สวัสดีค่ะ
วันนี้จะมารีวิวหนังสือเล่มนี้นะคะ
ไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต
ผู้เขียน - วีรพร นิติประภา
สำนักพิมพ์ - มติชน
จำนวนหน้า - 256 หน้า
ราคาปก - 180 บาท
เรื่องย่อ
เรื่องราวของสองพี่น้องชลิกาและชารียา ที่เกิดมาในครอบครัวที่แม่แตกร้าวจากการทรยศของคนอันเป็นที่รัก ซึ่งยังคงรักหญิงสาวคนอื่นตราบจนสิ้นลมหายใจ ปราณ ชายหนุ่มที่มีชะตากรรมร่อนเร่ ไร้แหล่ง และเติบโตมากับหญิงสาวทั้งสอง กับอีกหลากหลายชีวิต ที่ต่างแหว่งวิ่น เปล่าดาย และมีชะตากรรมในชีวิตที่ต่างกันไป
ความรู้สึกที่ได้อ่าน (พยายามไม่สปอยล์นะคะ)
นานมากแล้วค่ะที่ไม่ได้อ่านหนังสือที่มีสำนวนการประพันธ์แบบนี้ สำนวนที่มีความเฉพาะตัวและมีการสร้างและสรรคำได้แบบ..มีความรู้สึกแทรกฉายอยู่ทุกตัวอักษร
ต่อจากนั้นจึงมาถึงห้วงเวลาของบทเพลงที่เต็มตื้นไปด้วยความรู้สึก อย่างท่วงทำนองระทึกใจไหวหวั่นในซิมโฟนี่หมายเลขสี่ของบราห์มส์ ซึ่งผลักดันชารียาให้หวนกลับไปขุดหาลูกปัดทวารวดีอีกครั้งอย่างบ้าคลั่ง ทั้งที่ไม่พบอะไรในหลุมโพรงอนธการนอกจากไส้เดือนหลงทาง หรือน็อกเทิร์นอ้างว้างหมายเลขต่างๆ ของโชแปง กับบทเพลงโศกเศร้าราวเพลงแห่ศพของหัวใจที่ตายลงระหว่างค้นหารักในมูฟเมนต์ที่สองของซิมโฟนี่หมายเลขเจ็ดของบีโธเฟน ซึ่งเล่นเอาพวกเด็กๆ เซื่องซึมตามกันโดยไม่รู้ว่าทำไม รวมทั้งเพลงรักหัวใจสลายอย่างเปียโนคอนแชร์โตหมายเลขสองของรัชมันนิน็อฟ ซึ่งทำให้เกิดมีรสเฝื่อนหวานเหมือนมะขามอ่อนซ่อนอยู่ในปากตั้งแต่ท่อนแรกไปจนอีกหลายวันต่อมา
การสร้างพื้นตัวละครแต่ละตัว ที่ล้วนแล้วแต่แหว่งวิ่น ที่ผู้เขียนกลับพยายามจะบอกว่า "เราทุกคนล้วนมีความพร่องว่างในตัวเอง" ไม่ว่าจะเกิดมาในครอบครัวที่พลัดพราย แตกกระจาย (อย่างชลิกา ชารียา หรือปราณ) หรือครอบครัวที่เพียบพร้อม ประคบประหงมลูก (อย่างนที) ท้ายที่สุดแล้ว เราต่างก็มีอะไรบางอย่างที่เป็นความกลวงร้างว่างเปล่า และมีโอกาสที่จะทำร้ายใครสักคนบนโลกนี้ได้เสมอ
เราชอบและรักตัวละครหลายตัวในเรื่องนี้มาก ผู้เขียนให้รายละเอียดแต่ละคนได้แบบ...มีเสน่ห์ในแบบของเขา ไม่ว่าจะเป็นอาธนิต ผู้ซึ่งเปิดโลกให้หลานๆ ได้พบกับเพลงคลาสสิค ผู้หลงรักผ้าโบราณในกาลต่อมา และมีชีวิตบั้นปลายในอีกทางหลังได้รู้อดีตชาติของตน ชลิกา ผู้ซึ่งเป็นเสมือนหญิงสาวผู้หยุดเวลาและความเจ็บปวดให้ใครบางคนได้เสมอ หญิงสาวที่ทำขนมได้หวานหอมอย่างไม่มีใครเสมอเหมือนและลุ่มหลงในโลกแห่งนิยายและพระเอกนางเอกนิยายเหล่านั้นชารียา หญิงสาวผู้มีจินตนาการอันเพริดแพร้ว มีความมุ่งมั่น มีฝีมือทำอาหารอย่างเอกอุ ปราณ ชายหนุ่มที่แหว่งวิ่นและมีโพรงว่าง ผู้ที่เฝ้ารอความรักที่เมื่อเดินทางมาถึง ก็กลับไม่สามารถเหนี่ยวรั้งมันไว้ให้อยู่ได้ตลอดไป หรือแม้กระทั่งพี่นวล หญิงสาวที่มีสามี 3 คนและลูก 5 คน โดยสามีทั้งสามรับเป็นพ่อเด็กทั้ง 5 คนร่วมกัน
