กรรมเก่า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ.เป็นเจ้าบทบาทเดิม จากนั้น การศึกษาอาศัยปรโตโฆสะ ซึ่งมีคติว่า "คนเป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่ปรุงปั้น" และโยนิโสมนสิการ ซึ่งมีคติย้อนกลับว่า "ถ้าเป็นคนรู้จักคิด แม้แต่ฟังคนบ้าคนเมาพูด ก็อาจสำเร็จเป็นพระอรหันต์"
space
space
space
 
มกราคม 2567
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
space
space
29 มกราคม 2567
space
space
space

ธรรมวิชัย



235 มคธผ่านสู่ยุคอโศก


     ปาฏลีบุตรได้เป็นเมืองหลวงของแคว้นมคธก่อนพระเจ้าอโศกตั้งนาน คือหลังพุทธกาลไม่นาน   แล้วก็เป็นสืบมา  พระเจ้าอโศกนี้มิใช่อยู่ในวงศ์ของพระเจ้าอชาตศัตรู หรือพระเจ้าพิมพิสาร แม้จะอยู่แคว้นมคธ และครองแคว้นมคธก็จริง แต่เป็นกษัตริย์วงศ์อื่น

     เรื่องมีว่า กษัตริย์วงศ์พระเจ้าพิมพิสาร ที่ครองแคว้นมคธนั้น ลูกฆ่าพ่อตลอด พระเจ้าอชาตศัตรูฆ่าพระเจ้าพิมพิสาร  ต่อมาโอรสของพระเจ้าอชาตศัตรูชื่ออุทัยภัทร ก็ฆ่าพระบิดาอีก ต่อมาโอรสของพระเจ้าอุทัยภัทรก็ฆ่าพระบิดาอีก

     ฆ่ากันมาหลายชั่วกษัตริย์ จนพวกอํามาตย์และราษฎรทนไม่ไหว ก็เลยยึดอํานาจ แล้วตั้งราชวงศ์ใหม่ขึ้น ราชวงศ์ใหม่ก็ปกครองกันมา ขยายอํานาจกว้างขวางขึ้น ต่อมาในอินเดีย แคว้นต่างๆ ก็ค่อยๆ หมดอํานาจ จนเหลือแต่แคว้นมคธที่ยังยิ่งใหญ่

     ระหว่างที่กษัตริย์ยุคหลังๆ ครองราชย์กันต่อมา  ก็มีกษัตริย์วงศ์หนึ่ง  ชื่อว่า  วงศ์โมริยะ ซึ่งเป็นเจ้าเผ่าหนึ่ง ได้เรืองอำนาจขึ้น ในสมัยหลังพุทธกาลประมาณ ๑๐๐ กว่าปี

     เจ้าเผ่าโมริยะนี้ ว่ากันว่าเป็นสายพระญาติของพระพุทธเจ้า ซึ่งอาจจะเป็นได้ว่า ได้สืบเชื้อสายมาจากเจ้าศากยะที่ถูกล้างเผ่า 

    ถ้าพูดอย่างนี้อาจจะงง   แต่เรื่องราวก็มีอยู่ ซึ่งต้องโยงเรื่องไปหา สมัยพุทธกาลว่า วงศ์ของพระพุทธเจ้าคือ วงศ์ศากยะ ซึ่งตอนท้ายได้ถูกกษัตริย์แคว้นโกศลยกทัพไปปราบทําลายหมด

    กษัตริย์แคว้นโกศลตอนนั้นชื่อว่า พระเจ้าวิทูฑภะ เป็นโอรสของพระเจ้าปเสนทิโกศล ตอนท้ายพุทธกาล   พระเจ้าวิทูฑภะยกทัพไปปราบแคว้นศากยะแล้วก็ทําลายแคว้นศากยะหมด

    กษัตริย์สายศากยะที่หลงเหลืออยู่  อาจหนีไปอยู่ตามเชิงเขาหิมาลัย ต่อมา ก็ได้ค่อยๆ รวบรวมพวกพ้องเผ่าพันธุ์   มีกําลังมากขึ้น  โมริยะนี้ก็เป็นศากยะสายหนึ่ง 

