 |
|
|
|
 |
|
|
พระโพธิสัตว์: เสริมพลังเดินหน้า หรือพาเขวออกจากทาง ต่อมาพระพุทธศาสนายุคหลังต้องแข่งกับฮินดูมากขึ้น ฮินดูมีเทพเจ้าไว้ให้ชาวบ้านอ้อนวอนบวงสรวง ศาสนาพราหมณ์นั้นก็เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เขามีพิธีบูชายัญขนาดเอาคนบูชายัญ สภาพความเชื่อแบบนี้ล้างยากมาก คนจำนวนมากก็ชอบที่จะให้คนอื่นมาช่วย ยิ่งเป็นอำนาจยิ่งใหญ่อัศจรรย์มาช่วย ก็ยิ่งครึ้มใจ ส่วนเรื่องที่จะเพียรพยายามด้วยตัวเองโดยใช้ปัญญานั้นมันแสนยาก มนุษย์จำนวนมากจึงมีความโน้มเอียงที่จะหันไปหาการอ้อนวอนขอผลจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นไปได้ว่า พระพุทธศาสนาฝ่ายมหายานนี้ ได้พยายามเริ่มเอาอกเอาใจประชาชน ด้วยการสนองความต้องการแบบนี้ขึ้นมาบ้าง โดยคิดว่า ทำอย่างไรดีจะหาอะไรมาช่วยปลอบขวัญประชาชนให้เขามีสิ่งที่จะมาช่วยบ้าง ทีนี้ก็คิดไปถึงคติพระโพธิสัตว์ คือเรามีคติโพธิสัตว์อยู่เดิมก่อนแล้ว พระโพธิสัตว์ก็คือพระพุทธเจ้าก่อนตรัสรู้ หมายถึงท่านผู้บำเพ็ญบารมีมาเพื่อจะเป็นพระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์นั้นตั้งใจบำเพ็ญความดีอย่างยอดยิ่ง อย่างสูงสุด โดยไม่ยอมแก่ความลำบากยากแค้น และสามารถเสียสละแม้แต่ชีวิตตนเองเพื่อบำเพ็ญความดี ในการบำเพ็ญความดีนั้น สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งก็คือการช่วยเหลือผู้อื่น อย่างที่เห็นในชาดกต่างๆ ที่พระโพธิสัตว์เสียสละตัวเอง เสียสละทรัพย์สินสมบัติ เสียสละเลือดเนื้ออวัยวะ และเสียสละแม้แต่ชีวิต เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์หรือสัตว์อื่นได้ ก็เป็นอันว่า พระโพธิสัตว์บำเพ็ญบารมี มีความเสียสละที่จะช่วยผู้อื่น แต่คติโพธิสัตว์เดิมนั้นมีความหมายสำหรับชาวพุทธอย่างไร คติโพธิสัตว์เดิม มีความหมายต่อชาวพุทธว่าพระโพธิสัตว์เป็นแบบอย่างแก่เราทุกคนในการทำความดี ให้ชาวพุทธเอาอย่างพระโพธิสัตว์ในการที่จะทำความดี และช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่เห็นแก่ตัวเองเลย ยอมเสียสละแม้แต่ชีวิตของตัวเอง เพื่อทำความดี และเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นได้ เป็นคติที่สอนเพื่อให้ทำตามอย่างพระโพธิสัตว์ แต่มหายานทำไปทำมา คนกลายเป็นมองคติโพธิสัตว์ใหม่ ในแง่ว่า พระโพธิสัตว์ท่านมีมหากรุณาและอานุภาพยิ่งใหญ่ที่จะช่วยเหลือสัตว์ทั้งหลาย เลยทำให้เกิดจุดเน้นไปว่า ถ้ามนุษย์เราหวังความช่วยเหลือ เราก็ไปหาพระโพธิสัตว์ขอให้ท่านช่วยได้ คล้ายกับไปขอผลจากเทวดา ตกลงก็เลยมีคติโพธิสัตว์แบบมหายานขึ้นมา อย่างไรก็ตาม พระโพธิสัตว์ที่เราพูดถึงทั่วไปแต่เดิม คือพระโพธิสัตว์ของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้นั้น พระโพธิสัตว์ก็ได้สิ้นชีวิตไปก่อนหมดแล้ว