กรรมเก่า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ.เป็นเจ้าบทบาทเดิม จากนั้น การศึกษาอาศัยปรโตโฆสะ ซึ่งมีคติว่า "คนเป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่ปรุงปั้น" และโยนิโสมนสิการ ซึ่งมีคติย้อนกลับว่า "ถ้าเป็นคนรู้จักคิด แม้แต่ฟังคนบ้าคนเมาพูด ก็อาจสำเร็จเป็นพระอรหันต์"
space
space
space
<<
กุมภาพันธ์ 2567
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
2526272829 
space
space
23 กุมภาพันธ์ 2567
space
space
space

รู้ทุกข์จึงดับทุกข์ได้ไม่ใช่รู้ทุกข์ไป แล้วกลายเป็นทุกข์

 
 
 
235 รู้ทุกข์จึงดับทุกข์ได้  ไม่ใช่รู้ทุกข์ไป  แล้วกลายเป็นทุกข์
 

     ธรรมของพระพุทธเจ้านั้น  ทุกอย่าง  ถ้าเราจับจุดถูกแล้ว   มันอยู่ในระบบความสมพันธ์  จึงโยงถึงกันหมดทุกอย่าง  จับที่นี่  ก็ถึงที่อื่นทั้งหมดด้วย
 
     ดังนั้น  ถ้าจับหลักการนี้ได้ ไม่ว่าใครจะพูดธรรมข้อไหนมา  ก็จับโยงได้หมด  ว่าธรรมนี้อยู่ที่จุดนั้น  อยู่ในระดับนี้   สัมพันธ์ส่งผลต่อไปยังข้อโน้น  มองเห็นธรรมนั้นในภาพรวมของระบบใหญ่    ความหมายในการปฏิบัติก็ชัดเจนโล่งไป  อย่างพระพุทธเจ้า  ที่ทรงมีวิธีสรุปธรรมมากมายหลายแบบ
 
     วิธีสรุปธรรมของพระพุทธเจ้า เช่น สรุปลงในอริยสัจ ๔ แล้วพระองค์ก็ยังโยงอริยสัจ ๔ ไปสู่ธรรมทุกสิ่งทุกประการ
 
     ขอพูดให้ฟังอีกนิด  ให้เห็นตัวอย่างวิธีสรุปของพระพุทธเจ้า ที่ทรงสรุปไว้หลายนัย สรุปเป็น ๒ ก็ได้เป็น ๓ ก็ได้เป็น ๔ ก็ได้ไม่ต้องมาเถียงกัน
 
     บางคนไปยึดอย่างเดียวแล้วไปเถียงกับคนอื่น ก็ยุ่งอยู่นั่นแหละ ทั้งๆ ที่ว่าธรรมนั้นเป็นความจริงตามธรรมดาที่มีระบบของมัน และในระบบสัมพันธ์นั้น ก็เอามาแสดงให้เห็นได้หลายอย่าง เป็นเรื่องของวิธีการจําแนก  แต่ไม่ว่าจะแสดงอย่างไร  มันก็เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
 
     ดังตัวอย่าง  เช่น  พระพุทธเจ้าตรัสธรรมว่า ทั้งหมดรวมในอริยสัจ ๔ คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค
 
     จากอริยสัจนั้น  พระองค์ก็โยงไปหาหลักอีกชุดหนึ่ง  ซึ่งเป็นการประมวลธรรมทั้งปวงให้เข้าเป็นชุดเดียวกันอีก   โดยตรัสว่า ทุกฺขํ  อริยสจฺจํ  ปริญฺเญยฺยํ  เป็นต้น
 
     นี่คือหลักที่เรียกว่ากิจในอริยสัจ ๔ ถ้าใครจะปฏิบัติต่ออริยสัจ ๔ ให้ถูกต้อง  ไม่รู้หลักกิจในอริยสัจ ก็พลาด
 
