Get more detail for your trip

ภูผาวารี
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 47 คน [?]




Since Aug 2009
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ภูผาวารี's blog to your web]
Links
 

 

รีวิวเที่ยวฮ่องกง-มาเก๊า 5 วัน 4 คืน: พร้อมข้อมูลกินเที่ยวช๊อปและเวลาเดินทางอย่างละเอียด Part 3

รีวิวเที่ยวฮ่องกง-มาเก๊า 5 วัน 4 คืน: พร้อมข้อมูลกินเที่ยวช๊อปและเวลาเดินทางอย่างละเอียด Part 3

เวลาจริงที่ใช้ท่องเที่ยวฮ่องกงมาเก๊าในวันที่สี่ Taipa Village (Food St. and Romance St.), Senado Square, Galaxy (Sun 29 May 2011)

14:52 – 15:15 (23นาที) เดิน (5นาที) ไปรอรถ (8นาที) Shuttle Bus ของ City of Dream ชั้นใต้ดิน เพื่อเดินทางไปหมู่บ้านไทปา (10นาที)
15:15 – 15:40 (25นาที) เดิน (7นาที) ไปชม Taipa House of Museum
15:40 – 16:40 (1ชั่วโมง) เดิน (8นาที) ชมบ้าน 5 หลังริมทะเลสาบบนถนนสายโรแมนติก Romance Street

15:15 – 15:40 (25นาที) เดิน (7นาที) ไปชม Taipa House of Museum
16:40 – 17:43 (1ชั่วโมง 3นาที) เดิน (6นาที) ซื้อของฝากแถวถนนอาหาร Food Street

17:43 – 18:12 (29นาที) ทานข้าวเย็นที่ร้านบะหมี่แถว Food Street
18:12 – 18:36 (24นาที) เดิน (5นาที) ไปรอรถ (9นาที) Shuttle Bus ของ City of Dream กลับไป City of Dream (11นาที)
18:36 – 19:13 (37นาที) รอรถ Shuttle Bus ของ City of Dream กลับท่าเรือ (18นาที) แล้วรอขึ้น Shuttle Bus ของ Hotel Royal กลับโรงแรม (19นาที)
19:13 – 20:16 (1ชั่วโมง 3นาที) พักผ่อน
20:16 – 20:47 (31นาที) เดิน(4นาที) จากโรงแรมไปรอรถเมล์ (14นาที) เพื่อไป Senado Square (ที่รอนานเนื่องจากหารถไป Senado อยู่)
20:47 – 21:24 (37นาที) เดิน(5นาที) ไปช๊อปที่ Bossini
21:24 – 22:12 (48นาที) เดินไปถ่ายรูปไปจนถึงซากโบสถ์เซนต์ปอล์แล้วจึงเดินกลับมาที่ Senado Square

21:12 – 22:32 (20นาที) เดินไปรอรถเมล์ (5นาที) เพื่อไปท่าเรือ
21:32 – 22:48 (16นาที) นั่ง Shuttle Bus ของ Galaxy เพื่อไปเที่ยวคาสิโนเปิดใหม่
22:48 – 23:22 (34นาที) เดินเล่นถ่ายรูปใน Galaxy
23:22 – 23:40 (18นาที) นั่ง Shuttle Bus ของ Galaxy กลับมาที่ท่าเรือ
23:40 – 24:40 (1ชั่วโมง) นั่งรถสาย 3 ลงซื้อของใน Supermarket แถวโรงแรม แล้วจึงนั่งแท็กซี่กลับโรงแรม

หลังจากดูโชว์มังกร Dragon’s Treasure แล้วก็ใช้บริการShuttle Bus ของ City of Dream ไปหมู่บ้านไทปาฟรีอีกเช่นเคย เวลาให้บริการคือเที่ยงวันถึงสามทุ่ม



จุดรอรถไปไทปาอยู่ชั้นใต้ดินสามารถสอบถามพนังงานได้ครับ



รถ Shuttle Bus ฟรีของ City of Dream นี่หรูมีระดับนะครับ มีจอทีวีส่วนตัวให้ด้วย



รถจะจอดตรงสนามกีฬา เดินตรงมาทางร้าน McDonalds



จากนั้นเดินตามถนนไปทางขวามือจะเห็นร้านบะหมี่ร้านนี้



ผมกำลังจะพาไปชมHistorical Museum of Coloane and Taipaเป็นบ้านหลังสีเขียวเล็ก หลังร้านบะหมี่ ซึ่งวันอาทิตย์เปิดให้เข้าชมฟรี



ภายในบ้านหลังนี้แสดงถึงความเป็นมาของหมูบ้านไทปาตั้งแต่อดีตกาล เริ่มตั้งแต่โครงสร้างของอาคาร



เครื่องมือเครื่องใช้



เทคโนโลยี



วิถีชีวิต



และอาชีพหลัก



บรรยากาศภายใน Historical Museum of Coloane and Taipa ถ้ามีเวลานานกว่านี้คงได้ความรู้จากที่นี่อีกเยอะ



จากนั้นเราก็ออกเดินไปตามถนนหน้า Historical Museum of Coloane and Taipa จะเห็น Food Street อยู่ทางซ้ายมือ แต่จุดมุ่งหมายต่อไปของผมต้องเลี้ยวขวามือเดินขึ้นบันได



และต่อด้วยการเดินขึ้นทางลาดชันซึ่งด้านขวามือเป็นโรงเรียนท้องถิ่น



เดินตามทางไปเรื่อยๆ



จะพบกับบ้านมีสไตล์อีกหลังหนึ่ง ซึ่งเปิดให้เข้าชมฟรีในวันอาทิตย์เหมือนกัน



ตรงข้ามบ้านก็มีโบสถ์และรถจิ๊บคลาสสิกสีแดงจอดอยู่ ทีแรกนึกว่าจอดไว้ให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูป ก็เข้าไปโพสต์ท่าถ่ายรูปกันใหญ่ มารู้ที่หลังว่ามันเป็น Prop ส่วนตัวสำหรับถ่ายรูปแต่งงาน



เดินลงมาด้านล่างริมทะเลสาบจะเจอวิวแบบนี้ครับ



เห็นวิวทั้ง City of Dream, Venetian และ Galaxy



ที่แห่งนี้ถูกเรียกว่าถนนสายโรแมนติกหรือ Romance Street



สมชื่อถนนสายโรแมนติกครับ เพราะนั่งชมวิวลมเย็นๆ แล้วรู้สึกชิลๆ สบายๆ และผ่อนคลายดีครับ เหมาะที่จะบอกรักคนข้างตัว



อีกด้านหนึ่งของทางเดินก็มีบ้านสีเขียว The Taipa Houses-museum เรียงรายกันอยู่ 5 หลัง ซึ่งเปิดให้เข้าชมทุกหลัง



บ้านบางหลังก็แสดงสภาพความเป็นอยู่ของเจ้าของเดิมที่เคยอยู่บ้าน 5 หลังนี้



ดูจากการตกแต่งบ้านแล้ว เจ้าของคงรวยน่าดู



บ้างก็แสดงประหวัดความเป็นมาของหมูบ้านไทปา



วัฒนธรรมที่ได้รับอิทธิพลมาจากโปรตุเกส



เที่ยวมาจนเมื่อยล้าและกระหายน้ำมาก โชคดีได้ตู้นี้ช่วยไว้ ชาส้มและชาเก๊กฮวยอร่อยมาก ตู้กดน้ำที่มาเก๊าขายน้ำราคาไม่เท่ากัน น่าจะขึ้นกับสถานที่ตั้งตู้ ถ้าเป็นแถวนี้ขายโค้กแค่ 3 MOP แต่ถ้าอยู่ฝั่งมาเก๊าหรือ Senado จะขายโค้ก 5 MOP



เดินกลับทางเดินเพื่อมาช๊อปปิ้งขนมที่นี่ครับFood Street



เห็นร้านนี้ผู้คนต่อแถวกันยาวเหยียด เลยเข้าไปร่วมวงด้วยขนมทุกอย่างราคาถูกกว่าร้านข้างเคียง 30 – 50%แต่พอกลับบ้านมาชิม บ๊วยอร่อยมากครับ ส่วนขนมที่เหลือเช่นขนมปังกลิ่นหมูรสชาติไม่ค่อยถูกปากเท่าไรนัก



มาซื้อขนมต่อที่ร้านประจำซึ่งมีสาขาอยู่ที่ Senado Square สัญลักษณ์ประจำร้านคือรถเข็นครับถั่วตัดร้านนี้อร่อยมากครับมีทั้งแบบกรอบและแบบเหนียวนุ่ม ใครที่ไม่เคยทานถั่วตัดแบบเหนียวนุ่ม สามารถลองชิมได้ก่อนซื้อนะครับ ส่วนตัวชอบแบบกรอบที่ขายกันอยู่ในประเทศไทยมากกว่า



ได้ขนมกลับบ้านหลายถุงทีเดียว



ก่อนกลับโรงแรมแวะทานข้าวเย็นที่Cafe Tai Lei Loi Kei แฮมเบอร์เกอหมู และบะหมี่ที่เดินผ่านมาตอนกลางวัน มาตอนใกล้ปิดร้านแล้ว หลายเมนูจึงไม่มีบริการ

เริ่มต้นด้วยน้ำเต้าหู้เย็นๆ หน้าตาคล้ายไวตามิน แต่รสชาติสู้บ้านเราไม่ได้



บะหมี่หมูชิ้นแฟนผมชอบเส้นบะหมี่ที่นี่มาก ถึงแม้น้ำซุปจะยังไม่เข้มข้นถึงขั้นก็ตาม



แต่ก่อนมันเคยเป็นแฮมเบอร์เกอร์หมูถ่ายรูปไม่ทัน เหลือแต่ซาก เนื้อหมูนุ่มลิ้นอร่อยเลยทีเดียว



ลูกชิ้นปลา(มั้ง) ราดน้ำจิ้มน้ำจิ้มรสชาติเผ็ดมาก แต่ก็อร่อยเป็นเอกลักษณ์ หน้าตาคล้ายบ้านเราแต่รสชาติอร่อยต่างกัน



เดินทางกลับโรงแรมด้วยวิธีการเดิมครับ คือนั่งรถ Shuttle Bus ฟรีไปที่ City of Dream ก่อน ซึ่งจุดรอรถอยู่ใกล้กับ McDonalds



ระหว่างรอ หยอดเหรียญกดเครื่องดืมมาแก้กระหายก่อนตู้แถวนี้เครื่องดืมราคาถูกกว่าซื้อ 7-11อีกครับ



เดินทางกลับถึงโรงแรม พักผ่อนเล็กน้อย แล้วออกเดินทางสู่Senado Squareคราวนี้ไม่มี Shuttle Bus ฟรีบริการแล้ว คงต้องพึ่งรถเมล์เพียงอย่างเดียว

อ่านป้ายอยู่ซักพักว่าสายไหนผ่าน Senado Square บ้าง ที่จริงการขึ้นรถเมล์ที่มาเก๊าง่ายกว่าเมืองไทยอีก เพราะที่ป้ายรถเมล์จะมีบอกว่ามีสายไหนผ่านบ้าง และแต่ละสายไปที่ไหนบ้าง แค่จำชื่อป้ายของจุดที่เราจะไปได้ ก็จะทราบได้ทันที่ว่าต้องขึ้นรถเมล์สายอะไร

ยกตัวอย่างเช่น ป้ายรถเมล์ที่ Senado Square ชื่อ almeida Ribeiro และ almeida Ribeiro/rua Mercadores (ป้ายรถเมล์ขาไปและขากลับ) ก็จะรู้ว่าต้องนั่งสายไหน
  • ดูการเดินทางในมาเก๊าด้วยวิธีการต่างๆ ได้ในรีวิวนี้ ในหัวข้อ"การเดินทางด้วย public transportation"




  • บนรถเมล์ก็มีบอกอีกครั้งเป็นภาษาจีนและอังกฤษว่าป้ายต่อไปชื่ออะไร บอกทุกอย่าง ง่ายว่าประเทศไทยเยอะ



    Senado Squareยามค่ำคืน



    เมื่อเดินมาถึงโบสถ์นี้ ทางด้านซ้ายมือจะมีร้านBossiniอยู่ อดใจไม่ไหวช๊อปกระจายอีกตามเคย การช๊อปปิ้งด้วยบัตรเครดิตที่มาเก๊าไม่ได้เสียหายอะไร เทียบกับเงินสดแล้วก็พอๆ กัน เพราะบ้านเรายังแลกเงินมาเก๊าถูกๆ ไม่ได้
  • ดูรีวิวเปรียบเทียบการใช้เงินสดและบัตรเครดิตในฮ่องกง-มาเก๊าที่นี่




  • ก็ได้ถุงใหญ่มาอีกถุง



    บรรยากาศที่ Senado Square ยามค่ำคืนยังคงคึกคักอยู่



    เดินไปถึงซากโบสถ์เซนต์ปอล์ ถ่ายรูป แล้วก็เดินกลับ ช่วงปลายสิงหาคมถึงต้นกันยายนจะมีงานแสดงแสงสีเสียงที่นี่ ลองดูรายละเอียดได้ที่www.icm.gov.mo/en/News/NewsDetail.aspx?id=9631



    ขากลับแวะซื้อแซนวิซแฮมชีส ชีสรสชาติไม่เข้มข้นเหมือนที่ 7-11 บ้านเราเลย



    ก่อนจาก Senado Square ไป เห็นมุมอาคารสวยๆ เหมาะแก่การถ่ายรูป





    นั่งรถกลับมาที่ท่าเรือ แต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นและอยากลองของใหม่ จึงดลบันดาลให้ผมไปเยื่อนคาสิโนที่พึ่งเปิดบริการได้ไม่กี่สัปดาห์Galaxyการเดินทางก็แสนง่ายเพียงขึ้น Shuttle bus ฟรีของทางโรงแรม



    นอกจากคาสิโนแล้ว ที่นี่ไม่มีอะไรเลยนอกจากความอลังการของสถานที่ ไม่มีโชว์ ไม่มีกิจกรรมใดๆ พนันกันอย่างเดียว



    ถือซะว่ามาเพื่อเห็นความอลังการ



    เดินทางกลับโดยนั่ง Shuttle Bus ของ Galaxy กลับมาที่ท่าเรือ แต่เวลานี้คงไม่มี Shuttle Bus ฟรีแล้ว จึงนั่งรถเมล์สาย 3 ไปลงแถวโรงแรมแล้วต่อแท็กซี่ ระหว่างทางเจอSupermarket(ดาวสีฟ้าในแผนที่) เหมาะมากสำหรับซื้อของฝากเพราะมีของแปลกๆ มากมายและของหลายอย่างก็ราคาถูกกว่าประเทศไทยเช่น โมจิญี่ปุ่น เบียร์ ช๊อกโกแล็ต ผมหมดเงินไปกับที่นี่หลายร้อย MOP อยู่ สามารถใช้บัตรเครดิตได้เมื่อซื้อ 100 MOP ขึ้นไป



    กลับมาที่โรงแรมต้มมาม่า UFO กินกัน ราคาถูกเพียง 6 MOP และอร่อยจริงเชียว ถ้าจะกินมาม่ายี่ห้อ UFO ที่เมืองไทยต้องมีอย่างน้อย 70 บาท




    เวลาจริงที่ใช้ท่องเที่ยวฮ่องกงมาเก๊าในวันที่ห้า Fisherman’s Wharf (Mon 30 May 2011)
    9:51 – 10:16 (25นาที) รอ Shuttle bus ของโรงแรม เดินทางไป Fisherman’s Wharf
    10:16 – 11:29 (1ชั่วโมง 13นาที) เดินเล่น ถ่ายรูปที่ Fisherman’s Wharf
    11:29 – 11:50 (21นาที) เดินไปท่าเรือนั่งรถสาย 3 มาแถวโรงแรม
    11:50 – 12:24 (34นาที) ทานบะหมี่ นั่งแท็กซี่กลับโรงแรม
    12:24 – 12:50 (26นาที) รอ Shuttle bus ของโรงแรม เดินทางไปท่าเรือมาเก๊า
    12:50 – 13:30 (40นาที) ซื้อตั๋วเรือเที่ยว 13:30 เพื่อไปสนามบินฮ่องกงรอขึ้นเรือ
    13:30 – 14:30 (1ชั่วโมง) เดินทางจากมาเก๊าไปสนามบินฮ่องกง
    14:30 – 15:00 (30นาที) เช็คที่นั่ง ผ่าน ตม เดินไปรอเครื่องที่เกจ


    วันสุดท้ายสำหรับทริปนี้ เหลืออีกเพียงที่เดียวที่ยังไม่เคยไปเที่ยว และตั้งใจว่าจะไป นั่นคือFisherman’s Wharfการเดินทางก็แสนสะดวกเพราะ Shuttle Bus ของโรงแรมไปส่งถึงที่ ด้านล่างคือทางเข้า Fisherman’s Wharf จากฝั่ง Babylon Casino



    เดินเข้าไปอีกนิดจะเห็นวิวทะเลและสะพานข้ามเกาะยาวเหยียด



    แผนที่ Fisherman’s Wharf ครับ ฝั่งขวามือจะเป็นBabylon Casinoส่วนฝั่งซ้ายมือจะติดกับท่าเรือมาเก๊าMacau Ferry Terminalระยะทางระหว่างสองฝั่งประมาณ 500 เมตร ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่www.fishermanswharf.com.mo/eng/



    วันจันทร์ช่วงเช้าอย่างนี้ ที่นี่แทบจะไม่มีคนเลย



    ร้านค้าและร้านอาหารก็ยังไม่เปิดบริการ



    เช้าวันจันทร์ที่ไร้ผู้คนแบบนี้ ทำให้บรรยากาศที่นี่ดูสบายๆ



    ตึกบางตึกก็ยังไม่มีร้านค้ามาเช่านะครับ เข้าใจว่าที่ Fisherman’s Wharf นี้เพิ่งเปิดได้ไม่นาน



