ตัวอย่างนี้ มีที่สังเกต ๒ ตอน
>... หมอไม่พอใจ บอกว่าทำให้หมอขายหน้า การทำขนมไปขายเป็นการไม่เหมาะไม่สมควร ฉันเลยต้องเลิกทำ
ฉันเลยได้แต่ปลูกต้นไม้เล่นไปวันๆ ความเงียบสงบทำให้ฉันทำสมาธิได้สำเร็จ ซึ่งเมื่ออยู่เมืองไทย พยายามทำแล้วไม่สำเร็จ เมื่อตอนเป็นวัยรุ่น
ผู้ใหญ่ให้เราไปเรียนวิปัสสนา โดยมีแม่ชีมาสอน นั่งเรียงแถวจ้องเทียน ยุบหนอพองหนอ กำหนดลมหายใจ พอตกกลางคืนฉันร้องกรี๊ดเอะอะโวยวายขึ้นมาขณะนอนหลับ ฉันรู้สึกเหมือนมีเสียงฟ้าผ่าลงบนหัว เสียงเหมือนระเบิดดังเปรี๊ยะ พร้อมกับเหมือนมีแสงสว่างแวบเข้ามาอย่างน่ากลัว ฉันผวาลุกขึ้น ตัวสั่นเหงื่อแตกด้วยความกลัว ตั้งแต่นั้นมา ฉันไม่ยอมไป
นั่งวิปัสนาอีกเลยคงเป็นเพราะฉันยังเป็นคนมีบาป ไม่มีบารมีพอที่จะรับบุญนี้ จึงบันดาลให้เกิดอาการประหลาดนี้ขึ้น แต่พอมาอยู่อเมริกาคนเดียวในที่สงบ ก็ทำให้เกิดแรงบันดาลใจที่อยากจะทำสมาธิ
ฉันเริ่มจากการเพ่งจุดที่เพดาน (เทียบกสิณ) ขณะที่นอน จุดอะไรก็ได้ ให้จิตร่วมเป็นจุดเดียว ขณะที่นั่งก็จะหาจุดอะไรก็ได้ที่อยู่ตรงหน้า จนรู้สึกว่าจิตเกือบจะรวมได้แล้ว ก็ทำต่อไปเรื่อยๆ จนวันหนึ่งมีญาติมาจากเมืองไทย ฉันพาเขาไปซื้อของที่ห้าง ฉันขี้เกียจเดินขอนั่งรอในรถ ขณะที่รอ ฉันก็ใช้เวลาที่รอเพ่งจุดขี้ผึ้ง นานเป็นชั่วโมง ฉันรู้สึกเหมือนตัวจะลอยได้ มันเบาหวิว ไม่ได้ยิน ไม่ได้เห็นอะไรเลย มันว่างเปล่า ฉันจึงรู้ว่าฉันทำได้แล้ว มันเป็น ความสบายโล่งอย่างบอกไม่ถูก บุญกุศลคงจะสนองฉัน ฉันดีใจมากที่ทำสำเร็จ ตั้งแต่นั้นมา ฉันอยากจะทำสมาธิเมื่อไหร่ก็ทำได้ แม้เพียงนั่งอยู่แค่ไม่กี่นาทีก็ทำได้
ทุกครั้งที่ฉันเหนื่อย เครียด ฉันก็จะหยุดจิตนั่งสมาธิแค่ ๑๕ นาทีก็หายเหนื่อย ใครจะนำวิธีของฉันไปใช้บ้างก็ได้ จะได้เป็นกุศลมาถึงฉันด้วย คุณไม่ต้องเสียเวลาไปฝึกที่วัด แค่เพียง ทำจิตให้นิ่งได้ สักวันหนึ่งคุณก็จะพบความสุขที่แท้จริง
https://www.facebook.com/groups/734710249885642/posts/1373452956011365/- ตอนแรกกำหนดรู้ตามสภาวะของมัน เป็นยังไงรู้สึกยังไง กำหนดยังงั้นตามที่มันเป็น = วิถีแห่งปัญญา = วิปัสสนา > (สมาธิก็เกิดด้วย)
- ตอนสองวิถีแห่งสมถะ = สมาธิล้วนๆ ว่าซ้ำไปซ้ำมาจะพูด บริกรรมซ้ำไปซ้ำมาก็ได้ พุทโธๆๆๆๆ ซ้ำไปซ้ำมา, พองยุบๆๆๆๆๆๆๆ ซ้ำไปซ้ำมา
ข้อสังเกตปลีกย่อยอื่นๆ เช่น
ในสมถะ สติกำหนด
อารมณ์ที่นิ่งอยู่กับที่หรือ
เคลื่อนไหวเป็นรูปแบบเฉพาะซ้ำไปซ้ำมาภายในขอบเขตจำกัด ส่วน
ในวิปัสสนา สติกำหนด
อารมณ์ที่กำลังเคลื่อนไหว หรือเป็นไปใน
สภาพใดๆก็ได้ ไม่จำกัดขอบเขต ในสมถะ นิยมให้เลือก
กำหนดอารมณ์บางอย่าง ในบรรดาอารมณ์ที่สรรแล้ว ซึ่งจะเป็นอุบายช่วยให้จิตใจสงบแน่วแน่ได้ง่าย ส่วน
ในวิปัสสนา ใช้อารมณ์ได้ทุกอย่างไม่จำกัด สุดแต่อะไรปรากฏขึ้นให้พิจารณาและอะไรก็ตามที่จะให้เห็นความจริง (สรุปลงได้ทั้งหมดใน ร่างกาย เวทนา จิต ธรรม หรือในนามและรูป)
ทั้งหมด
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=samathijit&month=29-10-2023&group=82&gblog=89 สมถะ = สมาธิ วิปัสสนา = ปัญญา (วิปัสสนา เป็นชื่อหนึ่งของปัญญา)
- พอมองออกไหม