กรรมเก่า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ.เป็นเจ้าบทบาทเดิม จากนั้น การศึกษาอาศัยปรโตโฆสะ ซึ่งมีคติว่า "คนเป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่ปรุงปั้น" และโยนิโสมนสิการ ซึ่งมีคติย้อนกลับว่า "ถ้าเป็นคนรู้จักคิด แม้แต่ฟังคนบ้าคนเมาพูด ก็อาจสำเร็จเป็นพระอรหันต์"
space
space
space
<<
กุมภาพันธ์ 2567
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
2526272829 
space
space
11 กุมภาพันธ์ 2567
space
space
space

อิสลามแผ่ไพศาล



235 อิสลามแผ่ไพศาล

     ครั้นพระนบีมุฮัมมัดเสด็จสู่สวรรค์แล้ว เนื่องจากท่านมีภริยา ๙ ท่าน แต่บุตรชายทั้งหมดเสียชีวิตตั้งแต่ยังเป็นทารก ธิดาก็ยังมีชีวิตอยู่ท่านเดียว คือ ท่านฟาติมะฮ์ (Fatimah ธิดาที่เกิดแต่ท่านขะดิยะฮ์ มีปัญหาว่าใครจะเป็นผู้สืบต่อ ซึ่งเรียกว่าเป็นกาลิฟ (Caliph Calif หรือ Khalifah เขียนใกล้คำเดิม เป็นขะดิยะฮ์)

     ถึงวาระนี้ ความแตกแยกก็เริ่มตั้งต้น

     ตามเรื่องที่สืบมาของฝ่ายหนึ่ง (คือฝ่ายที่ต่อมาเป็นนิกายสุหนี่ เล่าว่า พระนบีมุฮัมมัดมิได้แต่งตั้งผู้ใดให้เป็นผู้สืบตำแหน่ง เมื่อเรื่องดำเนินไป ในที่สุด ชาวมุสลิมที่มะดีนะฮ์ ได้ตกลงเลือกท่านอาบูร์ บะกะร์ (Abu Bakr) ซึ่งเป็นสสุระ (พ่อตา) ผู้เป็นบิดาของภริยาที่โปรดที่สุดของพระนบีมุฮัมมัด และใกล้ชิดช่วยงานพระนบีมาโดยตลอด ขึ้นเป็นกาหลิฟท่านแรก

     แต่จากคำบอกเล่าของอีกฝ่ายหนึ่ง (คือฝ่ายที่ต่อมาเป็นนิกายชีอะฮ์) ว่าองค์พระนบีได้กำหนดไว้แล้วให้ท่านอาลี (Ali) ผู้เป็นบุตรเขย ที่เป็นสามีของท่านฟาติมะฮ์ เป็นผู้สืบต่อ แต่เมื่อฝ่ายท่านอาบูร์ บะกะร์ดำเนินการไปเช่นนั้นแล้ว ท่านอาลี ก็จำต้องยินยอมเพื่อเห็นแก่ความสามัคคี

     แม้ว่า กาหลิฟท่านแรก คือ ท่านอาบูร์ บะกะร์ ซึ่งขึ้นสู่ตำแหน่ง เมื่อชราแล้ว จะมีชีวิตต่อมาเพียง ๒ ปี แต่ท่านก็ได้สร้างความเจริญก้าวหน้าแก่อิสลามอย่างมาก คือ นอกจากปราบชนหลายเผ่าที่ก่อการกำเริบ ไปสามิภักดิ์ต่อผู้อ้างตนขึ้นใหม่เป็นองค์นบี จนสยบเรียบร้อยแล้ว ท่านอาบูร์ บะกะร์ ได้กรีฑาทัพขึ้นเหนือ เข้ายึดครองบางส่วนของอิรัค ตอนใต้ และเริ่มเข้าไปในซีเรีย

     เมื่อท่านอาบูร์ บะกะร์ สิ้นชีพในปี ๖๓๔/๑๑๗๗ แล้ว ท่านอูมาร์ (ต่อมาเรียกเป็น อูมาร์ ที่ ๑ = Umar l) ผู้เป็นสสุระ (พ่อตา) ที่เป็นบิดาของภริยาท่านที่ ๓ ขององค์พระนบี ได้ขึ้นเป็นกาหลิฟ องค์ที่ ๒

     ปีต่อมา ด้านเหนือ ท่านอูมาร์ เข้ายึดกรุงดามัสกัส (เมืองหลวงของซีเรีย) จากจักรวรรดิโรมันตะวันออกคือบีแชนทีน (Byzantine Empire) แล้วพอถึงปี ๖๓๘/๑๑๘๑ ท่านก็ยึดได้กรุงเยรูซาเล็ม อันถือว่าเป็นนครศักดิ์สิทธิ์ลำดับ ๓ ของอิสลาม (เป็นเมืองที่ชาวมุสลิมถือว่า องค์พระนบีเสด็จสู่สวรรค์) และได้ครองปาเลสไตย์

     ด้านตะวันออกเฉียงเหนือ กองทัพมุสลิมรุกเข้าสู่จักรวรรดิเปอร์เซีย ยึดได้อีรัค แล้วรุกตะวันออกต่อ เข้าไปถึงภาคตะวันตกเฉียงใต้ของอิหร่านปัจจุบัน ไม่ช้าจักรวรรดิเปอร์เซียอันยิ่งใหญ่ ที่ยืนยงมานานกว่า ๔๐๐ ปีก็ล่มสลาย

     ด้านตะวันตก กองทัพมุสลิมเข้าตีอียิปต์ ยึดได้เมืองอเลกซานเตรีย (Alexandria) ซึ่งเคยเป็นศูนย์กลางอารยธรรมกรีกสืบมาจนถึงยุคโรมัน และคืบเข้าไปจนตั้งเมืองหลวงแรกของมุสลิมในอียิปต์ นำอียิปต์เข้าสู่จุดเริ่มที่จะเป็นศูนย์กลางแห่งวัฒนธรรมอาหรับในสมัยต่อมา

     ในปี ๖๔๔/๑๑๘๗ หลังจากครองแผ่นดินได้ ๑๐ ปี ท่านอูมาร์ ที่ ๑ ถูกทาสชาวเปอร์เซียสังหาร ท่านอูธมาน หรือ อุสมาน (Uthman) ผู้เป็นบุตรเขยท่านหนึ่งขององค์พระนบี ขึ้นเป็นกาหลิฟ องค์ที่ ๓

     แม้ว่าท่านอูธมาน จะได้แผ่ขยายจักรวรรดิอิสลามออกไปมากขึ้น แต่ชัยชนะช่วงนี้ได้มาโดยมีความสูญเสียมากขึ้น และทรัพย์สินที่ยึดมาได้ก็มีปริมาณน้อยลง ท่านได้หันเข้ามาจัดการวางระบบภายในให้แน่นเหนียวขึ้น แต่แล้วเหตุการณ์ภายในไม่ราบรื่น ต่อมาเกิดกบฏในอียิปต์และในอิรัค ครั้นถึงปี ๖๕๖/๑๑๙๙ ได้มีพวกกบฏจากอียิปต์ยกมาถึงมะดีนะฮ์ มีการรบกันบ้าง แต่ในที่สุดท่านถูกพวกกบฏสังหาร
 


Create Date : 11 กุมภาพันธ์ 2567
Last Update : 11 กุมภาพันธ์ 2567 12:00:54 น. 0 comments
Counter : 178 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

สมาชิกหมายเลข 6393385
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 6393385's blog to your web]
space
space
space
space
space