ผอ.มูลนิธิส่งเสริมเครือข่ายคุณภาพชีวิตแรงงาน เผยเหตุแรงงานเขมรแห่กลับประเทศ หวั่นเปลี่ยนขั้วทหาร โดนกวาดล้าง เชื่อไม่เกิน 4 เดือน กลับมาเป็นปกติ ด้านครูสอนภาษากัมพูชา เผยเขมรหวั่นเปลี่ยนขั้วอำนาจ โดนเอี่ยวการเมือง กระทบปลอดภัย...
นายสมพงษ์ สระแก้ว ผู้อำนวยการมูลนิธิส่งเสริมเครือข่ายคุณภาพชีวิตแรงงาน เปิดเผยกับ ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ ว่า แรงงานที่มาจากประเทศอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ลาวหรือพม่าก็ตาม ประเทศต่างๆ เหล่านี้มีลักษณะนิสัยที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะคนกัมพูชามีอุปนิสัยที่ค่อนข้างตื่นข่าวลือ ดังนั้น ข่าวที่แพร่สะพัดว่า ทหารจะกวาดล้างแรงงานกัมพูชาและส่งกลับประเทศ จึงเป็นเรื่องที่ก่อให้เกิดความตื่นกลัวอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกัน กระแสข่าวดังกล่าวมาจากการพูดกันปากต่อปากเท่านั้น และแรงงานชาวกัมพูชาที่อยู่ในประเทศไทย ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลอันเป็นข้อเท็จจริงได้อย่างครบถ้วน ถูกต้อง
ทั้งนี้ แรงงานชาวกัมพูชา ยังตื่นกลัวกับข่าวลือที่ว่า มีการนำกองกำลังเขมร มีอาวุธเข้ามาก่อความวุ่นวายแก่ผู้ชุมนุม กปปส. รวมถึงข้อกล่าวหาที่ว่า ชาวกัมพูชาเข้าร่วมชุมนุมกับผู้ชุมนุมอีกกลุ่มหนึ่ง จึงไม่แปลกแต่อย่างใด หากคนกลุ่มนี้เกิดความตื่นกลัว
อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 3-4 เดือน สถานการณ์ดังกล่าวก็จะกลับคืนเข้าสู่ภาวะปกติ หากความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและกัมพูชายังปกติดี เพราะถึงอย่างไร ชาวกัมพูชาที่ไม่มีงานทำก็จะต้องเดินทางกลับมาเพื่อทำงานที่ประเทศไทยเช่นเดิม
ด้าน นางสาวโสมเพ็ญ ขุทรานนท์ ครูสอนภาษากัมพูชา มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม เปิดเผยกับ ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ ว่า กรณีที่แรงงานชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากหวาดกลัวว่าจะมีการปราบปรามกวาดล้างแรงงานชาวกัมพูชา ภายหลังจากฝ่ายทหารทำการรัฐประหารยึดอำนาจในประเทศไทย โดยเหตุการณ์ดังกล่าวนั้น มาจากเพียงข่าวลือที่พูดกันปากต่อปากเท่านั้น แต่สามารถเป็นผลต่อเนื่องกับแรงงานชาวกัมพูชาจำนวนหลักแสนคนได้
ทั้งนี้ มีสาเหตุมาจากปมปัญหา 3 ข้อ คือ 1. ชาวเขมรหลายคนที่เดินทางมายังประเทศไทย ประกอบอาชีพขอทาน เพราะฉะนั้นเกรงกลัวว่าคนไทยดูถูกเหยียดหยามและรังแกข่มเหง อันเนื่องมาจากตื่นตระหนก และไม่ทราบว่าทัศนคติของคนไทยจะเปลี่ยนไปเช่นไร หลังจากมีการรัฐประหาร 2. ชาวกัมพูชาหวาดกลัว จากการกล่าวหาว่ามีส่วนเข้าร่วมชุมนุมทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมา หรือกระแสข่าวที่ว่า มีการนำกองกำลังจากประเทศเข้ามาก่อความวุ่นวายกับผู้ชุมนุม กปปส. รวมถึงประเด็นอื่นๆ การลอบค้าสิ่งผิดกฎหมายด้วย ดังนั้น เมื่อมีข่าวเรื่องการจัดระเบียบแรงงานต่างด้าวจาก คสช. จึงทำให้ชาวกัมพูชาต่างร้อนๆ หนาวๆ ไปตามกัน
ส่วนข้อที่ 3 ครอบครัว เครือญาติของแรงงานชาวกัมพูชาต่างหวั่นเกรงในเรื่องของความปลอดภัยที่จะเกิดขึ้นกับบุคคลในครอบครัว เพราะได้รับข่าวลือโหมสะพัดภายในประเทศเป็นอย่างมาก จึงเรียกตัวบรรดาลูกหลานให้กลับภูมิลำเนาอย่างเร่งด่วน ส่วนข้อที่ 4 คือ ทางรัฐบาลกัมพูชา มีนโยบายสนับสนุนให้แรงงานกัมพูชาทำงานในประเทศ เนื่องจากปัจจุบันประเทศกัมพูชามีนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศมากขึ้น ฉะนั้น จึงป้องกันการประสบปัญหาขาดแคลนแรงงาน
ขณะที่ กระแสข่าวลือและเหตุการณ์แห่กลับประเทศนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นกับแรงงานจากประเทศอื่นๆ ทั้งพม่า ลาว เป็นต้น เนื่องมาจากบุคลิกลักษณะนิสัยของแรงงานแต่ละชาติมีความแตกต่างกัน โดยเฉพาะประเทศกัมพูชา ที่มีความอ่อนไหวกับเหตุการณ์เปลี่ยนขั้วอำนาจ และหวาดกลัวเหตุการณ์รุนแรงและสงครามกลางเมือง รวมทั้งยังมีความตื่นตระหนกต่อเหตุการณ์ทางการเมืองมากกว่าประเทศอื่นๆ.