ร้องไห้มากร้องไห้มายยย
นิยายเรื่องนี้เราเลือกมาอ่าน เพราะเหมือนไปผ่านตาที่ไหนสักแห่งว่าคนชอบนิยายเรื่องนี้กันเยอะมากๆ เลยลองสั่งซื้อมาอ่านดูค่ะ
เป็นนิยายรักที่มีความละเมียดมาก แต่ก็เศร้ามากด้วยเช่นกันค่ะ
คนอ่านเขียนได้อ่านได้อย่างไหลรื่นมาก สำนวนละเมียด มีความละเอียดอ่อนทางความรู้สึกของความรักอยู่เป็นระยะ เวลาอ่านนิยายเรื่องนี้เหมือนได้อยู่ริมแม่น้ำที่มีแม่น้ำไหลเอื่อย ให้ความเย็นชื่นใจน่ะค่ะ แต่ไปๆ มาๆ จู่ๆ ก็มีคลื่นน้ำมาซัดเราตกลงไปในแม่น้ำของน้ำตาซะงั้น ช็อตแรกก็แล้ว แล้วไปจบแบบนั้นอีก...กะให้จมลงถึงก้นพื้นกันเลยทีเดียว
ซึ่งความละเมียดนั้น นอกจากสำนวนการเขียนแล้ว เราว่าส่วนหนึ่งเพราะเวลาที่เกิดเรื่องราวนั้น...น่าจะเป็นในยุคที่ยังไม่มีสื่ออินเตอร์เนตที่ทำให้อะไรต่อมิอะไรรวดเร็วฉับไวเสียจนความเนิ่นช้าบางอย่างที่เคยสวยงามกลับกลายเป็นความน่าเบื่อหน่ายไปแล้วอย่างในสมัยนี้ เพราะตัวเอกทั้งคู่ ยังคงสื่อสารกันด้วยการเขียนจดหมายเป็นหลัก (ถ้าสมัยนี้ ก็คงเป็นวีดิโอคอลล์กันไปซะมากกว่า) ซึ่งนั่นทำให้คนอ่านได้ซึมซับความรู้สึกนึกคิดของตัวละครได้จากตัวอักษรได้อย่างเต็มที่
นอกจากนั้นการใช้โลเคชั่นต่างประเทศนั้น ไม่ใช่แค่เพราะผู้เขียนต้องการความแปลกใหม่ของสถานที่ แต่ยังมีการแทรกข้อคิด การดำเนินชีวิตในอีกซีกโลกหนึ่งให้คนอ่านได้เรียนรู้และพิจารณา ซึ่งคนเขียนเองก็ยังฉลาดที่จะไม่พูดแต่ข้อดีเท่านั้นด้วย ทำให้คนอ่านได้ข้อมูลทั้งดี-แย่ของการใช้ชีวิตที่นั่นด้วยค่ะ ซึ่งน้อยเรื่องมากนะคะที่จะเขียนในลักษณะนี้
อ่านเรื่องนี้แล้วก็คิดหลายอย่าง ถ้าเราเป็นนีรา และเราเลือกได้...เราจะทำแบบเธอไหม ในครั้งที่สองของชีวิต (ไฮไลท์สปอยล์) กับการที่ต้องจากคนรักคนแรกโดยไม่ทันตั้งตัว และความรักอย่างเต็มเปี่ยมที่ยังมีให้เขา กับการจากคนรักคนที่สอง ทั้งที่รู้ว่าการตัดสินใจนั้น มีโอกาสเสี่ยงที่จะต้องสูญเสียอีกครั้ง และใจต้องเจ็บปวดจากการจากตายกับคนที่ตัวเองรักอีกครั้ง...เป็นเรา...เราจะยอมเจ็บปวดอีกครั้งไหม (หมดสปอยล์)
รวมทั้ง จากเป็นกับจากตาย...อันไหนมันเศร้ากว่ากันนะ
สำหรับเรา เราเคยจากเป็นกับคนรัก จากตายกับป๊า...มันเจ็บปวดต่างกัน แต่อย่างไรสำหรับเราแล้ว จากตายเจ็บปวดน้อยกว่า ถึงใครบางคนจะเคยบอกว่า ที่จริงจากเป็นน่าจะเจ็บน้อยกว่านะ เพราะอย่างไร คนที่เรารักก็ยังอยู่บนโลกนี้ ได้รู้ว่าเขามีชีวิตอยู่ที่ไหนสักแห่ง
แต่...ไม่รู้สิคะ
เราอาจจะรักตัวเองมากไปมั้ง การจากเป็น นั่นคือ เขาจากเราเพราะความรักที่มีให้เรามันหมดแล้ว สำหรับเราแล้ว...มันเจ็บปวดกว่าการจากตาย โดยที่ต่างฝ่ายต่างยังรักกันอยู่นะ เพราะอย่างน้อย...ความรักที่มีระหว่างกันมันยังอยู่น่ะ อืมม์...
