นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งเมื่อวันที่ 3 ต.ค.56 ยกคำร้องของกลุ่มเครือข่ายผู้บริโภค ที่ร้องขอให้มีคำสั่งยุติปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ภาคครัวเรือนเดือนละ 50 สตางค์ (สต.) ต่อกิโลกรัม (กก.) จาก 18.13 บาทเป็น 24.83 บาทต่อ กก. ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.56 และขึ้นทุกเดือน เดือนละ 50 สต.ต่อ กก. ซึ่งกระทรวงเคารพคำสั่งศาล และจะทยอยขึ้นราคาควบคู่กับการให้ผู้มีรายได้ซื้อราคาเดิมที่ 18.13 บาทต่อ กก. ทั้งนี้ ผู้ฟ้องได้ร้องขอศาลให้ระงับมติ ครม. ที่ขึ้นแอลพีจีเดือนละ 50 สต.ต่อ กก. โดยศาลวิเคราะห์ว่า กระทรวงบรรเทาผลกระทบผู้บริโภค และหาบเร่ แผงลอยแล้ว และการที่ศาลจะสั่งทุเลามติ ครม. อาจเป็นอุปสรรคแก่การบริการสาธารณะ เพราะไม่เป็นธรรมแก่ผู้ใช้น้ำมัน จากการที่รัฐนำเงินกองทุนน้ำมันไปอุดหนุนผู้ใช้แอลพีจี เพื่อให้ใช้ราคาถูก ซึ่งจะทำให้ราคาน้ำมันสูงกว่าที่ควรเป็น และอาจลักลอบนำแอลพีจีราคาถูกขายเพื่อนบ้านได้ จึงสั่งยกคำขอของผู้ฟ้องคดี
อย่างไรก็ตาม จะเสนอให้คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ปรับเกณฑ์การสนับสนุนให้ผลิตไฟฟ้าแสงอาทิตย์บนหลังคา (โซลาร์ รูฟท็อป) จากเดิมกำหนดกำลังผลิตรวม 200 เมกะวัตต์ โดยบ้านเรือนประชาชน 100 เมกะวัตต์ และโรงงานอุตสาหกรรมอีก 100 เมกะวัตต์ รับข้อเสนอขายไฟฟ้าจากผู้สนใจจนถึงวันที่ 11 ต.ค.นี้ กำหนดติดตั้งและจ่ายไฟเข้าระบบปลายปีนี้นั้น ให้ขยายเวลารับซื้อของกลุ่มบ้านเรือน เพราะมีผู้สนใจติดตั้ง 5-6 เมกะวัตต์ ส่วนโรงงานอุตสาหกรรม จะเสนอให้เพิ่มปริมาณการรับซื้อ เพราะมีผู้สนใจติดตั้งมากกว่า 500 เมกะวัตต์.