    ราวกับว่ากำลังเดินอยู่ในยุโรป



    คาเฟ่ในยามที่ไร้ผู้คน



    ถ้าร้านเปิด คงได้นั่งจิบชาริมทะเล



    ฝั่งตรงข้ามของ Fisherman’s Wharf เป็นโรงแรม Sands ครับ



    เดินตรงมาอีกนิดก็เจอColiseumที่สร้างขึ้นมาใหม่



    แต่ขนาดของมันใหญ่โตจริงๆ คาดว่าขนาดน่าจะใกล้เคียงกับของจริงที่โรม



    มีที่นั่งทานอาหารกันด้วย สงสัยตอนเย็นคงมีลานเบียร์เป็นแน่



    รถไฟ เข้าใจว่าคงให้บริการรับส่งคนรอบๆ Coliseum หรือไม่ก็จอดโชว์



    เข้ามาชมด้านใน Coliseum กันดีกว่า



    ภายในก็สร้างได้ยิ่งใหญ่อลังการไม่แพ้กัน



    ที่นี่น่าจะเป็นที่จัดแสดงรายกายสำคัญๆ



    สิ่งปลูกสร้างสไตล์กรีกโรมัน



    บริเวณถ่ายรูปสวยมากครับ เห็นคู่แต่งงานหลายคู่มาถ่ายรูป Wedding กันที่นี่



    ด้านในอาคารถัดจาก Coliseum ครับ ไม่มีร้านค้าอยู่เลย



    อยู่ภายในอาคาร กลัวผีหลอก ออกมาเดินด้านนอกดีกว่า ส่วนนี้ไม่เปิดให้บริการครับ



    ภูเขาลูกนี้ก็ไม่เปิดให้บริการเช่นกัน ได้แต่ถ่ายรูปอยู่ด้านนอก



    เจอตู้กดน้ำอีกแล้วครับ อย่างที่เคยบอกครับ ถ้ากดน้ำบนเกาะมาเก๊าหรือแถวตัวเมืองจะแพงกว่าตู้กดน้ำตามหมู่บ้านเช่นหมู่บ้านไทปา



    ลองชิมมินิทเมทรสแอปเปิ้ลขวดนี้ครับ ไม่อร่อยเลย



    อาคารจักรพรรดิ์จีนก็ไม่เปิดให้บริการเช่นกัน



    เริ่มสาย ผู้คนก็เริ่มหนาตาขึ้น ไม่แน่ใจว่าที่ Fisherman’s Wharf นี้ยังสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์หรือไม่ค่อยมีคนมาเที่ยวเลยเจ๊งกันไปบางส่วนแล้ว แต่ที่แน่ๆ เหมาะแก่การถ่ายรูปมากมาย



    ระหว่างทางกลับโรงแรม แวะทานบะหมี่เกี๊ยวกุ้ง ขออภัยที่จำชื่อร้านไม่ได้ แต่อยู่เยื้องๆ กับ Lisboa เส้นบะหมี่รสชาติเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนที่เคยทานในประเทศไทย ถึงขั้นต้องซื้อบะหมี่แห้งกลับบ้าน ส่วนเกี๊ยวกุ้งรสชาติคล้ายเกี๊ยวกุ้งแถวสยาม



    แฟนผมทานบะหมี่คากิ เธอบอกอร่อยมาก



    สุดท้ายก็เรียบอย่างที่เห็น



    ตบท้ายด้วยแฮมเบอร์เกอร์หมู ส่วนตัวชอบแฮมเบอร์เกอร์หมู ที่หมู่บ้านไทปามากกว่า เนื้อนุ่มและอร่อยกว่า



    กลับมาที่โรงแรมเพื่อขนของกลับบ้านครับ กังวลใจอยู่เหมือนกันว่าจะเกิน 40 กิโลกรัมไหมเนี่ย



    ผมเลือกเดินทางไปสนามบินฮ่องกงด้วยเรือ Turbo Jet ซึ่งมีเรือโดยสารตรงจากท่าเรือมาเก๊าไปสนามบินฮ่องกงโดยตรง โดยไม่จำเป็นต้องลงที่เกาะฮ่องกงก่อน และไม่จำเป็นต้องผ่านตม ฮ่องกงอีก 2 รอบด้วย ด้วยค่าโดยสารเพียง 115 MOP ทำให้ผมประหยัดทั้งค่าโดยสารและเวลาในการเดินทาง
  • ดูรีวิวการเดินทางจากท่าเรือมาเก๊าไปสนามบินฮ่องกงที่ประหยัดทั้งเงินและเวลาได้ที่นี่




  • ไม่เคยรู้มาก่อนว่า การเดินทางจากท่าเรือมาเก๊ามาสนามบินฮ่องกงจะรวดเร็วปานนี้ จึงทำให้ผมเหลือเวลาที่สนามบินฮ่องกงถึง 2 ชั่วโมงก่อนขึ้นเครื่อง เลยมีเวลาสำรวจสนามบินฮ่องกงมารีวิวให้เพื่อนๆ ดูกันซักหน่อย



    เริ่มต้นที่ความสะดวกสบายของสนามบินซึ่งมี Free Internet และ Free Wifi



    และยังมีไฟฟ้าให้เสียบอีกด้วย





    เครื่องดื่มก็ราคาไม่แพงมากเกินไป ไม่เหมือนสนามบินบ้านเรา



    ร้านขนมของฝาก AJI ICHIBAN ร้านนี้เห็นอยู่ที่ MTR Hung Hom ใกล้กับโรงแรม Harbour Plaza Metropolis ที่เราพักด้วย แน่นอนว่าร้านในสนามบินราคาแพงกว่าอยู่แล้ว ราคาของ duty free ที่สนามบินไม่ว่าจะเป็นครีมทาผิว น้ำหอม เครื่องสำอาง เสื้อผ้า ส่วนมากแพงกว่าในตัวเมืองฮ่องกงครับ



    แต่ของกินที่ HKIA ราคาปกติครับ อาจจะแพงกว่าข้างนอกแค่นิดหน่อย ผมจำเป็นต้องซื้อยาแก้แพ้ เพื่อทำให้โพรงจมูกโปร่งและไม่ทำให้ปวดหูขณะเครื่องบินขึ้นและลง ราคากล่องละ 28 HKD หรือร้อยกว่าบาท ซึ่งแพงพอสมควร จะหาซื้อยาอย่าง ทิฟฟี่หรือดีคอลเจนแผงละ 5 – 10 บาท ที่นี่ไม่มีขายเลย ที่จริงผมเตรียมทิฟฟี่มา แต่ดันใส่กระเป๋าโหลดเข้าเครื่องซะอย่างนั้น
  • ลองดูสิ่งของที่เตรียมไปฮ่องกงและช่วยคุณประหยัดค่าใช้จ่ายได้ที่นี่ ในหัวข้อ"รายการสิ่งของที่จำเป็นที่ควรเตรียมไปฮ่องกงมาเก๊า"




  • อาหารที่นี่ก็ราคาแพงกว่าข้างนอกแค่นิดหน่อย อย่างชุดนี้ 70 HKD



    ลาก่อนฮ่องกง เจอกันปีหน้าครับ




     

    Create Date : 25 สิงหาคม 2554    
    Last Update : 24 กันยายน 2554 16:26:15 น.
    Counter : 15657 Pageviews.  

    รีวิวเที่ยวฮ่องกง-มาเก๊า 5 วัน 4 คืน: พร้อมข้อมูลกินเที่ยวช๊อปและเวลาเดินทางอย่างละเอียด Part 2

    รีวิวเที่ยวฮ่องกง-มาเก๊า 5 วัน 4 คืน: พร้อมข้อมูลกินเที่ยวช๊อปและเวลาเดินทางอย่างละเอียด Part 2


    เวลาจริงที่ใช้ท่องเที่ยวฮ่องกงมาเก๊าในวันที่สาม Snoopy World, Shopping at Hong Kong Industrial Centre
    and Causeway Bay, Symphony of Life, Woosung Street and Temple Street (Sat 28 May 2011)

    9:50 – 10:18 (28นาที) รอรถไฟ MTR (10นาที) ไปสถานี Sha Tin (18นาที)
    10:18 – 10:30 (12นาที) เดินเล่นใน New Town Plaza
    10:30 – 11:02 (32นาที) ทานติ่มซำที่ร้าน Maxim’s Restaurant
    11:02 – 11:48 (46นาที) เดินเล่น ถ่ายรูป ที่ Snoopy World
    11:46 – 12:24 (38นาที) รอรถไฟ MTR ไปสถานี Lai Chi Kok
    12:24 – 13:00 (36นาที) Shopping at Hong Kong Industrial Centre
    13:00 – 13:40 (40นาที) รอรถไฟ MTR ไปสถานี Causeway Bay
    13:40 – 14:18 (38นาที) Shopping at Time Square
    14:18 – 15:56 (1ชั่วโมง 38นาที) Shopping at Esprit outlet, UNIQLO, MUJI, H2O
    15:56 – 17:24 (1ชั่วโมง 28นาที) Shopping at SOGO

    17:24 – 17:55 (31นาที) ทาน Ramen ที่ชั้นใต้ดิน SOGO
    17:55 – 18:45 (50นาที) รอรถไฟ MTR กลับโรงแรมที่สถานี Hung Hom
    18:45 – 19:35 (50นาที) พักผ่อนที่โรงแรม
    19:35 – 19:48 (13นาที) นั่งรถ Shuttle Bus ของโรงแรมมาที่ Tsim Sha Tsui
    19:48 – 20:18 (30นาที) เดินไปที่ Avenue of Star ทันดู Symphony of Life ตอนสองทุ่มพอดี
    20:18 – 20:48 (30นาที) เดินไปขึ้น MTR Tsim Sha Tsui ไป Jordan
    20:48 – 21:05 (17นาที) เดินไปซื้อ LEE KEN EGG WAFFLE กิน
    21:05 – 21:20 (15นาที) เดิน Woosung Street
    21:20 – 21:57 (37นาที) ทานข้าวเย็นที่ร้าน Woosung Street Cooked Food
    21:57 – 22:18 (21นาที) เดินเล่นที่ Temple Street

    วันนี้เป็นวันแห่งการ Shopping โดยแท้เลยครับ เพราะโปรแกรมตลอดทั้งวันมีแต่ช๊อป ช๊อป ช๊อป

    เช้านี้ตื่นสายแถมลืมบัตร Tourist Day Pass ไว้ที่โรงแรมอีก เลยได้ออกกำลังกายกันแต่เช้าด้วยเดินไปกลับโรงแรม 3 เที่ยว จุดหมายแรกของวันนี้คือ New Town Plaza ที่ MTR สถานี Sha Tin



    มาที่นี่ มีจุดมุ่งหมายอยู่สองประการ ประการแรกคือ ติ่มซำที่ร้าน Maxim’s Palace ซึ่งอยู่บนชั้น 8 ของ New Town Plaza

    ทีแรกก็รับบัตรรอคิวอยู่พักหนึ่ง พอเข้าไปพูดภาษาอังกฤษกับเขาว่าอีกนานไหมกว่าจะถึงคิว ปรากฎว่าเขาให้โต๊ะเรานั่งเลย ไม่แน่ใจว่าเป็นสิทธิพิเศษของนักท่องเที่ยวหรืออย่างไร

    น้ำที่เห็นแฟนผมรินนั้นไว้สำหรับล้างช้อนนะครับ เกือบดื่มเข้าไปแล้ว ดีนะที่เห็นโต๊ะข้างๆ เทล้างช้อนซะก่อน



    ที่นี่ไม่มีเมนูติ่มซำ ไม่มีรูปให้ดู แต่ให้ชี้เอาว่าจะเอาถาดไหน ชี้มา 3 ถาดครับ ขนมจีบกุ้ง ฮะเก๋า และ ดูราวกับว่าก๊วยเตี๋ยวหลอด รสชาติอร่อยดีครับ แต่ผมว่าติ่มซำบ้านเราถูกปากผมมากกว่า



    ซาลาเปาใส้ครีมไข่แดง ครับ กว่าจะสั่งได้ต้องเปิดตำราภาษาจีนกันเลยทีเดียว เพราะซาลาเปาหน้าตาเหมือนกันเกือบหมด ผมชอบซาลาเปานี้มากครับ รสชาติแบบนี้ไม่เคยทานที่เมืองไทย และอร่อยกว่าด้วยความหอมของครีมและความมันของไข่แดง



    สุดท้ายก็เกลี้ยงอย่างที่เห็นครับ จากรีวิวของ Openrice.com ร้านนี้ได้คะแนน 3.3/5.0 จาก 65 รีวิว ครับ
  • ดูรวบรวมรีวิวร้านอาหารในฮ่องกง มาเก๊า คลิ๊กที่นี่ครับ



    เมนูแสดงราคาติ่มซำครับ ราคาติ่มซำที่นี่ขึ้นอยู่กับเวลาที่มากินครับ แบ่งเป็น 3 ช่วงเวลาตามรูป ซึ่งเวลาที่ผมมาใช้บริการนั้นเป็นวันเสาร์ซึ่งราคาแพงที่สุด ถ้าใครอยากมาลิ้มลองติ่มซำที่ Maxim’s Palace แนะนำให้มาวันจันทร์ถึงศุกร์ในช่วงเวลา 7:30 – 11:00 หรือ 14:30 – 16:30 เพราะราคาติ่มซำจะถูกที่สุด ถูกกว่าวันเสาร์ 30 - 40% เลยทีเดียว



    ใบเสร็จครับ ถ้าตีเป็นเงินไทยก็ 600 บาทครับ ถือว่าแพงใช้ได้เลยครับ เพราะสั่งมาแค่ 4 เมนู



    หลังจากหนังท้องตึงก็ได้เวลาเที่ยวชม Snoopy World ซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายที่สองของเราในการมาที่ New Town Plaza



    Snoopy World ตั้งอยู่บนลานโล่งกลางเจ้งชั้นสองของ New Town Plaza ระหว่างทางเดินก็มีสัญลักษณ์บ่งบอกว่าคุณใกล้จะถึง Snoopy World แล้ว



    หน้าทางเข้ามียามเผ้าประตูอยู่ตัวนึง



    นอกจากยามหน้าทางเข้าแล้ว ยังมีหมาตัวใหญ่นอนพุ่งกางอยู่บนประตูทางเข้าอีกด้วย



    มาที่นี่ก็เพื่อเก็บบรรยากาศ



    เขาว่ากันว่า Snoopy World มีเพียง 2 แห่งในโลกเท่านั้น



    แต่แฟนผมชอบที่นี่มาก เพราะมีมุมถ่ายรูปสวยๆ เยอะดี



    เก้าอี้นั่งพักสำหรับผู้ใหญ่



    เพราะเด็กๆ จะรวมตัวกันอยู่ตรงนี้





    มีหลายส่วนที่ปิดบริการไปแล้วเช่น ห้องหลังเค้กก้อนนี้ ก็ไม่ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าอีกต่อไป



    และเรือของเด็กๆ ก็ไม่ได้ให้บริการเช่นกัน



    หลังจากถ่ายรูปจนอิ่มหนำเป็นเวลากว่า 40 นาที จากนี้ไปก็เป็นเวลาของนักช๊อปล้วนๆ เพราะจากนี้ถึงเที่ยงคืนมีแต่โปรแกรมช๊อป ช๊อป ช๊อป และ ช๊อป เริ่มเต้นที่ MTR Lai Chi Kok



    จุดหมายแรกของการช๊อปคือที่นี่ครับ Hong Kong Industrial Centre บรรยากาศก็เหมือนประตูน้ำบ้านเรา แต่ราคาแพงกว่า และเสื้อผ้าดูแปลกตากว่า แฟนผมไม่ค่อยประทับใจที่นี่เท่าไรนัก แต่ก็เสียเงินไปไม่น้อย



    จุดหมายที่สองของวันนี้คือ Time Square นั่งรถไฟฟ้า MTR จาก Lai Chi Kok ไป Causeway Bay



    คนในห้างค่อนข้างน้อยและราคาของก็ไม่ได้ถูกเท่าไรนัก อาจจะยังไม่ใช่ช่วง Sale ของห้าง



    ออกมาเดินนอกห้างบรรยากาศคึกคักกว่าเยอะเลย และแวะทานลูกชิ้นเนื้อและอื่นๆ แถว Time Square ส่วนตัวแล้วผมชอบรสชาติลูกชิ้นและน้ำจิ้มใต้ตึก Sincere ที่ Mong Kok มากกว่า



    จุดหมายที่สามของวันนี้คือตึกนี้ครับ มีทั้ง ESPRIT, MUJI และ ร้านเสื้อผ้าญี่ปุ่น UNIQLO โดยที่ชั้น 1 และชั้น 2 จะเป็นร้าน ESPRIT และชั้น 3 คือร้าน UNIQLO ส่วน MUJI จะอยู่ชั้น 4 ครับ



    ตึกนี้อยู่ใกล้กับตึก Time Square ตามแผนที่รูปดาวสีน้ำเงินเบอร์ 28 ด้านล่างครับ



    เริ่มต้นที่ ESPRIT ลดราคานิดหน่อย แต่ยังแพงพอๆ กับเมืองไทย เลยไม่ได้ซื้ออะไร



    ขึ้นไปชั้น 3 ได้กางเกงและเสื้อผ้าของ UNIQLO มาถุงใหญ่ เนื่องจากดูดีและราคาไม่แพง พึ่งมารู้ UNIQLO กำลังจะมีสาขามาเปิดที่เซ็นทรัลเวิร์ด Central world เร็วๆ นี้

    ใช้เวลากับชั้น 4 ซึ่งเป็นที่ตั้งของ MUJI อยู่นานมาก เนื่องจาก MUJI ที่นี่ ราคาสินค้าถูกกว่าไทยราว 40 – 70 % เลยที่เดียว แฟนผมซื้อไว้ใช้สำหรับ 1 ปีเลยทีเดียว



    ร้านสุดท้ายที่เราแวะกันคือ H2O เนื่องจากไม่ได้มีโปรโมชั่นอะไรมาก ราคาก็ถูกกว่าเมืองไทยราว 25% ได้ครีมมาเซ็ตนึง



    จากย่าน Time Square ด้วยถุงช๊อปปิ้งเต็มมือ



    เท่านั้นยังไม่พอ แวะช๊อปปิ้งต่อที่ SOGO Causeway Bay ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับ Time Square จังหวะพอดีกับที่ทางห้าง Sale ประจำปีเลยต่อแถวแย่งซื้อของกับคนฮ่องกงอยู่นาน



    ได้กระเป๋า Longchamp น้ำหอมและอื่นๆ อีกมากมาย
  • คลิ๊กดูโบรชัวร์ Sale ทั้งหมดของห้าง SOGO ฮ่องกงได้ที่นี่