     อริยสัจ ๔ จะรู้แต่อริยสัจไม่ได้   ต้องรู้กิจในอริยสัจด้วย   มิฉะนั้นจะเสียดุลอีก   ถ้าปฏิบัติหน้าที่ต่ออริยสัจผิด  ก็พลาดไปเลย เพราะว่า  อริยสัจ ๔ แต่ละข้อเรามีหน้าที่ต่อมัน
 
     หน้าที่เหล่านั้น  ตรัสไว้แล้วในธัมมจักกัปปวัตตนสูตรนี่แหละ  ซึ่งเราก็สวดกันอยู่เรื่อยว่า ทุกขอริยสัจนั้น เป็นสิ่งที่จะต้องปริญญา  หน้าที่ต่อทุกข์  คือ  ปริญญา  แปลว่า  กำหนดรู้ 
 
 
     235 เรามีหน้าที่รู้ทุกข์   เราไม่มีหน้าที่เป็นทุกข์
 
        - คุณหมอรู้โรค  ก็ไม่ใช่คุณหมอเป็นโรค  แต่คุณหมอต้องรู้โรค  คุณหมอจึงจะบำบัดโรครักษาคนได้
 
        - คนที่รู้ปัญหา   ก็ไม่ใช่คนเป็นปัญหา แต่คนต้องรู้ปัญหา คนจึงจะแก้ปัญหาได้ 
 
        - คนที่รู้ทุกข์    ก็ไม่ใช่คนเป็นทุกข์  แต่คนต้องรู้ทุกข์  คนจึงจะดับทุกข์ได้
 
     การรู้ทันทุกข์หรือรู้จักทุกข์   กับการเป็นทุกข์   ไม่ใช่อย่างเดียวกัน
 
     การเป็นทุกข์   เป็นการปฏิบัติผิดหน้าที่ต่ออริยสัจ   ถ้าใครปฏิบัติหน้าที่ต่ออริยสัจผิด   ก็ผิดพลาดออกนอกทาง
 
     พระพุทธเจ้าไม่เคยสอนให้ใครเป็นทุกข์  แต่ทรงสอนให้รู้ทันทุกข์  แค่กิจในอริยสัจข้อที่หนึ่งนี้ หลายคนก็พลาด
 
     เป็นอันว่า  ทุกข์เป็นสภาวะสำหรับปัญญารู้  เอาปัญญาเผชิญหน้ากับมัน  ทุกข์นี้เราต้องมีปริญญา คือรู้ทันมัน  
 
     ดูกันให้ครบ  กิจในอริยสัจทั้ง ๔ ข้อ
 
        ๑. ทุกฺขํ   อริยสจฺจํ  ปริญฺเญยฺยํ
 
            ทุกขอริยสัจ  เป็นสิ่งที่พึงกำหนด – รู้  
 
        ๒. ทุกฺขสมุทโย  อริยสจฺจํ   ปหาตพฺพํ
 
            ทุกขสมุทัยอริยสัจ เป็นสิ่งที่พึง - ละ
 
        ๓. ทุกฺขนิโรโธ  อริยสจฺจํ   สจฺฉิกาตพฺพํ
 
            ทุกขนิโรธอริยสัจ  เป็นสิ่งที่ต้องทำให้ - แจ้ง ทำให้เป็นจริง   บรรลุถึง
 
        ๔. ทุกฺขนิโรธคามินี  ปฏิปทา  อริยสจฺจํ  ภาเวตพฺพํ
 
            ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ   เป็นสิ่งที่พึง – เจริญ  ปฏิบัติ  ลงมือทำ
 
     พูดให้เข้าใจง่ายขึ้นในภาษาไทยว่า
 
        ๑. หน้าที่ต่ออริยสัจข้อที่หนึ่ง  คือ  ทุกข์ ได้แก่  ปริญญา การกำหนดรู้  รู้จัก  รู้เข้าใจ  รู้ทัน
 
