รัฐดันสุดลิ่ม อีคอร์ต (eCourt) ผุดโปรเจกต์เทคโนโลยีสารสนเทศในกระบวนยุติธรรม หลังพบประชาชนไม่มั่นใจผลทางกฎหมาย จึงยังยึดติดกับกระดาษสูงท่วมหัวอยู่ เผย อีคอร์ต จะช่วยสร้างความคล่องตัว สะดวก รวดเร็ว ประหยัด รองรับการก้าวสู่ สมาร์ทไทยแลนด์ และเออีซี
นางสุรางคณา วายุภาพ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) หรือ สพธอ. ในฐานะประธานกรรมการวิชาการ หลักสูตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง (บ.ย.ส.) รุ่น 17 ได้แถลงข่าวการประชุมวิชาการเรื่อง e-Court กับนัยสำคัญทางเศรษฐกิจ เกี่ยวกับการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศในกระบวนการยุติธรรม ว่าเทคโนโลยีจะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้กระบวนการยุติธรรมมีความคล่องตัวมากขึ้น สะดวก รวดเร็ว ทั้งยังลดขั้นตอนที่ต้องดำเนินการด้วยกระดาษ รวมทั้งลดภาระการทำงานและค่าใช้จ่ายในการจัดทำและจัดเก็บเอกสารกระดาษที่มีปริมาณมหาศาล
ตัวอย่างในกรณีของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่าบริการรับงบการเงินผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Filing) แทนการส่งมอบเอกสารงบการเงินของนิติบุคคลในรูปแบบกระดาษนั้น สามารถลดค่าใช้จ่ายได้ถึง 360 ล้านบาทต่อปี จากจำนวนผู้ใช้บริการรับงบการเงินผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Filing) จำนวน 474,575 รายต่อปี
แต่สำหรับในกรณีของศาลนั้น ปรากฏว่า ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ยังขาดความเชื่อมั่นในผลทางกฎหมายของการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ หรือทางออนไลน์ เนื่องจากไม่แน่ใจว่า หากเปลี่ยนกระดาษเปลี่ยนไปอยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์แล้ว ศาลจะพิจารณาคดี ชั่งน้ำหนักพยานหลักฐาน และมีคำตัดสินบนพื้นฐานของบริบทในการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์อย่างไร หน่วยงานยุติธรรมมีความพร้อมในการยอมรับ และรับรองธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์โดยสมบูรณ์หรือไม่
ต้องยอมรับว่า ความไม่แน่ใจซึ่งทำให้เกิดการคงไว้ทั้งระบบกระดาษควบคู่กับระบบอิเล็กทรอ นิกส์นั้น เป็นที่มาของภาระต้นทุน และค่าใช้จ่ายทางเศรษฐกิจจำนวนมาก ดังนั้น การผลักดันให้เกิดระบบศาลอิเล็กทรอนิกส์ หรืออีคอร์ต (e-Court) สำหรับรองรับการพิจารณาคดีและการรับฟังพยานหลักฐานในรูปอิเล็กทรอนิกส์ จึงเป็นสิ่งจำเป็น ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มศักยภาพของศาลยุติธรรมแล้ว ยังมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศด้วย
ทั้งนี้ การก้าวสู่ระบบศาลอิเล็กทรอนิกส์ หรือ อี-คอร์ต จึงถือเป็นเรื่องจำเป็น ทั้งต่อการก้าวไปสู่นโยบาย สมาร์ทไทยแลนด์ และประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ เออีซี ในปี 2558 ทาง บ.ย.ส. จึงริเริ่มให้มีการจัดการประชุมวิชาการเรื่อง e-Court กับนัยสำคัญทางเศรษฐกิจ พร้อมกับการลงนามบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ระหว่างหน่วยงานสายกระบวนการยุติธรรมขึ้น ในวันที่ 28 ส.ค. ที่โรงแรมเดอะเซนต์ รีจิส กรุงเทพ เพื่อผลักดันให้ประเทศก้าวไปสู่สังคมอิเล็กทรอนิกส์อย่างเต็มรูปแบบ
โดยงานดังกล่าวนอกจากจะมีนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมงานแล้ว ยังได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานสายกระบวนการยุติธรรม อาทิ สำนักงานศาลยุติธรรม สำนักงานศาลปกครอง สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมบังคับคดี กรมราชทัณฑ์ และสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) และบริษัทเอกชน เช่น บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ (อินทัช) เข้ามาร่วมแลกเปลี่ยน แสดงความคิดเห็นด้วย.