✿ เที่ยวตรังไม่เสียเที่ยว # 1... ยุทธจักรความอร่อย ✿
เมื่อนึกถึงเมืองตรัง เพื่อน ๆ จะนึกถึงอะไรบ้างคะ บางคนอาจจะนึกถึงหมูย่างหนังกรอบ ๆ เนื้อหวาน ๆ ติ่มซำที่มีให้เลือกมากมายหลายหลาก เค้กมีรู อาหารทะเลที่อุดมสมบูรณ์ หรือเมนูอาหารที่มีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น บ้างอาจจะนึกถึงประวัติศาสตร์ที่ยังมีชีวิต อดีตนายกรัฐมนตรีชวน หลีกภัย ดอกศรีตรังสีสวยหวาน ต้นยางพาราต้นแรกของประเทศไทย งานวิวาห์ใต้สมุทร หรือท้องทะเลสวย ๆ ถ้ำมรกดซึ่งโด่งดังไปทั่วโลก ฯลฯ แต่เราเชื่อว่าส่วนมากน่าจะนึกถึงเรื่องของกินเป็นอันดับต้น ๆ แน่นอน
และวันนี้เราจะพาเพื่อน ๆ ไปท้าชิมเมนูเด็ดประกาศศักดาท้าเมืองตรังกับ ททท.กันค่ะ การไปตรังครั้งนี้ ได้รับการเชิญชวนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานตรัง เลยชักชวนน้องดาคนบ้านใกล้ไปตะลุยเมืองตรังด้วยกัน ขอขอบคุณการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย คุณปุ๊ก ญาติกา แก้วบริสุทธิ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ททท.ตรัง และน้องสาว Sawkitty ไว้ ณ ที่นี่ด้วยค่ะ
การเขียนรีวิวทริปนี้เราจะเขียนรวมเป็น 2 parts ใหญ่ ๆ คือเรื่องกินและเรื่องเที่ยวในภาพรวมก่อน และจะทะยอยรีวิวแยกเฉพาะต่างหากออกมา ในเรื่องของสถานที่ท่องเที่ยว และร้านอาหาร ในวันนี้จึงเป็นภาพรวม ๆ ของกินในจังหวัดตรังก่อนนะคะ แต่มีเสียงแซวลอยลมมา ว่าเราไปไม่ถึงตรัง เพราะไม่ได้ไปโบสถ์คริสต์และยังไม่ได้ชิมขนมเปี๊ยะ ^__^
กำหนดการของเรา 4 วัน 3 คืน (10-13 เมษายน 2560) ออกเดินทางจากสนามบินดอนเมืองสู่จังหวัดตรัง โดยสายการบินไทยไลอ้อนส์แอร์ทั้งไปและกลับ เครื่องใหม่ กัปตันฝีมือเยี่ยมแลนดิ้งนิ่งมาก กำหนดการออกจากดอนเมืองเวลา 9.45 น. ถึงตรังเวลา 11.10 น. ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงเศษ แต่การ check in ในวันนั้นใช้เวลายาวนานเป็นพิเศษ สนามบินเนืองแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยว และประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนา ใช้เวลายาวนานประมาณหนึ่งชั่วโมง พอ ๆ กับการเดินทางจากกรุงเทพไปตรังเลยทีเดียวเชียวล่ะ และเมื่อขึ้นเครื่องแล้วกัปตันแจ้งให้ทราบว่าการจราจรทางอากาศคับคั่ง ต้องรอคิวทำให้ delay ไปอีกเกือบครึ่งชั่วโมง และแล้วเราก็พร้อมออกเดินทางแล้วค่ะ