    จนกระทั่งประมาณ พ.ศ. ๑๖๑ ก็ได้มีคนสําคัญในวงศ์โมริยะเกิดขึ้น ชื่อว่า  จันทรคุปต์ ซึ่งได้พยายามที่จะรวบรวมอำนาจและชิงแคว้นมคธนี้

    เวลานั้น   แคว้นมคธใหญ่มาก  โมริยะเป็นเพียงชนเผ่าหนึ่งเท่านั้น  พวกโมริยะโดยจันทรคุปต์ เป็นหัวหน้าได้พยายามเข้ามายึดอำนาจแคว้นมคธ  แต่ก็ยังทําการไม่สําเร็จ 

    พอดีถึงยุคที่พระเจ้าอเลกซานเดอร์มหาราช  มีอํานาจขึ้นมาทางกรีก ต้องการแผ่อํานาจไปทั่วโลก ก็ได้กรีฑาทัพตีมาตลอด  จนถึงชายแดนประเทศอินเดีย และคิดว่าต้องตีประเทศอินเดียด้วย   จึงได้พักกําลังพลอยู่ชายแดนอินเดีย  ที่เมืองตักศิลา (บาลี = ตกฺกสิลา; สันสกฤต = ตกฺษศิลา; ฝรั่งเขียนตามกรีก = Taxila)

    ที่ตักศิลานั้น  อเลกซานเดอร์มหาราชเตรียมวางแผนที่จะทําสงครามกับชมพูทวีป คือแคว้นมคธนี้  ซึ่งกําลังเป็นแคว้นมหาอำนาจอยู่

    พอดีประจวบเวลาเดียวกันกับปู่ของพระเจ้าอโศก คือ พระเจ้าจันทรคุปต์ก็กําลังพยายามจะเข้ายึดอํานาจแคว้นมคธ จึงมีความคิดเกิดขึ้นว่า  ถ้าทั้งสองฝ่ายมารวมเป็นพันธมิตรกัน แล้วช่วยกันรบ ก็จะเอาชนะแคว้นมคธได้

    ทั้งสองฝ่ายมีผลประโยชน์ร่วมกัน พระเจ้าอเลกซานเดอร์ก็คิดว่า  ถ้าได้คนอินเดียเองมาช่วย การรบก็จะมีกําลังทําให้สําเร็จง่ายขึ้น  ฝ่ายจันทรคุปต์ก็เช่นเดียวกัน คิดว่าถ้าได้อาศัยฝ่ายอเลกซานเดอร์มาช่วย  ก็จะสามารถรบชนะได้เพราะตนมีกําลังไม่พอ  ทั้งสองฝ่ายมีความคิดร่วมกันอย่างนี้ก็นัดพบกัน

    พอพบกัน   ก็เกิดมีปีญหาว่าใครจะเคารพใครก่อน   ทั้งสองฝ่ายต่างก็ถือตัวไม่ยอมเคารพก่อน  ฝ่ายจันทรคุปต์  (พวกกรีกเรียกว่า Sandrocotus หรือ Sandracottos)  เข้าไปในเขตอํานาจของพระเจ้าอเลกซานเดอร์   เพราะเข้าไปพบในค่ายของเขา  พระเจ้าอเลกซานเดอร์ ก็สั่งจับเอาจันทรคุปต์เข้าคุกขังไว้   แต่มีเรื่องเล่าว่า  ต่อมาจันทรคุปต์หนีออกไปได้ และมีนิยายอิงประวัติศาสตร์เล่าเรื่องที่จันทรคุปต์หนีออกมา

    ส่วนทางฝ่ายพระเจ้าอเลกซานเดอร์เอง  คิดไปคิดมาอย่างไรไม่ทราบ  ก็ยกทัพกลับไป แล้วก็ไปสวรรคตกลางทาง 

    ดินแดนที่พระเจ้าอเลกซานเดอร์ตีได้  พระองค์ก็ทิ้งแม่ทัพนายกองไว้ให้ปกครอง แม่ทัพนายกองเหล่านั้น  ต่อมาก็ยกตัวขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดิน เป็นแคว้นต่างๆ หลายแคว้น