นอกจากนั้นเราว่าความมีเสน่ห์อีกอย่างของนิยายเรื่องนี้คือ มีการสอดแทรกความเป็นจริงของชีวิต ข้อคิดที่หากคนอ่านคิดตาม พิจารณาตามแล้ว...ก็น่าจะทำให้ตัวเองเติบโตขึ้นด้วยนะคะ
หรือแม้กระทั่งจุดเปลี่ยนที่ทำให้นางเอกยอมรับ...ก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลที่ทำให้เราไม่คิดไปได้ว่า นางเอกเปลี่ยนใจง่ายเกินไป แต่เรื่องที่อีกฝ่ายทำให้นั้น ไม่แปลกใจหรอกที่จะทำให้นีราใจอ่อน เป็นเราเราก็ใจอ่อนนะ
นอกจากนั้นนิยายเรื่องนี้ โลเคชั่นหลักๆ นอกจากในไทยแล้ว ก็คือที่ประเทศอเมริการค่ะ ทำให้อ่านแล้วอยากไปอเมริกาฝั่งที่เป็นโลเคชั่นในเรื่องเลย อยากไปตามรอย อยากเห็นทุ่งป๊อปปี้ที่บรรยายไว้ในนี้อ้ะว่าจะสวยงามขนาดนั้นไหม (ดูจากหน้าปกเอาค่ะ ตรงกับที่บรรยายในนิยายเลยแหละ)
สรุปแล้วเป็นนิยายอีกเรื่องหนึ่งที่อ่านได้รื่นและลื่น งดงามละเมียด และสะเทือนใจค่ะ เป็นอีกเล่มที่คอนิยายไทยไม่ควรพลาดนะคะ
สำหรับความผิดพลาดการพิสูจน์อักษร เท่าที่เห็นมีจุดเดียวนะคะคือที่หน้า 536 ซึ่งเครื่องหมายคำพูดปิดหายไปค่ะ นอกนั้นไม่มีเลย ซึ่งถือว่าอยู่ในมาตรฐานที่ดีค่ะสำหรับหนังสือที่หนาขนาดนี้ 555
ปิดท้ายด้วยข้อความที่ชอบๆ จากหนังสือเล่มนี้นะคะ
"วันที่พ่อพาแม่หนีนั้น คุณตารู้สึกระแวงอยู่แล้วจึงให้คนไปเฝ้าที่สถานีรถเมล์และสถานีรถไฟ คุณตาเป็นพ่อค้าที่มีอิทธิพลมาก รู้จักตำรวจที่เฝ้าด่านทางหลวง รถยนต์ผ่านก็เรียกตรวจได้ทุกคัน แม่กับพ่อจึงหนีโดยเดินตามทางรถไฟตอนเช้ามืด เราไม่ไปที่สถานีเพราะกลัวคนเห็น แต่หลบออกมาไกลแล้วเดินมุ่งหน้าไปสถานีถัดไป ซึ่งห่างออกไปถึงห้าสิบกิโล เพื่อไปขึ้นรถไฟอีกขบวนหนึ่งซึ่งมาจากจังหวัดอื่น เดินตั้งแต่เช้าจนมืดเลยนะลูก เดินนับไม้หมอนทางรถไฟ วันนั้นแม่รู้ว่าชีวิตของแม่ แม่ให้กับคนคนนี้คนเดียว เราเสียสละทุกสิ่งเพื่อคนที่เรารักและมั่นใจว่าเขาก็รักเราเท่าเทียมกัน "แม่รู้จักพ่อของนีไม่ถึงปี แล้วแม่ก็มอบชีวิตที่เหลือให้กับเขา แต่ลูกเห็นไหม ไม่มีอะไรที่แน่นอนเลย สิ่งที่ดีที่สุดที่พ่อของนีให้กับแม่ก็คือลูกทั้งสี่คนของแม่ ส่วนความรักความผูกพันที่แม่มีกับเขานั้นมันตายไปนานแล้ว ตายไปตั้งแต่วันที่แม่รู้ว่าเขามีผู้หญิงอื่น