ถึงสนามบินตรังเวลาใกล้เที่ยง แดดจัด อากาศร้อนมาก ลงจากบันไดเครื่องบินรีบคว้าร่่มก่อนเลยค่ะ แล้วก็เดินสวย ๆ เข้าสู่อาคารสนามบิน ซึ่งน้องฝ้าย จากบริษัททัวร์ The Experor คอยรอรับอยู่ ที่นี่เราได้พบกับเพื่อนร่วมทริปอีก 2 คนคือคุณตู่ และคุณรื่น จากเพจ "เที่ยวเมืองไทยไม่ไปไม่รู้"
และหลังจากที่พวกเราขึ้นรถตู้เรียบร้อย ท้องฟ้าก็เริ่มครึ้มและฝนตกตามหลังเราไปทุกที่ อากาศที่ตรังทำเอาคนต่างถิ่นแบบเราทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียว เดี๋ยวฝนตก เดี๋ยวแดดออก ถ้าซักผ้าตากผ้า คงวิ่งเก็บเข้าเก็บออกกันทั้งวัน 555 แต่คนตรังคงชินแล้วแหละ
มารู้จักตรังกันก่อน
คำขวัญประจำจังหวัดตรัง เมืองพระยารัษฎา ชาวประชาใจกว้าง หมูย่างรสเลิศ ถิ่นกำเนิดยางพารา เด่นสง่าดอกสีตรัง ปะการังใต้ทะเล เสน่ห์หาดทรายงาม น้ำตกสวยตระการตา
ตรังเป็นจังหวัดหัวเมืองชายทะเลฝั่งตะวันตก (ฝั่งอันดามัน) และมีประวัติอันยาวนาน ได้มีการตั้งเมืองตรังขึ้นเป็นครั้งแรกโดยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงแต่งตั้งพระอุไภยธานีเป็นเจ้าเมืองตรังคนแรก และได้มีการสร้างหลักเมืองตรังไว้ที่ควนธานี
ต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงเสด็จประพาสหัวเมืองปักษ์ใต้ เมื่อ พ.ศ. 2433 ทรงเห็นเมืองตรังมีสภาพทรุดโทรม จึงทรงโปรดฯ ให้พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี (คอซิมบี้ ณ ระนอง) มาดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองตรัง และสร้างความเจริญให้แก่ตรังอย่างมากมาย โดยย้ายเมืองตรังมาตั้งที่ อำเภอกันตัง ปากแม่น้ำตรัง โดยรวมเอาเมืองตรังและปะเหลียนเข้าด้วยกัน และพัฒนาเป็นเมืองท่าการค้าและยังได้ส่งเสริมให้มีการปลูกยางพาราที่จังหวัดตรังเป็นแห่งแรก
ต่อมาพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงเห็นว่าที่ตั้งตัวเมืองตรังเดิม คือเมืองกันตังไม่ปลอดภัยจากศัตรู ไม่เป็นศูนย์กลางของจังหวัด ทั้งยังเป็นที่ลุ่มมากน้ำทะเลท่วมถึง จะขยายตัวเมืองได้ยาก จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายเมืองไปตั้งที่ตำบลทับเที่ยง อำเภอบางรัก ซึ่งเป็นที่ตั้งของอำเภอเมืองตรังมาจนทุกวันนี้ และเมื่อมีการจัดระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2476 เมืองตรังจึงมีฐานะเป็นจังหวัดหนึ่งของประเทศไทยมาจนทุกวันนี้
ที่มา //www.trangzone.com
