กรรมเก่า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ.เป็นเจ้าบทบาทเดิม จากนั้น การศึกษาอาศัยปรโตโฆสะ ซึ่งมีคติว่า "คนเป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่ปรุงปั้น" และโยนิโสมนสิการ ซึ่งมีคติย้อนกลับว่า "ถ้าเป็นคนรู้จักคิด แม้แต่ฟังคนบ้าคนเมาพูด ก็อาจสำเร็จเป็นพระอรหันต์"
space
space
space
<<
กุมภาพันธ์ 2567
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
2526272829 
space
space
5 กุมภาพันธ์ 2567
space
space
space

อวสานมาถึง เมื่อทัพมุสลิมเตอร์กลงดาบสุดท้าย


235 อวสานมาถึง เมื่อทัพมุสลิมเตอร์กลงดาบสุดท้าย


     ในที่สุด พอผ่าน พ.ศ.๑๗๐๐ ย่างเข้าพุทธศตวรรษใหม่ อวสานก็เข้ามาด้วย กองทัพมุสลิมเตอร์ก  ซึ่งบุกเข้าชมพูทวีปมาได้ประมาณ ๒๐๐ ปีโดยเข้าทางตะวันตกเฉียงเหนือ ทางอัฟกานิสถาน ปากีสถาน รบราฆ่าฟัน ทําสงครามชิงดินแดนเรื่อยมา พอถึง ค.ศ.๑๒๐๖ (พ.ศ.๑๗๔๙) ก็ชนะตลอดจนสุดแดนภาคตะวันออกของอินเดีย ได้ครอบครองตั้งแต่ปัญจาบไปจนถึงแคว้นพิหาร (เทียบปัจจุบันคือจดบังคลาเทศ) และได้สถาปนาอาณาจักรหรือรัฐสุลต่านแห่งเดลี (Delhi Sultanate) ขึ้นเป็นรัฐมุสลิมแรกแห่งอินเดีย

     กองทัพมุสลิมเตอร์กยาตราเข้าที่ไหน ก็ทําลายที่นั่น ทั้งฆ่า ปล้น ทรัพย์ และบังคับให้เปลี่ยนศาสนา ศูนย์กลางใหญ่ๆ โดยเฉพาะ มหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนาทุกแห่งมีนาลันทา และวิกรมศิลา เป็นต้น ถูกบุกทําลาย ทั้งฆ่าพระสงฆ์และเผาอาคารสถานที่

     ที่นาลันทา มีหอสมุดใหญ่ถึง ๓ อาคาร หลังหนึ่งชื่อว่ารัตนสาคร สูง ๙ ชั้น อีก ๒ หลัง ชื่อรัตโนทธิ และรัตนรัญชกะ ตามประวัติว่าได้ถูกเผา จะถูกเผาโดยพวกมุสลิมเตอร์ก หรือพวกอื่นแค่ไหนเท่าไร ก็เป็นเรื่องสําหรับนักศึกษาจะค้นคว้ากันไป

     แต่มีคํากล่าวถึงการเผาหอสมุดหลังหนึ่งว่า กว่าจะหมดก็ไหม้อยู่เป็นเดือน แสดงว่าใหญ่โตมโหฬารมาก

     เรื่องราวในประวัติศาสตร์ตอนนี้มีนักประวัติศาสตร์มุสลิมเขียนไว้เองด้วยความภาคภูมิใจ และชาวตะวันตกได้แปลมาว่า

       กลางเมืองนั้น มีวิหารหนึ่ง ซึ่งใหญ่โตและมั่นคง แข็งแรงยิ่งกว่าวิหารอื่นทั้งหลาย อันไม่อาจบรรยาย หรือพรรณนาให้เห็นภาพได้  ดังนั้นสุลต่านจึงเขียนแสดงความรู้สึกทึ่งไว้ว่า:

        “ถ้าบุคคลผู้ใดปรารถนาจะสร้างอาคารที่ใหญ่โตอย่างนี้ เขาจะมิอาจทําสําเร็จได้ หากมิใช้ ทรัพย์เป็นแสนเหรียญแดง และถึงแม้จะใช้ช่างที่ชํานาญมีความสามารถที่สุด ก็จะต้องใช้เวลาสร้างถึง ๒๐๐ ปี...”

       "แล้วสุลต่านก็ออกคําสั่ง  ให้เอาน้ำมันจุดไฟเผาวิหารทุกแห่งเสียให้ราบเรียบเสมอผืนแผ่นดิน ... อิสลามหรือความตาย (อย่างใดอย่างหนึ่ง) เป็นทางเลือกที่มหะมุดมอบให้แก่คนทั้งหลาย...ผู้ที่อาศยอยู่ในที่นั้นเป็นพราหมณ์ศีรษะโล้น (คือพระภิกษุ) คนเหล่านั้นถูกสังหาร

     ณ ที่นั้นได้พบหนังสือจำนวนมากมายและเมื่อชาวนักรบมูฮัมมัดได้เห็น จึงให้เรียกหาคนมาอธิบายเนื้อความ  แต่คนเหล่านั้นได้ถูกฆ่าตายเสียหมดแล้ว ปรากฏว่า เมืองทั้งหมดนั้นคือสถานศึกษาแห่งหนึ่ง ... ประชาชนทั้งหลายนั้น บ้างก็ถูกเผา บ้างก็ถูกฆ่า ...

