อาจารย์สำนักหนึ่งแนะวิธีบรรลุธรรม

235 บรรลุธรรม ได้ดวงตาเห็นธรรม เป็นพระโสดาบันตามวิธีของ อ.สุจินต์

 - จากที่สนทนาแลกเปลี่ยนกันที่ 450

https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=samathijit&month=14-05-2024&group=82&gblog=139

235 แต่ตรงนี้จะแยกเอาเฉพาะวิธีบรรลุธรรมของเขา 


-  607 คำตอบของผม ก็อยู่ในคำถามนี้แหละ
 
 ถ้าคุณสามารถตอบคำถามนี้ของผมได้  คุณก็จะได้คำตอบของผม
   V
"ท่านพระสารีบุตร  ในขณะที่ยังเป็นอุปติสสะมานพ  เมื่อฟังพระธรรมคาถาสั้นๆ จากท่านพระอัสสชิจบลง  ท่านปฏิบัติอย่างไร  ถึงได้บรรลุเป็นพระโสดาบันทันทีเมื่อฟังจบ
 
นางขุชชุตตรา  ในเวลาที่ไปจ่ายตลาดตอนเช้า แล้วหยุดแวะฟังพระธรรมของพระพุทธเจ้า เมื่อฟังจบลง  นางขุชชุตราบรรลุเป็นโสดาบันทันที  นางเอาเวลาที่ไหนไปปฏิบัติเพื่อบรรลุเป็นโสดาบันบุคคล"


235 อุปติสสะได้ฟังคาถานี้  450 
 
เย ธมฺมา เหตุปปภาวา   เตสํ  เหตุํ  ตถาคโต
เตสญฺจ โย นิโรโธ จ     เอวํ วาที มหาสมโณ.


607 ก็ฟังให้เข้าใจประโยคนี้  451 ก่อนครับ
 
- อุปติสสะฟังประโยคนี้แล้วเข้าใจแจ่มแจ้งแทงตลอด  ปัญญาจึงนำไปสู่ปฏิปัตติ หรือ ความถึงเฉพาะซึ่งลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนั้นตามความเป็นจริงแท้ที่ไม่มีอวิชชาครอบงำ
ฉะนั้น  ถ้าฟังแล้วยังไม่เข้าใจเช่นอุปติสสะ  ก็ฟังต่อไปจนกว่าจะเกิดสุตมยปัญญา ครับ  เมื่อถึงเวลาพร้อม ปัญญาก็ทำกิจของปัญญา ไม่ใช่เอาอัตตาตัวตนไปพยายามที่จะละอัตตา

  ปริยัติ --> ปฏิปัตติ --> ปฏิเวธ  ข้ามขั้นตอนไม่ได้เด็ดขาด

  ดังนั้น ในขณะที่ท่านพระสารีบุตร  สมัยยังเป็นปุถุชน ได้ฟังพระธรรมเพียงสั้นๆ จากท่านอัสสชิ หรือท่านพระอานนท์ได้ฟังพระธรรมบทสั้นๆ จากท่านพระปุณณมันตานีบุตร หรือพระนางสามาวดีได้ฟังธรรมจากนางขุชชุตตรา หญิงรับใช้ร่างคร่อมของตนเอง  ฯลฯ   แล้วท่านเหล่านี้ได้บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน   พวกท่านไม่ได้ลงมือทำแต่อย่างใด  แต่พวกท่านถึง ซึ่งเฉพาะและประจักษ์แจ้งในสภาพธรรมทีละหนึ่งขณะตามความเป็นจริงว่าเป็นอนัตตา  ท่านได้ประจักษ์แจ้งถึง  ซึ่งเฉพาะลักษณะของไตรลักษณ์   ถึงซึ่งเฉพาะลักษณะของทุกข์ในขณะนั้น  (ที่มิใช่การมโนว่าประจักษ์แจ้งเหมือนโสดาบันเก๊มากมายในปัจจุบัน)   แล้วจึงถึงซึ่งปฏิเวธ  ดับกิเลสในชั้นแรกได้เป็นสมุจเฉท  ละสักกายทิฏฐิหรือความเห็นผิดว่าเป็นตัว เป็นต้น ได้

มีหลักฐานตรงไหนในพระไตรปิฎกที่สืบทอดมา 2500 กว่าปีว่า พวกท่านเหล่านี้จะต้องไปนั่งปฏิบัติสมาธิเสียก่อนจึงจะได้ดวงตาเห็นธรรมเป็นพระโสดาบัน