ตรังหรือเมืองทับเที่ยงเป็นจังหวัดท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของภาคใต้ และเป็น 1 ใน 12 เมืองต้องห้ามพลาด ในชื่อ "ยุทธจักรความอร่อย"
อาหารการกินอย่างแรก ๆ ที่คนส่วนใหญ่จะนึกถึงเมื่อมาถึงตรังนั่นก็คือ
หมูย่าง
หมูย่างเมืองตรังเป็นหมูย่างชนิดพิเศษไม่เหมือนที่ไหน รสชาติหวานนำ กรอบนอกนุ่มใน ไม่ต้องกินกับน้ำจิ้ม และมีรสชาติติดปากคนที่ได้ลิ้มลองและมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศ ผ่านกรรมวิธีการปรุงโดยใช้เคริ่องเทศสูตรเฉพาะ ใช้หมูขนาดที่ไม่ใหญ่ไม่เล็กจนเกินไป ใช่วิธีการย่างทั้งตัวค่ะ และจะใช้เตาชนิดที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับย่างหมูโดยเฉพาะ หมูย่างที่นี่ราคาขายเป็นกิโลกรัมนะคะ ราคามาตรฐานประมาณ 400 บาทค่ะ
ผู้ริเริ่มทำหมูย่างเมืองตรังคนแรกคือ เถ้าแก่ฟองจั่น ได้มาติดต่อให้นายโง่นซุ้ง แซ่หลี เจ้าของร้านขายยาสมุนไพร "ยิ้นจี้ถ่อง" ช่วยปรุงเครื่องเทศสำหรับทำหมูย่างให้จนเป็นที่ถูกใจ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของผงหอมเปิดตำนานหมูย่างเมืองตรังมาถึงทุกวันนี้
ปัจจุบันหมูย่างเมืองตรังได้รับการจดทะเบียนเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ของจังหวัดตรัง ซึ่งเป็นการปกป้องการละเมิดลิขสิทธิ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น
ขอบคุณภาพหมูย่าง จากน้องสาว sawkitty
ติ่มซำ
เริ่มจากในอดีตที่การค้าขายเจริญรุ่งเรืองเป็นยุคทองของการค้า จีนก็เป็นอีกประเทศหนึ่งที่เข้ามา ผูกสัมพันธ์ไมตรีด้านการค้ากับไทย จึงไม่แปลกที่วัฒนธรรมต่าง ๆ ของจีน จะถูกนำมาผสมผสาน กลายเป็นวัฒนธรรมท้องถิ่นไป โดยเฉพาะวัฒนธรรมการรับประทานอาหาร จนอาหารบางชนิดกลายเป็นอาหารท้องถิ่นที่ขึ้นชื่อ หนึ่งในนั้นก็คือ "ติ่มซำ" นั่นเอง วิถีชีวิตของชาวตรังวันนี้ก็ยังเหมือนในสมัยก่อน ที่ชาวสวนยางต้องเริ่มกิจการธุรกิจสวนยางกัน ตั้งแต่หลังเที่ยงคืนเพื่อกรีดยางจวบจนเช้ามืด รวมทั้งพ่อค้าแม่ค้าชาวไทยเชื้อสายจีน หลังจากเสร็จภารกิจค้าขายกันที่ตลาดสดยามเช้าแล้ว ก็เป็นเวลาที่ทุกคนต่างมีความสุข ในการกินอาหารมื้อเช้า ทั้งมานั่งคุยกันเรื่องราคายาง สาระทุกข์สุขดิบ คล้ายๆเป็นสภากาแฟ ส่วนมากร้านอาหารเช้าจะมีทั้งติ่มซำ หมูย่าง โจ๊ก กาแฟ ไว้บริการด้วยค่ะ
3. ร้านกาแฟ