    ของที่ช๊อปมาวันนี้ก็ไม่เยอะเท่าไรครับ แค่วางเต็มเตียงนอนเท่านั้นเอง ถ้าไม่ติดว่าเงินหมด คงซื้อเยอะกว่านี้แล้วล่ะ
  • แนะนำนักช๊อปซักเล็กน้อยครับว่าถ้ารู้ตัวว่าจะซื้อของเยอะแน่นอน ควรแลกเงินสดไปครับ ยังไงก็ถูกกว่าใช้บัตรเครดิตแน่นอน ลองอ่านรีวิวเปรียบเทียบการใช้เงินสดกับบัตรเครดิตได้ที่นี่ครับ



    หลังจากเหนื่อยกาย สบายกระเป๋า (เงินหายหมด) จนลืมทานข้าวกลางวันกันแล้ว ก็มาเอนกายทานอาหารมื้อกลางวันในตอนเย็นกันที่ชั้นใต้ดินของ SOGO นั่นแหละครับ เนื่องจากหมดแรงที่จะเดินแล้ว เราเลือกทานราเมนที่ชั้น B2 บังเอิญว่าชื่อร้านเป็นภาษาจีน อ่านไม่ออก

    ชาเขียวร้อนรสชาติดี แก้กระหาย แบบ refill รู้สึกว่าจะฟรีนะครับ



    ราเมนมิโซะซุป ของผมครับ รสชาติน้ำซุปหอมหวานกลมกล่อมสุดๆ ได้ชิมแล้วติดใจเลยครับ



    ส่วนชามนี้ของแฟนผมจำไมได้แล้วว่าคืออะไร แฟนผมบอกอร่อย แต่ผมชิมแล้วว่ามิโซะของผมอร่อยกว่า



    ราคาอยู่ที่ชามละ 60 – 70 HKD ครับ ใน openrice.com ให้คะแนนที่ 3.1/5.0 จาก 60 รีวิว ครับ ราคาค่อนข้างแพง แต่เทียบกับคุณภาพและความอร่อยแล้ว ถือว่า ok เลยครับ
  • ดูรวบรวมรีวิวร้านอาหารในฮ่องกง มาเก๊า คลิ๊กที่นี่ครับ

    จากนั้นก็นั่งรถไฟกลับไปเก็บของและพักผ่อนที่ห้องพัก รอดู SOL ที่ Avenue of Star อันที่จริงวันแรกเราก็ได้ดู SOL มาแล้ว แต่เป็น SOL แบบแห้งๆ มีแต่ไฟกระพิบไม่มีเพลง แต่ก็สวยไปอีกแบบเนื่องจากได้ดูจากมุมสูงบน The Peak
  • ดูรีวิว SOL แห้งๆ บน The Peak คลิ๊กที่นี่

    ปกติแล้วเราจะเดินทางออกจากโรงแรมโดยเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าที่สถานี MTR Hung Hom แต่คราวนี้ลองใช้บริการ Shuttle Bus ฟรีของทางโรงแรมดูบ้าง ปรากฎว่าสะดวกสบายมากเลย เพราะรถ Shuttle Bus ของโรงแรมมาจอดที่สถานี Tsim Sha Tsui ใกล้กับ Avenue of Star เดินอีกเพียงเล็กน้อยก็ได้ชม SOL แล้ว
  • ดูรีวิวโรงแรม Harbour Plaza Metropolis และรถ Shuttle Bus คลิ๊กที่นี่



    หลังจาก SOL จบ เราก็เดินทางสู่ MTR Jordan เพื่อทาน ขนมวาฟเฟิลฮ่องกงและข้าวมือเย็นแถว Woosung Street (ใกล้ๆ กับ Temple Street) ระหว่างเดินไปจุดหมาย ผ่าน Bossini ก็แวะซักหน่อยแม้ว่าจะหมดตัวแล้วก็ตาม แต่ก็มีเสื้อผ้าน่าสนใจอยู่หลายรายการ



    ร้านขนมวาฟเฟิลฮ่องกง ที่ใน Hong Kong Fan Club รีวิวกันว่าอร่อยๆ ครับ



    ถึงขั้นต้องรับบัตรคิว



    รอไม่นานนักก็ได้มาแล้วครับวาฟเฟิลฮ่องกง รสชาติก็กลมกล่อมอร่อยกว่าวันแรกที่ผมทานแถว Mong Kok แต่ก็ยังไม่ค่อยถูกปากผมเท่าไรนัก สู้วาฟเฟิลไทยๆ ที่ขายตามห้างไม่ได้ครับ



    มื้อเย็นนี้เราฝากท้องกันที่ร้าน Woosung Street Cooked Food เป็นร้านอาหารข้างทาง ที่คนฮ่องกงทานกันเยอะพอสมควร



    เห็นห่านย่างหมูแดง แล้วน่ากินไม่ใช่น้อย



    เมนูมื้อนี้ลอกตามรีวิวของลุงเด้งแห่ง Hong Kong Fan Club มาเลยครับ จานแรกมาแล้วครับ ห่านย่าง จานใหญ่แบบนี้ราคาเพียง 40 HKD เท่านั้น



    เนื้อหนังนุ่มชุ่มลิ้น อร่อยดีครับ แต่เป็ดย่าง MK ก็ยังถูกปากผมมากกว่าอยู่ดี สงสัยผมคงไม่ถูกกับรสชาติของอาหารฮ่องกง เพราะไม่เคยกินเป็ดหรือห่านย่างร้านไหนอร่อยกว่า MK เลย ปล.อันนี้ไม่ได้ค่าโฆษณาจาก MK แต่อย่างใด



    ข้าวผัดหยางโจว ใส่กุ้งและหมู จานนี้รสชาติอร่อยกลมกล่อมมากครับ อร่อยกว่าข้าวผัดทั่วๆ ไปของบ้านเรา ราคาถูกเพียง 30 HKD



    กุ้งทอดพริกกระเทียม กินได้ทั้งเปลือก จานนี้ก็อร่อย รสชาติโด่ดเด่นเป็นเอกลักษณ์ครับ ติอยู่ตรงที่กระเทียมยังไม่กรอบเท่าที่ควร ราคาอยู่ที่ 70 HKD



    ไปกันสองคนสั่งมา 3 จาน เนื่องปริมาณแต่ละจานเยอะมาก กินแทบท้องแตกเลยครับพี่น้อง ใน openrice.com ให้คะแนน 3.0/5.0 จาก 6 รีวิว
  • ดูรวบรวมรีวิวร้านอาหารในฮ่องกง มาเก๊า คลิ๊กที่นี่ครับ

    หลังจากอิ่มหมีพลีมันแล้ว ก็มาเดินย่อยที่ Temple Street ซึ่งหน้าตาคล้ายถนนคนเดินแถวหัวหิน ไม่ได้ซื้ออะไรจากที่นี่เลยครับ






    เวลาจริงที่ใช้ท่องเที่ยวฮ่องกงมาเก๊าในวันที่สี่ City of Dream, Taipa Village (Food St. and Romance St.), Senado Square, Galaxy (Sun 29 May 2011)
    8:44 – 9:00 (16นาที) รอรถ Shuttle Bus ของโรงแรม
    9:00 – 9:37 (37นาที) นั่งรถ Shuttle Bus (7นาที) ไปที่ MTR Tsim Sha Tsui เพื่อนั่งรถไฟฟ้าไป Sheung Wan
    9:37 – 9:45 (8นาที) ขึ้นลิฟท์ที่ตึก Shun Tak แล้วเดินไปซื้อตั๋วเรือ Turbo Jet ไปมาเก๊า ได้ตั๋วเรือรอบ 10:35 เนื่องจากรอบ 10:05 และ 10:20 เต็มแล้ว
    9:45 – 10:23 (38นาที) ทานอาหารเช้าที่ร้าน Yoshinoya ใกล้กับประตูขึ้นเรือ
    10:23 – 10:35 (12นาที) รีบวิ่งไปขึ้นเรือ ลืมไปว่าต้องเสียเวลาผ่าน ตม ด้วย โชคดีที่ ตม ไม่มีคิวเลย
    10:35 – 11:43 (1ชั่วโมง 8นาที) นั่งเรือ Turbo Jet ไปมาเก๊า
    11:43 – 12:13 (30นาที) รอคิวผ่านตม.
    12:13 – 12:36 (23นาที) รอ Shuttle Bus ของโรงแรม (6นาที) โดยสารไปที่โรงแรม Hotel Royal เพื่อ Check in
    12:26 – 12:50 (24นาที) Check in ที่โรงแรมแต่สามารถเข้าห้องได้หลังบ่ายสอง จึงฝากกระเป๋าและฟังพนักงานอธิบายแผนที่ท่องเที่ยว
    12:50 – 13:15 (25นาที) รอ Shuttle Bus ของ Hotel Royal (10นาที) โดยสารไปท่าเรือ
    13:15 – 13:41 (26นาที) รอ Shuttle Bus ของ City of Dream (7นาที) เพื่อไป City of Dream
    13:41 – 14:25 (43นาที) เดินเล่นและซื้อตั๋วชมโชว์มังกร (12นาที) รอชม (7 นาที) โชว์มังกร (24นาที)
    14:25 – 14:52 (27นาที) ทานข้าวกลางวันที่ McDonald
    14:52 – 15:15 (23นาที) เดิน (5นาที) ไปรอรถ (8นาที) Shuttle Bus ของ City of Dream ชั้นใต้ดิน เพื่อเดินทางไปหมู่บ้านไทปา (10นาที)
    15:15 – 15:40 (25นาที) เดิน (7นาที) ไปชม Taipa House of Museum
    15:40 – 16:40 (1ชั่วโมง) เดิน (8นาที) ชมบ้าน 5 หลังริมทะเลสาบบนถนนสายโรแมนติก Romance Street

    15:15 – 15:40 (25นาที) เดิน (7นาที) ไปชม Taipa House of Museum
    16:40 – 17:43 (1ชั่วโมง 3นาที) เดิน (6นาที) ซื้อของฝากแถวถนนอาหาร Food Street

    17:43 – 18:12 (29นาที) ทานข้าวเย็นที่ร้านบะหมี่แถว Food Street
    18:12 – 18:36 (24นาที) เดิน (5นาที) ไปรอรถ (9นาที) Shuttle Bus ของ City of Dream กลับไป City of Dream (11นาที)
    18:36 – 19:13 (37นาที) รอรถ Shuttle Bus ของ City of Dream กลับท่าเรือ (18นาที) แล้วรอขึ้น Shuttle Bus ของ Hotel Royal กลับโรงแรม (19นาที)
    19:13 – 20:16 (1ชั่วโมง 3นาที) พักผ่อน
    20:16 – 20:47 (31นาที) เดิน(4นาที) จากโรงแรมไปรอรถเมล์ (14นาที) เพื่อไป Senado Square (ที่รอนานเนื่องจากหารถไป Senado อยู่)
    20:47 – 21:24 (37นาที) เดิน(5นาที) ไปช๊อปที่ Bossini
    21:24 – 22:12 (48นาที) เดินไปถ่ายรูปไปจนถึงซากโบสถ์เซนต์ปอล์แล้วจึงเดินกลับมาที่ Senado Square

    21:12 – 22:32 (20นาที) เดินไปรอรถเมล์ (5นาที) เพื่อไปท่าเรือ
    21:32 – 22:48 (16นาที) นั่ง Shuttle Bus ของ Galaxy เพื่อไปเที่ยวคาสิโนเปิดใหม่
    22:48 – 23:22 (34นาที) เดินเล่นถ่ายรูปใน Galaxy
    23:22 – 23:40 (18นาที) นั่ง Shuttle Bus ของ Galaxy กลับมาที่ท่าเรือ
    23:40 – 24:40 (1ชั่วโมง) นั่งรถสาย 3 ลงซื้อของใน Supermarket แถวโรงแรม แล้วจึงนั่งแท็กซี่กลับโรงแรม

    วันนี้คงต้องบอกลาฮ่องกงแล้วไปลันล้าต่อที่มาเก๊า เช้านี้ใช้บริการรถ Shuttle Bus ของโรงแรมอีกครั้ง ติดใจในความสะดวกสบาย ไม่ต้องเดินไปขึ้น MTR ที่สถานี Hung Hom

    ">


    ออกมาจากรถไฟฟ้าใต้ดินเห็นคนวิ่งขึ้นลิฟท์กัน เลยขึ้นมั่ง (ปกติจะขึ้นบันไดเลื่อนไปเรื่อยๆ) พอออกมาจากลิฟท์ชั้น 3 ก็ถึงจุดขายตั๋วพอดี สะดวกสบายยิ่งนัก พยายามหาซื้อตั๋วถูกจากเอเยนต์ แต่ลืมนึกไปว่าเหลือเงินฮ่องกงไม่พอซื้อ ถ้ารูดบัตรก็เสียค่ารูดอีก เลยไปซื้อตั๋วที่เคาน์เตอร์ดีกว่า ไม่เสียค่ารูดบัตรด้วย แต่พนักงาน Turbo Jet ดันรูดบัตรด้วยสกุลเงินไทย ทำให้ตั๋วแพงขึ้นไปอีกเซ็งเลย วันหลังรูดบัตรต้องย้ำกันทุกครั้งว่ารูด HKD นะ
  • ใครต้องการประหยัดค่าตั๋วเรือ สามารถซื้อตั๋วราคาถูกจากเอเยนต์แถวๆ เคาน์เตอร์ขายตั๋วได้นะครับ
  • ดูรีวิววิธีการแลกเงินและใช้บัตรเครดิตในฮ่องกง-มาเก๊าให้คุ้มค่า ได้ที่นี่

    วันนี้คนเดินทางไปมาเก๊าเยอะมาก ตั๋วเรือที่เราได้จึงล่าช้าไปอีก 2 รอบ ซื้อตั๋วเวลา 9:45 แต่เดินทางได้เวลา 10:35 ถ้าใครต้องการเดินทางไปมาเก๊าวันเสาร์อาทิตย์ และสามารถกะเวลาเดินทางได้ แนะนำให้ซื้อตั๋วล่วงหน้าแบบ Online ก็ได้ครับ ไม่เช่นนั้นต้องรอรอบเรือแบบผม

    ระหว่างรอเรือ เราก็โซ้ยอาหารเช้ากันก่อนที่นี่ครับ Yoshinoya อาหารญี่ปุ่นราคาย่อมเยาว์ ได้ข่าวว่าจะมาเปิดสาขาแรกของเมืองไทยที่เซ็นทรัลลาดพร้าวเร็วๆ นี้ ถ้าราคายังย่อมเยาว์เหมือนในฮ่องกง ก็เป็นร้านอาหารที่น่าสนใจเลยทีเดียว



    ชุดอาหารเช้า ไก่อบ ผัดผัก และ ไข่เจียวแฮม เสริฟพร้อมชาเขียว รสชาติธรรมดาครับ ไม่โด่ดเด่นเท่าไรนัก แต่ราคาเพียง 20+ HKD เท่านั้นเอง



    ข้าวหน้าเนื้อ รสชาติดีครับ อร่อยใช้ได้ทีเดียว ซุปมิโซะ รสชาติเข้มข้นน้อยไปหน่อย แต่ก็อร่อยดี ชุดนี้ราคา 30+ HKD
    ปลาแซลมอนชิ้นนี้ราคาแค่ 11 HKD เท่านั้น ขนาดก็ตามราคาครับ เนื้ออร่อยใช้ได้ ถึงแม้จะไม่สดเท่าไรนักก็ตาม
    ส่วนซุปเห็ด น้ำซุปค่อนข้างจืดไปหน่อย

    ถือว่าเป็นอาหารญี่ปุ่นราคาถูกที่น่าสนใจทีเดียวย ซึ่งใน Openrice.com ให้คะแนนร้านนี้ 3.2/5.0 จาก 17 รีวิว



    ซื้อขนมและเครื่องดื่มสุดโปรด ชาเก๊กฮวย ที่ร้านขายของชำใกล้ๆ กับร้าน Yoshinoya ชอบกิน ป๊อกกี้ที่ฮ่องกง จัง ช๊อกโกแล็ตเข้มข้นและออกรสขมนิดๆ ต่างจากบ้านเราที่มีแต่รสหวาน



    เริ่มเดินออกจากร้านไปที่ประตูขึ้นเรือก่อนเรือออกเพียง 10 นาที แต่ลืมนึกไปว่าต้องเสียเวลาผ่าน ตม. โชคดีที่ ตม. ไม่มีคิว เลยยังขึ้นเรือได้ทันเวลา



    บรรยากาศภายในเรือ Turbo Jet ครับ



    ถึงท่าเรือมาเก๊าภายในเวลาเพียงชั่วโมงเศษ



    แต่ต้องรอคิวผ่าน ตม อีกราวครึ่งชั่วโมง ถ้าใครจะมามาเก๊าในวันเสาร์อาทิตย์ เผื่อเวลาไว้ด้วยนะครับ



    เดินไปรอรถฟรีของโรงแรม Hotel Royal ที่พักในคืนสุดท้ายของเราในมาเก๊า



    Check in ที่โรงแรมแต่สามารถเข้าห้องได้หลังบ่ายสามโมง ทีแรกก็กะจะพักผ่อนในห้องก่อนซักพัก แต่กลายเป็นว่าต้องออกเดินทางเที่ยวต่อเลย



  • ถ้าใครสนใจโรงแรม Royal Hotel สามารถดูรีวิวได้ที่นี่



    เป้าหมายแรกของวันนี้คือ City of Dream เดินทางด้วยรถ Shuttle bus ฟรี ของ Hotel Royal เพื่อไปต่อ Shuttle Bus ของ City of Dream ที่ท่าเรือ ซึ่งเป็นหนทางที่สะดวกรวดเร็วและที่สำคัญ ไม่เสียเงินค่าโดยสารแถมได้พวกกุญแจของ City of Dream เป็นที่ระลึกด้วย เพราะถ้านั่งรถเมล์ก็รอนานและเดินไกล ถ้านั่งแท็กซี่ข้ามเกาะก็เสียค่าโดยสารแพงถึง 60 MOP
  • ดูการเดินทางในมาเก๊าด้วยวิธีการต่างๆ ได้ในรีวิวนี้ ในหัวข้อ “การเดินทางด้วย public transportation”



    ถึงจุดหมายแรกของมาเก๊าที่ City of Dream



    ผ่านประตูเข้ามาก็เจอกับ นางเงือก เลย เหมือนจริงมากๆ



    มา City of Dream ก็เพื่อสิ่งนี้ครับ Dragon’s Treasure โชว์มังกรแอนิเมชั่น แต่ก่อนเคยแจกตั๋วให้ดูฟรี เดี๋ยวนี้ต้องเสียเงินเข้าดูคนละ 30 MOP แล้วนะครับ มีรอบฉายตั้งแต่เที่ยงวันถึงสี่ทุ่มครับ ลองดูรายละเอียดได้ที่ cityofdreamsmacau.com/attraction/dragons-treasure