ส่วนเมื่อบรรลุธรรมเป็นพระโสดาบันแล้ว ก็ยังคงถือเป็นพระเสขะ คือผู้ที่ยังต้องศึกษาพระธรรมต่อเพื่อการดับกิเลสในชั้นต่อๆ แต่แน่นอนว่า พวกท่านเหล่านี้ไม่มีความเห็นผิดว่าเป็นตัวตนของตนแล้ว การปฏิบัติของท่านจึงเป็นไปโดยชอบ ประกอบด้วยสัมมาสมาธิ สัมมาวายามะ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสติ  ฯลฯ  ไม่ใช่เหมือนอย่างการปฏิบัติของปุถุชนส่วนใหญ่ที่ยังเต็มไปด้วยมิจฉาทิฏฐิ  มิจฉาสติ  มิจฉาสมาธิ  เพราะขาดการฟังพระสัทธรรมโดยบริบูรณ์

การบรรลุธรรมได้  ปัญญาจะต้องเป็นตามลำดับขั้น  ตั้งแต่  "ปริยัติ - ปฏิบัติ - ปฏิเวธ" ดั่งพระพุทธพจน์ที่ว่า "“.....ดูก่อนปหาราทะ  มหาสมุทรลาดลุ่มลึกลงไปโดยลำดับไม่โกรกชันเหนือเหวฉันใด ในธรรมวินัยนี้ก็ฉันนั้นเหมือนกัน มีการศึกษาไปตามลำดับ  มีการกระทำไปตามลำดับ มีการปฏิบัติไปตามลำดับ  มิใช่ว่าจะมีการบรรลุอรหัตตผลโดยตรง...ฯ”

เพราะฉะนั้น  ถ้าแปลความหมายของคำว่า "ปฏิบัติ"  หมายถึง  ลงมือทำ ท่านพระสารีบุตร ท่านพระอานนท์ ท่านพาหิยะ ท่านอัสสชิ ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี นางวิสาขามิคารมาตา นางขุชชุตตรา พระนางสามาวดี  ฯลฯ  ก็คงจะไม่สามารถได้ดวงตาเห็นธรรมบรรลุเป็นพระโสดาบันได้เป็นแน่แท้ เพราะไม่ได้ลงมือนั่งปฏิบัติ หรือเดินปฏิบัติ หรือทำสมาธิเลย  เพียงฟังธรรมสั้นๆ ก็บรรลุโสดาบันทันที จะเป็นไปได้อย่างไร

แต่ถ้าแปลความหมายของคำว่า "ปฏิบัติ"  ตามความหมายในภาษาบาลีว่า หมายถึง "ความถึงเฉพาะ"  ก็จะหายสงสัยว่า  ทำไมพวกท่านเหล่านี้   จึงบรรลุเป็นพระโสดาบันได้  ก็เพราะพวกท่านเหล่านี้   ซึ่งได้สะสมปัญญาบารมี   ด้วยการพังพระสัทธรรม   ในพระพุทธศาสนาของพระพุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆ  มานับชาติไม่ถ้วน  เหมือนการต่อจิ๊กซอว์ของปัญญาที่มีชิ้นต่อเป็นหลายล้านชิ้น  ค่อยๆ  ต่อไปทีละชั้นๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  เป็นปัญญาความเข้าใจที่เพิ่มพูนสะสมสืบต่อทีละน้อยๆๆๆๆ   จนปัญญาถึงพร้อมแล้ว   ที่จะบรรลุธรรมในชาตินี้   ที่ได้เกิดร่วมสมัยกับพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน   ได้ฟังธรรมแม้เพียงบทสั้นๆ  ก็เหมือนการต่อจิ๊กซอว์ของปัญญาชิ้นสุดท้าย  จึงเป็นเหตุปัจจัยให้สติสัมปชัญญะพร้อมด้วยปัญญาเกิดขึ้นระลึกรู้ถึงเฉพาะ  ซึ่งสภาพธรรมตามความเป็นจริง ทีละหนึ่งขณะๆๆ แยกชัดระหว่างรูป และนาม เกิดวิปัสสนาญาณ  ประจักษ์แจ้งเห็นทุกข์ในไตรลักษณะ  ประจักษ์ชัดแจ้งถึงความเป็นอนัตตาของสรรพสิ่ง  จึงถึงซึ่งปฏิเวธ แทงตลอด  ละความเห็นผิดในสักกายทิฏฐิได้  ได้ดวงตาเห็นธรรมเป็นพระโสดาบันในที่สุด

