วันที่ห้า - ประกาศยอมแพ้

สรุปว่า ผมยอมแพ้ครับ... กับการต่อสู้เจ็ดวันห้ายูโรครั้งนี้...

ตอนนี้ผมตัดสินใจใช้ตัวช่วยไปแล้ว และอีกสักครู่คงไปกดเงินจากบัญชีมาใช้ ซึ่งยังไม่ติดลบนะ ยังอยู่ในส่วนเดดิตอยู่ แค่วัดดวงว่า การโอนเงินของสำนักงานทุน (CROUS) กับการตัดค่าโทรศัพท์ ของฟรองเทเลคอม ใครจะไวกว่ากัน ซึ่งตอนนี้มั่นใจแล้ว ว่าฟรอง เทเลคอม ไม่น่าจะไวกว่าได้ เพราะจนป่านนี้ก็ยังไม่ส่งใบเสร็จมาให้ผม จริงๆส่งใบเสร็จมาซะก็สิ้นเรื่อง ผมจะได้รู้ว่าจะหักเท่าไร ผมเอาออกมาใช้ได้เท่าไร ไม่ใช่ทิ้งไว้เกือบร้อยกันเหนียวแบบนี้

เหตุที่ต้องยอมแพ้ ประการแรก เพราะต้องยอมรับว่า มันเป็นไปไม่ได้หรอก ที่จะสามารถใช้เงินเพียงห้ายูโรได้ในหนึ่งอาทิตย์ ในประเทศที่ค่าครองชีพสูงเป็นปกติเช่นนี้ ขนาดในประเทศไทยยังยากที่จะเป็นไปได้เลย ที่จะใช้เงินสองร้อยห้าสิบบาทให้ได้ครบเจ็ดวัน แม้ผมจะไม่ได้อดอาหารขนาดจะเป็นจะตาย แต่ก็ถือว่าต้องกินอย่างจำกัดจำเขี่ยเต็มทน

เหตุที่สองที่สำคัญที่สุด คือการต่อสู้ครั้งนี้ ทำให้ผมได้พบน้ำใจของบุคคลหลายๆคน มีทั้งเรื่องไม่น่าเชื่อเกิดขึ้นมากมาย ซึ่งผมทำให้เพื่อนฝูงและคนที่รักหลายคนเป็นห่วง ข่าวแพร่ไปถึงใต้สุดของฝรั่งเศสยันกรุงเทพฯ ถึงข่าวการถังแตกของผม ซึ่งผมปลาบปลื้มในน้ำใจของพี่พ้องน้องเพื่อนและผู้ใหญ่หลายคนจนอยากร้องไห้ ด้วยได้สัมผัสความยิ่งใหญ่ของสิ่งที่เรียกว่า "น้ำใจ" ที่มันเป็นสิ่งที่มีคู่กับมวลมนุษย์ชาติมานับแต่สร้างโลก และสิ่งนั้นก็เปลี่ยนรูปไปเรื่อยๆ โดยไม่สูญหายไปไหน เหมือนกับคำพูดของ Baronne Bertha von sutter ที่ว่า คำกริยาที่สวยงามที่สุดของมนุษย์ รองจากคำว่า "รัก" (aimer) คือคำว่า "ช่วยเหลือ" (aider) นั่นแหละครับ

ผมตัดสินใจยุติเรื่องราวการต่อสู้อันดื้อดึงไร้สาระของตนเอง เมื่อวานนี้ ด้วยตระหนักว่า มันชักจะไปกันใหญ่ ทำให้คนเป็นห่วงเรามากเกินกว่าความจำเป็น

