สวัสดีค่ะ
สำหรับวันนี้ก็จะมารีวิวหนังสืออีกแล้วนะคะ (ช่วงนี้เราต้องรีบทำยอดอ่านจบให้ถึงสามสิบเล่มก่อนตุลาให้ได้ (แม้ว่าทำถึงสามสิบเล่มแล้ว จะยังเหลืออีกเป็นร้อยในกองดองก็ตาม แหะๆ)) ซึ่งนับตั้งแต่จบงานหนังสือมาจนถึง ณ วันที่เขียนบล็อกเซฟดราฟท์ไว้นี่ก็อ่านจบไปแล้ว 13 เล่ม ถ้ารักษาสถิติเยี่ยงนี้ไว้ได้ น่าจะไม่ไกลเกินไปนะฮับ งานตุลาได้ไปอีกแน่ๆ เย้ๆ
สำหรับวันนี้จะมารีวิวหนังสือเล่มนี้ค่ะ
เครดิตรูปจาก welovebook นะคะ
ตำนานแห่งป่าอันสาบสูญ
The Underneath
เขียนโดย แคที แอปเพลต์
แปลโดย ธารพายุ
สำนักพิมพ์ อมรินทร์ (แพรวเยาวชน)
จำนวนหน้า 264 หน้า
ราคาปก 229 บาท
เนื้อเรื่อง
เรื่องราวของแมวสามสี ที่ถูกทิ้งและรอนแรมจนได้มาเจอเจ้าสุนัขเรนเจอร์ สุนัขของการ์เฟซชายผู้โหดเหี้ยมผู้ทิ้งชื่อเดิมของตน และอาศัยอยู่ด้วยกันแบบหลบซ่อนใต้ถุนของการ์เฟซ จวบจนซาบีนและพัคสองแมวฝาแฝดกำเนิดเกิดมาเติมเต็มครอบครัวพันธุ์ผสมนี้ให้มีความสุขมากยิ่งขึ้น
เลเมีย สิ่งมีชีวิตกึ่งมนุษย์กึ่งงู ที่อยู่ในโอ่งมาแสนนาน กับความแค้นที่ยังคงฝังแน่นอยู่ ความทรงจำอันเลวร้ายถึงไนต์ซองลูกสาวของเลเมีย และความรักของฮอล์กแมนที่มีต่อไนต์ซอง
เมื่อในวันหนึ่งที่ตัวละครทั้งหลายได้มาเจอกัน จุดจบจะเป็นอย่างไร เชิญอ่านต่อได้ในเล่มนะฮับ
ความรู้สึกที่ได้อ่าน
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า จำไม่ได้ว่าเห็นรีวิวที่ไหนหรือใครแชร์แอนด์เชียร์เนี่ยหละค่ะ ก็เลยจำไว้ว่าต้องหาซื้อมาอ่านนะ ซึ่งก็เลยได้ไปซื้อในงานหนังสือเมษายนที่ผ่านมานี่แหละฮับ จากบู๊ทโฆษิตในราคาลดห้าสิบเปอร์เซนต์ ซึ่งบอกได้เลยว่า คุ้มสุดคุ้มค่ะ เพราะหนังสือดีมากๆ ใครอ่านรีวิวแล้วสนใจ งานหน้าลองไปเล็งๆ ดูนะคะ โดยเฉพาะคนที่ชอบวรรณกรรมเยาวชนและรักแมวด้วยแล้ว..ไม่อยากให้พลาดค่ะ
ก่อนอื่น ขอชมคนแปลก่อนค่ะ แปลได้ละเมียด ภาษาสวยมาก และอ่านแล้วได้อารมณ์แบบ...บอกไม่ถูกค่ะ ต้องไปอ่านเอง (อ้าว แล้วแกจะรีวิวทำแป๊ะอะไร) เดี๋ยวยกตัวอย่างมาให้ดูแล้วกันนะคะ
ไม่มีอะไรเหงาไปกว่าแมวตัวหนึ่งซึ่งเคยได้รับความรัก อย่างน้อยก็พักหนึ่ง แล้วจึงถูกทิ้งไว้ข้างถนน แมวสามสีเล็กๆ ตัวหนึ่ง ครอบครัวของเธอ ครอบครัวที่เธอเคยอยู่ด้วยทิ้งเธอไว้ในป่าเก่าแก่ที่ถูกลืมแห่งนี้ ป่าที่ฝนกำลังตกจนขนนุ่มของเธอเปียกโชกอยู่นี้
.