    เริ่มต้นด้วยน้ำตกสวยๆ



    บรรยากาศภายในห้องโชว์ซึ่งเป็นโดมครึ่งวงกลม



    ถ่ายได้แต่กระต่ายน้อยตอนต้นของโชว์ หลังจากนี้ไม่ได้ถ่ายรูปเลย เพราะกำลังอึ้งกับความสวยและความเหมือนจริงของมังกรในโชว์อยู่



    อาหารมื้อกลางวันของเราครับ เจ้าเก่าเหมือนเคย กินมาตั้งแต่ฮ่องกงและ ค่าครองชีพที่นี่จะถูกกว่าฮ่องกง เพราะฉะนั้นอาหารการกินก็จะถูกตามไปด้วย ยกเว้นร้านอาหารในคาสิโน McDonalds ร้านนี้ก็เช่นกัน แพงกว่าข้างนอก แต่ราคาก็จะพอๆ กับฮ่องกง



    ที่จริงเคยอ่านรีวิวว่าฟู้ดคอร์ทที่ City of Dream อร่อยใช้ได้ ราคาก็ไม่แพงมาก แต่ด้วยความเร่งรีบ จึงเลือกทานที่นี่ง



    อันที่จริงอยากเขียนให้จบวันที่สี่แต่คงต้องจบ Part 2 แต่เพียงเท่านี้ เพราะตัวอักษรเกินจำนวนที่ Bloggang กำหนดที่ 45,000 ตัวอักษรแล้วครับ
  • ดูตอนต่อไป Food Street & Romance Street @ Taipa Village, Senado Square, Galaxy, Fisherman’s Wharf คลิ๊กที่นี่ครับ




     

    Create Date : 25 สิงหาคม 2554    
    Last Update : 25 สิงหาคม 2554 15:49:40 น.
    Counter : 19232 Pageviews.  
  • รีวิวเที่ยวฮ่องกง-มาเก๊า 5 วัน 4 คืน: พร้อมข้อมูลกินเที่ยวช๊อปและเวลาเดินทางอย่างละเอียด Part 1

    รีวิวเที่ยวฮ่องกง-มาเก๊า 5 วัน 4 คืน: พร้อมข้อมูลกินเที่ยวช๊อปและเวลาเดินทางอย่างละเอียด Part 1


        ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมไปฮ่องกง แต่เป็นครั้งแรกที่ผมจะไปฮ่องกงแบบสบายกว่าครั้งที่แล้วมา แน่นอนว่าความสบายก็ต้องแลกกับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น โดยทริปนี้เสียค่าใช้จ่ายไปทั้งหมด คนละ 23,000 บาท สำหรับ 5 วัน 4 คืน (ค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าเรือไปมาเก๊า ค่าตั๋ว Disneyland) ไม่รวมค่าช๊อปปิ้งซึ่งจ่ายมากกว่าค่ากินอยู่เสียอีก

        การหาตั๋วเครื่องบินที่เวลาดีราคาถูกเป็นปัญหาสำหรับผม เนื่องจากทริปนี้เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วน โชคดีที่ได้โปรโมชั่นของ Cathay Pacific ซึ่งราคารวมภาษีอยู่ที่ 10,xxx บาทต่อคน มาช่วยไว้ (ราคาพอๆ กับหางแดงที่รวมทุกอย่างแล้ว) ดูรีวิวโปรโมชั่นตั๋วเครื่องบินและการเดินทางไปกลับฮ่องกงกับ Cathay Pacific คลิ๊กที่นี่ครับ

    เวลาจริงที่ใช้ท่องเที่ยวฮ่องกงมาเก๊าในวันแรก The Peak, Avenue of stars (Thu 26 May 2011)
    8:10 – 8:30 (20นาที) เขียนใบ ตม.ไทย รอคิวตรวจ Passport
    8:30 – 10:20 (1 ชั่วโมง 50นาที) นั่งกินบะหมี่และเล่นเน็ตฟรีที่ King Power Lounge
    10:20 – 10:50 (30นาที) เดินไปที่ Gate รอขึ้นเครื่อง

    15:00 – 15:33 (33นาที) เครื่องลงจอด ผ่านตม.ฮ่องกง รอกระเป๋า ซื้อ Octopus Card และเดินออกไปรอ รถเมล์ S1
    15:33 – 15:53 (20นาที) ขึ้นรถเมล์ S1 ไป MTR Tung Chung หรือ City Gate
    15:53 – 16:35 (42นาที) ถึง MTR Tung Chung เดินเข้าไปรอ MTR (3 นาที) MTR ไป Nam Cheong (21นาที) รอเปลี่ยนขบวน (7นาที) MTR ไป Hung Hom (11นาที)
    16:35 – 16:45 (15นาที) ถึง MTR Hung Hom ออก Exit C2 ไปโรงแรม Habour Plaza Metropolis (5นาที) Check-in และเข้าที่พัก (5นาที)

    17:51 – 18:27 (36นาที) ออกจากโรงแรมไป MTR ไป Hung Hom (5นาที) MTR ไปลงที่ East Tsim Sha Tsui แล้วจึงเดินไปที่ MTR Tsim Sha Tsui แล้วขึ้น MTR ไปลง Central (31นาที)
    18:30 – 18:44 (14นาที) ออก MTR Central Exit J2 เดินไป Lower Peak Tram Terminal (เดินแบบคนไม่ค่อยรู้ทาง)
    18:44 – 19:00 (1ชั่วโมง16นาที) รอรถรางขึ้น The Peak คิวยาวมาก (ไม่ต้องต่อคิวซื้อตั๋วเนื่องจากใช้ Octopus Card รูดได้เลย)
    19:00 – 19:13 (13นาที) นั่งรถรางขึ้น The Peak

    19:13 – 19:26 (13นาที) เดินขึ้น Sky Terrace แบบชิวๆ
    19:13 – 20:10 (57นาที) ถ่ายรูป ชมวิวกลางคืน ดู Symphony of Life แบบไม่มีเสียงเพลง (คนเยอะมาก)
    20:10 – 20:20 (10นาที) ลงจาก Sky Terrace มา Upper Peak Tram Terminal แต่เนื่องจากคนเยอะเลยหาอะไรกินก่อน
    20:20 – 20:39 (19นาที) เดินหาอะไรกิน นั่งกิน McDonalds
    20:39 – 20:45 (6นาที) เดินลงมาต่อแถวขึ้นรถรางลงไปด้านล่าง
    20:45 – 21:16 (31นาที) รอรถรางลงจาก The Peak (ไม่ต้องต่อคิวซื้อตั๋วเนื่องจากใช้ Octopus Card ได้)
    21:16 – 21:26 (10นาที) นั่งรถรางมาถึงด้านล่าง

    21:26 – 21:50 (24นาที) เดินออกจาก Lower Peak Tram Terminal และรอรถเมล์สาย 15C (8นาที) นั่งรถเมล์สาย 15C ไป Pier 7 (18นาที)
    21:50 – 21:56 (6นาที) รอเรือ Star Ferry ซึ่งปิดบริการตอนสี่ทุ่ม (คาดว่าได้นั่งเที่ยวสุดท้าย)
    21:56 – 22:08 (12นาที) นั่งเรือ Star Ferry ไป Avenue of Star
    22:08 – 23:04 (56นาที) เดินเล่นที่ Avenue of Star ตามหาฝ่ามือเฉินหลง


    เครื่องลงจอด ใช้เวลาเอากระเป๋าและผ่านตม.ฮ่องกงไม่นาน ผมก็มุ่งตรงไปยัง Counter ของ MTR เพื่อซื้อบัตร Octopus ที่ดาวสีชมพูบนแผนที่ จากนั้นเลี้ยวขวาไปจุดจอดรถเมล์ ตามป้ายที่เขียนว่า Airbus เพื่อขึ้นรถเมล์สาย S1 ไป MTR Tung Chung แล้วขึ้นรถไฟฟ้า MTR ไปสถานี Hung Hom ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทาง



    วิธีที่ผมใช้เดินทางเข้าตัวเมืองฮ่องกงเป็นวิธีที่ประหยัดที่สุดซึ่งเสียค่าโดยสารเพียง 20 HKD เดินทางถึงสถานี MTR Hung Hom (ถัดจากสถานี East Thim Sha Thui ไป 1 สถานี) ประหยัดไปได้ถึงคนละ 50 – 60 HKD เลยทีเดียว (เมื่อเทียบกับ Airport Express) แต่อาจเสียเวลาเดินทางมากกว่าอยู่ประมาณ 10 – 20 นาที
  • ผมเคยเปรียบเทียบเวลาและค่าโดยสารในการเดินทางเข้าเมืองด้วยวิธีต่างๆ ลองดูรีวิวได้ที่นี่ครับ



    เดินทางถึงสถานี Hung Hom ซึ่งเป็นสถานีที่ค่อนข้างใหญ่เนื่องจากเป็นสถานีที่สามารถต่อรถไฟฟ้าไปยังกวางโจวและเซินเจิ้นได้ รถเมล์และรถแท็กซี่มากมายจอดอยู่บริเวณโดยรอบ ตึกที่เห็นฝั่งตรงข้ามสถานีก็คือ Habour Plaza Metropolis ที่พักของผมใน 3 คืนต่อจากนี้นั่นเอง



    บรรยากาศภายในห้องพักครับ
  • สามารถดูรีวิวอย่างละเอียดของ Habour Plaza Metropolis คลิ๊กที่นี่ครับ




    ผมชอบวิวจากห้องพักที่นี่มากเลยครับ ดูแล้วสบายตาดี



    หลังจากเอนกายพักผ่อนได้สักชั่วยาม ก็เริ่มต้นท่องเที่ยวฮ่องกงในเวลาเกือบหกโมง จุดหมายแรกคือ The Peak ยามค่ำคืน



    การเดินทางไป The Peak ผมใช้บริการของ Peak Tram หรือรถราง แต่การเดินทางไป Lower Peak Tram Terminalของผมคราวนี้อาจจะแปลกกว่าคนทั่วไปสักหน่อย เพราะใช้วิธีเดินเท้าจาก MTR Central ไปยัง Lower Peak Tram Terminal สาเหตุที่ไม่นั่งรถสาย 15C จาก Pier 7 เหมือนครั้งก่อนๆ เนื่องจากระยะทางในแผนที่บอกผมว่าเดินจาก MTR Central ไป Pier 7 เพื่อขึ้นรถสาย 15C ระยะทางใกล้เคียงกับเดินไป Lower Peak Tram Terminal

  • รีวิวเดินทางไป Lower Peak Tram Terminal ด้วยการนั่งสาย 15C จากป้ายที่ใกล้ Central ที่สุด คลิ๊กที่นี่
  • รีวิวเดินทางไป Lower Peak Tram Terminal ด้วยการนั่งสาย 15C จาก Pier 7 www.hongkongfanclub.com/index.php?topic=44.0

    ช่วงแรกๆ ก็หลงๆ แต่พอจับทางได้ก็สบาย มีป้ายบอกอยู่ตลอดเวลา ถ้าใครอยากเดินตามรอยผม มีวิธีง่ายนิดเดียวครับ ถึง MTR Central เดินออก Exit J2 จากนั้นเดินขนานกับถนนตรงไปจนเจอสี่แยก (เดินตามเส้นสีชมพูบนแผนที่) ที่สี่แยกนี้จะมีสะพานลอยซึ่งเชื่อมต่อกันจนเหมือน sky walk บ้านเรา (สะพานลอยแทนด้วยเส้นสีเทาในแผนที่) หาทางขึ้นสะพานลอยให้ได้ครับ แล้วเดินตามสะพานลอยไปเรื่อย ๆ จะเจอตึกซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของฮ่องกงหรือ Bank of China Tower ให้เดินเลียวไปทางขวามือ จากนั้นจะมีป้ายบอกอยู่ตลอดทางว่า The Peak ไปทางไหน



    มองจากสะพานลอยที่อยู่บนถนน Garden Road ก็จะเห็นตึกสูงเรียวซึ่งเป็นที่ตั้งของ Lower Peak Tram Terminal ด้านล่างของตึกจะเขียนด้วยตัวหนังสือสีขาวบนแถบสีน้ำเงินว่า Private Banking



    เมื่อสุดเส้นทางสะพานลอย เดินลงมาฟุตบาท หันไปทางขวามือจะเจอโบสถ์คริสต์อยู่ฝั่งตรงข้ามของถนน เดินมาอีกนิดแล้วข้ามถนนด้วยสะพานลอยอีกครั้ง ก็ถึงแล้วครับ



    เห็นคนต่อแถวที่ Lower Peak Tram Terminal แล้วตกใจมากครับ ทำไมคนถึงเยอะอย่างนี้ ทั้งที่วันนี้เป็นวันพฤหัส ผมจึงตัดสินใจจ่ายค่ารถรางโดยการรูดบัตร Octopus แทนการต่อคิดซื้อตั๋วจาก Counter เพื่อลดเวลารอคิวให้น้อยลง (แต่ก็ไม่ได้ใช้ส่วนลด 10% ที่ได้มาจาก Tourist Day Pass หรือ Airport Express Travel Pass) แต่ถึงกระนั้นก็ยังรอคิวชั่วโมงกว่า ใครจะมาช่วงเย็นๆ แบบนี้ เผื่อเวลาไว้บางนะครับ ช่วงเวลาที่คิวน้อยคือหลังสามทุ่มเป็นต้นไปครับ (เท่าที่ผมเห็นตอนผมลงมา) The Peak และรถราง Peak Tram เปิดให้บริการถึงเที่ยงคืนครับ
  • ดูวิธีการซื้อตั๋ว Peak Tram และ Sky Terrace ราคาถูก คลิ๊กที่นี่ แล้วดูในหัวข้อ “ซื้อตั๋วราคาถูก”



    ถึงสถานีด้านบนก็เดินขึ้นไปชั้นบนสุด รูดบัตร Octopus อีกครั้งเพื่อขึ้นไปที่ Sky Terrace ซึ่งเป็นจุดชมวิวสูงที่สุดของ The Peak ภาพที่เห็นคือคนมหาศาลเลยครับ ไม่มีแม้ที่จะเข้าไปเกาะราวถ่ายรูปกับวิวสวยๆ คราวที่แล้วมาถึงตอนห้าโมงเย็นวันเสาร์เดือนเมษายังถ่ายรูปสบายๆ อยู่เลย



    ด้วยความอดทนก็รอจนกว่าจะได้ราวเกาะชมวิว ก็เลยได้ถ่ายวิวสวยๆ อย่างที่เห็น



    ตอนนี้ด้านล่างมี Symphony of Life ก็เห็นไฟกระพริบๆ แต่ไม่มีเสียงเพลง เลยไม่สนุกตื่นเต้นเท่าไรนัก



    ช่วงที่ผมไป มีมุมให้เขียนข้อความให้คนรักแล้วเอาไปห้อยไว้ที่หัวใจรูปใหญ่ซึ่งตรงกลางหัวใจเขียนไว้ว่า “Say I love you at The Peak”



    ขากลับเดินผ่านชั้นสองของตึกซึ่งมีตั๋วดิสนีย์ขาย ถ้าซื้อ 2 ใบจะแถมร่มให้ฟรี 1 คัน (หมดเขต Oct 11) แต่ไม่สามารถใช้ส่วนลดที่ได้จาก Tourist Day Pass หรือ AE Travel Pass ได้ ถ้าจะใช้ส่วนลดต้องไปซื้อหน้าประตูทางเข้าดิสนีย์ครับ

    ลงต่อแถวขึ้นรถรางกลับไปด้านล่างก็เจอคนมหาศาลอีกแล้วครับ เลยไปหาอะไรกินแถวนั้นก่อนเพื่อให้คนน้อยกว่านี้ มื้อนี้เลยฝากท้องไว้ที่นี่ ซึ่งผมคิดว่าเป็นอาหารที่ถูกที่สุดในฮ่องกงแล้ว ถูกกว่าอาหารข้างทางอีก (แต่มาเมืองไทยกลับเป็นอาหารที่แพงไปได้)



    เดินกลับมาคิวก็ยังเยอะอยู่ดี ครั้นขึ้นรถเมล์สาย 15 ลงไปด้านล่างก็เกรงว่าสิ่งที่กินไปเมื่อครู่จะออกมาก่อนเวลาอันควร



    รอคิวประมาณครึ่งชั่วโมง รถรางของผมก็มาเทียบท่า



    เมื่อลงถึงด้านล่างจึงรอรถเมล์สาย 15C เพื่อเดินทางไปยัง Pier 7 วันนี้โชคดีครับ ได้ขึ้น 15C ชมเมืองฮ่องกงยามค่ำคืน ซึ่งปกติแล้วไม่ใช่ 15C ทุกคันที่เปิดประทุน (ใช้บัตร Octopus ในการจ่ายเงินค่ารถเมล์)



    บรรยากาศบนรถเมล์ 15C เปิดประทุน ผู้คนต่างตื่นเต้นถ่ายรูปกันยกใหญ่



    ผ่านตึกน้อยใหญ่



    และตึกซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของฮ่องกง Bank of China Tower



    ถึง Pier 7 ก็รูดบัตร Octopus นั่นเรือ Star Ferry เที่ยวสี่ทุ่มข้ามจากฝั่งฮ่องกงมายังฝั่งเกาลูน ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเรือเที่ยวสุดท้าย ด้านล่างคือวิวบนเรือ Star Ferry



    เดินเล่นที่ Avenue of Star ที่ฝั่งเกาลูนก่อนกลับเช้าที่พัก คราวนี้ตั้งใจจะหาฝ่ามือเฉินหลงให้เจอ เดินไปเดินมาเจอเรือสำเภาสีแดง Duk Ling ซึ่งเป็นสัญลักษณ์อันโด่งดังของฮ่องกง ถ้าใครอยากนั่งเรือ Duk Ling ก็มีบริการครับ ลองเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ //www.dukling.com.hk/



    เดินมาเกินครึ่งทางก็ยังไม่เจอฝ่ามือเฉินหลงซักที เจอแต่เทพีดวงดาว (ผมตั่งชื่อเอง)