เหมือนกับเขาได้ฆ่าแม่ด้วยความไม่ซื่อสัตย์ของเขา แล้วก็ฆ่าแม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า "นีจำไว้นะลูก ว่าเมื่อลูกรักใคร ลูกต้องใช้เวลาดูเขาให้รู้จักเขาจริงๆ ทั้งด้านดีและด้านไม่ดีของเขา คนเรารักใครมักจะมองเห็นแต่สิ่งดีงาม เราจะพยายามไม่คิดถึงข้อบกพร่องจนลืมส่วนที่ไม่ดีของเขา ให้เวลากับความรักนะลูก โอกาสที่จะอยู่กับเขาอย่างมีความสุขจนตายจากกันมันจะมากกว่ารีบร้อนหาความสุขจากความรักที่เราไม่น่ใจแล้วก็ต้องเสียใจไปตลอดชีวิตเหมือนกันแม่"
ส่วนหัวใจของผู้หญิงที่ให้ไตกับอนิต้านั้นถูกส่งไปที่โรงพยาบาลในวอชิงตัน ดี. ซี. เพราะมีผู้ป่วยที่อยู่ในระยะสุดท้ายของโรครอการผ่าตัดอยู่ที่นั่น ผมได้ยินเรื่องราวจากน้านงแล้วเกิดความรู้สึกที่ดีกับครอบครัวของผู้ตาย และความรู้สึกดีๆ กับผู้ที่โชคดีได้มีชีวิตจากการอุทิศของคนที่ไม่เคยรู้จักกันเลย ผมอยากให้เมืองไทยทำแบบนี้บ้าง เพราะการอุทิศอวัยวะผ่านกองทะเบียนขับขี่รถยนต์จะเป็นการอุทิศโดยตรงที่สุด เพราะอุบัติเหตุของบ้านเรานั้นเกิดขึ้นมากโดยการขับรถยนต์... ผู้สูงวัยถอนใจยาว ช่วงเวลาที่ผ่านมาของชีวิตสอนให้นางรู้ว่าไม่มีอะไรที่แน่นอนเลย แต่นางก็รู้เช่นกันว่า ความรักนั้นอยู่ที่จังหวะชีวิตและโชคชะตาของแต่ละคนอีกด้วย นางเห็นใจในความรักของบุตรสาว และปลาบปลื้มความรักที่ผไทมีให้หล่อน หากแต่ว่าอนาคตคือสิ่งที่ไม่แน่นอนที่สุด "ไปเถอะลูก ไปหาเขา จะแต่งหรือไม่แต่งก็เป็นเรื่องที่เขากับนีต้องช่วยกันคิด แม่อยากจะบอกนีว่าคิดให้ไกล แต่แม่ก็จะไม่บอกอย่างนั้น เพราะแม่เองคิดว่า ถ้าเรามีความสุขก็น่าจะตักตวงมันให้เต็มที่ วันข้างหน้าเราไม่เห็น ถ้าเรารอที่จะมีความสุขในวันข้างหน้า แต่ละเลยที่จะเก็บเกี่ยวความสุขวันนี้ วันที่เรามองเห็นความสุข วันที่เรามีชีวิต มีเวลาอยู่กับมัน วันข้างหน้าอาจจะมาไม่ถึง และเราก็จะเสียดายและเสียใจ" "คนเราถ้ารักกันมาก ในความคิดของพี่ ถ้ารักมากเหมือนกับที่พี่รักนีราและนีรารักพี่ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ชีวิตหรือร่างกายจะต้องจากกัน ความรักที่อยู่ในใจของเรา อยู่ในวิญญาณความสำนึกของเรา มันก็จะไม่สูญหาย ความรักของคนสองคนที่เกิดจากความรู้สึกร่วมกัน มันหลอมเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว ไม่มีอะไรแยกได้หรอก สำหรับคนอื่นพี่ไม่รู้ แต่สำหรับพี่ พี่คิดอย่างนั้น" "เราต้องเอาใจช่วยเขาให้เขาแข็งแรง ให้เขามีชีวิตต่อไป ความตายเป็นเรื่องธรรมดานะไมร่า ทุกคนก็ต้องตายทั้งนั้น ไม่ช้าก็เร็ว แต่ถ้าเรากลัวว่าเราจะต้องเสียใจที่เขาตายแล้วเราได้รู้จักเขา แม่ว่าถ้าเราคิดอย่างนั้น เราจะไม่เข้มแข็ง..."
(โคว้ทนี้สปอยล์ค่ะ) "จริงๆ นะพี่โรส แม่เคยบอกนีว่า ไม่มีอะไรหรือใครที่จะอยู่กับเราไปตลอดกาล คนเราถ้ามีความรักและมีคนรัก ไม่ว่าจะได้แต่งงานกันหรือเปล่า คนเราก็จะต้องจากกับคนที่เรารัก ไม่จากเป็นก็จากตาย อย่างผไทกับนีรักกันมาก เขายังจากไปเลย" "แต่ใช่ว่าเขาจะอยากจากนีไปนะ" "สิ่งที่ำให้นีรู้สึกเหมือนหมดกำลังใจที่จะอยู่ต่อไปก็คือ นีไม่มีโอกาสจะใช้ชีวิตกับเขา ได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเขาจริงๆ อย่างที่เราตั้งใจกันไว้ ชีวิตน่ะมันไม่แฟร์พี่โรส" "ไม่มีอะไรแฟร์ในโลกนี้หรอกนีรา อยู่ที่เราเอง ว่าเราจะยอมรับและต่อสู้กับชีวิตได้อย่างไร"
โคว้ทนี้สปอยล์นะคะ "เลวร้ายหรือ สิ่งเลวร้ายที่สุดของคุณก็คงจะเป็นความร่ำรวย" มิสซิสบราวน์หัวเราะ "ถ้านีราเป็นคนดีและรักคุณขึ้นมา ฉันคิดว่าความร่ำรวยของคุณนี่แหละจะเป็นรั้วสูงใหญ่ที่สุดที่จะกั้นคุณทั้งสอง ผู้หญิงที่รักศักดิ์ศรีและต่อสู้ด้วยตัวเองนั้น จะมีความสุขกับการสร้างชีวิตกับผู้ชายที่อยู่ในฐานะเดียวกันซึ่งรักกันจริงๆ มากกว่ารับรักของคนร่ำรวยชนิดที่เธอไม่ต้องทำงานอะไรอีกเลย" ... "ถ้าคุณจะชนะใจผู้หญิง...จำที่ฉันพูดไว้นะพระพาย...คุณจะชนะใจเธอด้วยเงินไม่ได้ แม้ว่าคุณจะมีเงินมากมายจนไม่มีวันที่คุณจะจะหมดสิ้นเงิน ความมั่นคงของความรักที่มีรากฐานจากเงินน่ะมันไม่มั่นคงจริงในหัวใจหรอกนะ บางคนวันที่ตายจากกันยังไม่แน่ใจเลยว่าคู่ครองของตัวรักกันเพราะความรักที่แท้จริงหรือเปล่า"
"พี่ว่าสมองมันมีหัวใจของมันเอง และหัวใจก็มีสมองของตัวเองนะปาล ที่คนเราต้องทนทุกข์ทรมานก็เพราะสองสิ่งนี่มันมีชีวิต และต่อสู้กันเองเพื่อที่จะเป็นผู้ชนะ" ... "แต่ไม่ว่าส่วนไหนจะชนะ ผู้แพ้ที่แท้จริงก็คือเจ้าของร่างที่ไอ้สองส่วนมันสิงสถิตอยู่นี่แหละ ถ้าคนเรามีแต่สมองหรือมีแต่หัวใจ เราคงไม่ต้องเจ็บปวดนะพี่นี" ... "คนที่เขามีความสุขจริงๆ คงจะเป็นคนที่แก้ปัญหาของหัวใจด้วยสมองได้ และแก้ปัญหาสมองด้วยหัวใจได้ และเขาก็เป็นผู้ชนะ"
