กรรมเก่า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ.เป็นเจ้าบทบาทเดิม จากนั้น การศึกษาอาศัยปรโตโฆสะ ซึ่งมีคติว่า "คนเป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่ปรุงปั้น" และโยนิโสมนสิการ ซึ่งมีคติย้อนกลับว่า "ถ้าเป็นคนรู้จักคิด แม้แต่ฟังคนบ้าคนเมาพูด ก็อาจสำเร็จเป็นพระอรหันต์"
space
space
space
 
มกราคม 2567
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
space
space
30 มกราคม 2567
space
space
space

ศิลาจารึกอโศก เป็นของพระเจ้าอโศกมหาราชแน่หรือ


- มาถึงถิ่นพระเจ้าอโศกแล้ว ต้องรู้ไว้

235 ศิลาจารึกอโศก เป็นของพระเจ้าอโศกมหาราชแน่หรือ


      โยม:    ขอนมัสการเรียนถามหลวงพ่อ คือวัตถุประสงค์ที่พระเจ้าอโศกมหาราชสร้างศิลาจารึก นอกจากแสดงพระราชอํานาจแล้วยังเป็นการสอนประชาชนทั่วไปให้เข้าใจถึงว่า ทรัพย์และอํานาจหรือยศนั้น เป็นสิ่งที่อนิจจังแล้ว มีหลักฐานอีกไหมที่แสดงว่า อันนี้เป็นศิลาจารึกของพระเจ้าอโศกมหาราช  นอกจากคําที่จารึกไว้  เช่น  อาจจะเป็นรูปธรรมจักร พระเจ้าอโศกเป็นวงศ์โมริยะ ซึ่งแปลว่านกยูง  มีอะไรเป็นหลักฐานไหมที่ว่า ศิลาจารึกนี้พระเจ้าอโศกสร้างไว้

     พระธรรมปิฎก:   เจริญพร  ศิลาจารึกพระเจ้าอโศกนี้มีข้อความเขียนไว้สั่งสอนแนะนํา แสดงนโยบายของพระเจ้าอโศกแก่ประชาชน  เช่น  ขอให้คนที่เป็นเจ้าหน้าที่ คล้ายๆ กํานันอะไรพวกนี้นําเอาข้อความต่อไปนี้ไปบอกแก่ประชาชนของตนๆ  แสดงว่าพระองค์ใช้ศิลาจารึกเป็นเครื่องมือในการสั่งสอนและบริหารราชการแผ่นดิน เพราะในสมัยนั้นไม่มีการใช้กระดาษแบบทุกวันนี้ ก็เลยใช้ศิลา ให้เจ้าหน้าที่เขียนไว้ตามที่ ต่างๆ เช่น โขดหิน เขา ภูผา เป็นต้น แล้วก็ให้มาอ่านไปบอกกัน


     เรื่องนี้ก็เป็นเหตุหนึ่งที่ทําให้ประชาชนสมัยนั้นมีการศึกษา ใน Encyclopaedia Britannica เคยบอกว่า อินเดียในสมัยพระเจ้าอโศกนี้ ประชาชนรู้หนังสือมากกว่ายุคปัจจุบัน จะจริงหรือไม่จริง แต่ฝรั่งเขาว่า ไว้อย่างนั้น แสดงว่าในสมัยนั้นมีการศึกษาดีและวัดก็เป็นศูนย์กลางการศึกษาอยู่แล้ว

    และที่คุณหมอถามอีกอย่างหนึ่งคือ มีเครื่องหมายอะไรที่แสดงว่า พระเจ้าอโศกสร้างไว้


    ศิลาจารึกของพระเจ้าอโศกนี้  มีคําขึ้นต้นบอกไว้ชัดทุกครั้งไป  “สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวปิยทัสสี ผู้เป็นที่รักแห่งทวยเทพ ตรัสไว้ว่า”  หรือทำนองนี้ และข้อความที่เล่าไว้ในจารึกหลายแห่งก็บอกเหตุการณ์ที่ทําให้นักประวัติศาสตร์มั่นใจว่า เป็นพระเจ้าอโศก เช่น เล่าถึงการสงครามกับแคว้นกลิงคะ

     นอกจากข้อความในศิลาจารึกทั่วไปอย่างนี้แล้ว ก็ยังมีศิลาจารึกบางแห่งที่ทําเป็นหลัก หรือเป็นเสาไว้ประกาศ เช่น ที่สถานที่ที่พระพุทธเจ้าประสูติก็จะบอกว่า ณ สถานที่นี้ (คือลุมพินีวัน) พระพุทธศากยมุนี ได้ประสูติ เป็นต้น และบนยอดเสาก็มีเครื่องหมายของพระองค์เช่น หัวสิงห์และที่เป็นรูปธรรมจักรก็มี