    มาจนสุดทาง Avenue of Star ถึงจะเจอฝ่ามือเฉินหลง เฮ้อหลอกให้เดินซะทั่วเลย วันนี้เจอฝ่ามือเฉินหลง สมใจ นอนหลับฝันดีแล้วครับ






    เวลาจริงที่ใช้ท่องเที่ยวฮ่องกงมาเก๊าในวันที่สอง Disneyland, Shopping @ Mong Kok (Fri 27 May 2011)

    8:30 – 8:57 (27นาที) เดินจากโรงแรมไป MTR Hung Hom นั่งกิน Mc ที่สถานี และไปรอขึ้น MTR
    8:57 – 9:32 (35นาที) นั่ง MTR ไป MTR Disneyland Resort
    9:32 – 9:41 (9นาที) เดินเข้า Disneyland แวะถ่ายรูปแบบชิลๆ (7นาที) ชื้อตั๋วแบบไม่มีคิวเลยแม้แต่คนเดียว (2นาที)
    9:41 – 9:53 (12นาที) ถ่ายรูปตรงน้ำพุหน้าทางเข้า
    9:53 – 10:00 (12นาที) เดินไปรอที่ประตูทางเข้า เป็นวันที่คนน้อยไม่เยอะเหมือนเสาร์อาทิตย์และช่วง Star Guest
    10:00 – 10:29 (29นาที) เข้าประตูสิบโมงตรง ถ่ายรูปหน้าทางเข้าและเดินดูของตามร้านค้าต่างๆ เนื่องจากพื้นที่ส่วนเครื่องเล่นเปิดให้เข้าตอนสิบโมงครึ่ง
    10:29 – 10:34 (5นาที) หลังจากเข้าส่วนเครื่องเล่นได้ก็รีบวิ่งไปต่อแถวเล่น Autopia (ขับรถตามราง) ที่ Zone Tomorrow Land ซึ่งคราวที่แล้วไม่ได้เล่น
    10:34 – 10:45 (11นาที) ต่อคิว (4นาที)ขับรถ Autopia ราวกับว่าเป็นเด็กอีกครั้ง (7นาที)
    10:45 – 10:57 (12นาที) เดินไปเล่น เล่น Astro Blasters ได้ทันทีโดยไม่มีคิว (8นาที)
    10:57 – 11:12 (14นาที) ต่อคิว (5นาที) เล่น Space Mountain (รถไฟเหาะ) (7 นาที)
    11:12 – 11:23 (11นาที) เดินไป Zone Fantasy Land (5นาที) รอคิว (2นาที) เล่น Mad Hatter Tea Cup (ถ้วยหมุน) (4นาที)
    11:23 – 11:41 (18นาที) เดินไป Small world (4นาที) รอคิวเพราะอยากนั่งหน้าเรือ (ที่จริงไม่มีคิว) (3นาที) นั่งเรือที่ Small world (ชมตุ๊กตานานาชาติ) (11นาที)
    11:41 – 11:51 (10นาที) เดินเล่น ถ่ายรูป
    11:51 – 12:15 (24นาที) เข้าคิว (7นาที) ดู Mickey’s Philhar Magic (หนังสี่มิติ) (17นาที)
    12:15 – 12:23 (8นาที) ดูของที่ระลึก เดินเล่น
    12:23 – 13:18 (55นาที) เข้าคิว (20นาที) ดู The Golden Mickeys (โชว์การแสดงประกอบเพลง) (35นาที)
    13:18 – 13:30 (12นาที) ใช้ Fast Pass เข้าคิว(4นาที) ชม The Many Adventures of Winnie the Pooh (นั่งรถเข้าบ้านหมีพูห์) (5นาที)
    13:30 – 13:40 (10นาที) เดินดูของที่ระลึก
    13:40 – 13:02 (22นาที) ทานอาหารกลางวัน
    14:02 – 14:16 (14นาที) เดินไปถ่ายรูปกับ Minnie Mouse แต่เธอดันหายตัวไป เลยอดถ่าย
    14:16 – 14:36 (20นาที) ซื้อของที่ระลึกที่เล็งๆไว้
    14:36 – 15:08 (32นาที) รอคิว (12นาที) นั่งรถไฟชม Disneyland เต็มรอบ (20นาที)
    15:08 – 15:26 (18นาที) เดินเล่นมาถ่านรูปที่ Sleeping Beauty castle
    15:26 – 16:01 (35นาที) นั่งรอ(19นาที) ดูขบวน Parade ดูขบวน Parade Disney’s Flights of Fantasy (16นาที)
    16:01 – 16:20 (19นาที) รีบวิ่งมาต่อแถวเพื่อ รอคิว(10นาที) เล่น Orbitron (ยานอวกาศหมุนๆ) (5นาที)
    16:20 – 16:35 (15นาที) เดินไปมา ถ่ายรูป ดูโชว์เคาะกระป๋องให้เป็นเพลง
    16:35 – 16:47 (12นาที) ต่อคิว(5นาที) เล่นม้าหมุน Cinderella Carousel (7นาที)
    16:47 – 16:52 (5นาที) เดินชิวๆ ไปถ่ายรูปกับดาราที่ Fantasy Gardens
    16:52 – 17:44 (52 นาที) ต่อคิวถ่ายรูปกับหมีพูห์ Pooh (15นาที) มินนี่ Minnie Mouse (21นาที) ตุ๊กตาหมีของมินนี่ (ไม่ดังเลยไม่มีคิว) (3นาที) กูฟฟี่ Goofy (อันนี้ก็ไม่ดังเลยไม่มีคิว) (2นาที) และมิกกี้ Micky Mouse (11นาที)
    17:44 – 17:57 (13นาที) เดินไปที่ Zone Adventure Land แวะกินวาฟเฟิลฮ่องกงที่ไม่ค่อยอร่อย
    17:57 – 18:12 (15นาที) ต่อคิว (3นาที) ล่องเรือ Jungle River Cruise (ล่องเรือ ส่องสัตว์ เข้าป่า จำลอง) (12นาที)
    18:12 – 18:41 (29นาที) เมื่อย นั่งพักที่ร้านฟาสฟู้ด พร้อมกันกินเบอร์เกอร์รองท้องที่Zone Tomorrow Land
    18:41 – 18:49 (8นาที) เล่น Astro Blasters อีกรอบ (ไม่มีคิว)
    18:49 – 19:25 (36นาที) เลือกซื้อของที่ระลึก
    19:25 – 19:40 (15นาที) ต่อคิว (4นาที) ขับรถ Autopia ในเส้นทางที่ไม่ซ้ำกับเมื่อเช้า (7นาที)
    19:40 – 19:51 (11นาที) เดินไปเล่น Astro Blasters เป็นรอบที่ 3 (ไม่มีคิว)
    19:51 – 19:58 (7นาที) เล่น Astro Blasters เป็นรอบที่ 4 (ไม่มีคิว) เล่นยังไงคะแนนก็น้อยคนข้างๆ ตลอดเลย
    19:58 – 20:05 (7นาที) รีบวิ่งออกไปที่ Sleeping Beauty castle ดู Tinker Bell Castle Illumination (5นาที)
    20:05 – 20:43 (38นาที) รอดูพลุ (25นาที) (ระหว่างรอก็ดูปราสาทเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ) ดูพลุ "Disney in the Stars" Fireworks (13นาที)
    **ตามโปรแกรมข้างต้นยังไม่ได้เล่น Rafts and Tarzan’s Tree House, Dumbo the Flying Elephant, Stitch Encounter และเข้าชม The Lion King
    20:43 – 21:03 (20นาที) เดินออกจาก Disneyland มาที่ MTR
    21:03 – 21:50 (47นาที) นั่ง MTR มาที่ Mong Kok
    21:50 – 22:13 (23นาที) ทานบะหมี่ฮ่องกงแถว Mong Kok
    21:13 – 22:25 (12นาที) ทานลูกชิ้นเนื้อร้านโปรดใต้ตึก Sincere
    22:25 – 23:11 (46นาที) เดิน Shopping แถว Mong Kok

    เนื่องจากไม่ได้เตรียมรีวิวของร้านอาหารย่านนี้ ประกอบกับเกรงว่าจะเสียเวลาหาร้านอาหาร ผมจึงมี 2 ตัวเลือกคือ McDonald และ Maxim’s Express แต่เสียดายที่ตอนเช้าอย่างนี้ Maxim’s Express ไม่ขายข้าวมันไก่ของโปรด และไม่มีอะไรที่เราอยากทาน เลยจำใจกิน McDonald เหมือนเคย



    นั่งรถไฟฟ้าข้ามเกาะทะลุภูเขา



    เพื่อมาขึ้นรถไฟขบวนนี้ โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ทั้งภายนอก



    และภายในห้องโดยสาร



    และแล้วรถไฟก็จอดที่ชานชาลาสุดคลาสสิก ก่อนเวลาประตูเปิดเกือบครึ่งชั่วโมง




    เดินเล่น ซื้อตั๋วแบบไม่ต้องกลัวเข้าคิว มาทีไรก็ไม่เคยมีคิว ผมเลือกซื้อตั๋วหน้าทางเข้าเนื่องจากต้องการใช้คูปองส่วนลดที่ได้จาก Tourist Day Pass ซึ่งลดไปทั้งหมด 30 HKD + 5 HKD (เมื่อจ่ายด้วย VISA) ซึ่งทำให้ผมซื้อตั๋ว Disneyland ได้ในราคาเพียง 315 HKD หรือประมาณ 1200 บาทเท่านั้น (ตั้งแต่สิงหาคม 2011 เป็นต้นไปราคาตั๋วปรับขึ้นจาก 350 เป็น 399 HKD)
  • ดูวิธีการซื้อตั๋ว Disneyland ราคาถูก และ Promotion คลิ๊กที่นี่ แล้วดูในหัวข้อ “ซื้อตั๋วราคาถูก”



    คิวรอเข้าสวนสนุก ซึ่งถือว่าน้อยมากครับ คราวที่แล้วมาวันเสาร์ในช่วง Star Guest ซึ่งตรงกับปิดเทอมของฮ่องกง คิวยาวมาก แต่ก็สนุกไปอีกแบบ เนื่องจากได้ลุ้นในโปรแกรม Star Guest
  • ดูรีวิวเที่ยว Disneyland ในช่วง Star Guest คลิ๊กที่นี่



    พอเข้าประตูมาได้ เกือบทุกคนก็ต้องมาถ่ายรูปตรงนี้ ผมก็เช่นกัน



    เมื่อเข้ามาแล้ว ยังต้องรอส่วนที่เป็นเครื่องเล่นเปิดตอนสิบโมงครึ่ง เลยเดินดูตามร้านขายของที่ระลึกไปเรื่อยๆ



    เดินมาเจออยู่ร้านนึง ขายโมเดลที่ทำจากแก้ว สวยมากๆ แต่ก็แพงมากๆ ด้วย ตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งตก 5200 บาทเลยทีเดียว



    ดาราใหม่ของที่นี่ครับ Tinker Bell สนนราคาอยู่ที่ 8000 บาท กลางคืนวันนี้เธอจะบินรอบปราสาทให้ผมดูครับ



    ตัวละครสุดคลาสสิกของ Disney, Snow White



    หลังจากบริเวณเครื่องเล่นเปิดให้เขา ผมก็วิ่งอย่างไม่คิดชีวิตเพื่อไปขับรถ Autopia



    ที่จริงแล้วก็เป็นเครื่องเล่นแบบเด็กๆ ขับรถตามราง ถ้าขับออกนอกเส้นทาง รางก็จะดึกตัวรถกลับมาเอง ความสนุกของมันอยู่ที่ได้ขับรถโดยไม่รู้ว่าข้างหน้าจะเจออะไร บางคนก็ได้รอดอุโมงค์ บ้างก็ขึ้นภูเขา บ้างก็ขึ้นสะพาน เนื่องจากมีเส้นทางให้เลือก 3 เส้นทาง



    ขับด้วยความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงตลอดเวลา !!



    เส้นทางที่ผมได้คราวนี้คือเข้าป่าและขึ้นเขา



    หลังจากขับรถ Autopia สมใจอยากแล้ว เดินออกมาอีกนิดเพื่อเข้าไปยิงปืนแข่งกันใน Astro Blasters ซึ่งเครื่องเล่นนี้ปกติคิวน้อยอยู่แล้วเนื่องจากสามารถเล่นได้หลายๆ คนพร้อมกัน แต่วันนี้ไม่ต้องต่อคิวเลยแม้แต่คนเดียว



    บรรยากาศภายในสนามยิงปืนซึ่งจะมีที่นั่งเลื่อนไปเรื่อยๆ จนออก ระหว่างนั้นก็ต้องยิงให้โดนเป้ามากที่สุด และคะแนนจะขึ้นเรื่อยๆ



    วันนี้ผมเล่น Astro Blasters ถึงสี่รอบ โดยสองรอบแรกผมอยู่ทางซ้ายมือ แฟนผมอยู่ทางขวามือ คะแนนออกมาแบบนี้ครับ



    รอบที่สามและสี่ ผมขอแฟนผมเปลี่ยนฝั่งไปนั่งฝั่งขวามือ เนื่องจากคิดว่าอีกฝั่งคงยิงได้ดีกว่า คะแนนก็ออกมาแบบนี้ครับ สรุปว่าเกมนี้อยู่ที่คนยิงครับ แพ้แฟนตัวเองทั้งสี่รอบเลยครับ



    หลังจากนั้นรอคิวเล็กน้อยเพื่อเข้าไปนั่งรถไฟเกาะ Space Mountain



    มันคือรถไฟเหาะ (แต่ไม่ตีลังกา) ในความมืด เหมือนเรานั่งยานอวกาศอยู่เลย สนุกและหวาดเสียวดีเนื่องจากมองไม่เห็นว่าข้างหน้าทางเป็นอย่างไร



    ระหว่างสนุกและหวาดเสียวนั้น มีการแอบถ่ายรูปไว้โชว์ว่า พอเวลาคุณเสียว หน้าตาคุณเป็นอย่างไร ฝรั่งเสื้อเขียวด้านหลังแสดงอาการเสียวได้ตลกมาก



    หลังจากนั้นเดินไป Zone Fantasy Land นั่งถ้วยหมุน Mad Hatter Tea Cup ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ เหมือนผมก็เคยเล่นถ้วยหมุนๆ แบบนี้ที่เมืองไทย



    เดินต่ออีกนิดในโซนเดียวกันไปนั่งเรือชมตุ๊กตาน่ารักๆ ใน Small world อันที่จริงไม่ต้องรอคิว แต่อยากนั่งหน้าเรือและเป็นส่วนตัว เลยเสียเวลารอเรือเล็กน้อย



    ราวกับว่าได้เที่ยวรอบโลก มีทั้งีอียิปต์



    ชนเผาอินเดียแดงในอเมริกา



    ทัชมาฮาลในอินเดีย



    และเมืองฮ่องกง



    ถ่ายรูปสวนหน้า Small World เล็กน้อยก็เดินไปต่อแถวดูหนังสี่มิติ Mickey’s Philhar Magic



    ใส่แว่นตาสำหรับดูหนัง และใช้เวลาดูประมาณ 20 นาที ที่ว่าสี่มิติคือ คนดูโดนน้ำกระเด็นใส่ โดนลมเป่า แบบเดียวกับที่โดนัลด์ ดั๊ก โดนในเรื่องนั่นเอง

    มา Hong Kong Disneyland คราวที่แล้วผมก็มีโอกาสได้ดูหนังสี่มิตินี้เช่นกัน แต่คราวนี้เนื้อเรื่องบางส่วนเปลี่ยนไปเนื่องจาก Hong Kong Disneyland พึ่งมีดาราใหม่ นั่นคือ Tinker Bell นั่นเอง



    หลังจากนั้นรีบเดินไปต่อแถวเพื่อดูโชว์การแสดงประกอบเพลง The Golden Mickeys



    อีกตั้ง 20 นาทีการแสดงถึงจะเริ่ม แต่ผู้คนก็มาต่อแถวกันยาวอย่างที่เห็น



    เมื่อเวลาผ่านไป แถวด้านหลังผมยาวสุดลูกหูลูกตา



    มีทั้งการแสดงโชว์ของครอบครัวโดนัลดักและ Goofy



    Toy Story ก็มา



    Stitch โต้คลื่น



    Beauty and The Beast



    อสูรกลายร่างเป็นเจ้าชาย



    และโชว์อื่นๆ เช่น มู่หลาน ทาร์ซาน



    เดินมาอีกหน่อยในโซนเดียวกันเพื่อใช้ Fast Pass (บัตรสำหรับจองเวลาเล่นเครื่องเล่น สามารถนำบัตรเข้าสวนสนุก ไปรูดเพื่อจองเวลาเล่นได้ แต่มีเครื่องเล่นไม่กี่เครื่องที่มี Fast Pass) เข้าคิว นั่งรถเข้าบ้านหมีพูห์ใน The Many Adventures of Winnie the Pooh



    ทำให้คุณรู้จักหมีพูห์และผองเพื่อนมากขึ้น



    ได้เวลาอาหารกลางวันในยามบ่าย มือนี้ฝากท้องไว้กับบะหมี่หมูและบะหมี่เนื้อตุ๋นที่สวนอาหารข้างบ้านหมีพูห์ รสชาติอร่อยดี ราคาก็ชามละ 70 HKD แพงตามประสาอาหารในสวนสนุก



    เดินไปต่อแถวถ่ายรูปกับ Minnie Mouse แต่จู่ๆ ก็ได้เวลาพักของเธอ เลยออกจากแถวเพราะนึกว่าเธอพักนาน ที่ไหนได้ อีกเพียงแค่ 3 นาทีเธอก็ออกมาให้ถ่ายรูปเหมือนเดิม ขี้เกียจต่อแถวใหม่เลยไปรอขึ้นรถไฟชม Disneyland ดีกว่า รอซักพักรถไฟก็มา



    ขึ้นรถไฟมาถึงสถานีหน้าประตูทางเข้า (รถไฟมีแค่ 2 สถานีคือ หน้าประตูทางเข้าและ Zone Fantasy Land) แต่มีเพียงไม่กี่คนที่ลงจากขบวน เพราะเกือบทุกคนอยากนั่งรถไฟให้ครบรอบ



    หลังจากได้นั่งรถไฟครบรอบสมใจ ก็ได้เวลารอดูขบวน Parade Disney’s Flights of Fantasy เริ่มต้นจาก... รถขายน้ำ นำหน้าขบวนเลยครับ ที่จริงก็เตรียมตัวมาดีโดยการนำน้ำขวดใหญ่ใส่กระเป๋ามาดื่มกันแล้ว แต่ก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการจึงต้องเสียเงิน 20 HKD ซื้อน้ำที่ Disneyland อยู่ดี



