กรรมเก่า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ.เป็นเจ้าบทบาทเดิม จากนั้น การศึกษาอาศัยปรโตโฆสะ ซึ่งมีคติว่า "คนเป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่ปรุงปั้น" และโยนิโสมนสิการ ซึ่งมีคติย้อนกลับว่า "ถ้าเป็นคนรู้จักคิด แม้แต่ฟังคนบ้าคนเมาพูด ก็อาจสำเร็จเป็นพระอรหันต์"
space
space
space
<<
กุมภาพันธ์ 2567
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
2526272829 
space
space
26 กุมภาพันธ์ 2567
space
space
space

นารายณ์อวตารเป็นพระพุทธเจ้า


 
บทเรียนที่มักถูกลืม  
 
235 นารายณ์อวตาร
 
     ไหนๆ ได้พูดพาดพิงถึงการที่ฮินดูเอาพระพุทธเจ้าเป็นนารายณ์อวตารไว้  ก็ควรจะพูดให้เข้าใจชัดเจนขึ้นสักนิด
 
     เรื่องนารายณ์อวตารนี้   เกิดขึ้นในยุคคัมภีร์ปุราณะของฮินดู  “ปุราณะ” แปลง่ายๆ ว่า เรื่องโบราณ   ก็คล้ายกับคำว่าตำนาน  แต่เป็นตำนานของฮินดูโดยเฉพาะ
 
     คัมภีร์ปุราณะมีทั้งหมด ๑๘ คัมภีร์   แต่ก่อนเคยเข้าใจกันว่าเก่าแก่มาก  แต่เวลานี้รู้กันลงตัวหมดแล้วว่า แต่งขึ้นเริ่มแรกในคริสต์ศตวรรษ ที่ ๔  (ราว พ.ศ. ๘๕๐) และแต่งกันเรื่อยๆ มาจนถึงคริสต์ศตวรรษที่ ๑๐  (ราว พ.ศ. ๑๔๕๐) แต่ปราชญ์บางท่านว่าถึงคริสต์ศตวรรษที่ ๑๖ (ราว พ.ศ. ๒๐๕๐)
 
     เรื่องเอาพระพุทธเจ้าเป็นอวตารของพระนารายณ์ ที่เรียกว่า พุทธาวตาร นั้น ปรากฏขึ้นระหว่าง พ.ศ. ๑๐๐๐-๑๑๐๐
 
     คัมภีร์ปุราณะ คัมภีร์แรกที่กล่าวถึงพระพุทธเจ้าเป็นนารายณ์อวตาร คือ “วิษณุปุราณะ” ซึ่งเป็นคัมภีร์ที่แต่งในช่วง พ.ศ. ๙๔๓- ๑๐๔๓ และบรรยายไว้ยืดยาว
 
     ชาวฮินดูเอาพระพุทธเจ้าเป็นนารายณ์อวตารเพื่ออะไร  ไม่ควรเดา  ถ้าต้องการรู้ชัด ก็อ่านข้อความในคัมภีร์ปุราณะที่เป็นต้นแหล่ง ก็จะได้ความแน่นอน  ขอยกข้อความในคัมภีร์วิษณุปุราณะตอนสำคัญมาให้ดู ตอนหนึ่งว่า
 
        “พวกอสูร  มีประหลาทะ  เป็นหัวหน้า  ได้ขโมยเครื่องบูชายัญของเทพยดาทั้งหลายไป  แต่เหล่าอสูรเก่งกล้ามาก ... เทพยดาปราบไม่ได้
 
        “พระวิษณุเจ้า  (พระนารายณ์)  จึงทรงนิรมิตบุรุษแห่งมายา (นักหลอกลวง) ขึ้นมา   เพื่อให้ไปชักพาเหล่าอสูรออกไปให้พ้นจากทางแห่งพระเวท ...
 