เพื่อนผมคนนึงจะนั่งรถไฟมาจากอีกเมือง เพื่อมาทำอาหารดีๆให้ผมกิน เพราะกลัวว่าผมจะขาดสารอาหารสำคัญจนโง่ลงไป (กว่านี้) เพื่อนคนนึงโทรมาไต่ถามจากเอ็กซ์ด้วยความห่วงใย รวมทั้งน้องเด็กไทยที่อยู่ร่วมที่พักเดียวกันคนหนึ่งซึ่งรู้ข่าวว่าผมกำลังอยู่ในช่วงจำกัดชีวิต มาบอกว่า เดี๋ยวตอนเย็น จะทำอาหารมากินที่ห้องผมแกล้มเหล้า และเป็นการฉลองที่สอบผ่าน DELF ไปในตัวด้วย โดยผมไม่ต้องทำ หรือจัดหาอะไรเลย (นอกจากสุราที่มีประจำอยู่ตลอดกาลแล้ว) เดี๋ยวจะช่วยกันทำอาหารมากินกันเอง

ผมจึงต้องขอหยุดพฤติกรรมที่เฉียดๆจะเป็นการบำเพ็ญทุกขรกิริยาไว้แต่เพียงเท่านี้... เพราะไม่อยากสร้างความเป็นห่วงให้ใครๆ มากไปกว่านี้อีกแล้ว

ท่านที่รัก, หลายท่านคงได้รับการแนะนำก่อนมาเรียนต่างประเทศ (ไม่ว่าจะประเทศไหน) ว่าไม่ควรอยู่ สุงสิง หรือสมาคมกับคนไทยมากจนเกินไป จะทำให้ภาษาต่างประเทศที่เราหวังจะไปเรียนนั้นไม่ดีนั้น...

ผมขอบอกท่านไว้ ณ ตรงนี้ว่า มันไม่จริงไปเสียทั้งหมด มันอาจจะมีส่วนบ้างตรงที่ว่าการอยู่กับคนไทยทำให้โอกาสในการพูดภาษาต่างประเทศของเราน้อยลงไปบ้าง แต่เรื่องแบบนี้ชั่วดีมันอยู่ที่ตัวเราเอง โปรดอย่าโทษสภาวะแวดล้อม ในเมื่อเราอยู่ในประเทศที่คนกว่า 90% พูดและใช้ภาษาฝรั่งเศส หรือภาษาอังกฤษ (หรือเยอรมัน เสปน อิตาลี จีน ญี่ปุ่น สวีเดน ฯลฯ) เรามีช่องทางเป็นร้อยในการฝึกฝนและใช้ภาษามากกว่าสิบแปดชั่วโมงต่อวันอยู่แล้ว... การอยู่กับคนไทยจะทำให้ภาษาของคุณวินาศลงไปขนาดนั้นเชียวหรือ ? นักเรียนไทยที่นี่ ผลสอบภาษาฝรั่งเศสดีกว่าคนชาติอื่นมาก ทั้งการสอบ TCF เพื่อเสนอผลเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัย เด็กไทยทุกคนที่เข้าสอบได้ผลการสอบที่ดีในระดับมาตรฐานหรือสูงกว่า และมหาวิทยาลัยทั้งระดับธรรมดา หรือชื่อดัง หรือแม้กระทั่งสถาบันเทคโนโลยีชั้นสูงของฝรั่งเศส (IUT) ที่เพิ่งเปิดรับคนต่างชาติไม่กี่ปีมานี้ ตอบรับมาเกือบหมดทุกคนแล้ว การสอบระดับความสามารถในการใช้ภาษาฝรั่งเศส หรือ DELF ที่เพิ่งผ่านไป ก็สอบผ่านกันเกือบหมด บางคนสามารถสอบผ่าน DELF 1-4 ได้ในการสอบครั้งนี้ครั้งเดียว

หากท่านภาษาห่วยอย่างช่วยไม่ได้ กรุณาโทษตัวเอง เสียก่อนค่อยโทษพระเจ้า (Blame yourself or god คำพูดติดปากของดีลิต้าในเกมส์ไฟนอลแฟนตาซีแทคติก) หรือโทษว่าเพราะอยู่กับคนไทย

