เสียงที่ไม่ได้ยิน

ธรรมเนียมการขายผักใบเครื่องเทศของเมืองนี้ค่อนข้างน่าสนใจ หากคุณต้องการซื้อใบเครื่องเทศบางชนิด เช่น ใบสะระแหน่ หรือใบโหระพาในฤดูร้อนของเขตโปรวองซ์นี้ เป็นไปได้ที่เขาจะไม่แยกขายให้คุณเป็นใบหรือเป็นกิ่ง แต่ขายยกต้น หนึ่งกระถาง ให้เราไปริดใบกินเอาตามใจชอบ หากริดใบแล้วต้นเครื่องเทศนั้นยังพอจะมองเห็นเป็นรูปต้นไม้อยู่บ้าง คือไม่ถึงกับถอนรากถอนโคนกันหมดต้น เราก็นำกระถางต้นเครื่องเทศที่เหลือจากการบริโภคนั้น ไปรดน้ำ วางไว้ในที่ได้แสงแดด รอสักพัก ต้นเครื่องเทศนั้นก็จะฟื้นสภาพ แตกหน่ออกใบ เติบโตรอให้เด็ดไปประกอบอาหารรับประทานใหม่
ฟังดูก็น่าสนใจ หรือบางคนอาจจะมองว่าการขายใบเครื่องเทศแบบนี้ ฟังดูน่ารักเป็นธรรมชาติดีจริงๆ แถมถ้าเราดูแลต้นเครื่องเทศนั้นอย่างดี เราอาจจะไม่ต้องไปซื้อใบของเครื่องเทศชนิดนั้นอีกเลยตลอดฤดูร้อนนั้นก็ได้ เด็ดถนอมๆ หรือเอาปลูกลงดินไปเลยก็ได้
แต่ถ้าเราลองเปลี่ยนโจทย์ว่า มีร้านขายหมูที่ไหนสักร้าน ขายหมูด้วยวิธีเช่นนี้ คือ เมื่อมีผู้ต้องการซื้อหมู ผู้ขายจะขายหมูเป็นๆ มาให้หนึ่งตัว เมื่อใดก็ตามที่ผู้ซื้อต้องการกินเนื้อหมูส่วนไหน ก็ถือมีดไปเถือเนื้อออกมารประกอบอาหารรับประทานได้ตามใจชอบ ที่เหลือก็ทำแผลไว้ ผูกไว้ และก็เลี้ยง ต่อไปถ้าหมูนั้นแผลหาย ก็ค่อยไปเชือดเนื้อส่วนอื่นๆ มากิน จนกว่าจะหมดตัว...
ฟังดูโหดร้ายจนน่ารังเกียจว่าทำไมถึงคิด และเขียนเรื่องน่ากลัวแบบนี้ออกมาได้
ครั้งหนึ่ง ที่ผมเข้าไปอ่านเรื่องอาหารการกินในห้อง ก้นครัว ในพันทิป ได้เจอกระทู้ถามหาสูตรอาหารมังสวิรัติกระทู้หนึ่ง ความที่ผมเองก็เป็นคนกินมังสวิรัติในบางมื้อ จึงลองเข้าไปดู และได้พบว่าคำตอบๆหนึ่งได้สะกิดใจแรงๆ จนคิดต่อไปถึงเรื่องของต้นโหระพาที่ซื้อมาเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้
ผู้ตอบกระทู้คนนั้นเข้าไปแนะนำสูตรอาหารมังสวิรัติสูตรหนึ่ง ประกอบด้วยเต้าหู้ ไข่ไก่ พริกไทย ผักชี หัวหอม กระเทียม เป็นอาหารน่ารับประทาน แล้วเธอก็ตบท้ายกระทู้ว่า มื้อนี้ไม่เป็นหนี้ชีวิตใคร
จริงหรือ ?
ผมแน่ใจว่า เต้าหู้แปรรูปมาจากเม็ดถั่วเหลือง ซึ่งเป็นเชื้อชีวิตของต้นถั่วเหลือง ไข่ไก้แม้จะไม่ได้ผสม แต่ก็มีสัญญาณชีวิตอยู่ในแทบทุกเซล ผักชี หัวหอม กระเทียมทั้งหลาย แน่นอนว่าเป็นส่วนหนึ่งมาจากพืชที่เคยมีชีวิตอยู่ทั้งสิ้น
พืชเหล่านั้นไม่อาจเป็นเจ้าหนี้ชีวิตใครได้หรือ ?
คนส่วนใหญ่รู้ก็รู้ว่า พืชทั้งหลายก็เป็นสิ่งมีชีวิต เพียงแต่ชีวิตของพืชนั้นมีสัญญาณที่แตกต่างจากสัตว์ ส่วนสำคัญก็คือ พืชไม่มีความสามารถในการพยายามต่อสู้เพื่อเยื้อชีวิตของตน แตกต่างจากสัตว์ ความรู้สึกในการถอนผักกาดสักต้น กับการเชือดไก่สักตัว จึงผิดกันลิบลับ
แต่ถ้ามองว่าเป็นการตัดสัญญาณชีวิตชีวิตหนึ่ง อันที่จริงมันก็เท่าเทียมกัน มิใช่หรือ ?