จากนั้น  เมื่อเป็นพระโสดาบัน  ก็ละความเห็นผิดว่าเป็นตัวตน  ละสักกายทิฏฐิได้แล้ว  การปฏิบัติต่อเพื่อให้ถึงซึ่งการดับกิเลสทั้งปวงได้เป็นสมุจเฉท  จึงเป็นไปโดยชอบในมรรคมีองค์ 8 ประกอบด้วยสัมมาวายามะ  (ความเพียรชอบ)  สัมมาสังกัปปะ  (ความดำริชอบ)  สัมมาสติ  สัมมาสมาธิ  เป็นต้น   จึงต่างจากปุถุชนที่ยังคงละความเห็นผิดในตัวตนของตนไม่ได้  ลงมือปฏิบัติด้วยตัวตนของตน   มีแต่เราจะนั่ง   เราจะทำ  เราจะเดิน  เราจะยืน  หายใจเข้าก็เป็นเราที่หายใจ หายใจออกก็ยังคงเป็นเราที่หายใจออก   หายใจเบาไปไม่กระทบจมูก   ก็ต้องเร่งลมหายใจให้แรงขึ้นเพื่อจะได้รู้สัมผัสถึงลมที่กระทบปลายจมูก  มีแต่เราๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  ที่ปฏิบัติ  ที่ลงมือทำ แล้วเมื่อไหร่จะมีดวงตาเห็นธรรม  บรรลุเป็นพระโสดาบันได้อย่างแท้จริง  เท่าที่เห็นในปัจจุบัน  มีแต่พวกโสดาบันปลอมที่ยังมีแต่ตัวเราของเราเต็มเปี่ยมไปหมด  ที่ยังคงลูบคลำยึดถือในข้อประพฤติผิดๆ ยังคงละสีลัพพตปรามาสไม่ได้  ยังคงนุ่งขาวห่มขาวราวกับว่าชุดขาวจะทำให้จิตใจบริสุทธิ์ได้ ซึ่งเป็นสีลัพพตปรามาส  เป็นการลูบคลำข้อประพฤติผิดๆ อยู่  แต่อ้างว่าตนได้บรรลุเป็นโสดาบันแล้ว



235 ผู้ที่ติดตามฟังคลิป อ. สุจินต์ พูดอธิบายหลักการบรรลุธรรมเขานี่แล้ว  อาจพอแลเห็นการคิดการทำใจการฟัง หรือ จะเรียกอะไรสุดแล้วแต่ได้  แล้วก็จะเป็นโสดาบัน

- คาถาธรรมบทที่อุปติสสะฟัง มีสาระยังไง  ผู้ฟังๆแล้วตีความกันเอา หากยังมองไม่ออกว่า แปลว่ายังไง   ก็เสิร์ชหาคำแปลดู 

  ถ้าฟังแล้วยังไม่เข้าใจเช่นอุปติสสะ  ก็ฟังต่อไปจนกว่าจะเกิดสุตมยปัญญา  แต่ก็ต้องอาศัยบารมีที่สะสมการฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ ในอดีตชาติอย่างนับชาติไม่ถ้วนด้วย  เหมือนต่อจิ๊กซอว์ ว่าซั่น


235 ใครที่ฟังคลิป อ.สุจินต์แล้วยังงงงง ว่าท่านพูดอะไร  พูดเรื่องอะไร  พอจับทางได้ล่ะ    11   

 
เทียบ 450 เย ธมฺมา ฯลฯ 
 

 



Create Date : 15 พฤษภาคม 2567
Last Update : 12 กรกฎาคม 2567 15:58:56 น.
Counter : 87 Pageviews.

0 comments
(โหวต blog นี้) 
:: จบตรงจุดที่เริ่มต้น :: กะว่าก๋า
(17 ก.ค. 2567 04:45:52 น.)
สร้างคน ปั้นคน ทำให้ตรงกันข้าม ไม่สุขไม่ทุกข์ ไม่ดีไม่ชั่ว การบันทึก ปัญญา Dh
(17 ก.ค. 2567 14:23:27 น.)
: ธรรมTrip 2 รวมมิตรรวมใจ : กะว่าก๋า
(11 ก.ค. 2567 05:47:59 น.)
เติมความถูกความดี ปัญญา Dh
(10 ก.ค. 2567 02:48:40 น.)
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Samathijit.BlogGang.com

สมาชิกหมายเลข 6393385
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]

บทความทั้งหมด