ถ้าขณะนั้นเรากำลังนั่งปฏิบัติอยู่ โดยใช้ลมหายใจเข้า-ออก เป็นสนามฝึก ก็มากำหนดรู้ลมหายใจเข้า-ออกไปใหม่ ฯลฯ มันคิดเลอะเทอะอีก กำหนดรู้มันอีก กำหนดรู้ตามนั้นแล้วปล่อย แต่ถ้าเราเลิกนั่งฝึกไปแล้วอย่างว่านั้น มันคิด ก็ให้กำหนดด้วยทันที คิดหนอๆๆๆๆ ขณะนั้นเราทำอยู่ ก็ให้มารู้เนื้อรู้ตัวอยู่กับสิ่งที่ทำ อะไรก็ได้ที่เราทำอยู่ในขณะนั้น (ธรรมดาของจิตมันต้องอาศัยอารมณ์ อารมณ์คืออาหารของมัน ดัง จขกท.ว่า พอเลิกนั่งสมาธิ ความคิดเจ้าคิดเจ้าแค้นจะแว้บมา นั่นล่ะ) เมื่อเราใช้วิธีปฏิบัติอย่างนี้แล้ว เราไม่ต้องไปคิดถึงเรื่องอภัยทานให้รกสมอง ![]() ![]() ประเด็นข้างบนนี้ พึงศึกษาหัวข้อ โลกุตรสัมมาทิฏฐินี้ด้วย ![]() https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=samathijit&month=12-01-2023&group=64&gblog=8 |
บทความทั้งหมด
|