 |
|
|
|
 |
|
มะละกา ที่แดนมาเลเซียขึ้นมาเป็นใหญ่เหนือ ชวา |
|
มะละกา ที่แดนมาเลเซีย ขึ้นมาเป็นใหญ่เหนือ ชวา (เข้าสู่ยุคอิสลาม) บนผืนแผ่นดินแหลมมลายู หรือคาบสมุทรมาเลย์ ที่ประเทศมาเลเซียปัจจุบันตั้งอยู่นี้ ในภาคเหนือของดินแดนมาเลเซียนั้น ตลอดถึงตอนล่างของประเทศไทย เมื่อ ค.ศต. ต้นๆ คือ เกือบ ๒,๐๐๐ ปีมาแล้ว ได้มีอาณาจักรที่นับถือพระพุทธศาสนา (และศาสนาฮินดู) ที่ฝรั่งเรียกว่า Indianized states ขนาดย่อมๆ ทยอยเกิดขึ้นและเสื่อมไป รวมแล้ว อาจจะถึง ๓๐ อาณาจักร โดยเฉพาะอาณาจักรลังกาสุกะ ที่เล่าข้างต้น ต่อมาเมื่ออาณาจักรใหญ่ๆ เจริญขึ้นมาบนแหลมอินโดจีน และในเกาะทางอินโดนีเซีย อาณาจักรเล็กๆ เหล่านี้ ก็ถูกอาณาจักรใหญ่ๆ เหล่านั้นครอบครอง เช่น อาณาจักร ฟูนัน จนถึงมัชปาหิตและอยุธยา ได้เล่ามาถึงอาณาจักรมัชปาหิตในเกาะชวา และเรื่องของมัชปาหิตนั้น ก็มาต่อกับเรื่องบนแผ่นดินมาเลเซีย ด้วยเรื่องอาณาจักรมะละกา ที่เคยเล่าไปบ้างแล้ว ซึ่งในที่นี้ขอทบทวนเพื่อเชื่อมความสักหน่อย ดังนี้ เมื่ออาณาจักรศรีวิชัย ที่ปาเล็มบัง ในสุมาตรา เสื่อมลง และอาณาจักรมัชปาหิตในชวา ได้เป็นใหญ่แล้วครั้นถึงปี 1389/๑๙๓๒ ราชาองค์สำคัญของมัชปาหิตสวรรคต เจ้าปรเมศวร ผู้ครองปาเลมบัง ได้ประกาศตัวจะแยกเป็นอิสระ จึงถูกทางมัชปาหิตขับไล่ ได้หนีมาขึ้นที่สิงคโปร์ ดังกล่าวแล้วว่า สิงคโปร์ เป็นเมืองหน้าด่านแห่งหนึ่งของศรีวิชัย ต่อมาเมื่อศรีวิชัยเสื่อมอำนาจลงสิงคโปร์ก็ขึ้นต่อมัชปาหิต แล้วจากนั้นได้ขึ้นต่ออยุธยา จนกระทั่งอาณาจักรมะละกาใหญ่ขึ้น สิงคโปร์ก็ตกเป็นของมะละกาในตอนต้น ค.ศต. 15 (ต่อจากนี้ เข้าสู่อาณานิคม สิงคโปร์ถูกโปรตุเกสเข้าครองใน ค.ศต. 16 แล้วหลุดไปเป็นของฮอลันดาใน ค.ศต. 17 จนกระทั่งอังกฤษเอาเป็น ศูนย์บัญชากิจการอาณานิคมในปี 1819/๒๓๖๒ แล้วเดินทางยาวไกลมาเป็นส่วนหนึ่งของสหพันธ์มาเลเซีย/Federation of Malaysia ในปี 1963/๒๕๐๖ และในที่สุดได้เป็นเอกราชสมบูรณ์ตั้งเป็นสาธารณรัฐสิงคโปร์/Republic of Singapore ในปี 1965/๒๕๐๘) เล่าเรื่องต่อไปว่า ในปี1390/๑๙๓๓ เจ้าปรเมศวรได้เข้ายึดอำนาจที่สิงคโปร์ โดยสังหารเจ้าเมืองเสีย