โคว้ทนี้สปอยล์ค่ะ คุณพระพายเธอบอกว่า ในความสุขและความรื่นรมย์ที่ผ่านมาและผ่านไปในชีวิต เป็นความจริงที่ว่า ความงดงามแห่งความรู้สึกนั้นจะอยู่ในใจของเราเสมอ เธอต้องการให้ความสุขและความรื่นรมย์กับชีวิตของพี่ให้มากที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้ วันเวลาช่างมีค่ามากสำหรับใช้เวลานั้นกับคนที่เรารัก ทั้งผไทและคุณพระพายทำให้พี่ตระหนักว่า ชีวิตนั้นมีความหมายเมื่อเรารู้ค่าของกาลเวลา ไม่มีใครรู้เลยว่า วันพรุ่งนี้คนที่เรารักมากๆ จะยังมีลมหายใจ มีชีวิตอยู่กับเราหรือเปล่าแม้กระทั่งตัวเราเอง เราก็ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร พี่พูดกับคุณพระพายว่า ชีวิตของคนเรานั้นมันสั้นเหลือเกิน เธอค้านพี่ว่า ชีวิตของคนเราทุกคนไม่สั้นจนเกินไป ระยะเวลาของชีวิตนั้นนานพอสำหรับคนที่รู้จักรัก รู้จักให้ แต่ชีวิตคนเรายาวนานมากสำหรับคนที่ไม่รู้จักความรักที่แท้จริง น้อยคนเหลือเกินที่จะมี 'ชีวิต' เต็มเปี่ยมพร้อมที่จะตายในวันสิ้นลม คนส่วนใหญ่ไม่เคยรู้จักค่าของชีวิต และ 'ตาย' แล้วนานเป็นปีๆ เป็นสิบๆ ปีก่อนวันสิ้นลมเสียอีก ปฏิทินธรรม
วันเสาร์ที่ 2 มีนาคม 2562
1. ทำบุญตักบาตร ณ วัดพุทธบูชา (กิจกรรมจัดทุกวันเสาร์แรกของเดือน)
วันอาทิตย์ที่ 3 มีนาคม 2562 (ปกติกิจกรรมจัดทุกวันอาทิตย์แรกของเดือน แต่เดือนมกราคม จะจัดวันปีใหม่) 1.ทำบุญกับพระกรรมฐานสายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ณ มูลนิธิพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ถ.จรัญสนิทวงศ์ซอย 37 เวลา 06.30-10.30 น. ดูรายละเอียดพระที่มารับบาตรและแผนที่ได้ที่ https://www.watpa.com/board_detail.asp?board_id=3447
2. งานไถ่ชีวิตโคกระบือ ทุกวันอาทิตย์แรกของเดือน ณ วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร เขตบางเขน กรุงเทพฯhttps://web.facebook.com/bogboon/photos/a.614964165213890.1073741836.335629013147408/540852169291757/
วันเสาร์ที่ 9 มีนาคม 2562
1. ตักบาตรพระกรรมฐาน