    แคว้นหนึ่งที่มีชื่อเสียงสืบต่อกันมา ซึ่งชาวพุทธรู้จักกันมาก  ก็คือ แคว้นโยนก ของพระเจ้าเมนานเดอร์ (Menander บางทีเขียนเป็น Minedra บ้าง Menadra บ้าง) เรียกเป็นภาษาบาลีว่า พระเจ้ามิลินท์ ซึ่งหันมานับถือพุทธศาสนาในสมัยพุทธศักราชประมาณ ๕๐๐ ปี  (มิลินฺท.๒; แต่นักประวัติศาสตร์ฝรั่งว่าประมาณ พ.ศ. ๔๐๐)

    พระเจ้ามิลินท์  เป็นกษัตริย์เชื้อชาติกรีก  ในราชวงศ์ที่สืบมาจากแม่ทัพกรีก ที่พระเจ้าอเลกซานเดอร์ทิ้งไว้ครองราชย์ที่เมืองสาคละ

    
นักประวัติศาสตร์ว่าเป็นราชาแห่งประเทศแบกเตรีย (king of Bactria) ซึ่งปัจจุบันอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอัฟกานิสถาน  ในคัมภีร์บาลีเรียกว่าแคว้นโยนก และถือกันว่าเป็นกษัตริย์อินเดียเชื้อสายกรีกที่ยิ่งใหญ่ที่สุด  (the greatest of the Indo-Greek kings — Encycl. Britannica 1988, vol. 8, p.1)

    พญามิลินท์  นี่ เป็นเรื่องสมัยหลังสืบมาอีกนาน  คือ  ยุคใกล้ พ.ศ. ๕๐๐  แต่เป็นเรื่องที่โยงถึงกัน  ก็เลยเอามาพูดแทรกไว้หน่อย 

    ขอย้อนกลับไปเรื่องเมื่อกี้  สมัยก่อน  พ.ศ. ๒๐๐ โน่น ที่เล่าค้างอยู่

    กล่าวฝ่ายพระเจ้าจันทรคุปต์  เมื่อหนีออกมาจากเงื้อมมือของพระเจ้าอเลกซานเดอร์ได์แล้ว ก็ต้องมาหาวิธียึดอำนาจแคว้นมคธด้วยตนเองต่อไป  และมีเรื่องมีราวมากมาย เช่น ครั้งหนึ่งเคยนึกว่าตัวเองมีกําลังมากพอแล้ว ก็ยกทัพเข้าตีแคว้นมคธ ปรากฏว่าพ่ายแพ้  จันทรคุปต์เองเอาชีวิตแทบไม่รอด แล้วก็หนีซอกซอนไปจนถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง

    เมื่อเข้าไปในหมู่บ้านแห่งนั้น  พอดีผ่านมาทางบ้านที่ยายคนหนึ่ง กําลังทําขนมเบื้องให้หลานกิน ทีนี้พอเอาลงจากเตา  เรียกว่าทอดเสร็จใหม่ๆ ก็หยิบส่งให้หลาน หลานรับมากำลังร้อนๆ กัดกร้วมลงไปตรงกลาง  ก็ร้องไห้จ้าเพราะมันร้อนจัด ลวกเอาลิ้นเอาปากเข้า

    เมื่อหลานร้องขึ้นมา ยายก็เลยด่าเอาว่า  “เอ็งมันโง่เหมือนเจ้าจันทรคุปต์ ไปกัดไปกินได้ยังไงตรงกลางยังร้อนจัด มันต้องและเล็มกิน จากขอบข้างนอกเข้ามาก่อน”   ขอบมันบาง  ก็เย็นเร็วกว่า


     พระเจ้าจันทรคุปต์  กำลังหนีซอกซอนมาในชนบทถึงหมู่บ้านั้นพอดี  เมื่อได้ยินเสียงยายด่าหลานอย่างนี้ ก็ได้ความคิดขึ้นมาทันที   จึงเปลี่ยนแผนการรบใหม่ว่า จะไปรบโดยตรงบุกทะลวงเข้าไปคงไม่ไหว กําลังเราน้อยกว่า ต้องใช้วิธีแบบกินขนมเบื้อง คือเล็มจากขอบเข้ามา