    ยอดเสาที่สมบูรณ์จริงๆ  เราจะไปเห็นในพิพิธภัณฑ์ข้างหน้า และ จะได้เห็นศิลาจารึกของพระเจ้าอโศกเป็นตัวอย่างด้วย

     อย่างไรก็ตามศิลาจารึกเหล่านี้  เมื่อเวลาผ่านไป ก็ถูกทำลายบ้าง ถูกภัยธรรมชาติบ้าง ได้หักโค่น แตกกร่อน กระจัดกระจายไป  คนยุคหลังๆ ก็เอามาจัดตั้งอย่างที่เราเห็นกัน เพื่อแสดงให้เห็นเป็นตัวอย่างของอดีต และยังจะได้ดูกันต่อไปอีก

    การพิสูจน์ว่า  รู้ได้อย่างไรว่าศิลาจารึกนี้เป็นของพระเจ้าอโศกมหาราช คือพระเจ้าอโศกมหาราชสร้างไว้นั้น  ที่จริงเป็นเรื่องของนักประวัติศาสตร์-โบราณคดีที่เขาได้ศึกษาและวินิจฉัยกันไว้ซึ่งเราคงต้องไปฟังไปอ่านเรื่องที่เขารวบรวมเขียนไว้

    แต่ถ้าจะพูดรวบรัดเฉพาะหน้า  ว่าตามที่นึกเห็นได้มีจุดสําคัญหนึ่ง ที่ศิลาจารึกมาบรรจบกับหลักฐานในคัมภีร์ ซึ่งทําให้เห็นว่า องค์   “เทวานัมปิยะ ปิยทัสสี ราชา”   หรือ   “เทวานามปริยะ ปริยทรรศี ราชา”  ในศิลาจารึกนั้น   เป็นองค์เดียวกับพระเจ้าอโศกมหาราชในคัมภีร์

     ขอยกข้อความตอนหนึ่งในศิลาจารึกมาให้ดูกัน

     สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวปริยทรรศีผู้เป็นที่รักแห่งทวยเทพ ได้มีพระบรมราชโองการให้ประกาศแก่มหาอํามาตย์ทั้งหลาย ณ พระนครปาฏลีบุตรและ ณ นครอื่นๆ ว่า

     สงฆ์ (อันข้าฯ) ได้ทําให้สามัคคีเป็นอันเดียวกันแล้ว   (“สํเฆ สมเค กเฏ”)  บุคคลใดๆ จะเป็นภิกษุ หรือภิกษุณีก็ตาม ไม่อาจทําลายสงฆ์ได้

     ก็แล หากบุคคลผู้ใด จะเป็นภิกษุ หรือภิกษุณีก็ตาม จักทําสงฆ์ให้แตกกัน บุคคลผู้นั้นจักต้องถูกบังคับให้นุ่งห่มผ้าขาวและไปอาศัยอยู่ ณ สถานที่อื่น (นอกวัด)

     พึงแจ้งสาสน์พระบรมราชโองการนี้ให้ทราบทั่วกัน  ทั้งในภิกษุสงฆ์ และในภิกษุณีสงฆ์

     ด้วยประการฉะนี้ พระผู้เป็นที่รักแห่งทวยเทพได้ตรัสไว้ ดังนี้:-  ก็ประกาศพระบรมราชโองการเช่นนี้ ท่านทั้งหลายพึงนําไปติดไว้ ณ ทางสัญจรภายในเขตใกล้เคียง ของท่านทั้งหลายฉบับหนึ่ง และจงเก็บรักษาประกาศพระบรมราชโองการอันเดียวกันนี้แล ไว้ในเขตใกล้เคียงของอุบาสกทั้งหลายอีกฉบับหนึ่ง

     ทุกๆ วันอุโบสถ บรรดาอุบาสกเหล่านั้น พึงทําตนให้มีความรู้ความเข้าใจแนบแน่นในประกาศพระบรมราชโองการนี้ และทุกๆ วันอุโบสถ มหาอํามาตย์ทุกๆ คน พึงไปร่วมในการรักษาอุโบสถด้วยเป็นประจํา เพื่อจักได้เกิดความคุ้นเคยแนบสนิท และรู้เข้าใจทั่วถึง ซึ่งประกาศพระบรมราชโองการนั้นแล

     ทั่วทุกหนทุกแห่งที่อํานาจบริหารราชการของท่านทั้งหลายแผ่ไปถึง ท่านทั้งหลายพึงขับไล่ (บุคคลผู้ทําลายสงฆ์) ออกไปเสีย และในทํานองเดียวกันนั้น ท่านทั้งหลายพึงขับไล่ (บุคคลที่ทําลายสงฆ์) ในเมืองด่าน และในท้องถิ่นทั้งหลาย ออกไปเสียโดยให้เป็นไปตามข้อความในประกาศนี้.