    ตามมาด้วยช้าง Dumbo มาโชว์ว่า Hong Kong Disneyland ครบ 5 ขวบแล้วนะ มุมที่ผมดูไม่ค่อยดีเท่าไรเนื่องจากได้เห็นแค่ข้างๆ ขบวน



    และเหล่าเพื่อนพ้อง Mickey Mouse



    Winnie the Pooh ซึ่งคราวที่แล้วที่ผมมา Pooh และเพื่อนไม่ได้ออกมาโชว์ตัว



    Lion King



    ดาราคนใหม่ของ Hong Kong Disneyland, Tinker Bell



    Stitch



    หลังจากชมพาเหรดเสร็จก็รีบวิ่งมาที่ Zone Tomorrow Land เพื่อต่อแถวเล่นขับยานอวกาศ Orbitron ซึ่งไม่เคยเล่นมาก่อน แต่พอเล่นแล้วก็รู้สึกว่าแบบนี้เมืองไทยก็มี



    ถือซะว่าขึ้นมาถ่ายรูปมุมสูง



    เดินผ่าน สวนน้ำ (สวนที่มีน้ำฉีดออกมา) เด็กๆ เล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน



    ฟังเพลงที่บรรเลงจากถังและกระป๋อง



    เล่นม้าหมุน Cinderella Carousel ปีที่แล้วก็เล่น ปีนี้มาก็ยังไม่เบื่อ ทำเป็นเด็กไปได้



    ต่อคิวถ่ายรูปกับดาราดังของ Disney โดยเฉพาะ Pooh หนึ่งในดวงใจผมเลย



    เดินไปที่ Zone Adventure Land เพื่อนั่งเรือ Jungle River Cruise ราวกับว่าไปผจญภัยในป่าแอฟริกา มีทั้งช้าง เสือ จระเข้ คนป่า ซึ่งเป็นของปลอมแต่สามารถหลอกเด็กหลายคนว่ามันคือของจริงได้



    ตอนสุดท้ายของการล่องเรือ จบด้วยภูเขาไฟระเบิด



    เดินเที่ยวเล่นทั้งวัน ขอนั่งพักซักหน่อยที่ร้านฟาสฟู้ด Zone Tomorrow Land อาหารขยะยังคงเป็นอาหารที่ถูกที่สุดในฮ่องกง ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน รวมทั้งที่นี่ด้วยซึ่งแฮมเบอร์เกอร์ถูกกว่าบะหมี่



    เลือกซื้อของที่ระลึกในร้านอยู่พักใหญ่ เนื่องจากเจอของถูกใจราคาไม่แพงนัก เป็นตุ๊กตาต่างๆ อยู่ในแคปซูล ลูกละ 16 HKD



    รอเวลาดูพลุโดยการ ขับรถ Autopia อีกรอบเพราะอยากขับไปอีกเส้นทางที่รอดใต้ภูเขา และแข่งยิงปืนกันอีก 3 รอบใน Astro Blasters



    ใกล้สองทุ่มแล้ว จึงรีบวิ่งออกไปที่ Sleeping Beauty castle เพื่อดู การแสดงแสงสีเสียง Tinker Bell Castle Illumination คนมารอกันดูกันเยอะมาก



    ภาพที่เห็นราวกับว่า Tinker Bell บินอยู่รอบปราสาท Sleeping Beauty castle การแสดงนี้ใช้เวลาเพียงแค่ 5 นาที



    ระหว่างรอดูพลุตอนสองทุ่มครึ่ง ก็ดู Sleeping Beauty castle เปลี่ยนสีไปพลางๆ





    พลุมาแล้วครับ จุดอยู่ประมาณสิบห้านาที ของจริงสวยมาก แต่ถ่ายภาพออกมาไม่สวยเลย



    กลับมาหาอะไรทานแถว Mong Kok แวะร้านราเมนแชงการีล่า สั่งแค่ชามเดียวก่อนครับ เพราะคราวที่แล้วสั่งคนละชามแล้วทานไม่หมด เป็นราเมนที่ต้องเลือกเครื่องเอง ก็ชี้ๆ เอาครับว่าจะใส่อะไรบ้าง อร่อยดีครับ ราคาประมาณชามละ 30 HKD

    ดูดดูรวบรวมรีวิวร้านอาหาร ในฮ่องกง มาเก๊า พร้อมแผนที่ คลิ๊กที่นี่ครับ



    น้ำเตาหู้ขวดนี้อร่อยดีครับ ผมชอบ มีขายตาม 7-11 ทั่วไป ตลอดทริปนี้ ซื้อดืมอีกหลายขวดทีเดียว



    มาย่าน Mong Kok ทั้งที ต้องไม่ลืมแวะชิมลูกชิ้นเนื้อใต้ตึก Sincere ร้านนี้ครับ เนื้อแน่นน้ำจิ้มอร่อยได้ใจจริงๆ สนนราคาไม้ละ 13 HKD



    หลังจากอิ่มท้องแล้วก็ได้เวลาช๊อปปิ้งตอนห้าทุ่ม ร้านส่วนใหญ่จะปิดประมาณเที่ยงคืน



    ได้กระเป๋าคิตตี้, ฟองน้ำ และ Bioderma เช็ดเครื่องสำอาง สำหรับใช้ทั้งปี



    วันนี้เป็นวันที่เหนื่อยสุดๆ เที่ยวตั้งแต่เช้ายันมืดเลยครับ แต่ก็สนุกสุดๆ เหมือนกัน
  • ดูตอนต่อไป Snoopy’s World, Shopping @ Causeway Bay, Dining @ Jordan, Go to Macau, City of Dream คลิ๊กที่นี่





     

    Create Date : 14 สิงหาคม 2554    
    Last Update : 1 กันยายน 2554 21:50:07 น.
    Counter : 23065 Pageviews.  
  • เทคนิคการเที่ยวฮ่องกงมาเก๊าแบบสบายๆ แต่ประหยัดเงินในกระเป๋า สำหรับวางแผนเที่ยวฮ่องกงและมาเก๊า

    ผมแบ่งเป็นหัวข้อใหญ่ๆ ดังนี้ครับ
    1.ค้นหาโรงแรมราคาถูก และร้านอาหารอร่อย
    2.การแลกเงินและการใช้บัตรเครดิต
    3.แหล่งช๊อปปิ้ง พร้อมแนะแหล่งช๊อปราคาถูก
    4.สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจและการวางแผนเวลาที่ใช้ในการท่องเที่ยวฮ่องกง-มาเก๊า
    5.วิธีซื้อตั๋วราคาถูก Disneyland, The Peak, Ngong Ping, Ocean Park, Hong Kong Wetland, Madame Tussauds
    6.การเดินทางด้วย public transportation >Shuttle busฟรีและรถเมล์ในมาเก๊า, เรือระหว่างฮ่องกงมาเก๊า, MTR และรถเมล์ในฮ่องกง
    7.รายการสิ่งของที่จำเป็นที่ควรเตรียมไปฮ่องกงมาเก๊า

    1.ค้นหาโรงแรมราคาถูก และร้านอาหารอร่อย

    1.1 โรงแรมราคาถูก

       สวนตัวผมไม่ชอบ Guesthouse ซักเท่าไรนัก เนื่องจากพื้นที่แคบและอึดอัด การเลือกโรงแรมของผมจึงเน้นที่ราคาถูกแต่พื้นที่กว้างขวางกว่า Guesthouse ทั่วไปและเดินทางสะดวก ซึ่งโรงแรมที่ตรงกับความต้องการของผมก็มี JJ Hotel, Y-loft และ Caritas Bianchi Lodge ทั้งหมดนี้ได้ห้องที่ใหญ่ไม่อึดอัดในราคาประมาณ 2500 - 3200 บาท
       รองๆ ลงมาเนื่องจากราคาแพงกว่า (3200 - 4000 บาท) มีดังนี้ครับ Sunnyday Hotel, M Hotel, The Cityview, Habour Plaza Metropolis, Hotel Benito, BP International Hotel
       สุดท้ายคือห้องเล็กลงมาหน่อยแต่ราคาถูก(2500 - 3200 บาท) ก็มี MK Hotel, Casa Hotel, Dadol Hotel
       สำหรับมาเก๊าไม่มีปัญหาเรื่องห้องเล็กอยู่แล้วครับ โรงแรมที่ถูกๆ ก็จะมีตั้งแต่ Guesthouse อย่าง Hotel Kou Va, Hotel Man Va และ Nam Pan ส่วนโรงแรมราคาถูกก็มี Best Western Taipa, Hotel Royal และ Ole London
  • ผมรวบรวมรีวิวโรงแรมต่างๆ ไว้ที่นี่พร้อมแผนที่ คลิ๊กเข้าไปดูได้ครับ


  •    เทคนิคในการจองห้องพัก ถ้าต้องการจองล่วงหน้านานๆ แนะนำให้จองกับเวปที่ยังไม่เรียกเก็บเงินและสามารถ Cancel ได้ทีหลังเช่น Booking.com แล้วคอยเช็คราคาในเวปต่างๆ อยู่เรื่อยๆ ว่ามีโปรโมชั่นอะไรกับโรงแรมที่เราเลือกไว้หรือเปล่า ถ้ามีแล้วถูกใจก็สามารถยกเลิกการจองเก่า แล้วจองกับโปรโมชั่นใหม่ได้เลยครับ

    1.2.ค้นหาร้านอาหารอร่อยถูกใจ
       ผมรวบรวมรีวิวร้านอาหารต่างๆ ไว้ที่นี่พร้อมแผนที่ คลิ๊กเข้าไปดูได้ครับส่วนใหญ่มาจาก Hong Kong Fan Club ครับ
       แต่ถ้ายังไม่จุใจผมแนะนำ openrice.com ของประเทศฮ่องกงครับ ที่นี่บอกละเอียดเลยครับว่าร้านไหนอร่อยไม่อร่อยอย่างไร พร้อมรีวิวคนท้องถิ่น ใช้ง่ายเพราะนำเสนอในรูปแบบแผนที่ สามารถบอกได้ว่าร้านอร่อยๆ ใกล้ๆ แถวโรงแรมหรือแหล่งท่องเที่ยวมีร้านอะไรบ้าง
       สำหรับเรื่องกินในฮ่องกง ยังมีหนังสือ50 เมนูเด็ดท้าลอง อิ่มอร่อยตลอดทางในฮ่องกงให้ดาวน์โหลดได้ฟรีอีกด้วย ที่
    www.thanachard.com/download/HKSNackGuide.pdf
    (สำหรับใครที่ดาวน์โหลดไม่ได้ ลงอีเมล์ไว้ครับ ผมยินดีส่งไปให้ทางอีเมล์)

    2.การแลกเงินและการใช้บัตรเครดิต

    จากประสบการณ์ในการใช้ทั้งเงินสดและบัตรเครดิตในฮ่องกงและมาเก๊า ทำให้ผมรู้ว่าปัจจุบันนี้เลือกใช้เงินสดในฮ่องกงจะคุ้มค่าว่าบัตรเครดิตแน่นอนยกเว้นเสียแต่ว่าบัตรเครดิตของคุณจะคืนเงินจากการใช้จ่ายมากกว่า 2% แต่สำหรับที่มาเก๊าซึ่งอัตราแลกเปลี่ยนเงินไทย-มาเก๊ายังไม่ถูกเท่าไรนัก การใช้บัตรเครดิตในมาเก๊าสำหรับการช๊อปปิ้งจึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า ลองดูรีวิวรายละเอียดด้านล่างครับ
    วิธีการแลกเงินและใช้บัตรเครดิตในฮ่องกง-มาเก๊าให้คุ้มค่า

    3.แหล่งช๊อปปิ้ง พร้อมแนะแหล่งช๊อปราคาถูก

    รวบรวมแหล่งช๊อปปิ้งจาก Hong Kong Fan Clubwww.hongkongfanclub.com/index.php?topic=5105.0
    Code ใช้สำหรับลดราคาสินค้าแบรนด์ต่างๆ สามารถเข้าไปดูได้ที่
  • www.hongkongfanclub.com/index.php?topic=20950.0
  • www.hongkongfanclub.com/index.php?topic=14523.0
  • www.hongkongfanclub.com/index.php?topic=89.0

  • Code ใช้สำหรับจองโรงแรมลดราคาที่ expedia (หมดอายุ 2011)
  • www.hongkongfanclub.com/index.php?topic=20675.0

  • แหล่งช๊อปราคาถูก(สามารถดูที่ตั่งได้จากแผนที่รวบรวมรีวิวด้านบน)
  • SOGO ช่วง Anniversary Sale ปลายเดือนพฤษภาคมคลิ๊กดูโบรชัวร์สินค้าราคาถูกช่วง Sale ของห้าง SOGO ฮ่องกงได้ที่นี่
  • MUJI ราคาถูกกว่าประเทศไทย 40 – 70%
  • Godwell น้ำหอมและเครื่องสำอางราคาถูก
  • Wellcome, Taste และ City’super ซุปเปอร์มาร์เก็ตหาซื้อของฝากโดนใจ
  • ผลไม้ขายส่งราคาถูกที่ตลาดขายส่งผลไม้ย่าน Yau Ma Tei
  • Wan Chai Computer Centre อุปกรณ์อิเล็กโทรนิค
  • รองเท้า jelly beans ราคาถูก ที่ Gala Place


  • 4.สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจและการวางแผนเวลาที่ใช้ในการท่องเที่ยวฮ่องกง-มาเก๊า

       สำหรับฮ่องกงและมาเก๊า ผมรวบรวมรีวิวแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ไว้ที่นี่พร้อมแผนที่ คลิ๊กเข้าไปดูได้ครับ
       สำหรับมาเก๊า สามารถขอแผนที่และข้อมูลท่องเที่ยวได้ฟรีเพียงส่ง E-mail ชื่อและที่อยู่ไปที่ mgto@plt.co.th
       มือใหม่หลายคนมักจะมีโปรแกรมอัดแน่นซึ่งไม่สามารถไปเที่ยวได้ตามแผนเนื่องจากเวลาที่ใช้ในการเดินทางหรือเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ มากกว่าที่วางแผนไว้ ผมจึงรวบรวมเวลาที่ใช้ในการท่องเที่ยวจริงที่บันทึกไว้จากการเดินทางของตัวเอง ไว้เป็นแนวทางในการวางแผนเที่ยวฮ่องกง ดูได้ด้านล่างครับ
  • รีวิวฮ่องกง มาเก๊า 5 วัน 4 คืน Part 1 The Peak, Avenue of stars, Disneyland, Shopping @ Mong Kok
  • รีวิวฮ่องกง มาเก๊า 5 วัน 4 คืน Part 2 Snoopy’s World, Shopping @ Causeway Bay, Jordan, City of Dream
  • รีวิวฮ่องกง มาเก๊า 5 วัน 4 คืน Part 3 Food Street & Romance Street, Senado Square, Galaxy, Fisherman’s Wharf
  • รีวิวฮ่องกง มาเก๊า 4 วัน 3 คืน Part 1 The Peak, Avenue of stars, Disneyland
  • รีวิวฮ่องกง มาเก๊า 4 วัน 3 คืน Part 2 Temple, Ngong Ping, Coloane, Venatian, Senado Square


  • 5.วิธีซื้อตั๋วราคาถูก

    ไม่มีครั้งไหนที่ผมซื้อตั๋วราคาเต็มจากเคาน์เตอร์ เพราะทุกที่มีส่วนลดไม่มากก็น้อยครับ วิธีแรกผมใช้คือติดต่อซื้อตั๋วกับทาง Hostel เช่น Dragon Hostel, Cosmic Hostel เพราะเขาสามารถขายตั๋วให้ในราคาที่ต่ำกว่าราคาซื้อที่เคาน์เตอร์อย่างแน่นอน แต่ก็มีข้อจำกัดว่าบาง Hostel ก็ไม่มีตั๋วบางสถานที่ขาย วิธีต่อมาคือหาส่วนลดตามเวปไซต์และโปรโมชั่นสำหรับนักท่องเที่ยวซึ่งตอนนี้ถึงสิ้นปี 2011 ก็มีโปรโมชั่นตามนี้ครับ

    5.1 ตั๋ว Hong Kong Disneyland(ดูราคาตั๋ว Hong Kong Disneyland ได้ที่park.hongkongdisneyland.com/hkdl/en_US/ticketsAndReservations/overview?name=OneDayTicketPage
  • ถ้าซื้อ Tourist Day Pass หรือ Airport Express Travel Pass จะได้คูปองส่วนลด 30 HKD + 5 HKD ในการจ่ายด้วยบัตรเครดิต VISA สำหรับผู้ใหญ่ไม่สามารถใช้กับตั๋วเด็กหรือผู้สูงอายุได้(หมดเขต Dec 2011)
  • โปรโมชั่นอื่นของ Hong Kong Disneyland ยกตัวอย่างเช่น ช่วงนี้ถึงเดือนตุลาคม 2011 ซื้อตั๋วสองใบในราคาเต็มได้ร่ม Hong Kong Disneyland มูลค่า 125 HKD ซึ่งมากกว่าส่วนลดของคูปอง 70 HKD ลองดูโปรโมชั่นของ Hong Kong Disneyland ตามเวปpark.hongkongdisneyland.com/hkdl/en_US/special/listing?name=SpecialOffersOverviewPage
  • Hong Kong Disneyland จะจัดโปรแกรม Star Guest ขึ้นทุกปีในช่วงมีนาคมถึงพฤษภาคมจึงทำให้คนเที่ยว Hong Kong Disneyland ช่วงนี้มากเป็นพิเศษแต่ก็มีความน่าตื่นเต้นในการมาเที่ยว Hong Kong Disneyland ในช่วงนี้
  • คลิ๊กดูรีวิว Hong Kong Disneyland ช่วง Star Guest ได้ที่นี่