ณ ปราสาทจตุรมุข วัดสังฆทาน นนทบุรี (กิจกรรมทุกวันเสาร์ที่สองของเดือน)
วันอาทิตย์ที่ 10 และ 24 มีนาคม 2562 (กิจกรรมจัดทุกๆ วันอาทิตย์ที่ ๒ และ ๔ ของเดือน) 1. ทำบุญ ฟังธรรม จากครูบาอาจารย์พระป่าสายกัมมฐาน ณ ศาลาลุงชิน แจ้งวัฒนะ 14 กิจกรรมจะเริ่มจากการถวายภัตตาหารร่วมกันเวลา ๘:oo น. สำหรับท่านที่สนใจนำอาหารมาร่วมทำบุญ แนะนำให้มาก่อนเวลาเพื่อจัดเตรียมอาหารใส่ภาชนะ ซึ่งจะเริ่มลำเลียงถาดอาหารเพื่อเตรียมประเคนเวลาประมาณ ๗:๔๕ น. ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.facebook.com/SalaLungChin?fref=ts
วันเสาร์ที่ 16 มีนาคม 2562
1. ตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งพระป่า 9 วัด เสาร์ที่ 3 ของทุกเดือน
ณ บ้านลานเสียงธรรม
เลขที่ 7/44 หมู่4 ซอยนาคนิวาส 40 แขวงเขตลาดพร้าว กทม
วันอาทิตย์ที่ 17 มีนาคม 2562 (จัดทุก อาทิตย์ที่สามของเดือน)
1. ตักบาตร พระกัมมัฏฐาน และ ฟังพระธรรมเทศนา เวลา 7.00 น.
ณ ชมรมกลุ่มพุทธธรรมลานทอง หมู่บ้านลานทอง อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
วันเสาร์ที่ 23 มีนาคม 2562
1. ทำบุญตักบาตร ถวายภัตตาหารโดยพระเถระวัดป่ากรรมฐาน (กิจกรรมทุกเสาร์ที่ 4 ของเดือน)
เมตตารับบาตรโดย
เวลา ๐๗.๐๐-๑๐.๐๐ น. ณ ศาลาปันมี มูลนิธิบ้านอารีย์
วันเสาร์และอาทิตย์ที่ 23-24 มีนาคม 2562 (ทุกเสาร์และอาทิตย์สุดท้ายของเดือน)
1. งานบุญประจำเดือน (ทุกเสาร์และอาทิตย์สุดท้ายของเดือน) ทำบุญบำรุงรักษาสวนแสงธรรม และถวายปัจจัยร่วมสร้างพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์ หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ณ วัดป่าบ้านตาด
ณ สวนแสงธรรม พุทธมณฑล สาย 3 แขวงบางไผ่ เขตบางแค กรุงเทพมหานคร
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาค่ะ1469696+6940918=8410614 / 14004/1803
ประกาศ ท่านใดประสงค์จะโหวต โหวตได้นะคะ แต่เจ้าของบล็อกนี้จะไม่ได้โหวตกลับให้ทุกคนที่โหวตค่ะ จะโหวตเฉพาะบล็อกที่เรา อยากโหวตให้เท่านั้นนะคะ จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและพิจารณาเองว่าจะโหวตให้บล็อกนี้หรือไม่ค่ะ
ปล.มีคนแรก เมื่อกี้ยังไปชิมอาหารอยู่เลย อิอิ