     จึงค่อยๆ ไปซ่องสุมกําลังใหม่ โดยทําสัมพันธไมตรีกับเผ่าเล็กเผ่าน้อย รวมไพร่พลได้มากขึ้นแล้ว จึงเข้ามาตีอาณาจักรมคธ ด้วยวิธีล้อมเข้ามาจากรอบนอกตามลำดับ

     ในที่สุด พระเจ้าจันทรคุปต์ ก็รบชนะแคว้นมคธแล้วก็เข้าครอบครองแผ่นดินมคธ ตั้งตัวเป็นกษัตริย์ราชวงศ์ใหม่ คือราชวงศ์   โมริยะ ในภาษาบาลี  ส่วนในภาษาสันสกฤตเรียกเมารยะ และครองเมืองปาฏลีบุตรนี้สืบมา

     โอรสของพระเจ้าจันทรคุปต์นั้น   มีพระนามว่าพินทุสาร  โอรสของพระเจ้าพินทุสารมีนามว่าอโศก   ก็คือพระเจ้าอโศกมหาราชนี่แหละ   

     พระเจ้าอโศกมหาราช  แต่แรกก็เป็นกษัตริย์ที่ดุร้ายมาก  คือตอนเป็นเจ้าชาย  ได้ไปเป็นอุปราชที่เมืองอุชเชนีที่บอกชื่อเมื่อกี้  ครั้นพระราชบิดา คือพระเจ้าพินทุสารสวรรคต เจ้าชายอโศกก็ได้ฆ่าพี่น้องหมดประมาณ ๑๐๐ องค์ เหลือไว้เฉพาะพระอนุชาร่วมมารดาองค์เดียว ด้วยความกระหายอํานาจ  ก็ตั้งตัวเป็นกษัตริย์ยิ่งใหญ่ผู้เดียว 

     พอขึ้นเป็นกษัตริย์ของแคว้นมคธได้แล้ว ไม่พอ  ไม่หยุดอยู่แค่นั้น  ก็แสวงอํานาจต่อไป เมื่อพร้อมแล้วก็ยกทัพไปรุกรานตีประเทศอื่น โดยหวังจะเป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อไปในประวัติศาสตร์ หรือผู้เดียวในชมพูทวีป

    ได้ตีลงไปจนกระทั่งถึงแคว้นกลิงคะ ซึ่งเป็นแคว้นที่ได้ชื่อว่ามี นักรบที่เก่งกาจ มีกองทัพที่เข้มแข็ง มีความสามารถอย่างยิ่ง ได้รบกันอยู่ เป็นเวลานาน เกิดความเสียหายมากมายด้วยกันทั้งสองฝ่าย ในที่สุดพระเจ้าอโศกก็ชนะ แคว้นกลิงคะก็แตกไป

     แต่การรบครั้งนี้  เป็นภัยพิบัติที่ร้ายแรงมาก คนตายกันเป็นแสน สูญหายเป็นแสน ถูกจับเป็นเชลยก็เป็นแสน  ถึงตอนนี้นี่แหละที่พระเจ้าอโศกทรงสลดพระทัย แล้วหันมานับถือพระพุทธศาสนา  นับว่าเป็นเหตุการณ์ที่สําคัญมาก  ถึงขั้นเปลี่ยนประวัติศาสตร์เลยทีเดียว

    เมื่อพระเจ้าอโศกมหาราชเปลี่ยนมานับถือพระพุทธศาสนาแล้ว ก็ได้เปลี่ยนนโยบายใหม่ จากการเอาชนะด้วยสงคราม   มาสู่ธรรมวิชัย  แปลว่า เอาชนะด้วยธรรม  คือเอาชนะใจกันด้วยความดี  ก็ได้สร้างสมความดีเป็นการใหญ่  มีการทํางานเพื่อสร้างสรรค์ประโยชน์สุขแก่ประชาชนเป็นอันมาก

 


Create Date : 29 มกราคม 2567
Last Update : 29 มกราคม 2567 18:33:23 น. 0 comments
Counter : 313 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

สมาชิกหมายเลข 6393385
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 6393385's blog to your web]
space
space
space
space
space