![235 235](https://www.bloggang.com/toy/icon/icon235.gif)
ให้ดูหลายๆวิธี ให้ดูที่ไม่ใช้คำภาวนาใดๆ ดูลมหายใจเข้า - ออก กับ ดูเวทนาทางกายที่เกิด แล้วทำใจอุเบกขา
เขาเป็นยังไง
- > ดิฉันฝึกหัดนั่งสมาธิวิปัสสนาแนวทางท่านอาจารย์โกเอ็นก้า คือ
นั่งดูลมหายใจเข้าออกเฉยๆ ไม่บริกรรมและให้ดูเวทนาที่เกิดในร่างกายแล้วให้มีอุเบกขา คอร์สแรกที่ดิฉันไปศึกษาเรียนรู้เป็นเวลา 10 วัน และหลังจากนั้นดิฉันก็กลับมาปฎิบัติที่บ้าน สม่ำเสมอ วันละหลายครั้ง
บางทีก็หลายชั่วโมงติดต่อกัน ล่วงเข้ามาประมาณเดือนที่ 3 ดิฉันมีอาการ ร้อนที่ร่างกายทุกส่วน และเกิดอาการปวดศีรษะเหมือนมีเข็มเป็น ร้อยๆเล่มอยู่ในหัว บางที แข็ง ตึง มึน ทึบอยู่ในหัว จนยากที่จะอธิบาย จนขนาดต้องไปเอกซ์เรย์แต่ไม่มีอะไรผิดปรกติ อาการมันลงมาที่มือข้างซ้าย และกรามบน ขมับ 2 ข้าง เหมือน
มีกระแสไฟฟ้าวิ่งอยู่ตลอดเวลาเป็นที่ทรมานมาก
ระยะหลังมาดิฉันก็เลยนั่งบ้างไม่นั่งบ้าง เพราะปวดหัวเหลือเกิน บางอาการไม่สามารถบอกมาเป็นตัวอักษรได้ว่ารู้สึกอย่างไร อาการเป็นตลอด เวลา 2 - 4 ชั่วโมง
ทั้งหลับทั้งตื่น ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ไปหาหมอฝังเข็ม ฝังมา 9 ครั้ง ไม่มีทีท่าว่าจะทุเลา อาการยังมี ตลอด ดิฉันก็ได้แต่อุเบกขา ทำใจไป คิดไปต่างๆนานา เวลานั่งก็ขออุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง
ตอนนี้นับระยะเวลาเป็นมากว่า 2 ปี ได้แต่หวังว่าผู้รู้ทั้งหลายคงช่วยอนุเคราะห์คนมีกรรมคนนี้ด้วย ขอได้โปรดเมตตาช่วยด้วยนะคะ
ดูแล้วสงสาร
ตัวอย่าง ไม่ใช้คำภาวนาใดๆ อย่างที่บอก คำบริกรรมภาวนา ไม่ใช่สาระ ใช้ก็ได้ ไม่ใช้ก็ได้ ที่สำคัญพอจิตสงบๆหน่อยสภาวธรรมนั่นนี่โน่นปรากฎ ไม่รู้จะเอายังไงดี ติดตัน ไปต่อก็ไม่ได้ จะถอยก็ยาก
เจ้าสำนักใดๆ จะรู้แค่ว่า ไปนะไปทำยังงี้ๆนะ พุทโธๆนะ ลมหายใจสั้นก็รู้ ลมหายใจยาวก็รู้นะ ยังยังไม่พอ ไปเจอะคนทำจริงๆภาวนาตามนั้นจริงๆเข้าแล้วสภาวะปรากฎ เจ้าสำนักเองแก้อารมณ์กรรมฐานให้เขาไม่ได้ เสียเลย เจ้าสำนักเสียหาย คนทำเสียคน
อีกรายหนึ่ง ![450 450](https://www.bloggang.com/toy/icon/icon450.gif)
- > ดิฉันเคยไปฝึกปฏิบัติธรรมในสายโคเอ็นก้าที่ พิษณุโลก หลักสูตร 10 วันเต็ม การพิจารณาวิปัสสนา ตามหลักสูตร เป็นไปตามขั้นตอนทุกอย่าง และรู้สึกเหมือนกับว่าการพิจารณาจะเป็นไปตามที่ครุอาจารย์แนะนำในหลักสูตร เมื่อปี 53 ที่ผ่านมา ผ่านมาหลายปีแล้ว กลับมาแรกๆก้อปฏิบัติ
วันละอย่างน้อย 1 ชั่วโมงตลอด
ช่วงหลังห่างไม่ได้ปฏิบัติอีก มีเรื่องราวมากมายเข้ามาในชีวิตเป็นไปตามเหตุและปัจจัย
แต่ดิฉันยังรู้สึกว่า
เสียงที่รู้สึกได้ในจิตยังส่งเสียงอยู่ตลอดเวลา คล้ายๆกับ
คนสวดมนต์หรือ
ดนตรีอะไรแว่วๆอยู่ในจิตตลอดเวลา
เหมือนสัญญาณเตือนว่าให้กลับไปเส้นทางนี้ ไม่ทราบว่าเป็นการอุปาทานเองไปมั๊ย เคย
ปรึกษาพี่ที่เป็นเสมือนญาติธรรมกัน
ท่านว่าเป็นสัญญาณความทรงจำเก่าจากอดีตชาติอย่าไปยึดติด แต่
ทุกครั้งที่จิตว่างๆจากการงานธุระ หรือไม่มีเรื่องให้คิด เสียงนี้จะผุดขึ้นมาตลอดเวลา ขอความอนุเคราะห์ผู้รู้ทั้งหลายในลานธรรมช่วยชี้แนะด้วยค่ะ.
![235 235](https://www.bloggang.com/toy/icon/icon235.gif)
ข้อความที่ขีดเส้นใต้ "ทุกครั้งที่จิตว่างๆจากการงานธุระ หรือไม่มีเรื่องให้คิด เสียงนี้จะผุดขึ้นมาตลอดเวลา"
อารมฺมณํ จินฺเตตีติ จิตฺตํ ธรรมชาติใด ย่อมคิดซึ่งอารมณ์ เหตุนั้น ธรรมชาตินั้น ชื่อว่า
จิต. หมายความว่า หน้าที่ของจิตคือ
คิดนั่นคิดนี่ บลาๆ คิดอารมณ์นี้อารมณ์นั้น ในเมื่อไม่มีอารมณ์ใหม่ คืออารมณ์เฉพาะหน้าให้มันคิด มันก็คิดอารมณ์เด่นๆแรงๆที่อยู่ในใจ
(ธรรมารมณ์) ดังว่านั่นแล
วิธีแก้ ก็เอาความคิดนั่นเป็นอาหารของสติ
(จิตตานุปัสสนา) กำหนดรู้ คิดหนอๆๆๆ (ตัดตอนตัดวงจรความคิด) ๓-๔ ครั้งปล่อย ไม่จมแช่อยู่กับอารมณ์นั้นแล้วไปกำหนดกรรมฐาน คือ ลมเข้า-ออก, พอง-ยุบไปใหม่
![235 235](https://www.bloggang.com/toy/icon/icon235.gif)
ฝึกมาจากสำนักนั้นอีกรายหนึ่ง
![450 450](https://www.bloggang.com/toy/icon/icon450.gif)
เล่าละเอียดจนเห็นจุดสลบ
https://pantip.com/topic/41864658อีกราย
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=samathijit&month=10-02-2023&group=5&gblog=60