และแม้แต่ตัวละครอื่นๆ ต่างก็มีมิติและมีเรื่องราวที่เรียกได้ว่า...คนเขียนเก่งมากค่ะในการสร้างตัวละคร เรียกได้ว่า จะแยกเขียนเป็นเรื่องราวของแต่ละคนอีกเล่มก็ยังได้ แต่ก็กลับมาอยู่ในเรื่องเดียวกัน เล่มเดียวกันได้อย่างลงตัว โดยไม่รู้สึกว่ามันรกรุงรังแต่อย่างใดค่ะ
นอกจากนั้นในเรื่องนี้ไม่ได้เรียงตามลำดับเวลานะคะ แต่เป็นการเล่าเรื่องของแต่ละคนสลับกันไปมา แต่นั่นทำให้เรารู้สึกว่าเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งนะคะ อย่างการเล่าเรื่องฉากสุดท้ายของนที ก่อนที่จะไปถึงฉากหนึ่งของนทีกับชารียา ที่แม้เราจะรู้ว่านทีจะเป็นยังไงต่อ แต่ก็อดลุ้นไม่ได้ว่าแล้วชารียาหละ...
และสุดท้ายในชีวิตของตัวละครแต่ละตัว สำหรับตัวละครที่เรารักทุกตัว เราว่ามันงดงามค่ะ คนเขียนเขียนได้งดงามมาก อ่านแล้วแม้จะทอดถอนใจ แต่ก็อดยิ้มในรอยรื้นของน้ำตาไม่ได้ ไม่รู้สิคะ มันก้ำกึ่งระหว่างโล่งใจที่ท้ายที่สุดแล้วแต่ละคนก็ได้สิ้นสุดชะตากรรมที่แหว่งวิ่นนี้สักที กับความเจ็บปวดใจที่...ท้ายที่สุด ทุกคนก็ต้องกลับกลายเป็นแบบนี้
และนิยายเรื่องนี้นอกจากมีสำนวนที่มีความเฉพาะตัวค่อนข้างสูง (ที่ทำเอาเราจมดิ่งเลยแหละ) พลัดพรายไปกับความขมปร่าในชะตากรรมของตัวละครแล้ว เรารู้สึกว่า จินตนาการ การบรรยายหลายๆ ส่วนในนิยายเรื่องนี้ ทำให้เรารู้สึกถึงความเป็นเซอร์เรียล อย่างบอกไม่ถูก (โดยเฉพาะจุดจบสุดท้ายของนิยาย) ซึ่งเราว่าเป็นเสน่ห์และหาได้ยากในนักเขียนไทยแนวนี้ค่ะ
ตอนอ่านๆ ไป เราคิดถึงเรื่องโน้นนี้เต็มเลยค่ะ ทั้งนิยายที่มีสำนวนเฉพาะตัวแบบนี้ที่เคยอ่านสมัยเด็ก (จำได้คือพี่ควันบุหรี่ กับจาริก แรมรอน - ไม่ได้หมายความว่า "เหมือน" หรือ "ลอก" นะคะ แต่มี "สำนวนเฉพาะตัว" เช่นเดียวกันน่ะค่ะ) ทั้งหนังสือของมูราคามิ ทั้งหนังที่มีฉากเซอร์เรียลแทรกอยู่ (อย่าง Like Water for Chocolate) อารมณ์เวิ้งๆ พร่าเลือนของหนังหลายๆ เรื่องของหว่อง คาไว หรือที่ยังงงอยู่ว่าทำไมนึกถึงหนังอย่างเรื่อง Memento ด้วยก็ไม่ทราบค่ะ 555
อีกอย่างที่นิยายเล่มนี้สร้างขึ้นมา ในแบบที่เราไม่ค่อยเจอในนิยายไทยคือ การทิ้งอะไรให้คนอ่านสงสัย แถมยังไม่แก้ความสงสัยนั้นให้กระจ่าง เสมือนให้คนอ่านได้รู้เรื่องราวบางอย่างเพียงหมอกปกคลุมเลือนจาง และจางหายไปโดยไม่ทิ้งความกระจ่างของภาพเงานั้นไว้น่ะค่ะ (อย่างกรณีลูกของชลิกาเป็นต้น) ซึ่งเฮ้ยยย สำหรับเรามันเป็นเสน่ห์ของนิยายเรื่องนี้มากค่ะ (ให้ความรู้สึกเหมือนตอนอ่านหนังสือค่ำคืนหนึ่งในฤดูหนาวฯ เลย)
นอกจากนั้น นิยายเรื่องนี้ยังเปิดโลกเราสำหรับดนตรีคลาสสิคอย่างมากๆ (เล่นเอาอยากไปหาเพลงคลาสสิคฟังกันเป็นเรื่องเป็นราวเลยทีเดียว หลังจากที่เคยตั้งใจไว้ตั้งแต่ราวๆ ยี่สิบปีที่แล้วแล้วก็เลือนหายไปกับกาลเวลา เหอๆ) รวมถึงการพูดถึงหนังและหนังสือบางเรื่อง ที่แสดงให้เห็นว่าคนเขียนมีประสบการณ์และรสนิยมในการเสพงานพวกนี้มากพอสมควร (มีพูดถึงแมวน้อยร้อยหมื่นชาติ ด้วย กรี๊ด) รวมถึงอาหารต่างๆ นานา สถานที่ต่างๆ เมืองต่างๆ ทั่วโลก ที่ทำเอาแบบว่า..โอ๊ยยย คุณคะ คุณมีความรู้ในกี่เรื่องในชีวิตเนี่ย เสมือนมีของอะไรอยู่ในตัว เจ้าตัวปล่อยลงมาจนสิ้นเนื้อประดาตัวในนิยายเรื่องนี้เลยแหละค่ะ
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับบทเพลงบางบทบางตอน เนื้อเรื่องอุปรากรซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นโศกนาฏกรรมบริสุทธิ์ที่จุดชนวนหายนะเอาด้วยสิ่งแสนสามัญอย่างชะตากรรม รักสามเส้า ความเข้าใจผิด หรือกระทั่งนิมิตฝัน งานประพันธ์อันทรงพลังที่หาได้รังสรรค์ขึ้นจากจินตนาการ หากถูกถ่ายทอดออกมาจากชีวิตทุกข์ยาก ผุพัง น่าอดสูอย่างที่สุดของตัวคีตกวีเอง รักซ่อนเร้นของบีโธเฟ่น ซึ่งปรากฏในจดหมายฉบับเดียวที่เขาเขียนถึงหญิงสาวผู้คงเป็นความลับดำมืดมาจนบัดนี้ หากความรู้สึกที่มีต่อเธอกลับถูกเปิดเปลือยหมดเปลือกอย่างรวดร้าวลึกซึ้งในบทเพลงอันขึ้งขุ่นด้วยอาดูรนับร้อยพัน ความเปลี่ยวเหงาที่กลุ้มรุมกัดกินโชแปงจนสูญสิ้นไม่เหลือสิ่งใดนอกจากสองมือว่างเปล่าซึ่งต้องถูกตัดพรากจากร่างเมื่อตายเพื่อให้น้องสาวสามารถลักลอบพากลับคืนสู่อ้อมอกมารดาได้ บทเพลงส่งวิญญาณที่เปี่ยมล้นด้วยศรัทธาแรงกล้าจนอาจใช้เป็นหลักฐานพิสูจน์การมีอยู่จริงของพระเจ้าได้ของโมสาร์ต ซึ่งถูกขับบรรเลงไว้อาลัยให้กับผู้ยิ่งใหญ่มากมาย ยกเว้นแต่ตัวเขาเองผู้ซึ่งตายอย่างสิ้นไร้ ไม่มีกระทั่งป้ายบอกหลุมฝังศพให้จดจำ
แต่ขณะเดียวกันหนังสือเล่มนี้ก็มีการสะกดผิดอยู่เป็นระยะนะคะ (ซึ่งไม่ใช่เรื่องของการบิดหรือสร้างภาษาด้วย) อย่างเช่น จมปลัก (ในเล่มนี้สะกดจมปรักทุกอันเลยง่ะ) หรืออื่นๆ (รอบนี้ไม่ได้จดมาค่ะ) แต่ก็ไม่ได้เยอะจนถึงขนาดทำให้รู้สึกหงุดหงิดค่ะ แหะๆ (ป.ล.เราอ่านจากเล่มที่ยังไม่ใช่ปกซีไรต์นะคะ เป็นปกตามรูปที่เอามาแปะแหละค่ะ)