        ๒. หน้าที่ต่ออริยสัจข้อที่สอง คือ  สมุทัย ได้แก่ ปหานะ การละ หรือกำจัด
 
        ๓. หน้าที่ต่ออริยสัจข้อที่สาม   คือ  นิโรธ  ได้แก่  สัจฉิกิริยา  การทำให้แจ้ง  บรรลุ หรือทำให้เป็นจริง
 
        ๔. หน้าที่ต่ออริยสัจข้อที่สี่  คือ มรรค ได้แก่  ภาวนา  การลงมือปฏิบัติ
 
     การปฏิบัติอยู่ที่ข้อ ๔  เรียกว่า  “ภาวนา”  เราต้องปฏิบัติข้อเดียว คือ ข้อ ๔ - มรรค
 
     นอกนั้น  เมื่อเราปฏิบัติไปตามข้อ ๔ แล้ว  มันถึงเองหมด  แต่เรารู้ไว้
 


 
ตอบตนเองให้ได้ว่า นี่ทำไปทำเพื่ออะไร  11  เอาชัดๆ



 



Create Date : 23 กุมภาพันธ์ 2567
Last Update : 23 กุมภาพันธ์ 2567 15:12:08 น. 1 comments
Counter : 218 Pageviews.

 
แวะมาทักทายจ้ะ rassapoom rassapoom clinic รัสมิ์ภูมิ รัสมิ์ภูมิ คลินิก Ultraformer ยกกระชับ ลดริ้วรอย สลายไขมันใต้ชั้นผิว ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม Drakarian สลายไขมันใต้ผิว ฉีดฟิลเลอร์ปาก ฟิลเลอร์ปาก เลเซอร์กำจัดขน เลเซอร์ขน กำจัดขน Hair Removal ฉีดฟิลเลอร์น้องสาว ฟิลเลอร์น้องสาว ดูดไขมันเหนียง คางสองชั้น FaceTite AccuTite Hifu Super Hifu มาส์กหน้า ตาสองชั้น ทำตาสองชั้น ศัลยกรรมตาสองชั้น ฟิลเลอร์สะโพก ฟิลเลอร์เสริมสะโพก ฉีดฟิลเลอร์สะโพก ฉีดฟิลเลอร์เสริมสะโพก Morpheus Morpheus Pro ยกกระชับผิว ฟิลเลอร์คาง โปรแกรมฟิลเลอร์คาง Exosome Exosome Plus Exosome Plus+ กระชับช่องคลอด ช่องคลอด Vaginal Vaginal Reju Skin Quality ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ฟิลเลอร์ใต้ตา Ultracol ไหมน้ำ Allergan โบ Allergan ฉีดโบ Allergan Super Skin Laser ฝ้า กระ ฝ้า กระ จุดด่างดำ Picocare 450 Laser ร้อยไหม ร้อยไหมคืออะไร Lenisna JUVELOOK สารเติมเต็ม REVIVE BELOTERO REVIVE Rejuran Gouri คอลลาเจน กระตุ้นคอลลาเจน Juvederm Juvederm Volite New Juvederm Volite Radiesse Radiesse Filler Sculptra คอลลาเจน เสริมจมูก ศัลยกรรมเสริมจมูก ปลูกผม FUE ฟิลเลอร์ Filler ฉีดฟิลเลอร์ Thermage Thermage FLX ยกกระชับ ยกกระชับผิว Ulthera EMFACE ยกกระชับ ยกกระชับกล้ามเนื้อ ฉีดแฟต สลายไขมัน ฉีดแฟตสลายไขมัน CoolSculpting Elite CoolSculpting สลายไขมันด้วยความเย็น สลายไขมัน BodyTite ดูดไขมัน Emsculpt สร้างกล้ามเนื้อ ลดไขมัน สอนฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์ สอนฉีดฟิลเลอร์ ฉีดฟิลเลอร์ ให้ใจ สุขภาพ


โดย: teawpretty วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา:14:58:03 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

สมาชิกหมายเลข 6393385
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 6393385's blog to your web]
space
space
space
space
space