        “บุรุษแห่งมายานั้น นุ่งห่มผ้าสีแดง และสอนเหล่าอสูรว่าการฆ่าสัตว์บูชายัญเป็นบาป...ทำให้พวกอสูรเป็นชาวพุทธ และชักพาให้หมู่ชนอื่นๆ ออกนอกศาสนา  พากันละทิ้งพระเวท ติเตียนเทพยดาและพราหมณ์ทั้งหลาย  สลัดทิ้งสัทธรรมที่เป็นเกราะป้องกันตัว  เทพยดาทั้งหลายจึงเข้าโจมตีและฆ่าอสูรเหล่านั้นได้”  (O’ Flaherty, 189)
 

     อีกแห่งหนึ่งกล่าวว่า
 
        "ในการสงครามระหว่างเทพยดากับเหล่าอสูร   เทพยดาได้ปราชัย และมาขอให้องค์พระเป็นเจ้า (พระวิษณุ = นารายณ์)  ทรงเป็นที่พึ่ง    องค์พระเป็นเจ้าได้ทรงมาอุบัติเป็นราชโอรสของพระเจ้าสุทโธทนะ  มาทรงเป็นองค์มายาโมหะ  (ผู้หลอกลวง) และทรงชักพาให้เหล่าอสูรพากันหลงผิดไปเสีย  ไปนับถือพุทธศาสนา และละทิ้งพระเวท แล้วพระองค์ก็ได้ทรงเป็นอรหันต์ และทำให้คนอื่นๆเป็นอรหันต์  พวกนอกพระศาสนาจึงได้เกิดมีขึ้น (idem, 288)
 
     ญาติโยมอาจสงสัย  ทำไมจะไปล่อให้อสูรออกนอกศาสนาเสียล่ะ  ทำให้เขานับถือไม่ดีหรือ ตอบง่ายๆว่า เขาหมายถึงออกนอกศาสนาฮินดู
 
     พราหมณ์หรือฮินดู   ถือว่า  อสูรเป็นศัตรูของเทวดา เมื่ออสูรอยู่ในศาสนาฮินดู มารู้พระเวท ทำพิธีบูชายัญ เป็นต้น ก็จะมีฤทธิ์มีอำนาจ  เทวดาก็ปราบไม่ได้  เหมือนอย่างเรื่องข้างต้น พระนารายณ์จึงอวตารเป็นพระพุทธเจ้า  มาหลอกอสูรกับพวกออกไปเสียจากศาสนาฮินดู (ให้เลิกนับถือพระเวท เลิกบูชายัญ เป็นต้น)  แล้วจะได้หมดฤทธิ์หมดพลังอำนาจ เสร็จแล้วพวกเทวดาจะได้สามารถปราบหรือกำจัดอสูรได้สำเร็จ
 
     หมายความว่า พระนารายณ์อวตารลงมาเป็นพระพุทธเจ้าเพื่อมาหลอกเหล่าอสูร ซึ่งเป็นศัตรูของเทวดา ให้หลงผิดเลิกนับถือพระเวท  เลิกบูชายัญ เป็นต้น  แล้วอสูรจะได้หมดฤทธานุภาพ คือมาช่วยให้เทวดาปราบอสูรได้สำเร็จ และก็หมายความว่า ชาวพุทธทั้งหมดนี้คือพวกอสูร  ซึ่งจะต้องถูกปราบถูกกำจัดต่อไป
 
     คัมภีร์ภาควตปุราณะ ซึ่งเป็นปุราณะที่สำคัญที่สุดกล่าวว่า
 
        “เมื่อกลียุคเริ่มขึ้นแล้ว   องค์พระวิษณุเจ้า  (พระนารายณ์) จะลงมาอุบัติเป็นพระพุทธเจ้า โอรสของราชาอัญชนะ (ที่จริงเป็นพระอัยกาของพระพุทธเจ้า)  เพื่อชักพาเหล่าศัตรูของเทพยดาทั้งหลายให้หลงผิดไปเสีย ... มาสอนอธรรมแก่เหล่าอสูร ... ทำให้พวกมันออกไปเสียจากพระศาสนา ... พระองค์  จะทรงสั่งสอนเหล่าชนผู้ไม่สมควรแก่ยัญพิธี  ให้หลงผิดออกไป
 
