เห็นสัจธรรมแล้วทุกข์จะคลายโดยอัตโนมัติ
   


    วิธีคลายปมปัญหา ก็คือ ปฏิบัติให้ถึงให้เห็นชีวิต กล่าวคือ รูปนามนี้ตามที่มันเป็น  เมื่อเห็นแจ้งชัดแจ้งทุกข์มันคลายเอง   ความไม่ยึดติดถือมั่นจะคลายโดยอัตโนมัติ  เหมือนคนจับของร้อนมันผละออกเอง

     ความไม่ยึดมั่นถือมั่นที่แท้ต้องเกิดจากปัญญามองเห็นความจริงที่เป็นสัจธรรม และความไม่ยึดมั่นถือมั่นนั้นจะเป็นไปเองโดยอัตโนมัติ

แยกออกจากหัวข้อใหญ่ 450

https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=samathijit&month=15-05-2021&group=6&gblog=17


 วิปัสสนาญาณวางแบให้ดู

 วิปัสสนาญาณ 9 ได้แก่

     1. อุทยัพพยานุปัสสนา   หรือเรียกสั้นๆว่า  อุทยัพพยญาณ    ญาณอันตามเห็นความเกิด-ดับ  คือ   พิจารณาความเกิดขึ้น และความดับไปแห่งเบญจขันธ์ จนเห็นปัจจุบันธรรมที่กำลังเกิดขึ้น และดับสลายไปๆ ชัดเจน เข้าใจภาวะที่เป็นของไม่เที่ยง ทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ ไม่อยู่ในบังคับบัญชาตามความอยากของใคร หยั่งทราบว่า สิ่งทั้งหลายเกิดขึ้น ครั้นแล้ว ก็ต้องดับไป ล้วนเกิดขึ้นแล้วก็ดับไปทั้งหมด  เมื่อเกิดการรับรู้ หรือเคลื่อนไหวใดๆ ในแต่ละขณะ ก็มองเห็นนามธรรม รูปธรรม และตัวรู้ หรือ ผู้รู้ที่เกิดขึ้น  แล้วทั้งรูปธรรม นามธรรม และตัวรู้นั้น  ก็ดับไปพร้อมกันทั้งหมด เป็นความรู้เห็นชัดแก่กล้า (พลววิปัสสนา) ทำให้ละนิจจสัญญา สุขสัญญา และอัตตสัญญาได้
 
      2. ภังคานุปัสสนาญาณ  เรียกสั้นๆ ว่า ภังคญาณ  ญาณอันตามเห็นความสลาย คือ เมื่อเห็นความเกิด-ดับเช่นนั้น ชัดเจนถี่เข้าๆ   ก็จะคำนึงเห็นเด่นชัด ในส่วนความดับที่เป็นจุดจบสิ้น มองเห็นแต่อาการที่สิ่งทั้งหลาย ดับไปๆ เห็นว่าสิ่งทั้งหลายทั้งปวง  ล้วนจะต้องดับสลายไปทั้งหมด
 
     3. ภยตูปัฏฐานญาณ เรียกสั้นว่า ภยญาณ  ญาณอันมองเห็นสังขารปรากฏเป็นของน่ากลัว คือ เมื่อพิจารณาเห็นแต่ความแตกสลาย  อันมีแก่สิ่งทั้งปวงหมดทุกอย่างเช่นนั้นแล้ว สังขารทั้งปวงไม่ว่าจะเป็นไปในภพใดคติใด  ก็ปรากฏเป็นของน่ากลัว เพราะล้วนแต่จะต้องแตกสลายไป ไม่ปลอดภัยทั้งสิ้น

     4. อาทีนวานุปัสสนาญาณ เรียกสั้นว่า อาทีนวญาณ ญาณอันคำนึงเห็นโทษ คือ เมื่อพิจารณาเห็นสังขารทั้งปวง ล้วนต้องแตกสลายไป เป็นของน่ากลัว ไม่ปลอดภัยทั้งสิ้นแล้ว ย่อมคำนึงเห็นสังขารทั้งปวงนั้นว่าเป็นโทษ เป็นสิ่งที่มีความบกพร่อง จะต้องระคนอยู่ด้วยทุกข์
 