สรุปแล้วสำหรับหนังสือเล่มนี้
เราชอบมากค่ะ และคิดว่าคงซื้อมาเก็บแหละ (เล่มนี้เรายืมรุ่นพี่มาอ่านค่ะ แหะๆ) แม้ว่าที่จริงจะแบนหนังสือมติชนมานานแล้วก็ตาม แต่เล่มนี้คงต้องยอมหละค่ะ เพราะเป็นหนังสือที่ควรมองข้ามอคติทั้งหลายทั้งปวงและมีเก็บไว้อ่านอีกหลายๆ ครั้งนะคะ (เหมือนที่เรายอมกับหนังสือหลายๆ เล่มของคุณแดนอรัญ แสงทองนั่นแล)
ปฏิทินธรรม
วันจันทร์ที่ 1 สิงหาคม 2559
1. งานอายุวัฒนมงคล 87 ปี ทายาทธรรมของท่านพ่อลี พระพุทธิสารเถร (หลวงปู่บุญกู้ อนุวฑฺฒโน)ณ ศาลาหลวงพ่อทรงธรรม วัดอโศการาม
https://www.facebook.com/bogboon/photos/a.335848433125466.75888.335629013147408/1147914245252210/?type=3&theater
วันอังคารที่ 2 สิงหาคม 2559
1. ถวายภัตตาหารและจตุปัจจัย แด่พ่อแม่ครูบาอาจารย์หลวงปู่ไม อินทสิริ วัดป่าหนองช้างคาว จ.อุดรธานี
ณ ชมรมพุทธศาสน์ กฟผ.อาคาร ท.102 ชั้น 3 การไฟฟ้าฝ่ายผลิต บางกรวย
https://www.facebook.com/bogboon/photos/a.335848433125466.75888.335629013147408/1158008237576144/?type=3&theater
วันพุธที่ 3 สิงหาคม 2559
1. ทำบุญตักบาตร พระธุดงคกรรมฐาน สาย หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต จำนวน 10 รูป เวลา7.30 น.
ณ ลานด้านหน้าอาคารสำนักบริการทางวิชาการและทดสอบประเมินผลหรืออาคาร สวป. ราม ๑ (หัวหมาก) กทม.
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=311066152569514&set=gm.1130033927058817&type=3&theater
วันศุกร์ที่ 5 สิงหาคม 2559
1. สวดมนต์ถวาย ในหลวง พระราชินี จัดสวดตลอดปี 2558 รวม 12 ครั้ง
ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในเวลา 16.00น. ทุกวันที่ 5 ของทุกเดือน
https://www.facebook.com/bogboon/photos/a.572181122825528.1073741826.335629013147408/924827967560840/
2. ชมรมพุทธทีโอที ขอเชิญทุกท่านร่วมฟังการบรรยายธรรม โดยท่านเจ้าคุณ พระภาวนาเขมคุณ วิ.(สุรศักดิ์ เขมรํสี) เจ้าอาวาสวัดมเหยงคณ์ จ.พระนครศรีอยุธยา
ณ ห้องชมรมพุทธ บมจ.ทีโอที อาคาร 5 ชั้น 3 สำนักงานใหญ่แจังวัฒนะ
https://www.facebook.com/kammatan.tot/photos/a.718127611543877.1073741829.718115048211800/1138513002838667/?type=3&theater
วันเสาร์ที่ 6 สิงหาคม 2559
1. ตักบาตรและฟังธรรมพระกัมมัฎฐาน (ทุกวันเสาร์ต้นเดือน)
ณ วัดพุทธบูชา เวลา 6.30 - 10.30 น.