        “ขอนอบน้อมแด่องค์พุทธะ ผู้บริสุทธิ์  ผู้หลอกลวง  เหล่าอสูร“ (idem, 188)
 
     ที่ว่ากลียุคนั้น   ทางฮินดูถือว่ามีเครื่องหมายแสดงให้รู้คือ  เมื่อใด  การแบ่งแยกวรรณะทั้ง ๔  เริ่มผ่อนคลายเสื่อมสลายลง  ก็แสดงว่า กำลังเริ่มเข้าสู่กลียุค และ
 
     คัมภีร์ปุราณะกล่าวบรรยายไว้ด้วยว่า เมื่อพระวิษณุอวตารเป็นพระพุทธเจ้ามาหลอกอสูรและพวก ให้หลงผิดออกไปจากศาสนาฮินดู เรียบร้อยแล้ว ต่อไปเมื่อสิ้นกลียุคแล้ว พระองค์ก็จะอวตารลงมาอีกครั้งหนึ่ง เป็นอวตารปางที่ ๑๐  (พระพุทธเจ้า เขาจัดเป็นอวตารปางที่ ๙)  ชื่อกัลกี (กัลกยาวตาร) เพื่อกำจัดกวาดล้างฆ่าเหล่าอสูรนั้นให้หมดสิ้น แล้วเสด็จกลับคืนสู่สรวงสวรรค์   ต่อแต่นั้น โลกก็จะกลับเข้าสู่ยุคทอง
 
     คัมภีร์มหาภารตะ ก็ได้เขียนเติมแทรกข้อความต่อไปนี้ไว้
 
        "เมื่อเริ่มกลียุค  องค์พระวิษณุเจ้าจะลงมาอุบัติเป็นพระพุทธเจ้า  ผู้เป็นโอรสของราชาสุทโธทนะ  และจะเป็นสมณะโล้น  ออกสั่งสอนด้วยภาษามคธ  ชักพาเหล่าประชาชนให้หลงผิด ประชาชนเหล่านั้น   ก็จะกลายเป็นคนหัวโล้นไปด้วย และนุ่งห่มผ้าเหลือง พราหมณ์ก็เลิกทำพิธีเซ่นสรวง และหยุดสาธยายพระเวท...
 
    ลำดับนั้น  เมื่อสิ้นกลียุค  พราหมณ์นามว่ากัลกี   ผู้เป็นบุตรแห่งวิษณุยสะ จะมาถือกำเนิด และกำจัดเหล่าพวกอนารยชนคนนอกศาสนาเหล่านั้นเสีย  (idem, 202)
 
     อีกคัมภีร์หนึ่งเขียนไว้  ให้รู้สึกเป็นประวัติศาสตร์  (แบบเทียมๆ) ว่า
 
        "บัดนี้  องค์พระวิษณุเจ้า มีพระทัยรำลึกถึงกลียุค จึงได้เสด็จลงมาอุบัติเป็นพระโคตมะ ศากยมุนี และสอนธรรมของพุทธศาสนาเป็นเวลา ๑๐ ปี  ครั้งนั้น  ราชาสุทโธทนะครองราชย์ ๒๐ ปี แล้ว ราชาศากยสิงหะครอง ราชย์ ๓๐ ปี  ในตอนต้นแห่งกลียุคนั้น วิถีแห่งพระเวทได้ถูกทำลาย และประชาชนได้ไปนับถือพุทธศาสนากันหมด เหล่าชนผู้ถือองค์พระวิษณุเป็นสรณะ ได้ถูกชักพา ให้หลงผิดไปแล้ว (idem, 203)
 


Create Date : 26 กุมภาพันธ์ 2567
Last Update : 26 กุมภาพันธ์ 2567 18:43:07 น. 0 comments
Counter : 222 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

สมาชิกหมายเลข 6393385
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 6393385's blog to your web]
space
space
space
space
space