คนไทยนะครับ จะชั่วจะดี ก็นับถือพระเจ้าอยู่หัวพระองค์เดียวกัน พูดภาษาเดียวกัน (แม้จะต่างสำเนียง) เคยร้องเพลงชาติเพลงเดียวกัน (ถึงจะแตกต่างเวอร์ชั่นกันไปบ้าง) ในต่างประเทศแบบนี้ ไม่มีใครสนใจคุณหรอกครับ จะชั่วจะดี คนไทยเราก็ยังดูแลกัน รักกัน (แม้ไม่ต้องเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทย) อย่างน้อยคุณเจ็บป่วย ประสบอุบัติเหตุร้ายแรง เขายังพาคุณไปหาหมอ ทำอาหารเยี่ยมไข้แบบไทยๆมาให้คุณกิน อันนี้ชายขาหักแถวเมืองเอ็กซ์คงซาบซึ้งดี หรือตายอืดในห้องพักยังไง เขาก็คงพังประตูมาเก็บศพ...

ถ้าเจอที่ดีๆ คนดีมีน้ำใจ ก็คบไว้เถิดครับ เพื่อนคนไทยในต่างประเทศ อย่าตั้งเงื่อนไขจอมปลอมมาจำกัดตนเองเลย...

สุดท้ายนี้ แม้ผมจะไม่สามารถใช้เงินห้ายูโรได้ครบเจ็ดวันตามที่ตั้งใจไว้ได้ แต่ความพยายามในการต่อสู้ครั้งนี้ ก็ให้บทเรียนแก่ผมหลายๆอย่าง อย่างน้อยก็ทำให้ผมรู้ว่า ผมสามารถใช้เงินได้น้อยที่สุดเท่าไรต่อสัปดาห์ คือ ห้ายูโรนั้นเป็นไปไม่ได้แน่นอน แต่สิบห้าถึงยี่สิบยูโร ก็สามารถอยู่ได้แบบสบายๆ เว้นแต่อยากกินอะไรแปลกๆบ้าง ซึ่งก็จะพยายามจำกัดความอยากดังกล่าวไว้ไม่ให้เกิดขึ้นมากกว่าสองครั้งในหนึ่งเดือน

ผมได้เห็นคุณค่าของเงินทุกซองตีมมากขึ้น ผมเห็นเหรียญมีค่าไปหมดจนถึงหนึ่งซองตีม เพราะถ้าขาดมันไป เงินของผมในวันนั้นก็ไม่ครบห้ายูโร !

ผมขอยุติการอัพเดทบล๊อกในส่วน 5 € เจ็ดวัน ของผมไว้แต่เพียงเท่านี้ แต่ขอบอกว่า ... อีกสองสามวัน อย่าพลาดบล๊อกหน้าหลักของผม ดดยเฉพาะผู้สนใจกฎหมายและปัญหาบ้านเมือง ...

ผมจะทำอะไรบางอย่าง ที่คุณจะเชื่อไม่ลงว่า อดีตคอลัมนิสต์ ที่เติบโตมาได้เพราะหนังสือพิมพ์ผู้จัดการจะทำ...

รออ่านเถอะครับ รับรองไม่ผิดหวัง ถ้าคุณชอบ "เรื่องอย่างว่า..."




 

Create Date : 28 พฤษภาคม 2548   
Last Update : 28 พฤษภาคม 2548 17:46:13 น.   
Counter : 495 Pageviews.  

วันที่สี่... ไม่มีอะไร/ลางแพ้เริ่มแสดง

วันนี้ผมกินคอนเฟลก กาแฟ และน้ำผลไม้ รวมทั้งโยเกิร์ตอีกแล้ว... ซึ่งเป็นโยเกิร์ตถ้วยสุดท้าย

นมเหลืออีกนิดหน่อย เอาไว้ลุ้นว่าจะพอใส่คอนเฟลกกินในวันพรุ่งนี้ได้ไหม

ตอนเที่ยง ผมกลับมากินข้าวผัดที่น้าโรจน์ให้มาเมื่อวาน หมดไปสองกล่อง แล้วก็ผัดเห็ดใส่ทูน่า โรยผงกระหรี่... เป็นอาหารหน้าตาอุบาทว์มาก จนไม่อยากถ่ายรูปเก็บไว้ ปกติแล้วผมทำอาหารนี่ต้องให้ได้ครบอายตนะเท่าที่เป็นไปได้ คือ รูปต้องสวย กลิ่นต้องหอม รสชาติต้องอร่อย แต่อันนี้จนปัญญาจริงๆ

ตอนเย็น ผมกินลุกพรุนเมื่อวานจนหมด และกล้วยอีกหนึ่งลูก
เหลือกล้วยอีกลูกหนึ่ง

วันนี้ผมไม่ได้ใช้เงินเลยแม้แต่ซองตีมเดียว
อาหารคิดว่ามีพอกินได้ครบเจ็ดวัน
ก็จริง แต่...

