❤++++++❤ สองดวงจันทร์ แรงบันดาลใจของความสุขของกะทิ? ❤++++++❤
สองดวงจันทร์ เขียนโดย Sharon Creech ราคาปก 180 บาท สำนักพิมพ์ มติชน
เอ่อ..ขึ้นหัวข้อเยี่ยงนี้ จะโดนสหบาทามั้ยหละนี่
อย่างที่หลายๆ ท่านที่เคยอ่านบล็อกนี้คงจะทราบว่า สาวไกด์ฯ เคยได้รีวิวความสุขของกะทิมาแล้ว ด้วยความชื่นชมและชื่นชอบอย่างยิ่ง ตั้งแต่ก่อนที่หนังสือเล่มดังกล่าวนี้จะได้รับรางวัลซีไรท์ ที่บล็อกนี้
และแล้วเมื่อมีการไปช็อปปิ้งหนังสือมาเพิ่มเติมก็เลยมีเหตุให้ตัวเองต้องรีบสะสางหนังสือที่ซื้อมาตั้งแต่เมื่อเมษายนเสียโดยเร็ว แล้วก็หยิบสองดวงจันทร์ (Walk two moons) มาอ่าน (หนังสือเล่มนี้มีเพื่อนบล็อกมาแนะนำไว้ในกรุ๊ปบล็อก กรุณาหย่อนตั๋วหนังหรือเสียบที่คั่นหนังสือ ค่ะ)
ขอสารภาพว่า ประมาณ 10 บทแรก เราอ่านด้วยความรู้สึกสงสัยมากว่า ทำไมเล่มนี้คนชอบกันเยอะจังง่ะ ไม่เห็นมีอะไรเลย แต่พออ่านต่อไปหลังจากนั้นเท่านั้นแหละค่ะติดหนึบ จนอ่านรวดเดียวจบภายในเวลาอันรวดเร็วค่ะ
แต่ขณะที่อ่านไปก็ทำให้ตัวเองยิ่งคิดถึงหนังสือเรื่อง ความสุขของกะทิ จริงๆ ค่ะ อาจเป็นเพราะเป็นเรื่องของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งกับแม่ที่จากไปเหมือนกันก็ได้
อีกทั้งเด็กผู้หญิงในเรื่องนี้ก็กำลังเดินทางไปกับปู่และย่า ขณะที่กะทิเองก็อยู่กับตาและยาย รวมถึงการดำเนินเรื่องเรียบๆ แต่มีอะไรกระทบใจ การสร้างความสะเทือนใจแบบซึมลึกแต่ไม่ฟูมฟาย ซึ่งทั้งสองเรื่องต่างก็มีเหมือนกัน ทำให้เรารู้สึกว่า สองเรื่องนี้คล้ายคลึงกันมากเหลือเกิน
เพียงแต่กรณีของ แม่ ของกะทิ กับในสองดวงจันทร์นั้น มีวิถีที่ต่างไป และทั้งสองเรื่องต่างก็มีปริบทที่ผิดแผกกัน รายละเอียดและความงดงามบางประการก็แตกต่าง จึงทำให้ไม่ได้เหมือนกันมากมายขนาดนั้น
นั่นเป็นข้อสังเกตประการหนึ่งน่ะนะคะ
ว่าแล้วก็มาเข้าเรื่องสองดวงจันทร์ดีกว่า
เรื่องย่อ
สองดวงจันทร์ เป็นเรื่องราวที่เล่าโดยผ่านมุมมองและความคิดของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อ ซาล (ซาลาแมนคา) บอกเล่าถึงตัวเธอ พ่อ และแม่ผู้ที่เด็กหญิงไม่อยากยอมรับว่า แม่จะไม่กลับมาหาเธออีกแล้ว แต่ขณะเดียวกัน การที่พ่อเลือกที่จะย้ายบ้านหนีภาพความทรงจำของแม่ที่มีต่อพ่อนั้น ก็ทำให้ซาลได้พบกับปัญหาที่เป็นเสมือนกระจกสะท้อนอะไรบางอย่างให้เธอได้คิดและเข้าใจในสิ่งที่ตัวเองไม่เข้าใจมาโดยตลอด
รวมทั้งการเดินทางไปกับปู่และย่า การได้เล่าเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นให้ปู่กับย่าฟัง การเห็นความรักที่มีต่อกันระหว่างคนทั้งคู่ (เราชอบคู่นี้มากๆ เลยค่ะ) ก็ทำให้ซาลได้เติบโตขึ้นด้วยเช่นกัน
เป็นหนังสือที่เป็นเสมือนหนังสือ Coming of Age ที่ดีค่ะ ทำให้คนอ่านอาจจะสะดุดใจที่จะคิดถึง ใจเขาใจเรา มากขึ้น เหมือนที่ประโยคหนึ่งที่เด่นมากๆ ของหนังสือเล่มนี้ นั่นก็คือ อย่าตัดสินใคร หากยังไม่ได้ใส่รองเท้ามอคคาซินของเขาเดินสองดวงจันทร์ (ซึ่งก็ประมาณว่า อย่าตัดสินใครหากเราไม่ได้อยู่สถานการณ์เดียวกับเขาน่ะแหละ เหมือนๆ ที่แกนดัลฟ์พูดว่า หากยังไม่เคยผ่านรัตติกาล อย่าพึงปฏิญาณว่าจะเดินในความมืด หุๆ)
รวมทั้งแง่คิดดีๆ อย่าง กว่าจะรู้คุณบ่อก็ต่อเมื่อน้ำแห้ง (ประมาณนี้หรือเปล่าเนี่ย) รวมทั้งเรื่องราวอื่นๆ ก็ชวนขบคิดไม่น้อยกว่ากัน
ชอบเรื่องราวรักระหว่างตัวเอกกับเบ็นด้วยค่ะ เป็นความรักใสๆ ของวัยนี้และน่าเอ็นดูจริงๆ เลย (เอาน่ะ..แม้ว่าการจุ๊บจะทำให้เรารู้สึกว่าแก่แดดกว่าเด็กไทยก็ตามที แต่ในสังคมเค้าก็เข้าใจได้อยู่อะน้า)
สรุปแล้วเป็นหนังสือที่อ่านสนุก (นับตั้งแต่เริ่มมีบุคคลลึกลับเข้ามาในเรื่อง) แม้ว่าช่วงแรกจะอืดเอื่อยไปบ้างก็ตามที และให้ข้อคิดดีๆ ที่ได้จากการอ่านด้วยค่ะ
เป็นหนังสืออีกเล่มที่ทำเอาเราน้ำตาซึม โดยที่ไม่ได้รู้สึกว่าถูกหนังสือเค้นบีบคอให้ร้องไห้แต่อย่างใด
เชียร์ให้อ่านค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับท่านที่ชอบวรรณกรรมเยาวชน
ว่าแต่...ถ้าเอาเข้า LIF จะมีใครยืมมั้ยคะ? (โยนหินถามทางอีกแย้ว )
ขอบคุณที่แวะมาอ่านกันนะคะ
Create Date : 27 ตุลาคม 2549 |
|
105 comments |
Last Update : 27 ตุลาคม 2549 11:30:42 น. |
Counter : 3774 Pageviews. |
|
|
|