พาณิชย์ ฟุ้งเอฟทีเอไทย-อียูใกล้คลอด จ่อเสนอ ครม.ไฟเขียวเปิดเจรจาเอฟทีเอไทย-อียู คาดเริ่มต้นเจรจาได้ต้นปี 56 เผยจะดันไทยให้เป็นฮับของอียูด้านการค้า การลงทุนในอาเซียน และยังช่วยแก้ปัญหาถูกตัดจีเอสพี
เมื่อวันที่ 29 ต.ค. นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผย ภายหลังเอกอัครราชทูตเบลเยียมประจำประเทศไทยเข้าพบว่า กระทรวงพาณิชย์ได้แจ้งความคืบหน้าการเตรียมการเปิดเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ไทย-สหภาพยุโรป (อียู) โดยขณะนี้กรอบการเจรจาได้จัดทำใกล้เสร็จแล้ว อยู่ระหว่างการสรุปเพื่อเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา และเสนอให้รัฐสภาพิจารณาตามมาตรา 190 ของกฎหมายรัฐธรรมนูญ คาดว่าเมื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ เสร็จแล้ว จะเริ่มเปิดการเจรจากับอียูอย่างเป็นทางการได้ในต้นปี 56 อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าไม่น่ามีปัญหากับผู้ที่เกี่ยวข้อง เพราะได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนแล้ว รวมถึงกลุ่มยาที่คัดค้านการเปิดเจรจา
ด้านทูตเบลเยียมได้แจ้งว่าต้นปีหน้า มกุฎราชกุมารของเบลเยียมจะเสด็จมาเยือนไทย และจะนำคณะนักธุรกิจของเบลเยียมประมาณ 200 คน ร่วมคณะมาด้วย เพื่อมาดูลู่ทางการค้า การลงทุนกับไทย โดยต้องการจะพบปะเจรจาทางธุรกิจกับนักธุรกิจไทยในกลุ่มอัญมณีและเครื่องประดับ อาหารแปรรูป และสินค้าเกษตร ซึ่งถือเป็นโอกาสดีที่ไทยและเบลเยียมจะเพิ่มความร่วมมือระหว่างกันได้เพิ่มขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเจรจาจัดทำเอฟทีเอกับอียู จะช่วยสร้างโอกาสให้ไทยในการเป็นศูนย์กลาง (ฮับ) ของอียูในด้านการค้าและการลงทุนในอาเซียน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมสำคัญ เช่น ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และบริการ หากไทยไม่ทำเอฟทีเอกับอียู จะทำให้สินค้าส่งออกของไทยไม่สามารถแข่งกับสินค้าของประเทศอื่นๆ ในอียู และยังอาจมีผลต่อการย้ายฐานการลงทุนไปในอาเซียนอื่นที่มีความตกลงเอฟทีเอกับอียูได้ นอกจากนี้ การทำเอฟทีเอจะช่วยแก้ไขปัญหาสินค้าไทยการถูกอียูตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) โดยปัจจุบันสินค้าที่ถูกตัดจีเอสพีจะได้รับผลกระทบเป็นมูลค่าประมาณ 80,000 ล้านบาท