แต่นมกำลังจะหมด โยเกิร์ตหมดไปแล้ว
ไม่มีนม ก็ไม่มีคอนเฟลก กินขนมปังแทนหรือ ?
ปัจจุบันนี้ผมก็กินกาแฟดำ เพื่อสงวนนมสดไว้

ของที่คาดไม่ถึง คือน้ำยาล้างจานก็จวนหมด

ผมอาจจะต้องใช้ตัวช่วย...

และอาจจะลากได้ไม่ถึงเจ็ดวัน...

=========
สรุปผลวันนี้
=========
มีอยู่ 0,21 €
ได้มา -- €
จ่ายไป -- €
คงเหลือ 0,21 €




 

Create Date : 27 พฤษภาคม 2548   
Last Update : 27 พฤษภาคม 2548 2:50:52 น.   
Counter : 361 Pageviews.  

วันที่สาม – ไม่เต็มบาทแล้ว !

ผมตื่นมากินคอนเฟลกไปหนึ่งถ้วย โยเกิร์ตถ้วยหนึ่ง และน้ำผลไม้หนึ่งแก้ว จากนั้นก็พบว่านมที่ซื้อมาเมื่อวานหมดไปแล้วเกือบครึ่งขวด ก็เมื่อวานผมเอาไปทำซุปข้าวโพดเสียเกือบถ้วยนี่นา... โยเกิร์ตเหลืออีกถ้วย และน้ำผลไม้กินได้อีกอย่างมากแก้วหนึ่ง

วันนี้ผมผ่านมื้อเที่ยงไปได้อย่างสวยงาม เพราะความกรุณาของน้าโรจน์และน้าโสภา (ผมเคยเล่าถึงครอบครัวอุปถัมภ์นี้ไว้หลายครั้งแล้ว โปรดหาอ่านเอาในไดอารี่เถิด) กรุณาเลี้ยงข้าวเที่ยงผม พร้อมทั้งให้ข้าวผัดมาเก็บไว้เป็นเสบียงกรังอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งผมกินข้าวไปแทบน้ำตาร่วงด้วยความซาบซึ้งใจ ขนาดว่าผมเป็นคนไม่กินผักชีเลยเป็นเด็ดขาด ยังซดน้ำแกง (เป็นแกงที่ไม่มีในบ้านเรา เป็นต้มกระดูกหมูเปรี้ยวๆ ใส่มะเขือเทศ บวบ สัปปะรด เรียกว่าแกงกัมพูชาแล้วกัน) ล่อเข้าไปเสียเรียบ ด้วยความหิวส่วนหนึ่ง ประกอบกับกลิ่นมันไม่โหดร้ายรุนแรงเท่าผักชีไทยด้วย อีกอย่าง ความซาบซึ้ง ทำให้กินอะไรก็อร่อย

อย่างไรก็ตาม เริ่มรู้สึกว่าร่างกายไม่ค่อยสมดุลย์ รู้สึกหิวน้ำบ่อยกว่าที่ควรจะเป็น แต่เมื่อดื่มน้ำไปแล้วก็กลับไม่รู้สึกดีขึ้น ที่สำคัญ ขอโทษที ท้องผูกอ้ะ อี้ไม่สะดวกเลย ทั้งๆที่ปกติสามารถทิ้งระเบิดได้วันละไม่ต่ำกว่าหนึ่งชุด เดี๋ยวนี้กลายเป็นสองสามวันทิ้งซะหน แถมยังต้องใช้เดอะฟอร์ซซะมากมายปานจะถล่มดวงดาว ในการทิ้งระเบิดแต่ละครั้ง