|
ต้นไม้เป็นผู้เก็บรักษาเรื่องราว ถ้าคุณเข้าใจภาษาของต้นโอ๊กและเอลม์และแทลโลว์ พวกมันอาจเล่าให้คุณฟังเรื่องพายุอีกลูกหนึ่ง เมื่อก่อนนี้ เอาให้แน่ก็เมื่อยี่สิบห้าปีก่อน พายุลูกหนึ่งซึ่งพุ่งข้ามฟ้า เติมธารน้ำและบึงจนเต็ม จิกหัวลงโจมตี แหวกไปตามกิ่งไม้ เมฆดำของมันใหญ่โตมโหฬาร หนักและแน่นด้วยน้ำที่โพงขึ้นมาจากอ่าวเม็กซิโก ตรงจากที่นี่ลงไปทางใต้ แล้วหมุนวนขึ้นมาทางเหนือ ดูดความชื้นเพิ่มขึ้นจากแม่น้ำซาบีนทางตะวันออก ซึ่งเป็นแม่น้ำที่กั้นเขตแดนระหว่างเทกซัสกับลุยเซียนา
|
ตามปกติบ้านมีคนอยู่ย่อมจะดีกว่า มีอะไรบางอย่างเกี่ยวกับความชื้นในลมหายใจของคนที่ทำให้ไม้เก่าๆ คืนสภาพและทำให้สถานที่นั้นมีศักดิ์ศรีบ้ง บ้านที่มีคนอยู่มักจะตั้งตรงบนฐานราก ปกติคงเป็นเช่นนั้น บ้านหลังนี้อาจะปลูกมานาเกินไปก่อนที่การ์เฟซจะย้ายเข้ามา แต่ถ้าคุณมองดูมันในระยะห่างเพียงไม่กี่ฟุต ถ้าคุณสามารถเข้าไปใกล้พอโดยที่การ์เฟซไม่เล็งปืนยาวใส่คุรและคำรามเหมือนหมาป่า คุณคงสาบานได้ว่ามันกำลังจมลงในดินด้วยความสมัครใจ ราวกับวิธีเดียวที่จะหนีจากผู้อยู่อาศัยแย่ๆ ก็คือจมธรณีไปเสีย
|
จะเห็นว่าลักษณะการเขียน เหมือนผู้เขียน (หรือผู้แปลด้วยก็ไม่รู้หละ) ดำเนินเรื่องเหมือนการเล่าเรื่องเรื่อยๆ โดยพยายามไม่ใส่อารมณ์ เหมือนเป็นแค่คนเห็นเหตุการณ์ แต่พออ่านไปๆ กลับสร้างความสะเทือนใจให้กับคนอ่านจนกล้าการันตีว่าสำหรับคนอ่อนไหว ร้องไห้มากกว่าหนึ่งครั้งแน่นอนค่ะ
ต่อมาค่ะ เราว่าคนเขียนเป็นคนที่วางพล็อตเรื่อง วางการลำดับเรื่องได้ค่อนข้างดีค่ะ กล่าวคือ ค่อยๆ เปิดเผยตัวละครแต่ละตัว แบ็คกราวด์ทั้งหมดให้คนอ่านได้รู้จักทีละน้อยๆ จวบจนไปขมวดปมตอนจบที่วางจังหวะและเรื่องราวทั้งหมดได้เหมาะเจาะพอดิบพอดีมาก การเลือกจุดจบแต่ละตัวละครก็เลือกได้เหมาะสมพอดิบพอดีไปหมดด้วยเช่นกันค่ะ
นอกจากนั้นเราว่า หนังสือเล่มนี้เล่นกับอารมณ์คนอ่านได้ดีค่ะ เราร้องไห้หลายครั้ง หลายฉากในเรื่องนี้มาก เป็นการสร้างอารมณ์สะเทือนใจให้คนดูแบบ...ไม่ได้บีบคั้นฟูมฟาย แต่มันเสียใจมากมายเมื่อได้อ่านจริงๆ
เราเองตั้งใจจะอ่านหนังสือเล่มนี้ก่อนนอนแต่ไม่คิดว่าจะอ่านจบ (คือตอนนี้ตัวเองอาศัยอ่านหนังสือก่อนนอนทุกวันๆ ละหน่อย เพื่อทลายกองดอง แต่ค่อยๆ ทยอยอ่านแต่ละเล่มทีละนิดหนะค่ะ) แต่กลายเป็นว่า เริ่มอ่านห้าทุ่มกว่า จบอีกทีตีสอง ยาวเลยค่ะ คือ...มันชวนติดตามมาก (แบบไม่ได้ทิ้ง clue ในตอนจบแต่ละตอนให้ตามต่อไปหรอกนะคะ) ด้วยการค่อยๆ คลี่คลายปมแต่ละอย่าง ออกมา ดำเนินเรื่องต่อไปๆ จนท้ายที่สุดเราก็จมลงไปในหน้ากระดาษ และต้องติดตามต่อจนกว่าจะจบน่ะค่ะ
อ่านจบนอกจากความรู้สึกสะเทือนใจที่คิดว่าน่าจะตราตรึงคนอ่านได้ในระยะเวลาไม่น้อยแล้ว เราว่าบางคนก็อาจจะหันมาถามเหมือนกันว่า...