  • 5.2 ตั๋ว Ngong Ping(ดูราคา Package Ngong Ping ได้ที่www.np360.com.hk/html/eng/booking/prices.html
  • ส่วนลด 10% จาก e-coupon ซึ่งได้มาโดย Subscribe Ngong Ping 360 e-Newsletter ที่เวปนี้www.np360.com.hk/html/eng/visitor/promotion_detail.asp?id=39เมื่อได้มาแล้วสามารถ Copy เป็นหลายใบได้ครับ ถ้าขี้เกียจสมัครก็เข้าไปปริ้นในนี้เลยครับ (หมดอายุ Dec 2011)www.hongkongfanclub.com/index.php?topic=21973.0
  • ส่วนลด 10% เมื่อโชว์ตั๋วที่ใช้แล้วของ The Peak Tram, Ocean Park, Hong Kong Wetland Park และ Madame Tussauds ตอนซื้อตั๋วใหม่ ในโปรโมชั่น10% Discount on Hong Kong Attractions Fun Deals(หมดเขต Dec 2011) ดูรายละเอียดได้ที่www.np360.com.hk/html/eng/visitor/promotion_detail.asp?id=82
  • ส่วนลด 10% จากคูปองส่วนลดของ Tourist Day Pass หรือ Airport Express Travel Pass(หมดเขต Dec 2011)
  • สามารถดูโปรโมชั่นอื่นๆ ของ Ngong Ping ได้ที่www.np360.com.hk/html/eng/visitor/promotion


  • 5.3 ตั๋ว Peak Tram(ดูราคาตั๋วได้ที่www.thepeak.com.hk/en/3_1.asp

  • ส่วนลด 10% เมื่อโชว์ตั๋วที่ใช้แล้วของ Ngong Ping, Ocean Park, Hong Kong Wetland Park และ Madame Tussauds ตอนซื้อตั๋วใหม่ ในโปรโมชั่น10% Discount on Hong Kong Attractions Fun Deals(หมดเขต Dec 2011)
  • ส่วนลด 10% จากคูปองส่วนลดของ Tourist Day Pass หรือ Airport Express Travel Passแต่ไม่สามารถลดตั๋ว The Peak Tram อย่างเดียวได้ลดได้เฉพาะตั๋ว The Peak Tram + Sky Terrace (หมดเขต Dec 2011)
  • ถ้าใช้ Octopus จะจ่ายแพงกว่า11.5 HKDสำหรับ ผู้ใหญ่ และ 5.1 HKD สำหรับเด็กแต่มีข้อดีคือไม่ต้องต่อแถวซื้อตั๋ว


  • 5.4 ตั๋ว Ocean Park Daytime(ดูราคาตั๋วได้ที่www.oceanpark.com.hk/html/en/buy-and-book/)

  • ส่วนลด 10% เมื่อโชว์ตั๋วที่ใช้แล้วของ Ngong Ping, The Peak Tram, Hong Kong Wetland และ Madame Tussauds ตอนซื้อตั๋วใหม่ ในโปรโมชั่น10% Discount on Hong Kong Attractions Fun Deals(หมดเขต Dec 2011)
  • ส่วนลด 10% จากคูปองส่วนลดของ Tourist Day Pass หรือ Airport Express Travel Pass(หมดเขต Dec 2011)


  • 5.5 ตั๋ว Hong Kong Wetland และ ตั๋ว Madame Tussauds

  • ส่วนลด 10% เมื่อโชว์ตั๋วที่ใช้แล้วของ Ngong Ping, The Peak Tram, Ocean Park, Hong Kong Wetland และ Madame Tussauds ตอนซื้อตั๋วใหม่ ในโปรโมชั่น10% Discount on Hong Kong Attractions Fun Deals(หมดเขต Dec 2011)


  • 6.การเดินทาง

    การเดินทางของคนเบี้ยน้อยหอยน้อยก็คงต้องหาข้อมูลกันให้แน่นๆ เพื่อให้ประหยัดเงิน ไม่หลงและไม่เสียเวลา เพราะค่าเดินทางของทริปนี้ก็ไม่ใช่น้อย ประหยัดได้มากอยู่

    6.1 สนามบินฮ่องกงสู่ตัวเมืองฮ่องกง

    ผมเลือกใช้วิธีขึ้นรถเมล์ S1 จากสนามบินแล้วไปต่อ MTR ที่สถานี Tung Chungถึงแม้จะช้ากว่าวิธีอื่นๆ 10 – 20 นาทีแต่ประหยัดไปได้คนละ 40++ HKD
  • เปรียบเทียบเวลาและค่าโดยสารในการเดินทางจากสนามบินฮ่องกงถึงตัวเมืองด้วย Airport Express, รถบัส และ MTR
  • เปรียบเทียบความคุ้มค่าและโปรโมชั่นของ Octopus, Tourist Day Pass และ Airport Express Travel Pass สำหรับวางแผนเที่ยวฮ่องกง


  • 6.2 จากสนามบินมาเก๊าสู่ตัวเมืองฮ่องกง

       ถึงแม้จะมีบริการ Transfer กระเป๋าจากเครื่องบินที่ลงสนามบินมาเก๊าลงเรือเฟอรรี่ แต่ข้อเสียคือยังใช้เวลานานในการ Transfer และรอเรือ ทางเลือกที่รวดเร็วที่สุดคือมาขึ้นเรือเองที่ท่าเรือไทปาเฟอร์รี่ Taipa Ferry จะเดินมาจากสนามบินตามรีวิวจากฮ่องกงแฟนคลับwww.hongkongfanclub.com/index.php?topic=1166.0หรือขึ้นแท็กซี่ก็แค่ 17 – 20 MOP (กรณีมีสัมภาระไว้กระโปรงหลังของแท็กซี่ต้องเสียค่าสัมภาระเพิ่มใบละ 3 – 5 MOP ครับ) แต่ต้องย้ำกับ Taxi ว่าไทปาเฟอร์รี่ ไม่เช่นนั้นจะได้ไป มาเก๊าเฟอร์รี่ Macau Ferry แน่นอน ด้วยวิธีนี้ถ้าเครื่องบินลงจอด 10:30 น. ก็สามารถขึ้นเรือเที่ยว 11:30 น. ได้อย่างสบายๆสามารถดูเที่ยวเรือของ Cotai Jet ได้จากwww.cotaijet.com.mo/sailing-scheduleใช้เวลาเดินทางถึงเกาะฮ่องกงที่ MTR Sheung Wan ประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที
       สามารถประหยัดค่าตั๋วเรือโดยสารได้โดยซื้อตั๋วผีจากคนแถวๆ ท่าเรือหรือเอเยนต์แทนที่จะซื้อจากเคาน์เตอร์ของบริษัท สามารถใช้ได้จริง (ลองมาแล้ว) และประหยัดไปได้ 20 – 30 HKD ทีเดียว

    6.3 ท่าเรือมาเก๊าสู่สนามบินฮ่องกง

       เป็นการเดินทางที่สะดวกและประหยัดทั้งเงินและเวลา สำหรับคนที่บินไปกลับฮ่องกงและอยากไปเที่ยวมาเก๊าควรวางแผนเที่ยวมาเก๊าไว้ในวันสุดท้ายและเดินทางกลับจากมาเก๊าเข้าสนามบินฮ่องกงได้โดยตรงโดยใช้เวลาแค่ 1 ชั่วโมงครึ่งนับจากเรือออกถึงหน้า gate พร้อมขึ้นเครื่องและใช้เงินเพียง 115 MOP เท่านั้น ลองดูรีวิวรายละเอียดด้านล่างครับ
  • วิธีเดินทางจากท่าเรือมาเก๊าไปสนามบินฮ่องกงที่ประหยัดทั้งเงินและเวลา


  • 6.4 เรือไปกลับฮ่องกง-มาเก๊า

    Turbo Jet และ Cotai Jet เป็นเจ้าที่ผมพิจารณา ถึงแม้ราคาจะแพงแต่ใช้เวลาเดินทางน้อย ทั้งสองเจ้ามีราคาค่าโดยสารหน้าเวปเท่ากัน ไปที่ท่าเรือ Sheung Wan เหมือนกัน และเมาเรือได้เหมือนกันข้อแตกต่างระหว่างสองเจ้านี้อาจมีอยู่ดังนี้
    1.ความถี่ของการออกเรือ Turbo Jet จะออกเรือทุกๆ 15 นาที แต่ Cotai Jet จะออกเรือทุกๆ 30 นาที ข้อมูลที่อัพเดจกว่านี้ ลองเข้าไปเช็คในเวปดูได้ด้านล่างครับ
  • www.cotaijet.com.mo/sailing-schedule
  • www.turbojetseaexpress.com.hk/eng/schedule/prd.asp

  • 2.เวลาที่ใช้ในการเดินทาง Cotai Jet ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที แต่ Turbo Jet ใช้เวลาเดินทางน้อยกว่า โดยใช้เวลาแค่ 1 ชั่วโมง
    3.ท่าเรือของ Turbo Jet จะอยู่ที่มาเก๊าหรือ Macau Ferry Terminal ซึ่งใกล้กับ Senado Square, วัดอาม่า, Fisherman’s Wharf, เจ้าแม่กวนอิม และ มาเก๊าทาวเวอร์ ส่วนท่าเรือของ Cotai Jet อยู่เกาะไทปาซึ่งใกล้กับ สนามบิน, Venetian, City of Dream, Taipa village, Food Street และ Coloane
    สามารถประหยัดค่าตั๋วเรือโดยสารได้โดยซื้อตั๋วผีจากคนแถวๆ ท่าเรือหรือเอเยนต์แทนที่จะซื้อจากเคาน์เตอร์ของบริษัท สามารถใช้ได้จริง (ลองมาแล้ว) และประหยัดไปได้ 20 – 30 HKD ทีเดียว

    6.5 รถไฟฟ้า MTR ในฮ่องกง

    แน่นอนว่าทุกคนที่ใช้ MTR ในการท่องเที่ยวควรจะซื้อ Octopus Card หรือ Tourist Day Pass เพื่อความประหยัดแต่หลายคนสงสัยว่าบัตรทั้งสองใบนี้ซื้ออะไรคุ้มกว่ากันลองอ่านรีวิวด้านล่างครับ
  • เปรียบเทียบความคุ้มค่าและโปรโมชั่นของ Octopus, Tourist Day Pass และ Airport Express Travel Pass สำหรับวางแผนเที่ยวฮ่องกง


  • สิ่งอื่นๆ ที่ควรรู้เมื่อเดินทางด้วย MTR คือ
    1.Route Map แผนที่นี้สามารถบอกเราได้ว่าเราต้องเปลี่ยนรถไฟฟ้าที่สถานีไหน สามารถโหลดได้จากwww.mtr.com.hk/eng/train/system_map.html


    2.ตารางค่าโดยสารสามารถโหลดได้จากwww.mtr.com.hk/eng/fares_tickets/train_service_index.html


    3.แผนที่ท่องเที่ยว MTR แต่ละสถานีมีประโยชน์มากเลยครับเพราะสามารถบอกเราได้ว่าแหล่งช๊อป และที่เที่ยวอยู่ตรงไหน และต้องออกประตูอะไร สามารถโหลดได้จากwww.mtr.com.hk/eng/getting_around/lm.html


    6.6 รถประจำทางในฮ่องกง

    สามารถเข้าไปหาสายรถเมล์ที่คุณต้องการโดยการกรอกจุดเริ่มต้นและจุดหมายในการเดินทางได้ที่ www.nwstbus.com.hk/routes/routesearch.aspx?searchtype=2&intLangID=1สำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยกับประเทศฮ่องกงอาจจะยากซักหน่อยในการใส่ District, Area และ Building List ของสถานที่ต่างๆ ผมเลยสรุปมาให้คร่าวๆ ด้านล่างครับ
  • Kwun Yam Shrine เจ้าแม่กวนอิมที่ Replus bay: Southern District, Repulse Bay, Repulse Bay Beach
  • Stanley Market: Southern District, Stanley Market, Stanley Market
  • Space Warehouse & Horizon Plaza: Southern District, Ap Lei Chau Estate, South Horizons
  • Ocean Park: Southern District, Ocean Park, Ocean Park
  • The Peak: Central & Western District, The Peak, Peak Galleria
  • Lower Peak Tram Terminal: Central & Western District, Mid-levels (Garden Road & Cotton Tree Drive), St. Joseph Church
  • Lower Peak Tram Terminal: Central & Western District, Mid-Levels (MacDonnell Road & Kennedy Road), MacDonnell Road Peak Tram Station อันนี้เป็นอีกป้ายของ Peak Tram
  • MTR Central: Central & Western District, Central, Exchange Square
  • MTR Wai Chai: Wai Chai District, Wan Chai, Wan Chai Station
  • MTR Causeway Bay: Wai Chai District, Causeway Bay, Causeway Bay Station


  • เมื่อหาสายรถเมล์ได้แล้วควรปริ้นหน้านั้นเก็บไว้ เพื่อจะได้ดูว่าขึ้นและลงที่ป้ายหมายเลขเท่าไร เพราะในรถจะมีหมายเลขและชื่อป้ายบอกด้วย และยังสามารถดูรูปป้ายรถเมล์ได้ด้วยว่าหน้าตาป้ายรถเมล์เป็นอย่างไรโดยคลิ๊กที่แว่นขยายตรงหมายเลขป้าย เส้นทางหลายคนมักสงสัยคือจาก Repulse Bay ไป The Peak มีรถเมล์ไหม คำตอบคือไม่มีครับต้องนั่งสองต่อ แต่ถ้าจะไป Lower Peak Tram Terminal แนะนำให้นั่ง 6, 6x ไปลงที่ป้าย Cheung Kong Center (รูปดาวสีแดงในแผนที่) แล้วเดินตามทางสีแดงด้านล่างก็ถึงแล้วครับ



    6.7 รถShuttle Bus ฟรีในมาเก๊า

    ดูได้ในกระทู้เวปฮ่องกงแฟนคลับครับwww.hongkongfanclub.com/index.php?topic=21481.0

    6.8 รถประจำทางในมาเก๊า

    ทริปนี้เลี่ยงไม่ได้ที่ต้องใช้บริการรถสาธารณะเนื่องจากราคาถูก ส่วนเรื่องความรวดเร็วอาจจะน้อยกว่าแท็กซี่แต่ก็พอรับได้ครับ เพราะที่ฮ่องกงและมาเก๊ารถไม่ค่อยติด ผมค้นหาขอมูลของรถประจำทางผ่านคำถามสองข้อนี้ครับ

  • ขึ้นและลงที่ป้ายไหน ใช้แผนที่เที่ยวที่กินฮ่องกงและมาเก๊าสไตล์ Google Mapหาว่าป้ายรถเมล์แถวนั้นชื่ออะไร (ป้ายรถเมล์ในฮ่องกงและมาเก๊าทุกป้ายจะมีชื่อเรียก) จากนั้นก็ใช้ฟังก์ชั่นของ Google Map เอาคนเข้าไปเดินสำหรับและปรินท์หน้าจอไว้ จะได้มั่นใจว่าเรารอรถเมล์ถูกป้าย

    หาป้ายรถเมล์


    ใช้คนเข้าไปเดิน


    ปรินท์หน้าจอไว้


  • ขึ้นรถเมล์สายอะไร ตารางข้างล่างเป็นสายรถเมล์ในมาเก๊าที่ผมเคยรวมรวมไว้ครับว่าสายไหนผ่านที่ไหนบ้าง



  • สามารถเช็คสายรถเมล์ในมาเก๊าทั้งหมดได้จากสองเวปนี้ครับ สามารถดูได้ว่ารถเมล์สายอะไรผ่านที่ไหนบ้าง
    www.reolian.com.mo/en/interactive-maps/line-10a
    macaumap.macautourism.gov.mo/index.asp?lang=english

    และยังสามารถดูได้จากแผนที่ซึ่งได้ฟรีมาจากท่องเที่ยวมาเก๊า เช่น สายที่ผ่าน Senado Square คือ 2, 3, 3A, 3X, 5, 7, 10, …สามารถขอแผนที่และข้อมูลได้ฟรีเพียงส่ง E-mail ชื่อและที่อยู่ไปที่ mgto@plt.co.th

    6.9 รถแท็กซี่

    อย่าหวังว่าแท็กซี่จะพูดหรือฟังภาษาอังกฤษรู้เรื่องนะครับโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มาเก๊า ทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษจะพอๆ กับแท็กซี่บ้านเราครับ ดังนั้นอุปกรณ์ที่สำคัญที่สุดในการนั่งแท็กซี่คือ"แผนที่"เพราะเราสามารถชี้ได้ว่าเราต้องการไปที่ไหน

    7.รายการสิ่งของที่จำเป็นที่ควรเตรียมไปฮ่องกงมาเก๊า

    นอกจากของใช้ส่วนตัวแล้ว สิ่งที่ผมนำติดตัวไปแล้วใช้ประโยชน์ช่วยประหยัดได้มีดังนี้ครับ
    1.ยาแก้เมาเรือ ยาแก้หวัด ยาแก้ปวด เนื่องจากยาที่ฮ่องกงราคาแพงกว่าประเทศไทยมาก และยาเหล่านี้ก็จำเป็นต้องใช้ ยาแก้เมาเรือกินเพื่อแก้เมาเรือเมื่อเดินทางระหว่างฮ่องกง-มาเก๊ายาแก้หวัดกินเพื่อแก้อาการปวดหูขณะเครื่องบินลงจอด
    2.ยานวดบรรเทาอาการเมื่อยล้าจากการเดินช่วยได้มากสำหรับทริปที่เดินตลอดหลายวัน เพราะทำให้เรารู้สึกเมื่อยล้าน้อยลง
    3.กระเป๋าเปล่า อันนี้สำคัญที่สุดเลยครับ ตอนแรกก็ไม่คิดจะซื้ออะไร แต่พอไปถึงของถูกต่างๆ มันยั่วยวนใจ โชคดีที่มีกระเป๋าเปล่าไปครับ ไม่งั้นคงต้องซื้อกลับมาอีกใบ
    4.Adaptor หรือตัวแปลงปลั๊กฮ่องกงเนื่องจากเมืองไทยและฮ่องกงใช้ปลั๊กเสียบไฟรูขนาดต่างกันต้องใช้ Adaptor เพื่อให้เสียบไฟได้ และบางโรงแรมไม่มีบริการแต่มีขายในราคา 99 HKD นำไปเองดีกว่าครับ ซื้อเมืองไทยไม่น่าเกิน 50 บาท







     

    Create Date : 20 มิถุนายน 2554    
    Last Update : 15 ตุลาคม 2554 23:28:46 น.
    Counter : 103118 Pageviews.  