     ธรรมโองการนี้   ในศิลาจารึกเองก็บอกไว้ว่าได้โปรดให้ติดประกาศทั่วไปทุกหนแห่ง  แต่เฉพาะที่นักโบราณคดีขุดค้นพบแล้ว ๓ แห่ง  (จารึก หลักศิลา ฉบับย่อยที่ ๑-๒-๓) มีข้อความยาวสั้นกว่ากันบ้าง แต่ทุกแห่งมีตอนสําคัญ คือ ย่อหน้า ๒-๓ ที่มีความเริ่มต้นว่า “สงฆ์ (อันข้าฯ) ได้ ทําให้สามัคคี”

     สามแห่งที่พบจารึกนี้ คือ ที่สารนาถ ที่โกสัมพี และที่สาญจี การที่ในจารึกต่างแห่งบอกเหมือนกันว่า “ข้าฯ ได้ทําให้สงฆ์สามัคคี กันแล้ว”   แสดงว่าเป็นเหตุการณ์ใหญ่ของส่วนรวมทั่วทั้งแว่นแคว้น ไม่ใช่เรื่องเฉพาะของที่นั้นๆ (สารนาถวัดระยะทางผ่านโกสัมพีไป ถึงสาญจี= ๖๐๐ กิโลเมตร) และข้อความตอนท้ายๆ ของจารึกเอง ก็บอกให้มหาอํามาตย์ดําเนินการรักษาสามัคคีนี้ทั่วทุกหนแห่ง

     การทําให้สงฆ์สามัคคี  ก็แสดงว่าได้มีการแตกแยก และได้แก้ปัญหาความแตกแยกนั้นเสร็จแล้ว   นี่ก็คือการสังคายนาครั้งที่ ๓ ที่ เมืองปาฏลีบุตร  ที่พระเจ้าอโศกทรงอุปถัมภ์ เมื่อ พ.ศ. ๒๓๕ ซึ่ง คัมภีร์สมันตปาสาทิกาได้เล่าไว้  และบอกด้วยว่าพระที่ก่อปัญหา  (ท่านว่าปลอมบวชเข้ามา)  ได้ถูกบังคับให้นุ่งผ้าขาว  (= ให้สึกออกไป)  ดังความตอนหนึ่งในสมันตปาสาทิกานั้น (วินย.อ.๖๐) ว่า


     ในวันที่ ๗ พระราชา (อโศก) โปรดให้ประชุมภิกษุสงฆ์ที่อโศการาม…ทรงทราบว่า พวกนี้มิใช่ภิกษุ พวกนี้เป็นอัญเดียรถีย์ พระราชทานผ้าขาวแก่บุคคลเหล่านั้น  ให้สึกเสีย…ลําดับนั้น  พระราชาตรัสว่า  “พระคุณเจ้าผู้เจริญ บัดนี้ พระศาสนาบริสุทธิ์แล้ว ขอภิกษุสงฆ์จงทําอุโบสถเถิด”  พระราชทานอารักขาแล้ว  เสด็จคืนสู่พระนคร  สงฆ์ซึ่งสามัคคีกันแล้ว ได้กระทําอุโบสถ

     ตามศิลาจารึกแสดงว่า แม้สงฆ์จะสามัคคีกันได้แล้ว มาตรการที่จะรักษาความสามัคคีนั้นให้หนักแน่นมั่นคง พร้อมทั้งป้องกันปัญหา อันอาจจะมีขึ้นอีก ก็ยังดําเนินต่อไป โดยให้มหาอํามาตย์ดูแลรับผิดชอบตามความในจารึกนั้น
 


Create Date : 30 มกราคม 2567
Last Update : 30 มกราคม 2567 16:27:25 น. 0 comments
Counter : 375 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

สมาชิกหมายเลข 6393385
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 6393385's blog to your web]
space
space
space
space
space