ตรัง..เป็นเมืองที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์และวิถีชีวิตดั้งเดิมไว้ได้ดีมาก ภาพร้านกาแฟแบบดั้งเดิม เรายังสามารถพบเห็นได้ไม่ยากที่เมืองตรัง ความพิเศษของร้านกาแฟไม่ใช่แค่เป็นที่นั่งดื่มกาแฟเท่านั้น แต่ร้านกาแฟยังเป็นแหล่งที่ให้ข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ของชุมชน เพราะสมัยก่อนที่ยังไม่มีทีวี การจะรับข้อมูลข่าวสารโดยเฉพาะราคายางว่ามีความเคลื่อนไหวอย่างไรก็ต้องฟังจากวิทยุ โดยเมื่อก่อนร้านรับซื้อยางกับร้านกาแฟจะอยู่คู่กัน นอกจากเรื่องคุยหลัก ๆ ที่จะเป็นแค่เรื่องราคายาง ก็เริ่มพูดคุยเรื่องใกล้ตัวในชุมชน เศรษฐกิจ สังคม ข่าวสารเหตุการณ์ประจำวัน ไปจนเรื่องการเมือง
เจ้าของร้านกาแฟจะเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญที่สุด เพราะจะทำหน้าที่กระจายข้อมูลให้แก่ลูกค้า ที่เข้ามาในร้านได้รับรู้อย่างทั่วถึง ทุกคนที่แวะเวียนมาคุยมาทักทายก็จะทิ้งข่าวสารไว้เสมอ จึงไม่แปลกที่ร้านกาแฟกลายเป็นแหล่งรวมข้อมูลข่าวสารของชุมชนไปโดยปริยาย ปัจจุบันตรังมีร้านกาแฟมากมาย มีทั้งแบบคลาสิคและแบบสมัยใหม่ แสดงให้เห็นว่าร้านกาแฟเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตชาวตรัง
4. เค้กมีรู
เค้กเมืองตรัง ของฝากขึ้นชื่อของ จ.ตรัง ถือกําเนิดหรือผลิตขึ้นครั้งแรกที่ ต.ลําภูรา อ.ห้วยยอด เค้กตรังยุคแรกที่เป็นที่รู้จักกันคือ เค้กขุกมิ่ง ได้ชื่อจากขุกมิ่ง แซ่เฮง เจ้าตำรับขนมเค้กเมืองตรัง ด้วยกรรมวิธีการผลิตที่แตกต่างจากเค้กทั่วไป ไม่ใส่สารกันบูด และผงฟู และเป็นผู้ที่คิดค้นแบบพิมพ์เค้กที่มีรูตรงกลางเพื่อเวลาอบเค้กจะได้สุกทั่วถึงกันในระยะเวลาที่พอดี พออบเสร็จก็จะได้เค้กที่มีเอกลักษณ์มีรูตรงกลาง ในระยะแรกจะเป็นเค้กไข่ล้วน ต่อมาได้มีการพัฒนาปรับปรุงรสชาติใหม่ ๆ ให้ถูกปากยิ่งขึ้น และเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปจนถึงปัจจุบัน
5. หมูเกาหยุก
หมูเกาหยุก หรือ เกาหยก เป็นภาษาเรียกของชาวไทยเชื้อสายจีน ถือเป็นอาหารที่ชาวจีน นิยมปรุงขึ้นโต๊ะอาหารในพิธีงานเลี้ยงต่าง ๆ มีรสชาติเค็ม ๆ หวาน ๆ วัตถุดิบหลัก ๆ ก็คือหมูและเผือก และวัตถุดิบอื่นที่สำคัญได้แก่เต้าหู้ยี้และค้อมเจือง กำเจืองเป็นชื่อของแป้งมันสำปะหลังชนิดหนึ่งที่มีส่วนประกอบเฉพาะตัว มาบดผสมรวมกัน แล้วเคี่ยวในน้ำ ใส่ขิง กระเทียม รากผักชี น้ำตาลปี๊บ เคี่ยวจนได้น้ำซุปกลมกล่อม จากนั้นนำหมูสามชั้นลงไปต้มในน้ำเดือด พอหมูสุก เอาตะปูตอกเข้าไปให้เนื้อเป็นรูแล้วไปหมักกับซีอิ๊วดำ การตอกตะปูบนหนังหมูจะทำให้ซีอิ๊วดำซึมเข้าถึงเนื้อในอย่างเต็มที่ หลังจากนั้นนำไปทอดในน้ำมันเดือด ๆ ตักขึ้นหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ พักไว้ก่อน ยังไม่เสร็จง่าย ๆ ต้องหั่นเผือกชิ้นโต ๆ ลงไปทอดในน้ำมันร้อน ๆ ด้วย