พระโพธิสัตว์ของเถรวาทมุ่งเอาโพธิสัตว์ของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ซึ่งได้ทำความดีไว้เป็นแบบอย่าง ให้เราทำอย่างนั้นบ้าง แต่ท่านสิ้นชีวิตไปหมดแล้ว แม้แต่องค์พระพุทธเจ้าเองก็ได้ปรินิพพานไปแล้ว มหายานก็คิดว่า แล้วจะทำอย่างไรให้มีพระโพธิสัตว์ ที่ยังรอช่วยผู้คนอยู่ได้ ถึงตอนนี้ก็นึกได้ถึงหลักการแต่เดิมที่ว่า ความเป็นพระพุทธเจ้าไม่ได้ผูกขาดอยู่กับพระพุทธเจ้าพระองค์ใด ใครบำเพ็ญบารมีจนครบบริบูรณ์ก็เป็นพระพุทธเจ้าได้ พระพุทธเจ้าก็มีเรื่อยไป เพราะฉะนั้น พระพุทธเจ้าที่จะมาตรัสรู้ข้างหน้าอีกมากมาย ก็ยังบำเพ็ญบารมีเป็นโพธิสัตว์อยู่ คือยังช่วยเหลือสัตว์โลกอยู่ ถ้าอย่างนั้น เราก็เอาพระโพธิสัตว์ของพระพุทธเจ้าที่จะมาตรัสรู้ข้างหน้ามาสิ จะได้มาช่วยมนุษย์ในปัจจุบันได้ ตกลงมหายานก็เลยไม่เอาพระโพธิสัตว์ของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน แต่หันไปหาพระโพธิสัตว์ที่ยังไม่ตรัสรู้ยังไม่เป็นพุทธะ ซึ่งยังบำเพ็ญบารมีอยู่แล้วเอามาให้ชาวพุทธนับถือ จะได้มาช่วยเหลือคนทั้งหลายได้ ตอนนี้ก็เท่ากับว่า ทางพุทธศาสนามหายานนี้ ได้คู่แข่งที่จะมาชดเชยความเชื่อแบบอ้อนวอนเทพเจ้าแล้ว คือมีพระโพธิสัตว์ มาช่วยสัตว์ทั้งหลายที่ต้องการความช่วยเหลือ สามารถขอร้องพระโพธิสัตว์อย่างพระอวโลกิเตศวร ผู้เต็มไปด้วยพระมหากรุณาให้มาช่วยเรา เพราะฉะนั้น ชาวพุทธก็ไปขอร้อง ไปอ้อนวอนพระโพธิสัตว์แบบใหม่นี้ ท่านก็มาช่วยเหลือ คราวนี้คุณไม่ต้องไปอ้อนวอนเทพเจ้าฮินดูนะ ไม่ต้องไปอ้อนวอนพระพรหม ไม่ต้องไปอ้อนวอนพระนารายณ์ แต่คุณมาหาพระโพธิสัตว์ก็ได้ พระโพธิสัตว์ก็ช่วยได้ เป็นอันว่า พุทธศาสนามหายาน ก็มีพระโพธิสัตว์มาแข่งกับเทพเจ้าฮินดู แต่ก็อีกนั่นแหละ ของพุทธนี่แข่งไม่ได้เต็มที่ เพราะว่าเทพเจ้าของฮินดูนั้น เขาแสดงกิเลสได้เต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นโลภะ โทสะ ว่ากันได้เต็มที่เลย เทพเจ้าสามารถใช้ฤทธิ์ประหัตประหารคนอื่น ยกทัพทำสงครามกันก็ได้ แต่พระโพธิสัตว์ในพระพุทธศาสนา ท่านบำเพ็ญคุณธรรม มีแต่ความดีไม่มีการทำร้ายใคร ทีนี้ มนุษย์ที่เป็นปุถุชนนี้ มันมีเรื่องโกรธแค้นกัน อยากจะทำร้ายผู้อื่นบ้าง อยากจะหาผลประโยชน์ให้แก่ตัวให้เต็มที่โดยไม่ต้องคำนึงถึงความเดือดร้อนของใครบ้าง เมื่อมาหาเทพเจ้าๆ ก็สนองความต้องการได้เต็มที่ จะฆ่าจะทำลายศัตรูก็ได้ แต่ถ้ามาหาพระโพธิสัตว์ ท่านมีคุณธรรม มีแต่เมตตากรุณา ท่านไม่ทำสิ่งที่ร้าย เพราะฉะนั้น การอ้อนวอนขอความช่วยเหลือจากพระโพธิสัตว์ ก็ไม่สามารถแทนเทพเจ้าของฮินดูได้จริง เพราะจํากัดด้วยขอบเขตของคุณธรรม ถึงตอนนี้ ก็คือพระพุทธศาสนานอกจากเสียหลักแล้ว ยังเสียเปรียบเขาด้วย คติโพธิสัตว์เดิมนั้น คือเป็นแบบอย่างให้ทุกคนจะต้องเพียรพยายามทำความดีให้ได้อย่างนั้นๆ แม้แต่เสียสละตนเองหรือชีวิตของตนเพื่อทำความดีอย่างเต็มที่ แต่ตอนนี้ ตามคติโพธิสัตว์ใหม่ แบบมหายาน กลายเป็นว่า มีพระโพธิสัตว์ผู้เสียสละคอยช่วยเหลือเราอยู่แล้ว เราก็ไปขอความช่วยเหลือจากพระโพธิสัตว์ เราไม่ต้องทำ เมื่อเป็นอย่างนี้ ความหมายของพระโพธิสัตว์ก็พลิกไปเลย ถ้าเรามาดูในปัจจุบันนี้ที่นับถือกัน อย่างเจ้าแม่กวนอิม ก็คือพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ซึ่งเป็นพระโพธิสัตว์เดิมที่เกิดมีขึ้นในอินเดียตามหลักมหายานอย่างที่ว่าเมื่อกี้ ต่อมาเมื่อเข้าไปในเมืองจีน แปลชื่อเป็นภาษาจีนแล้ว ศัพท์กร่อนลงมาเหลือแค่กวนอิม และเพศก็กลายเป็นหญิงไป ตามเรื่องที่เคยเล่าหลายครั้งแล้ว ตำนานหนึ่งเล่าว่า ครั้งหนึ่งพระราชธิดาของพระเจ้ากรุงจีนประชวรหนัก ไม่มีแพทย์หลวงหรือแพทย์ราษฎร์ที่ไหนจะรักษาได้ ก็เลยร้อนถึงพระอวโลกิเตศวรกวนอิมนี้จะมาช่วยรักษา แต่ในราชสำนักนั้นผู้ชายเข้าไปไม่ได้ พระอวโลกิเตศวรก็เลยต้องแปลงร่างเป็นสตรี แล้วก็เข้าไปรักษาพระราชธิดาพระเจ้ากรุงจีนให้หาย เสร็จแล้วแปลงร่างกลับไม่ได้ ก็เลยเป็นผู้หญิงสืบมา ปราชญ์สันนิษฐานว่า คติพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรหรือกวนอิมนี้ เข้าไปจีนราว พ.ศ. ๖๐๐ ซึ่งก็เป็นระยะแรกๆ ของการเกิดคติโพธิสัตว์แบบมหายาน น่าสังเกตว่า พระโพธิสัตว์พระองค์ต่างๆ ของมหายานนี้ พัฒนาขึ้นในระยะเดียวกับที่พระศิวะ (อิศวร) และวิษณุ (นารายณ์) กำลังเริ่มปรากฏองค์เด่นขึ้นมา ในศาสนาฮินดู (พระพรหมด้อยลง) และเป็นยุคเดียวกันกับที่ศาสนาคริสต์กำลังเกิดขึ้นด้วย แต่รวมแล้ว ก็เป็นคติที่แข่งกับฮินดู ซึ่งมีการอ้อนวอนขอผล ถ้าเราไม่ระวังรักษาหลักการให้ดี พระพุทธศาสนาก็จะโน้มเอียงไปทางศาสนาฮินดู เมื่อมหายานมาเป็นอย่างนี้ ก็ต้องถือว่าเสียหลักและการที่เสียหลักนี้ ก็น่าจะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้กลืน กับ ศาสนาฮินดูได้ต่อมา การที่เสียหลักก็คือ ย้ายจุดเน้นจากการที่ใช้ความเพียรพยายาม ทำกรรมดีต่างๆ ด้วยฉันทะวิริยะอุตสาหะ ไปเป็นลัทธิอ้อนวอนขอผลอะไรต่างๆ ก็เลยไปใกล้กับศาสนาฮินดู ไปๆ มาๆ ราว พ.ศ. ๑๐๐๐ ฮินดู ก็เริ่มแต่งเรื่องเอาพระพุทธเจ้า เป็นพระนารายณ์อวตารปางที่ ๙ ไปเลย เดี๋ยวนี้ฮินดูที่นับถือพระวิษณุ สร้างเทวาลัย บางแห่งวางรูปพระนารายณ์ไว้ตรงกลางแล้ว ก็เอารูปพระพุทธเจ้าไปวางไว้ข้างๆ เป็นบริวารเลย ที่ว่านี้ก็เป็นเรื่องของวิวัฒนาการ ซึ่งอาจจะมีความสัมพันธ์กับเรื่องที่มีในถ้ำที่อชันตา-เอลโลราด้วยก็เป็นได้ แต่วันนี้เล่าโดยสัมพันธ์กับเรื่องของประวัติศาสตร์ทางพระพุทธศาสนาทั่วไป
Create Date : 26 กุมภาพันธ์ 2567 |
Last Update : 26 กุมภาพันธ์ 2567 14:36:04 น. |
|
0 comments
|
Counter : 129 Pageviews. |
 |
|
|
|
|
 |
|
|
|