มานึกดู อาจจะเพราะขาดผักสดมานาน (ตั้งแต่ขาดเงิน) ผลไม้สดก็ไม่ได้กิน นอกจากน้ำผลไม้วันละแก้ว ผมเลยตัดสินใจนับเงิน แล้วเดินไปคาสิโน ซื้อลุกพรุนดำมาครึ่งโล ประมาณเกือบสิบลูก กล้วยสามใบ และน้ำผลไม้ขนาดหนึ่งลิตรอีกกล่อง... ผมลุ้นหน้าจอแสดงราคาที่แคชเชียร์อย่างตื่นเต้น ไม่ต่างจากนักเลงหวยดูทีวีช่องสิบเอ็ดในวันที่สิบหก เคาะราคาออกมา สี่ยูโรแปดสิบซองตีม ผมงัดเศษเหรียญจ่ายไปให้ ... ตอนนี้ผมเหลือเงินอยู่ 21 ซองตีม

กลับบ้าน ผมซัดพรุนดำไปห้าลูก กล้วยใบนึง น้ำส้มหนึ่งแก้ว... หวังว่าอาการขาดวิตามินและเส้นใยอาหารน่าจะทุเลาลงไปได้

และเย็นนี้ ผมก็ยังเหลือซุปข้าวโพด หรือบางทีอาจจะกินข้าวผัดที่ได้มาวันนี้ ยังไม่แน่... แต่แนวโน้มตอนนี้น่าจะดีขึ้นแล้ว อย่างน้อยก็สามารถวางแผนเรื่องการกินการอยู่ในวันที่เหลือได้ครบทั้งเจ็ดวันแล้ว แม้ว่าจะเหลือเงินอยู่ไม่เต็มบาท (ยูโร) ก็ตาม

ทั้งนี้ หลังจากที่เขียนบล๊อกเรื่อง เจ็ดวันห้ายูโรไปแล้ว ผมได้รับการไต่ถามจากญาติมิตรผู้เป็นห่วง และได้รับการปวรณาให้ความช่วยเหลือมาอีกหลายแหล่ง ซึ่งผมขอเรียนโดยตรงว่า ผมขอบคุณและขอบใจมาก แต่นั่นแหละ ผมไม่ได้ถึงขนาดไม่เหลือเงินสักแดงเลยจริงๆ แต่เพียงแต่ว่าผมไม่อยากเสียวินัยทางการเงิน ด้วยการเบิกเงินจากบัญชีเงินสดที่เมืองไทยมากไปกว่านี้อีกแล้ว รวมทั้งไม่อยากจะใช้สิทธิเบิกเงินเกินบัญชี หรือให้ค่าสาธารณูปโภคนั้นตัดเข้าไปถึงส่วน Credit ในบัญชีของที่นี่ด้วย เพราะเคยพลาดไปทีเสียดอกแพงเหมือนกัน อีกค่าธรรมเนียมหยุมหยิมตามประสาธนาคารที่โครตแพงอย่าง Credit Lyonnaise ครูอานน์เคยบอกว่า ถ้าไม่จำเป็นก็อย่า เพราะธนาคารนี้ขึ้นชื่อลือชาในด้านการดูดทรัพย์ลูกค้า เพราะธนาคารเองมีปัญหาทางการเงินเพราะไปซื้อบริษัทหนังในฮอลลีวู้ดไว้

อีกทั้งตอนนี้ ผมเองนั้นถือว่าพ้นวิกฤตห้ายูโรไปแล้ว ด้วยความช่วยเหลือบางประการ และ “น้ำใจ” จากบุคคลสำคัญคนหนึ่ง (ซึ่งผมไม่สามารถปฏิเสธได้) แต่กระนั้น ก็ยังอยู่ในการตัดสินใจว่าผมจะรับความช่วยเหลือนั้นโดยทันทีหรือไม่ หรือว่าจะเก็บความช่วยเหลือนั้นไว้เป็น “ขวัญถุง” หรือ “เรือชูชีพ” ที่พร้อมโดดเกาะเสมอหากเรือแตก ซึ่งผมยังไม่ใช้ “ชูชีพ” นี้ จนกว่าจะจมน้ำตายเสียก่อน

อย่างน้อย ถ้าผมผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ มันก็จะเป็นประสบการณ์ที่ดีในชีวิต ที่สามารถบริหารทรัพยากรที่จำกัดได้อย่างมีวินัยมิใช่หรือ...