     5. นิพพิทานุปัสสนาญาณ เรียกสั้นว่า นิพพิทาญาณ ญาณอันคำนึงเห็นความหน่าย คือ เมื่อพิจารณาเห็นสังขารว่าเป็นโทษเช่นนั้นแล้ว ย่อมเกิดความหน่าย ไม่เพลิดเพลินติดใจ
 
     6. มุญจิตุกัมยตาญาณ ญาณหยั่งรู้ที่ทำให้ต้องการจะพ้นไปเสีย คือ เมื่อหน่ายสังขารทั้งหลายแล้ว ย่อมปรารถนาที่จะพ้นไปเสียจากสังขารเหล่านั้น
 
     7. ปฏิสังขานุปัสสนาญาณ หรือ ปฏิสังขาญาณ  ญาณอันพิจารณาทบทวนเพื่อให้เห็นทาง คือ เมื่อต้องการจะพ้นไปเสีย  จึงกลับหันไปยกเอาสังขารทั้งหลาย ขึ้นมาพิจารณากำหนดด้วยไตรลักษณ์ เพื่อมองหาอุบายที่จะปลดเปลื้องออกไป
 
     8. สังขารุเปกขาญาณ  ญาณอันเป็นไปโดยความเป็นกลางต่อสังขาร คือ เมื่อพิจารณาสังขารทั้งหลายต่อไป  ย่อมเกิดความรู้เห็นสภาวะของสังขารตามเป็นจริงว่า มันก็เป็นอยู่เป็นไปของมันอย่างนั้นเป็นธรรมดา หรือ เป็นธรรมดาของมันอย่างนั้นเอง จึงวางใจเป็นกลางทำเฉยได้ ไม่ยินดียินร้าย ไม่ขัดใจติดใจในสังขารทั้งหลาย  แต่นั้น  ก็มองเห็นนิพพานเป็นสันติบท ญาณจึงโน้มน้อมที่จะมุ่งแล่นไปยังนิพพาน  เลิกละความเกี่ยวเกาะกับสังขารทั้งหลาย  ญาณข้อนี้ จัดเป็นสิขาปปัตตวิปัสสนา คือ วิปัสสนาที่ถึงจุดสุดยอด และเป็นวุฏฐานคามินีวิปัสสนา คือ วิปัสสนาที่เชื่อมถึงมรรค อันเป็นที่ออกจากสิ่งที่ยึด หรือออกจากสังขาร

     9. สัจจานุโลมิกญาณ หรือ อนุโลมญาณ  ญาณอันเป็นไปโดยอนุโลมแก่การหยั่งรู้อริยสัจ คือ   เมื่อวางใจเป็นกลางต่อสังขารทั้งหลาย   ไม่พะวง และญาณก็โน้มน้อมแล่นมุ่งตรงสู่นิพพานแล้ว ญาณอันคล้อยต่อการตรัสรู้อริยสัจ ย่อมเกิดขึ้นในลำดับถัดไป เป็นขั้นสุดท้ายของวิปัสสนาญาณ


     ทั้งหมดนั้นเกิดจากสัมมาปฏิปทา   451 เราจะเอานั่นเอานี่ละนั่นละนี่เองบ่ได้    2   คิดได้  แต่มันไม่ใช่ของจริง   ไม่ใช่วิปัสสนาญาณแท้  อ้าวแล้วเป็นอะไร ?  เป็นวิปัสสนึกวิปัสสคิดเอา  ของปลอม   เพราะยังต้องกด   ต้องยกมันอยู่  จิตก็ไม่เป็นอิสระ 
 



Create Date : 16 สิงหาคม 2564
Last Update : 1 ธันวาคม 2566 19:35:16 น.
Counter : 848 Pageviews.

0 comments
: รูปแบบของชีวิต : กะว่าก๋า
(17 เม.ย. 2567 04:37:20 น.)
: รูปแบบของการค้นพบตนเอง : กะว่าก๋า
(16 เม.ย. 2567 06:05:58 น.)
: หยดน้ำในมหาสมุทร 36 : กะว่าก๋า
(14 เม.ย. 2567 06:17:30 น.)
สักกายทิฐิ **mp5**
(8 เม.ย. 2567 11:07:04 น.)
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Samathijit.BlogGang.com

สมาชิกหมายเลข 6393385
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]

บทความทั้งหมด