แล้วครองสิงคโปร์อยู่ได้ ๓-๕ ปี ก็ถูกพระราชบัญชาจากอยุธยาให้ขับไล่ ต้องหนีต่อไปยังแผ่นดินแหลมมลายู (บางตำราบอกว่า มัชปาหิตได้ตามมาทำลายสิงคโปร์พินาศไปในคราวนี้) เจ้าปรเมศวรไปถึงเมืองมะละกา (Melacca; ปัจจุบันเขียน Melaka) ราวปี 1400/๑๙๔๓ มะละกาเป็นเมืองค้าขายชายฝั่งทะเล เวลานั้นมีพ่อค้ามุสลิมจากอินเดียมาตั้งหลักแหล่งกันมาก จึงเจริญด้วยเศรษฐกิจการพาณิชย์ นักประวัติศาสตร์ทราบเรื่องคร่าวๆ ว่า เจ้าปรเมศวรได้ตั้งตัวขึ้นเป็นใหญ่ที่นั่น และเปลี่ยนศาสนาจากฮินดูเข้าอิสลาม กลายเป็นมุสลิมเฉลิมพระนามว่าสุลต่านอิสกันดารชาห์ ปกครองรัฐสุลต่านแห่งมะละกา เริ่มแต่ปี 1402/๑๙๔๕ หรือ 1403/๑๙๔๖ รัฐสุลต่านแห่งมะละกานี้ ถือว่าเป็นความภูมิใจและเป็นแหล่งเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของประเทศมาเลเซีย และเนื่องจากเจ้าปรเมศวรมาจากดินแดนมลายูแห่งสุมาตรา จึงนำความเป็นมลายูมาด้วย เหมือนกับเป็นผู้นำความเป็นมลายูมาสถาปนาในแผ่นดินมาเลเซีย (คำว่า “มลายู” ก็เป็นศัพท์ที่คงต้องสืบค้นที่มากันต่อไป แต่ที่ชัดเจนคือเป็นชื่อของถิ่นที่เป็นฮินดู-พุทธมานาน มีคำจารึกหนึ่งอันเก่าแก่ เมื่อปี 1347/๑๘๙๐ เขียนว่า “เมลายุปุระ”) เนื่องจากเวลานั้น อาณาจักรสยามแห่งอยุธยากำลังมีอำนาจมาก สุลต่านแห่งมะละกาจึงหันไปพึ่งจีน เพื่อให้ตนพ้นจากอิทธิพลของอยุธยา และจากการขอความคุ้มครองนั้น ในปี 1405/๑๙๔๘ พระจักรพรรดิจีน ก็ได้ทรงยกย่องสุลต่านแห่งมะละกาให้เป็นราชาธิบดี กับทั้งต่อมาในปี 1411/๑๙๕๔ สุลต่านแห่งมะละกาก็ได้เดินทางไปกับกองทัพเรือของจีน เพื่อถวายเครื่องราชบรรณาการแด่พระจักรพรรดิที่กรุงปกกิ่ง แต่กระนั้น อีก ๓๔ ปีต่อมา คือในปี 1445/๑๙๘๘ และ 1456/๑๙๘๙ ทางกรุงศรีอยุธยาก็ได้ส่งกองทัพมาตีมะละกา เป็นการลงโทษที่มะละกาไม่ส่งเครื่องราชบรรณาการ แต่ถึงตอนนั้น มะละกาเข้มแข็งมากแล้ว จึงตีต้านทัพศรีอยุธยาแตกกลับไปทั้ง ๒ ครั้ง รัฐสุลต่านแห่งมะละกาได้เจริญรุ่งเรืองขึ้นเป็นอย่างยิ่ง จนได้เป็นศูนย์กลางพาณิชย์ใหญ่ที่สุดแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และในทางการเมืองก็แผ่อำนาจไปอย่างกว้างขวาง