https://www.facebook.com/bogboon/photos/a.479376905439284.105742.335629013147408/479378802105761/?type=1&relevant_count=1
วันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม 2559 (ปกติกิจกรรมจัดทุกวันอาทิตย์แรกของเดือน แต่เดือนมกราคม จะจัดวันปีใหม่) 1.ทำบุญกับพระกรรมฐานสายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ณ มูลนิธิพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ถ.จรัญสนิทวงศ์ซอย 37 เวลา 06.30-10.30 น. ดูรายละเอียดพระที่มารับบาตรและแผนที่ได้ที่ //www.watpa.com/board_detail.asp?board_id=3447 2. งานไถ่ชีวิตโคกระบือ ทุกวันอาทิตย์แรกของเดือน ณ. วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร เขตบางเขน กรุงเทพฯ
https://web.facebook.com/bogboon/photos/a.614964165213890.1073741836.335629013147408/540852169291757/
วันอาทิตย์ที่ 14 และ 28 สิงหาคม 2559 (กิจกรรมจัดทุกๆ วันอาทิตย์ที่ ๒ และ ๔ ของเดือน) 1. ทำบุญ ฟังธรรม จากครูบาอาจารย์พระป่าสายกัมมฐาน ณ ศาลาลุงชิน แจ้งวัฒนะ 14 กิจกรรมจะเริ่มจากการถวายภัตตาหารร่วมกันเวลา ๘:oo น. สำหรับท่านที่สนใจนำอาหารมาร่วมทำบุญ แนะนำให้มาก่อนเวลาเพื่อจัดเตรียมอาหารใส่ภาชนะ ซึ่งจะเริ่มลำเลียงถาดอาหารเพื่อเตรียมประเคนเวลาประมาณ ๗:๔๕ น. ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.facebook.com/SalaLungChin?fref=ts
วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม 2559 (จัดทุกวันเสาร์ที่สี่ของเดือน)
1. เชิญทุกท่านร่วมทำบุญตักบาตร สดับธรรม พระเถระวัดป่ากรรมฐาน เมตตารับบาตร โดย ณ ลานเปรมปรีดิ์ มูลนิธิบ้านอารีย์
เว็บไซต์บ้านอารีย์ //www.baanaree.net
2. ขอเชิญร่วมเจริญพระพุทธมนต์และเจริญจิตภาวนา เพื่อถวายเป็นอาจริยบูชาแด่ พระราชญาณวิสุทธิโสภณ (หลวงปู่ท่อน ญาณธโร) เวลา 19.00น.
ณ วัดป่ามณีกาญจน์ ต.ศาลากลาง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี
//www.watpamaneekarn.com/
วันเสาร์และอาทิตย์ที่ 27 - 28 สิงหาคม 2559
1. งานบุญประจำเดือน กรกฎาคม พ.ศ. 2559 ทำบุญบำรุงรักษาสวนแสงธรรม และถวายปัจจัยร่วมสร้างพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์ หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ณ วัดป่าบ้านตาด
ณ สวนแสงธรรม พุทธมณฑล สาย 3 แขวงบางไผ่ เขตบางแค กรุงเทพมหานคร
https://www.facebook.com/bogboon/photos/a.479376905439284.105742.335629013147408/701496553227317/?type=1&theater
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาค่ะ1,469,696+3606106 =5075802/12341/1205
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ตุ๊กจ้ะ Hobby Blog ดู Blog
ชลบุรีมามี่คลับ Literature Blog ดู Blog
ความคิดถึงฉันหอมหวาน Travel Blog ดู Blog
สาวไกด์ใจซื่อ Book Blog ดู Blog
เป็นหนังสือที่น่าสนใจมากเลย
ชอบตั้งแต่ชื่อหนังสือเลยจ๊ะ