จากนั้นใส่หมูสามชั้นที่ทอดแล้วลงไปเคี่ยวต่ออีก 1 ชั่วโมง เพื่อให้ซอสซึมซาบเข้าเนื้อหมู ใส่เผือกทอดลงไปเคี่ยวด้วยกันต่อ อย่าคิดว่าจะเสร็จเพียงเท่านั้น เขาต้องทิ้งไว้อีก 1 คืน เขาว่าการทิ้งค้างคืนจะทำให้หมูเกาหยุกอร่อยยิ่งขึ้นค่ะ
6. โรตี และติ่มซำอิสลาม
เมืองตรังอาจจะยังไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวที่ติดอันดับต้น ๆ ของภาคใต้ และไม่ใช่เมืองโลกีย์ ดังนั้นแสงสียามค่ำก็มาจากร้านโรตี ชา กาแฟนี่เอง ซึ่งโรตีเมืองตรังแผ่นแป้งบาง ๆ กรอบ ๆ ตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมพอคำ เสิร์ฟพร้อมนมข้นหวานและน้ำตาลทรายแยกใส่ถ้วยมาต่างหาก ทานกับเครื่องดื่มร้อนหรือเย็นก็ได้ และยังมีติ่มซำแบบมุสลิมและอาหารตามสั่งให้เลือกรับประทาน ร้านโรตีจึงเป็นอีกหนึ่งแหล่งนัดพบของชาวเมืองตรัง เป็นที่นิยมของทุกเพศทุกวัยไม่เฉพาะวัยรุ่นเท่านั้น
7. อาหารทะเล
วิถีชีวิตอันอิ่มเอมของชาวตรังนั้น เป็นผลมาจากความสมบูรณ์ที่ผสมผสานกันอย่างพอเหมาะพอเจาะ ระหว่างน้ำจืดและน้ำเค็มของแม่น้ำตรังและทะเลอันดามัน นอกจากสัตว์น้ำจืดพื้นถิ่นที่กลายเป็นอาหารขึ้นชื่อจากอดีตมาจนปัจจุบันคือ ปลาและกุ้งแม่น้ำตัวโต ๆ จากแม่น้ำตรังแล้ว ความสมบูรณ์ของสายน้ำแห่งท้องทะเลอันดามันที่ทำให้ท้องทะเลตรังและป่าชายเลนริมฝั่ง เป็นแหล่งอาหารทะเลสดอร่อย ทั้งกุ้ง หอย ปู ปลา มาเป็นเมนูอวดแขกบ้านแขกเมืองให้อิ่มหมีพลีมัน จนทำให้เกิดเป็นวัฒนธรรมการกินที่โด่งดังไปทั่วประเทศ ส่งผลให้คนทั่วไปรู้จักเมืองตรังในฐานะเป็น "เมืองนักกิน" ที่มีอาหารรสเลิศไว้เอาอกเอาใจผู้มาเยือนอย่างหลากหลายในทุกฤดูกาล
8. อาหารและขนมพื้นบ้าน
อาหารพื้นบ้านภาคใต้มีรสชาติโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ มีรสเผ็ดมากกว่าภาคอื่น ๆ อาหารภาคใต้มักเป็นอาหารที่มีรสชาติเผ็ดร้อน มีรสเค็ม เปรี้ยว เคยรู้มาว่าจะไม่นิยมรสหวาน แต่ทริปที่เราไปคราวนี้เจอหวานเจี๊ยบเลยค่ะ 555 ส่วนในเรื่องของสีอาหารใต้นั้นส่วนใหญ่จะเป็นสีเหลืองจากขมิ้น ด้วยสภาพภูมิศาสตร์ที่อยู่ติดทะเล ทำให้มีอาหารทะเลอุดมสมบูรณ์ แต่สภาพอากาศร้อนชื้น ฝนตกตลอดปี อาหารประเภทแกงและเครื่องจิ้มจึงมีรสจัดช่วยให้ร่างกายอบอุ่น นิยมรับประทานคู่กับผักเคียงหรือผักเหนาะเพื่อช่วยลดความเผ็ดร้อนของอาหาร
