 |
|
|
|
 |
|
มีโยนิโสมนสิการ เรื่องร้ายก็กลายเป็นดี |
|
มี โยนิโสมนสิการ เรื่องร้ายก็กลายเป็นดี
ขอย้อนไปพูดเรื่องเมื่อ ๓ หรือ ๔ วันก่อนโน้น (๑๔ ก.พ. ๒๕๓๘) ตั้งแต่ที่พุทธคยา
ตอนนั้นมีเหตุการณ์ที่น่าเห็นใจญาติโยม คือการเดินไปที่ดงคสิริ ไปยังภูเขาและดูถ้ำ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นที่ที่พระพุทธเจ้าตอนเป็นพระโพธิสัตว์ได้บําเพ็ญทุกรกิริยา
ที่เห็นใจญาติโยม ก็เพราะว่า หนทางยาวไกล ผ่านหมู่บ้านในชนบท และขากลับต้องเดินตามคันนา เดินกันตั้งแต่บ่ายโมงเศษ กลับมาถึงรถก็ค่ำมืดแล้ว ราว ๑ ทุ่ม รวมเดินกันนานถึง ๖ ชั่วโมง แทบไม่ได้หยุดเลย ญาติโยมหลายท่านจึงเหน็ดเหนื่อยมาก บางท่านก็ถึงกับได้รับทุกขเวทนา มีความเจ็บปวด
อย่างที่บอกแล้วว่า การเดินทางทั้งหมดนี้ เราถวายเป็นพุทธบูชา ก็เลยถือโอกาสเล่าแทรกเป็นเกร็ดนิดหน่อย พอทําให้บรรยากาศเบา สบาย ว่าที่โยมเจ็บปวด ความจริงอาตมาก็เจ็บปวดเหมือนกัน
ที่เดินวันนั้น อาตมาก็เท้าแตกตั้งแต่ตอนเดินนั่นแหละ แล้วก็ระบมเจ็บตลอดเวลาที่เดินช่วงปลายๆ และเจ็บตลอดมาตั้งแต่วันนั้น จนกระทั่งวันนี้ก็ยังเดินกระย่องกระแย่งอยู่ เพราะเท้ายังระบม ยังพองอยู่ เป็นการอักเสบที่ต่อเนื่องหลายวันทีเดียว
เมื่อเดินทางต่อมา โยมหลายท่านยังมีความลําบากมากขึ้นอีก เนื่องจากมาท้องเสียท้องเดินกันเมื่อวานนี้ การที่ท้องเดินท้องเสียนี่ ก็มองให้เป็นว่า เราได้บําเพ็ญวิริยบารมีอุทิศต่อพระพุทธเจ้า แต่ว่าไปแล้ว การที่เป็นโรคท้องร่วงนี้ก็คล้ายกับพระพุทธเจ้าเหมือนกัน
พระพทธเจ้าเสด็จไปยังสถานที่ปรินิพพาน และการที่เสด็จดับขันธปรินิพพานนั้น ก็ด้วยโรคท้องร่วงนี่แหละ ท่านเรียกว่า ปักขันทิกาพาธ พระองค์ทรงท้องร่วงท้องเดิน ถึงกับลงพระโลหิตเลยทีเดียว หนักกว่าเรามาก ที่โยมท้องเดินท้องเสียกันนี่ไม่ถึงกับเสียชีวิต แค่หมดแรงเท่านั้นเอง
เพราะฉะนั้น เมื่อได้ป่วยท้องเสียไปแล้ว มองอย่างนี้ก็จะกลับดีใจ ว่าเรามายังที่ปรินิพพาน ก็ได้มีประสบการณ์เป็นคล้ายๆ อย่างพระพุทธเจ้า ที่ได้ปรินิพพานเพราะทรงอาพาธด้วยโรคนี้นั้นเอง พอนึกว่าเราก็ได้เป็นด้วย หรือว่าเราเป็นนิดเดียว อย่างนี้แล้วก็สบายใจ หายทุกข์หายร้อน กลับกลายเป็นดี
การคิด การมอง อย่างนี้แหละ เรียกว่าเป็นโยนิโสมนสิการ คือการทำในใจโดยแยบคาย พูดสั้นๆ ว่า “ทำใจเป็น" คือ รู้จักนึก รู้จักคิด รู้จักมอง รู้จักพิจารณา ให้เห็นความจริง หรือ ทําให้เกิดกุศลได้ กลับร้ายกลายดี
สําหรับอาตมาเอง ที่จริงก็มีปัญหาเรื่องคอ ก็เจ็บมาตั้งแต่วันที่ไปเดินที่ดงคสิรินั้น เข้าใจว่าจะเป็นเพราะเครื่องแอร์ฯ ในรถ ที่เป่าศีรษะตั้งแต่วันแรก หลบอย่างไรก็ไม่พ้น ตอนหลัง ต้องใช้กระดาษปิดลมเย็นที่ลงมาจากเครื่องแอร์ฯ นั้น คงจะทําให้ดุลยภาพในร่างกายเสียไป
ในคืนของวันที่ไปดงคสิริกลับมาพักที่วัดไทยพุทธคยา ก็เจ็บคอมากหน่อย วันรุ่งขึ้นก็เจ็บตลอด ตอนจะพูดที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน นั้น เจ็บมาก แต่พอถึงเวลา ก็ต้องพูด พอดีว่าฝนมาแรง ลูกเห็บตก ก็เลยหยุดพูด ถ้าไม่มีเหตุให้ต้องหยุด ก็ต้องพูดเป็นชั่วโมง ถ้าพูดมากก็ไม่รู้ว่า คืนนั้นจะเป็นอย่างไร เพราะแม้แต่อย่างนั้น คืนนั้นก็เจ็บคอมาก จนกระทั่งพูดไม่ถนัดและกลืนน้ำลายลำบาก
เป็นอันว่า มองในแง่หนึ่ง ก็ดีไป แต่เวลานี้ก็หายแล้ว ฉะนั้นไม่ต้องเป็นห่วง ก็ขอให้ทุกท่านสบายใจ คิดว่า ตอนนี้ที่ใครไม่สบาย เป็นโรคโน้นโรคนี้ก็คงดีขึ้นแล้ว มองเสียว่าเราได้มาบําเพ็ญบารมีถวายเป็นพุทธบูชาด้วยกันแล้ว ขอให้มีปีติ อิ่มใจ ต่อแต่นี้ก็ขอให้มีจิตใจร่าเริงเบิกบานผ่องใส มีความสุขสดชื่นยิ่งๆ ขึ้นไป
Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2567 |
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2567 13:44:58 น. |
|
0 comments
|
Counter : 238 Pageviews. |
 |
|
|
|
|
 |
|
|
|