=========
สรุปผลวันนี้
=========
มีอยู่ 5,01 €
ได้มา -- €
จ่ายไป 4,80 €
คงเหลือ 0,21 €




 

Create Date : 25 พฤษภาคม 2548   
Last Update : 25 พฤษภาคม 2548 22:37:08 น.   
Counter : 377 Pageviews.  

วันที่สอง - ตัวเลือกที่คาดไม่ถึง

เช้านี้ ผมกินคอนเฟลกกับโยเกิร์ตและน้ำผลไม้ ทำให้นมสดเหลือติดก้นขวดนิดหน่อยประมาณครึ่งแก้ว โยเกิร์ตเหลือเพียงสองถ้วย

แต่วันนี้ผมเจอตัวเลือกที่คาดไม่ถึง เลยได้ทรัพย์มาเพิ่มประทังชีวิตอีก 3 ยูโร กับอีก 80 ซองตีมครับ

หลายท่านคงสงสัยว่า เงินนี้งอกมาจากไหน... คนที่รู้จักผม หรือเคยอ่านไดอารี่ของผมคงนึกออก ว่าผมมีแหล่งเก็บเงินที่คาดไม่ถึงอยู่... นั่นคือ... สมุดสะสมเหรียญยูโรครับ

ผมเคยเล่าเรื่องสมุดสะสมยูโรนี้ไว้ในไดอารี่ในเวบผม เล่าย่อๆ ก็คือว่า แม้ยุโรปจะใช้เงินสกุลเดียวกันหมดทั้งยุโรป คือเงินยูโรแล้วก็ตาม แต่เขายังทิ้งลูกเล่นเล็กๆน้อยๆ ให้แต่ละประเทศสามารถสร้างเอกลักษณ์ของเงินยูโรของตัวเองได้ โดยกำหนดให้แต่ละประเทศสามารถกำหนดหรือออกแบบด้านก้อย ของเหรียญยูโรของตนอย่างไรก็ได้ ซึ่งก็จะเป็นรูปแตกต่างกันไป เช่นของฝรั่งเศสเป็นคำขวัญของรัฐ ของเยอรมันเป็นอินทรีย์เหล็ก ฯลฯ ความแตกต่างอันเป็นพิเศษของหน้าเหรียญยูโรนี้ ทำให้เกิดงานอดิเรกในการสะสมเหรียญยูโรขึ้นมา

ผมเองสะสมเหรียญยูโรของประเทศดังกล่าวได้เยอะพอสมควร ในประเทศใกล้ๆฝรั่งเศสนี่กวาดได้เกือบหมดแล้ว วันนี้ผมมาพิจารณาดูว่า อันว่าเหรียญพวกนี้ มันก็เป็นเงินที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมายเหมือนกันนี่หว่า เหรียญของประเทศที่หาได้ง่ายๆ อย่างฝรั่งเศส สเปน เยอรมัน เราก็เจอออกเกลื่อนๆไปในชีวิตประจำวัน... แต่ถ้าเราอดตายไปในเจ็ดวันนรกนี้ เราก็อดสะสมเหรียญพวกนี้ต่อ อย่ากระนั้นเลย เสียสละงานอดิเรกเพื่อรักษาชีวิตดีกว่า คิดได้ดังนั้น ผมก็บรรจงแกะเหรียญ 2 และ 1 ยูโร 50 20 และ 10 ซองตีมของฝรั่งเศส ออกมาจากสมุดสะสม นั่นคือที่มาของเงิน 3,8 ซองตีมที่ผมได้มาเพิ่ม ... ไว้ชาติหน้า เอ๊ย เงินเดือนออก ค่อยเอามาใส่คืนให้นะ...