ส่วนขนมพื้นบ้านอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เช่น ขนมจีบ ซึ่งหน้าตาเหมือนกระหรี่พัฟ แต่ไส้ขนมมี 2 อย่าง เป็นฝอยทองและสังขยา ใช้การอบสุกแทนการทอด ขนมพริก ฟังชื่อก็เผ็ดแล้วนะคะ แต่เมื่อชิมแล้วเผ็ดไม่มากค่ะเป็นความเผ็ดจากพริกไทย กรอบ ๆ เหมือนกินคุ้กกี้รสกรอบเค็มที่ไม่หวาน และขนมถั่วตุ้บตั้บ หรือชื่อตามภาษาพื้นบ้านว่า "ถั่วต่อย" ส่วนผสมหลักเป็นถั่วลิสง นำมาทุบจนละเอียดห่อด้วยใบไผ่ ขนมขี้มอด ลำรา ทำจากมะพร้าวและแป้งข้าวจ้าว ปรุงรสด้วยน้ำตาลและเกลือ ซึ่งสามารถเก็บได้นับเดือนโดยไม่ต้องพึ่งสารกันบูด ขนมดอกโดนไส้มะพร้าวเราไม่ได้ชิมนะคะ แต่เพื่อนที่ไปด้วยบอกอร่อย
9. อาหารสุขภาพ & อาหารฟิวชั่น
นอกจากนั้นยังมีอาหารสุขภาพ ซึ่งเป็นอาหารประจำถิ่นของชาวภาคใต้ที่นิยมรับประทาน เป็นอาหารเช้าและอาหารกลางวัน นั่นก็คือข้าวยำ ซึ่งเป็นเมนูที่ให้สารอาหารที่หลากหลาย แต่ให้พลังงานต่ำเหมาะกับคนควบคุมน้ำหนักเป็นอย่างดี
นอกจากอาหารใต้แท้ ๆ แล้วก็ยังมีอาหารสไตล์ฟิวชั่นให้เลือกรับประทาน อาทิเช่น หมูโฑเฮ ข้าวกุลี ซึ่งเราก็เพิ่งเคยชิมเป็นครั้งแรก และโอวเอ๋วสไตล์เมืองตรัง
10. Street Food
นอกเหนือจากอาหารและร้านอาหารที่เป็นที่รู้จักคู่เมืองตรังแล้ว ยังมี street food ที่มีอาหารให้เลือกชิมอีกมากมาย และบางร้านก็เปิดขายคู่เมืองตรังมานานหลายสิบปี อาทิ ร้านก๋วยจั๊บโกแดง หน้าปากซอยสตรีทอาร์ทถ้ำมรกด ที่รอคอยให้พวกเราไปลิ้มลองความอร่อย ด้วยอัธยาศัยไมตรีและการบริการที่ประทับใจแขกผู้มาเยือนอย่างพวกเรา รวมถึง Center point ซึ่งจะทำการปิดถนนตั้งร้านกัน ตั้งแต่บ่ายสามโมงเป็นต้นไป ถึงประมาณสามทุ่มค่ะ ใครยังไม่อิ่มมื้อเย็นก็แวะไปนะคะใกล้ ๆ กับวงเวียนปลาพะยูน
ปิดท้ายบล็อกกันด้วยภาพวงเวียนปลาพะยูนเปลี่ยนสีสวยงามยามค่ำคืนค่ะ
บล็อกต่อไปจะเป็นภาพรวมของการท่องเที่ยวตรังทั้งทางน้ำ ทางบก ขึ้นเขา เข้าถ้ำ street art และที่พักนะคะ สำหรับวันนี้บ๊าย..บายไปก่อน พบกันใหม่บล็อกหน้าค่ะ
Create Date : 05 พฤษภาคม 2560 |
|
43 comments |
Last Update : 7 พฤษภาคม 2560 19:34:24 น. |
Counter : 5442 Pageviews. |
|
|
|
ชอบเมืองตรังคะ..
อาหารอร่อย มีทะเลให้เที่ยว..อิอิ
โหวตให้เลยคะ