ทั้งขึ้นไปทางเหนือบนผืนแผ่นดินจน ถึงปัตตานี และลงไปตามชายฝั่งทะเลถึงสุมาตราภาคตะวันตก ดินแดนแถบนี้ (แม้ถึงถิ่นที่เคยเป็นลังกาสุกะ อย่างน้อยบางส่วน) ได้เปลี่ยนเข้าอิสลามนานแล้ว ก่อนรัฐสุลต่านแห่งมะละกาเกิดขึ้น (อาจจะเปลี่ยนในยุคเดียวกับอาเจะห์) แต่ตอนนั้น อิสลามยังขยายไปเชื่องช้า จนกระทั่งเมื่อเข้ายุคที่มะละกายิ่งใหญ่ และได้เป็นศูนย์กลางสำคัญในการเผยแพร่อิสลามจึงแผ่ขยายไปอย่างกว้างขวางจริงจัง ในยุคมะละกานี้เอง พลเมืองที่ส่วนใหญ่เปลี่ยนเป็นมุสลิม ได้เริ่มเรียกตนว่าเป็นคนมาเลย์หรือมลายู และต่อมา คำว่า มาเลย์ หรือมลายู นี้ (อย่างที่บอกแล้วว่าความเป็นมลายูนั้น มากับเจ้าปรเมศวร จากศรีวิชัยเดิม) ก็ได้กลายเป็นเอกลักษณ์ของคนนับถืออิสลามและพูดภาษามาเลย์ แบบเฉพาะของพวกตัว อย่างไรก็ตาม รัฐสุลต่านแห่งมะละกายิ่งใหญ่อยู่ได้ไม่ถึงศตวรรษ ก็ถึงกาลอวสาน เมื่อโปรตุเกสเข้ามายึดเป็นอาณานิคมได้ในปี 1511/๒๐๕๔ ชนชั้นปกครองต้องหนีภัยลึกเข้ามาในแผ่นดินจนไปตั้งหลักแหล่งอยู่ที่ยะฮอร์ โปร์ตเกสครองมะละกาอยู่ได้ศตวรรษเศษ ก็ต้องเสียมะละกานั้นให้แก่ฮอลันดา เมื่อปี 1641/๒๑๘๔ ทางฝ่ายอังกฤษได้ปีนัง (Penang/Pinang) จากสุลต่านแห่งเคดาห์ (sultan of Kedah) ในปี 1786/๒๓๒๙ ต่อมาเมื่อตั้งฐานที่สิงคโปร์ในปี 1819 /๒๓๖๒ แล้ว ก็คืบหน้ามาตามลำดับปี 824/๒๓๖๗ ก็ได้ มะละกา และในที่สุดปี 1895/๒๔๓๘ ก็ตั้งอาณานานิคมที่เรียกว่า Federated Malay States อังกฤษให้เป็นเอกราชในปี 1957/๒๕๐๐ เรียกชื่อประเทศว่า Federation of Malaya ซึ่งต่อมาในปี 1963/๒๕๐๖ ขยายเป็นสหพันธ์มาเลเซีย (Federation of Malaysia) แต่สิงคโปร์ถอนตัวออกไปในปี 1965/๒๕๐๘
โอรังเซียม คนสยามกลุ่มสุดท้าย ในมาเลเซีย
https://www.youtube.com/watch?v=k3voLUXbHww
Create Date : 29 กุมภาพันธ์ 2567 |
Last Update : 26 เมษายน 2567 16:42:10 น. |
|
1 comments
|
Counter : 142 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: teawpretty วันที่: 29 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา:15:00:25 น. |
|
|
|
|
|
 |
|
|
|