ตอนกลางวัน ผมเอาแกงเผ็ดเนื้อคอนยัคมาอุ่นกินกับข้าว ทอดไข่ใบหนึ่ง... ซึ่งผมยังทอดไข่ได้อุบาทว์เหมือนเดิม ผมทำอาหารได้รอยสี่พันอย่าง แต่อาหารตระกูลไข่นี่ ลาก่อนชีวิต (ผมจะเล่าเรื่องนี้ไว้ในไดอารี่ของวันนี้ครับ)

วันนี้ผมจึงมีเงิน 8,8 ยูโร ที่พอจะหายใจหายคอคล่องขึ้นอีกหน่อย เลิกเรียนแล้ว ผมถึงไปโมโนพรี ซื้อเห็ดสด หรือที่บ้านเราเรียกเห็ดแชมปิยอง มา 250 g หัวหอมสองหัว นมสดหนึ่งลิตร ขนมปังปอนด์หนึ่ง เป็นเงินทั้งสิ้น 3,79 € ตอนผมควักเงินจ่ายให้ป้าแคชเชียร์ไป ผมนับเหรียญให้แกครบทุกยูโรทุกซองตีม จนแกทำหน้าตาบรรยายยาก

ขนมปังปอนด์นี่ สามารถกินกับซุปก็ได้ กินตอนเช้าก็ได้ อันนี้เอาไว้ดึงมื้อเช้ามื้อเย็นให้อยู่ไปได้หลายวัน เห็ดกับหอม จะเอามาผัดกินกับทูน่ากระป๋องเป็นอาหารกลางวันวันพรุ่งนี้ ส่วนหัวหอมอีกหัวและนม จะเอามาต้มซุปข้าวโพดกินตอนเย็นนี้ และจะได้ดึงไว้กินต่ออีกสักสองสามคืนด้วย

สถานการณ์เริ่มดีขึ้น แม้ไม่มีผลไม้กิน แต่น้ำผลไม้วันละแก้ว ก็น่าจะเพียงพอต่อร่างกายแล้วกระมัง...

=========
สรุปผลวันนี้
=========
มีอยู่ 5,00 €
ได้มา 3,8 €
จ่ายไป 3,79 €
คงเหลือ 5,01 €




 

Create Date : 24 พฤษภาคม 2548   
Last Update : 24 พฤษภาคม 2548 22:27:20 น.   
Counter : 478 Pageviews.  

วันที่หนึ่ง

เงินสองร้อยห้าสิบบาท ทำอะไรได้บ้าง ?

สำหรับเมืองไทย เงินนี้ถึงไม่มากก็ไม่น้อย ... เราสามารถอยู่ไปได้ประมาณสองสามวัน โดยนั่งรถเมล์ และกินข้าวแกง... แต่สำหรับที่นี่... เมืองที่รถเมล์เที่ยวละ 60 บาท (1,10 ยูโร) นมขวดละยูโร ซักอบผ้าครั้งละสี่ยูโร ... มันเรียกได้ว่า น้อยมหากาฬ



แต่ผมต้องใช้เงินห้ายูโรนี้ ไปอีกอย่างน้อย เจ็ดวัน อย่างช้าสิบวัน จนกว่าสำนักงานทุน หรือครูส(CROUS) จะโอนทุนประจำเดือนต่อไปมาให้ ...



อธิบายสภาวการณ์ก่อน ปกติแล้วผมจะได้รับทุนเดือนละ 767 ยูโรต่อเดือน ซึ่งมีค่าใช้จ่ายแน่นอน คือค่าเช่าบ้าน เดือนละ 320 ยูโรโดยประมาณ ค่าอินเทอรเน็ทความเร็วสูง เดือนละ 40 ยูโร และค่าโทรศัพท์ ที่ยังไม่แน่นอน แต่รวมค่าบริการรายสองเดือน (คือสองเดือนเก็บที) จะตกประมาณ 50 ยูโร อย่างไรก็ตาม ผมมีสิทธิขอค่าเช่าบ้านจาก CAF ประมาณหน่วยงานประชาสงเคราะห์ด้านที่อยู่อาศัยของฝรั่งเศส ที่ให้ความช่วยเหลือค่าเช่าบ้านสำหรับประชาชนไม่จำกัดสัญชาติ ขอเพียงมีใบต่างด้าวอาศัยอยู่ในฝรั่งเศส ปกติแล้วเขาจะช่วยเหลือประมาณครึ่งหนึ่ง คือ 170 ยูโร ... ฟังเหมือนจะดีนะครับ... แต่ปัญหาคือ ผมยังไม่ได้ซักแดงเลย นับตั้งแต่ย้ายบ้านมาเนี่ย... แง...