มนุษย์หลายคนเชื่อว่าการงดเว้นการกินเนื้อสัตว์ คือการละเว้นชีวิต ไม่เบียดเบียนชีวิต แต่ก็มีข้ออ้างอันอ้อมแอ้มต่อการกินพืชอยู่เสมอ ในทุกคำอธิบาย ทุกลัทธิศาสนาที่มองว่าการกินสัตว์เป็นบาป แต่การกินพืชไม่บาป
(อันที่จริง แนวคิดเรื่องการ ละเว้นสิ่งไม่ดี ถือเป็นการ ทำดี เป็นตรรกะที่ยังมีช่องโหว่อยู่มากสำหรับผม กล่าวคือ หากมองว่าสิ่งใดที่กระทำแล้วเป็นสิ่งไม่ดี (อาจจะการกินเนื้อสัตว์) หากเรางดทำเช่นนั้น เราได้ความดีมาโดยอัตโนมัติหรือ ? ด้วยเหตุผลใด ? ถ้าเช่นนั้น การที่ผมไม่บังคับขืนใจผู้หญิงสักคน หรือไม่ไปลักเอาคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คที่ใครเผลอวางทิ้งไว้ เท่ากับผมทำ ความดี แล้วหรือไม่ ? ตรรกะตรงนี้ยังไม่ลงตัวสำหรับผม)
หากว่าการเด็ดใบไม้สักใบ ต้นไม้เจ้าของอวัยวะใบไม้นั้นส่งเสียงร้องโหยหวนขึ้นมา ผมเชื่อว่าคงไม่มีใครคิดว่ากินแต่พืช งดเว้นเนื้อสัตว์ เป็นการไม่ทำบาป หรือไม่เป็นหนี้ชีวิตใคร
เพียงแต่ว่า ต้นไม้ไม่ส่งเสียง หรืออาจจะส่งเสียงที่ไม่ได้ยิน ทำให้คนบริโภคพืชกันได้อย่างสบายใจ
ไม่อาจบังอาจคาดเดาความคิดพระศาสดา แต่ผมก็เชื่อว่า พระพุทธเจ้าอาจจะพิจารณาเห็นถึงความไม่สมเหตุสมผลเช่นนี้ และตระหนักรู้ถึงว่า ตราบที่ชีวิตอยู่ในวัฏสงสาร ชีวิตนั้นย่อมเป็นหนี้ชีวิตอื่น และต้องใช้ชีวิต หรือเชื้อชีวิตอื่นในการหล่อเลี้ยงชีวิตทั้งสิ้น ท่านจึงมิได้ถือให้ว่าการงดเว้นการกินเนื้อสัตว์เป็นศีลบังคับแก่ชาวพุทธ หรือภิกษุสงฆ์
พลังจากชีวิตหนึ่งที่ดับสิ้นลง ไปสร้างพลังงานในชีวิตอื่นได้เรื่อยๆ ตลอดไปเช่นนี้ วงวัฏจักรแห่งชีวิตจึงมีความซับซ้อนเกินกว่าจะกล่าวกันว่า การบริโภคชีวิตประเภทใด ถือเป็นหนี้ชีวิต
หรือหากคิดอย่างนั้น ก็ไม่ต้องห่วง เพราะสักวันหนึ่งเราก็จะต้องใช้หนี้ชีวิตนั้นแน่นอน ด้วยชีวิตของเรา ที่จะทอดร่างให้เป็นอาหารของเหล่าจุลลินทรี หรือเราอาจจะผ่อนชำระหนี้ชีวิตด้วยการขับถ่ายของเสียซึ่งเป็นอาหารของจุลชีวิตและพืชจนถึงสัตว์
แม้กระทั่งการหายใจก็เป็นการใช้หนี้ชีวิตแบบผ่อนรายวินาทีก็ได้ ด้วยอากาศที่ฟอกเลี้ยงพลังชีวิตเรานั้น ก็เป็นอาหารของพืช ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดไม่อาจส่งเสียงได้
แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่มีชีวิต
ผมจ่ายดอกเบี้ยด้วยน้ำสะอาด จากขวดเดียวกันกับที่ผมกิน
แก่ต้นโหระพา ที่เติบโตแตกใบสมบูรณ์
ที่ผมอาจจะมาขอกู้หนี้ ยืมชีวิตบางส่วนของมัน ไปผัดกุ้งเขียวหวานกินกับเส้นพาสต้า ในสักวันในสัปดาห์หน้า
Create Date : 26 สิงหาคม 2550 |
| |
|
Last Update : 26 สิงหาคม 2550 5:12:33 น. |
| |
Counter : 857 Pageviews. |
| |
|
|