    เปรียบเทียบความคุ้มค่าของOctopus,TouristDayPassและAirportExpressTravelPass สำหรับวางแผนเที่ยวฮ่องกง

    เปรียบเทียบความคุ้มค่าและโปรโมชั่นของ Octopus, Tourist Day Pass และ Airport Express Travel Pass สำหรับวางแผนเที่ยวฮ่องกง

    บัตร Octopus

    เป็นบัตรที่ใช้แทนเงินสดในฮ่องกง ใช้จ่ายค่าเดินทางด้วย MTR, รถเมล์, เรือข้ามฟาก และ รถราง รวมทั้ง รถรางที่ Peak Tram ด้วย สามารถใช้ซื้อของที่ 7-11, โทรศัพท์, ตู้กดน้ำ และที่อื่นๆ อีกมากมาย (กระเช้า Ngong Ping ไม่สามารถใช้ได้) ด้วยความสะดวกสบายเหล่านี้คุณควรมีบัตร Octopus เมื่อไปเที่ยวฮ่องกง (ยกเว้นคุณซื้อบัตร Airport Express Travel Pass ซึ่งสามารถใช้แทน Octopusได้) นอกจากใช้แทนเงินสดแล้วยังมีส่วนลดตามด้านล่าง

    1.ถ้าใช้บัตร Octopus จ่ายค่าเดินทาง Airport Express จากสนามบินไปยังสถานีต่างๆ คุณสามารถขึ้น MTR ได้ฟรีภายใน 1 ชั่วโมงหลังจากออกจากสถานีปลายทาง เช่น ผมต้องการเดินทางจากสนามบินฮ่องกงไป Mong Kok ผมแค่เสียค่า Airport Express ไปสถานี Tsing Yi 60 HKD ส่วนการเดินทางจากสถานี Tsing Yi ไป Mong Kok นั้นไม่เสียค่าใช้จ่าย สามารถตรวจสอบค่าโดยสารและเวลาในการเดินทาง MTR เส้นทางอื่นได้ที่ www.mtr.com.hk/jplanner/flash_eng/index.php?sid=&eid=&x=20&y=5



    2.ส่วนลดอัตโนมัติเมื่อใช้บริการ MTR ยกตัวอย่างเช่น เดินทางจาก MTR Tung Chung ไป MTR Hung Hom จ่ายเพียง 16.5 HKD จากราคาเต็ม 19.0 HKD



    3.ประหยัดมากสำหรับเด็ก (3-11ปี) และผู้สูงอายุ (65ปีขึ้นไป) เพราะจะเสียค่าเดินทางด้วย MTR หรือ Airport Express เพียงแค่ครึ่งเดียวของผู้ใหญ่

    4.ส่วนลดพิเศษ 1$ - 2$ เมื่อใช้บริการ MTR และนำบัตรไป wave ตามจุด MTR Fare Saver ในร้านค้าต่างๆ เข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ //www.mtr.com.hk/eng/whatsnew/fare_saver.html

    5.ส่วนลดเรือข้ามฟาก เช่น Star Ferry จากราคาเต็ม 3.0 HKD เหลือ 2.3 HKD

    6.ใช้ได้กับรถราง The Peak Tram โดยไม่ต้องต่อคิวซื้อตั๋ว (คิวจะน้อยลง) แต่ถ้าคุณซื้อตั๋ว Peak Tram Sky Pass (รถรางไปกลับ + ตั๋วชมวิวที่ Sky Terrace) ก็จะประหยัดกว่าจ่ายด้วย Octopus 5 HKD

    ข้อควรรู้เกี่ยวกับ Octopus Card
    1.ราคาบัตรสำหรับผู้ใหญ่ 150 HKD ประกอบด้วย เงินในบัตร 100HKD และมัดจำ 50HKD ราคาบัตรสำหรับเด็กและผู้สูงอายุ 70 HKD ประกอบไปด้วยเงินในบัตร 20HKD และมัดจำ 50HKD จะได้เงินมัดจำคืนเมื่อคืนบัตร
    2.ถ้าคืนบัตรก่อน 3 เดือนจะเสียค่าคืน 7 HKD
    3.สามารถเติมเงินได้ทีละ 50 HKD ที่ Counter Service ของ MTR
    4.บัตรไม่มีวันหมดอายุ แต่ถ้าไม่มีรายการเคลื่อนไหวเกิน 1,000 วัน จะต้อง reactivate บัตรก่อนการใช้ที่ Counter Service ของ MTR
    5.บัตรที่มีมูลค่าเกิน 500 HKD ไม่สามารถแลกคืนได้ทันที ต้องส่งไปแลกที่ Headquarter และอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายในการแลกคืน

    บัตร Tourist Day Pass

    เป็นบัตรที่ใช้โดยสาร MTR ได้ไม่จำกัดภายใน 24 ชั่วโมงนับจากเริ่มใช้ครั้งแรก ราคาสำหรับผู้ใหญ่ 55HKD และยังมีบัตรสำหรับเด็กอายุ 3 – 11 ปีราคาเพียง 25 HKD (แต่ไม่มีบัตรสำหรับผู้สูงอายุ) และถ้าซื้อ online จะถูกลงประมาณ 3 – 5 HKD นอกจากนี้ยังมีส่วนลดกับสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ (ซึ่งอาจจะไม่ได้ใช้)(หมดเขต Dec 2011) ตามเวป www.mtr.com.hk/eng/whatsnew/valuepack2011.html ซึ่งรวมถึงส่วนลดตั๋ว Disneyland, Ngong Ping, Ocean Park และ Peak Tram Sky Pass

    1.ตั๋ว Hong Kong Disneyland ลด 30 HKD + 5 HKD ในการจ่ายด้วยบัตรเครดิต VISA สำหรับผู้ใหญ่ ไม่สามารถใช้กับตั๋วเด็กหรือผู้สูงอายุได้ (ดูราคาตั๋ว Hong Kong Disneyland ได้ที่ park.hongkongdisneyland.com/hkdl/en_US/ticketsAndReservations/overview?name=OneDayTicketPage

    แต่ควรเปรียบเทียบกับโปรโมชั่นของ Hong Kong Disneyland ด้วยว่าคุ้มหรือไม่ ยกตัวอย่างเช่น ช่วงที่ผ่านมาซื้อตั๋วสองใบในราคาเต็มได้ร่ม Hong Kong Disneyland มูลค่า 125 HKD ซึ่งมากกว่าส่วนลด 70 HKD ลองดูโปรโมชั่นของ Hong Kong Disneyland ตามเวป park.hongkongdisneyland.com/hkdl/en_US/special/listing?name=SpecialOffersOverviewPage

    2.ตั๋ว Ngong Ping ลด 10% หรือ 8.0 – 30.0 HKD ขึ้นอยู่กับ Package ที่คุณเลือก (ดูราคา Package Ngong Ping ได้ที่ //www.np360.com.hk/html/eng/booking/prices.html

    แต่คูปองลด 10% สามารถได้มาโดย Subscribe Ngong Ping 360 e-Newsletter ที่เวปนี้ //www.np360.com.hk/html/eng/visitor/promotion_detail.asp?id=39 เมื่อได้มาแล้วสามารถ Copy เป็นหลายใบได้ครับ (หรืออาจไปหาเอาตามเวป Hong Kong Fanclub หรือ Pantip ก็ได้) โปรโมชั่นนี้ตั้งแต่สองปีที่แล้วจนถึงตอนนี้และคาดดว่าจะมีต่อไปเรื่อยๆ สามารถดูโปรโมชั่นอื่นๆ ของ Ngong Ping ได้ที่ //www.np360.com.hk/html/eng/visitor/promotion

    และช่วงนี้ถึง Dec 2011 มีโปรโมชั่นลด 10% ตั๋ว Ngong Ping เมื่อโชว์ตั๋วที่ใช้แล้วของ The Peak Tram, Ocean Park, Hong Kong Wetland Park และ Madame Tussauds ตอนซื้อตั๋วใหม่ในโปรโมชั่น 10% Discount on Hong Kong Attractions Fun Deals ดูรายละเอียดได้ที่ //www.np360.com.hk/html/eng/visitor/promotion_detail.asp?id=82

    3.ตั๋ว Peak Tram Sky Pass ลด 10% หรือ 6.5 HKD สำหรับผู้ใหญ่ และ 3.1 HKD สำหรับเด็กและผู้สูงอายุ แต่ไม่สามารถลดตั๋ว The Peak Tram อย่างเดียวได้ ลดได้เฉพาะตั๋ว The Peak Tram + Sky Terrace (ดูราคาตั๋วได้ที่ //www.thepeak.com.hk/en/3_1.asp

    ถ้าใช้ Octopus จะจ่ายแพงกว่า 11.5 HKDสำหรับ ผู้ใหญ่ และ 5.1 HKD สำหรับเด็ก แต่มีข้อดีคือไม่ต้องต่อแถวซื้อตั๋ว

    และช่วงนี้ถึง Dec 2011 มีโปรโมชั่นลด 10% ทั้งตั๋ว The Peak Tram และ Peak Tram Sky Pass เมื่อโชว์ตั๋วที่ใช้แล้วของ Ngong Ping, Ocean Park, Hong Kong Wetland Park และ Madame Tussauds ตอนซื้อตั๋วใหม่ในโปรโมชั่น 10% Discount on Hong Kong Attractions Fun Deals

    4.ตั๋ว Ocean Park Daytime ลด 10% หรือ 25 HKD สำหรับผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ และ 12.5 HKD สำหรับเด็ก (ดูราคาตั๋วได้ที่ //www.oceanpark.com.hk/html/en/buy-and-book/

    ช่วงนี้ถึง Dec 2011 มีโปรโมชั่นลด 10% ตั๋ว Ocean Park Daytime เมื่อโชว์ตั๋วที่ใช้แล้วของ Ngong Ping, The Peak Tram, Hong Kong Wetland Park และ Madame Tussauds ตอนซื้อตั๋วใหม่ในโปรโมชั่น 10% Discount on Hong Kong Attractions Fun Deals

    ซื้อบัตร Tourist Day Pass คุ้มหรือไม่

    ถ้าคุณเดินทางด้วยรถไฟฟ้า MTR ภายใน 24 ชั่วโมงเสียค่าโดยสารมากกว่า 55 HKD สำหรับผู้ใหญ่ และ 25 HKD สำหรับเด็กแล้ว คุ้มที่จะซื้อแน่นอนครับ สามารถตรวจสอบค่าโดยสารและเวลาที่ใช้เดินทาง MTR ได้ที่
    www.mtr.com.hk/jplanner/flash_eng/index.php?sid=&eid=&x=20&y=5
    Download ตารางค่าโดยสารสำหรับผู้ใหญ่, เด็กและผู้สูงอายุได้ที่
    //www.mtr.com.hk/eng/fares_tickets/train_service_index.html

    แต่ถ้าคุณเดินทางด้วยรถไฟฟ้า MTR ภายใน 24 ชั่วโมงไม่ถึง 55 HKD สำหรับผู้ใหญ่ และ 25 HKD สำหรับเด็กแล้ว ก็ต้องมาดูต่อว่าคุณได้ใช้คูปองฟรีที่แถมมาให้หรือไม่ เนื่องจากหลายแห่งได้ส่วนลด 10% โดยไม่ต้องใช้คูปองที่ได้จาก Tourist Day Pass แล้วจึงบวกกับค่าโดยสาร MTR ว่าเกิน 55 HKD หรือเปล่า

    ยกตัวอย่างเช่น ผู้ใหญ่ได้ใช้คูปองที่ Disneyland 35 HKD + ค่าโดยสาร MTR ภายใน 24 ชั่วโมง 41 HKD = 76 HKD อันนี้คุ้มที่จะซื้อครับ
    อีตัวอย่างครับ คุณยายได้ใช้คูปองที่ The Peak 3.1 HKD + ค่าโดยสาร MTR ภายใน 24 ชั่วโมง 20 HKD = 23.1 HKD อันนี้ไม่คุ้มแน่นอนครับ ส่วนใหญ่ผู้สูงอายุมีแนวโน้มที่ซื้อ Tourist day pass แล้วไม่คุ้มครับ เนื่องจากใช้คูปอง Disneyland ไม่ได้ และค่าโดยสาร MTR ก็ถูก แต่ตั๋ว Tourist day pass ราคาแพง

    บัตร Airport Express Travel Pass

    เป็นบัตรที่ใช้โดยสาร MTR ได้ไม่จำกัดเที่ยวภายใน 3 วัน ซึ่งมากกว่า 72 ชั่วโมง (ยกตัวอย่างผมเริ่มใช้วันจันทร์ตอนเที่ยง นับไปอีก 3 วัน บัตรผมจะใช้ได้ถึงเที่ยงคืนวันพฤหัส รวมทั้งหมด 84 ชั่วโมง) และโดยสาร Airport Express 1 เที่ยวที่ราคา 220 HKD หรือ 2 เที่ยวที่ราคา 300 HKD ถ้าซื้อ online จะถูกลงประมาณ 11 – 22 HKD ซึ่งในบัตรมีเงินมัดจำอยู่ 50 HKD จะได้คืนก็ต่อเมื่อแลกบัตรคือ นั่นหมายความว่าคุณจ่ายเงินจริงๆ แค่ 170 HKD และ 250 HKD ตามลำดับ และบัตรนี้ยังมีจุดเด่นตรงที่สามารถใช้แทนบัตร Octopus ได้ในทุกกรณี เติมเงินได้โดยเงินในบัตรเริ่มต้นมีค่าศูนย์ และได้สิทธิประโยชน์เหมือน Octopus ทุกประการ และยังมีส่วนลดกับสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เหมือนบัตร Tourist Day Pass อีกด้วย สามารถกลับไปอ่านรายละเอียดส่วนลดได้ตรงหัวข้อ Tourist Day Pass

    ข้อด้อยของบัตรนี้อยู่ที่ไม่มีบัตรสำหรับเด็กและผู้สูงอายุ สามารถดูรายละเอียดของ Airport Express Travel Pass ได้ที่ //www.mtr.com.hk/eng/fares_tickets/aepass_index.html

    ซื้อบัตร Airport Express Travel Pass คุ้มหรือไม่

    ก่อนอื่นต้องถามก่อนว่าคุณต้องการความรวดเร็วจากการโดยสาร Airport Express หรือไม่ ซึ่งเร็วกว่าวิธีอื่นประมาณ 20 นาที (คลิ๊กดูรายละเอียดเปรียบเทียบเวลาและค่าโดยสารในการเดินทางจากสนามบินฮ่องกงถึงตัวเมืองด้วย Airport Express, รถบัส และ MTR ) ถ้าคุณไม่ได้ต้องการความรวดเร็วมากนัก แต่ต้องการความประหยัดหรือความสะดวกสบาย Airport Express Travel Pass ไม่คุ้มแน่นอนครับ ใช้บัตร Octopus + บัตร Tourist Day Pass คุ้มกว่า

    และคำถามต่อมาคือบัตร Tourist Day Pass สำหรับคุณ คุ้มหรือไม่ โดยสามารถประเมินได้จากหัวข้อด้านบน “ซื้อบัตร Tourist Day Pass คุ้มหรือไม่” เพราะถ้าไม่คุ้มแล้วก็มีแนวโน้มสูงที่บัตร Airport Express Travel Pass จะไม่คุ้มด้วย ยกเว้นเสียแต่ว่าคุณเดินทางด้วย MTR วันละ 45 - 50 เหรียญทุกวัน ซึ่งเป็นไปได้ยากมาก

    ถ้าคุณจำเป็นต้องเดินทางด้วย Airport Express ให้คุณหาราคาตั๋ว Airport Express ที่ต่ำที่สุดสำหรับคุณโดยคำนึงถึง Group Ticket, ตั๋วไปกลับ, ตั๋วเด็ก, บัตร Octopus ที่มีสิทธิในการเดินทาง MTR ฟรีหลังจากใช้บริการ Airport Express (คลิ๊กดูรายละเอียด Airport Express เพื่อหาราคาต่ำที่สุด)

    ยกตัวอย่างเช่น ผู้ใหญ่ 2 คนต้องการไปและกลับจาก Mong Kok ได้ราคาไปและกลับที่ดีที่สุดคือ 2-person Group Ticket ที่ราคา 45 HKD ต่อคน กรณีนี้ตัด Airport Express Travel Pass แบบสองเที่ยวไปได้เลย เพราะเที่ยวกลับเพิ่มเงินอีก 80 HKD จาก 220 HKD เป็น 300 HKD
    อีกตัวอย่าง เด็ก 1 คนต้องการไปและกลับจาก Mong Kok ได้ราคาไปที่ดีที่สุดคือ Octopus ที่ราคา 30 HKD กรณีนี้ก็ตัด Airport Express Travel Pass แบบสองเที่ยวไปเช่นกัน

    จากนั้นให้คำนวณกลับว่าคุณซื้อตั๋วโดยสาร MTR แบบไม่จำกัดเที่ยว 3 วันด้วยเงินกี่บาท ในกรณีของผู้ใหญ่ข้างต้นคือ 170 – 45 = 125 HKD ส่วนในกรณีของเด็กคือ 170 – 30 = 140 HKD

    ถ้าคุณผ่านการประเมินแล้วว่าซื้อ Tourist Day Pass แล้วคุ้ม ให้คุณนำผลลัพธ์ด้านบนลบด้วย 55 HKD สำหรับผู้ใหญ่และ 25 HKD สำหรับเด็ก ซึ่งกรณีนี้ของผู้ใหญ่คือ 70 HKD และในกรณีของเด็กคือ 115 HKD แล้วไปเทียบกับการเดินทางที่เหลือของคุณในช่วงที่ไม่ใช้ Tourist Day Pass ว่าใช้คุณใช้ค่าเดินทางทั้งหมดเท่าไร

    สามารถตรวจสอบค่าโดยสารและเวลาที่ใช้เดินทาง MTR ได้ที่
    www.mtr.com.hk/jplanner/flash_eng/index.php?sid=&eid=&x=20&y=5
    Download ตารางค่าโดยสารสำหรับผู้ใหญ่, เด็กและผู้สูงอายุได้ที่
    //www.mtr.com.hk/eng/fares_tickets/train_service_index.html

    จะเห็นได้ว่าเด็กมีแนวโน้มสูงที่จะไม่คุ้มเพราะตั๋ว Airport Express และ MTR ของเด็กจะถูกกว่าผู้ใหญ่ครึ่งหนึ่ง แต่ตั๋ว Airport Express Travel Pass ราคาเท่ากัน




     

    Create Date : 19 มิถุนายน 2554    
    Last Update : 11 กันยายน 2554 11:21:02 น.
    Counter : 44182 Pageviews.  

    1  2  3  4  
     Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.