     ข้อนี้เป็นหลักการแห่งบรรพบุรุษทั้งหลายของข้า ฯ  นับแต่สมัยแห่งอาซาดุลลา ฆาลิบ จนถึงบัดนี้ให้เปลี่ยนคนที่ไม่มีศรัทธาทั้งหลาย ให้หันมาถือพระผู้เป็นเจ้าพระองค์เดียว และพระศาสนาแห่งมุซุลมาน ถ้าคนเหล่านั้นยอมรับนับถือศาสนาของเรา ก็ถูกต้อง และเป็นการดีแต่ถ้าเขาไม่ยอมรับ  เราก็ลงดาบสังหารเขา ...

     กองทัพของมูฮัมมัดได้เริ่มฆ่าฟันสังหาร ทั้งข้างขวา ทั้งข้างซ้ายโดยมิต้องปรานี จนทั่วผืนแผ้นดินอันสกปรกนั้น เพื่ออิสลามและโลหิตก็ได้หลั่งไหลดังสายธาร เหล่านักรบ ได้ขนรวมเอาทองและเงินมากมายสุดจะคิดคํานวณได้...

     หลังจากฟาดฟันสังหารสุดจะคณนานับได้  มือของท่าน และเหล่าสหายก็นับมูลค่าแห่งทรัพย์สินที่ได้ขนรวมมา  จนเหน็บจนชาไป  เมื่อได้มีชัยโดยสมบูรณ์แล้ว ท่านก็กลับมาเล่าแถลงเรื่องราวแห่งชัยชนะที่ได้มาเพื่ออิสลาม ทุกคน ไม่ว่าผู้ใหญ่ผู้น้อย ก็ได้พร้อมกันแสดงความชื่นชมยินดี และขอบคุณพระเจ้า*

     ถึงตอนนี้นาลันทาก็สูญ พระพุทธศาสนาก็สิ้น พระที่ขนคัมภีร์หนีไป ก็เอาไปได้บ้าง มีหนีไปพม่าโดยทางเรือบ้าง หนีทางบกไปเนปาล ทิเบตบ้าง ต่างๆทางกันไป

     พร้อมนี้ก็ไม่ควรมองข้ามพระสงฆ์อีกพวกหนึ่ง ที่อยู่วิเวกตามป่าเขา ซึ่งอาจจะไม่สนใจเหตุการณ์ความเป็นไปในโลกภายนอก ไม่รู้สถานการณ์อะไรของบ้านเมือง เมื่อบ้านเมืองวิบัติเปลี่ยนแปรไปแล้ว ไม่ช้าพระสงฆ์เหล่านี้ก็สิ้นสูญหมดไปด้วย เพราะอยู่ไม่ได้

     ที่ร้ายกว่านั้นก็คือ ด้วยเหตุที่ขาดสายตา ในขณะที่พระสงฆ์เหล่านี้ ไม่รู้อะไรเลยนั่นเอง จู่ๆ วันหนึ่งก็มีทหารมากมายขี่ม้าถืออาวุธเข้ามา และโดยไม่มีโอกาสที่จะหนีหรือตั้งตัว ทหารพวกนั้นก็เข้าฟาดฟันไล่ฆ่า ทําให้พระเหล่านั้นถึงมรณะไปหมดสิ้น และสิ้นชีวิตไปโดยไม่รู้เลยว่ามีอะไรเกิดขึ้น พวกที่มาฆ่าตนนั้นเป็นใคร และเขาฆ่าตนเพราะเหตุใด

     ก็ถือว่าหมดยุคพระพุทธศาสนา เพราะสูญสิ้นไปจากอินเดียเมื่อ พ.ศ. ๑๗๐๐ เศษ ด้วยการฆ่าฟันทําลายอย่างที่ว่ามา แต่ก่อนที่กองทัพมุสลิมจะเข้ามาทําลายนั้น พระพุทธศาสนาก็อ่อนแออยู่แล้ว ด้วยการที่มีความเสื่อมโทรมในตัวเอง และการไปกลมกลืนกับศาสนาฮินดู การทําลายของกองทัพมุสลิมนี้นับว่าเป็นการลงดาบสุดท้าย


* Elliot, The History of India As Told by Its Own Historians (Calcutta, 1952, Vol. V, 39ff.) [คัดบางส่วนมาอ้างใน A. K. Warder, Indian Buddhism (Delhi: Motilal Banarsidass, 1980), pp. 506-508]


🔴[ CBN News ] คริสเตียนถูกปฏิบัติอย่างทารุณ...ถูกบังคับให้รับอิสลาม❗️ - YouTube

 


Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2567
Last Update : 15 ธันวาคม 2567 10:00:27 น. 0 comments
Counter : 370 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

สมาชิกหมายเลข 6393385
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 6393385's blog to your web]
space
space
space
space
space