เมื่อชีวิตดำเนินมาถึงจุดหนึ่ง ผมต้องสำรองเงินสดไว้ในบัญชีไม่ต่ำกว่า 100 ยูโร เพื่อจ่ายค่าสาธารณูปโภคดังกล่าว... และนั่นคือ วันที่ผมนับเงินทั้งหมดทั้งตัวได้ ห้ายูโร พอดีเป๊ะ ซึ่งในทางปฏิบัติ ผมไม่สามารถใช้เงิน ครบทั้งหมดห้ายูโรได้ เพราะบางส่วนเป็นเหรียญสองและหนึ่งซองตีม ซึ่งถ้าขยุ้มไปจ่ายเขา เขาก็คงทำหน้าเบ้


5 €


ตัวช่วยของผมมี ก็คือ การรอใบแจ้งค่าโทรศัพท์ เพื่อจะได้รู้ว่า ผมมีค่าโทรศัพท์ต้องจ่ายเท่าไรกันแน่ เพื่อจะได้กะได้ว่า ผมสามารถใช้เงินที่เหลือในบัญชีได้อีกเท่าไร... ซึ่งไม่ควรหวังมาก... คิดว่าจะเบิกมาใช้ได้อย่างมากก็สิบถึงยี่สิบยูโร



ดังนั้น แทนที่จะรอความหวังลมๆแล้งๆ ผมมาสำรวจดีกว่า ว่ามีทรัพยากรอะไรหลงเหลือให้ผมผ่านเวลาอุกฉกรรฉ์เจ็ดวันนี้ไปได้



โชคดีที่มีข้าวเหลืออยู่เกือบกิโล ทูน่าในน้ำเกลือสองกระป๋อง ข้าวโพดสองกระป๋อง แกงเผ็ดเนื้อคอนยัคที่ทำไว้อีกสองกล่อง (ผมจะเล่าเรื่องแกงเผ็ดนี้อีกครั้งในเวบนะครับ) ยำผักดองสำเร็จรูปอิมพอร์ตจากประเทศไทย ของขวัญจากกัลยาณมิตร ข้าวผัด และสลัดเอเชียจากร้านน้าโรจน์ แล้วก็ นมครึ่งขวด คอนเฟลก โยเกิร์ตสามถ้วย... น้ำผลไม้ครึ่งลิตร ไข่ห้าฟอง นี่คือเสบียงที่ผมจะต้องดึงต่อไปอีก 21 มื้อ ... แน่นอนว่าคงต้องซื้อนมไว้กินกับคอนเฟลกตอนเช้า รวมทั้งโยเกิร์ต และน้ำผลไม้ด้วย หากไม่มีก็คงไม่เป็นไร ... แต่ผมก็รู้สึกร่างกายไม่ดี ถ้าไม่ได้ดื่มน้ำผลไม้กับกินโยเกิร์ต



แล้วก็มีขนมและคุ้กกี้สำหรับกินกับกาแฟ ฝีมือน้องกาเร่ต์ที่แสนใจดี อันนี้เป็นเสมอนสมบัติล้ำค่า ต้องค่อยๆกิน ฮือๆๆ


ขอสตางค์จงอยู่กับท่าน... และพลังจงอยู่กับข้า... สาธุ...




 

Create Date : 24 พฤษภาคม 2548   
Last Update : 24 พฤษภาคม 2548 5:11:59 น.   
Counter : 420 Pageviews.  


Players
Location :
Aix-en-Provence France

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add Players's blog to your web]