มันจะมีบางครั้งมั้ย ที่เราหวงแหนความรักเสียจนทำร้ายคนที่เรารักได้เหมือนอย่างที่เลเมียทำกับลูกสาว แล้วมันจะมีอีกกี่ครั้ง ที่เราจะได้รับโอกาสที่จะได้ทำอะไรบางอย่างเพื่อแก้ไขหรือชดใช้ในสิ่งที่เราเคยทำผิดพลาดและทำร้ายคนอื่นอย่างนั้น...
แล้วบนโลกใบนี้ยังมีคนอย่างการ์เฟซอีกมากแค่ไหน คนที่เกิดมามีความชั่วร้าย คนที่โดนคนที่ตัวเองรักทำร้าย จนทำให้กลายเป็นคนที่โหดร้ายต่อโลกใบนี้ และส่งต่อความโหดร้ายนั่นให้กับสิ่งมีชีวิตอื่น
แล้วมันยังคงมีใช่มั้ย...กับความรักที่บริสุทธิ์สะอาดที่ข้ามแม้กระทั่งชาติพันธุ์ ข้ามแม้กระทั่งความเป็นเลือดเนื้อเชื้อไข ความรักที่ทำให้เรายินดีแม้กระทั่งจะเสียสละชีวิตของตัวเองเพื่อปกป้องสิ่งที่เรารักไว้
สรุปแล้วเป็นหนังสือดีๆ เล่มหนึ่งที่แนะนำให้อ่านค่ะ ควรค่าแก่รางวัลทางวรรณกรรมที่ได้รับมามากๆ ค่ะ นอกจากงานต้นฉบับที่ดีแล้ว คนแปลก็แปลได้ดี เป็นหนังสือเล่มหนึ่งที่ควรมีไว้บนชั้นหนังสือนะคะ
ข้อมูลจากบล็อกนี้
//mizshorty153.blogspot.com/2014/04/underneath.html
บอกเล่าถีงตัวคนเขียนไว้อย่างนี้นะคะ
ผู้เขียนคือแคที แอปเพลต์ (Kathi Appelt) ตอนตีพิมพ์เล่มนี้เมื่อปี 2008 เธอมีอายุได้ 54 ปี เป็นอาจารย์สอนศิลปะและการเขียนเชิงสร้างสรรค์ มีผลงานเป็นหนังสือภาพสำหรับเด็ก กวี และสารคดี เล่มนี้เป็นนวนิยายเล่มแรก (จากประวัติท้ายเล่ม) ซึ่งก็ทำได้ดีเชียวล่ะ มีเว็บไซต์สำหรับผู้สนใจเข้าไปติดตามได้ที่ http:www.kathiappelt.com/
ปิดท้ายด้วยประโยคที่เราชอบจากหนังสือเล่มนี้นะคะ
และก็เป็นเช่นนั้นจริง ยาย ซึ่งอยุ่ในโอ่งมาพันปีเลือกความรักในที่สุด เธอได้เห็นความรักที่สะอาดบริสุทธิ์และเรียบง่าย เห็นมันในสิ่งมีชีวิตเล็กๆ อันได้แก่ แมวสีเทาสองตัวกับหมาแก่หนึ่งตัว ความรักที่สลับซับซ้อนและมีเกียรติได้สร้างวงล้อมพวกเขาไว้
|
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาค่ะ
1,469,696+2403690 =3873386/11602/961
แต่จากที่อ่านรีวิวแล้วน่าสนใจนะคะ ยิ่งทำให้คุณสาวไกด์ติดงอมแงมและร้องไห้ไได้