'ณัฐวุฒิ' จี้สอบนอมินีเศรษฐีต่างด้าว ถือหุ้นไทยเกิน 50%
'ณัฐวุฒิ' จี้สอบนอมินีเศรษฐีต่างด้าว ถือหุ้นไทยเกิน 50% ''ณัฐวุฒิ'' จี้สอบธุรกิจในไทยที่มีนักธุรกิจต่างด้าวถือหุ้น พบนอมินี 329 ราย ล่าสุดส่งตำรวจดำเนินคดีแล้ว 2 ราย ที่เหลือเตรียมส่งต่อให้ดีเอสไอสอบเชิงลึก เมื่อวันที่ 4 ก.พ.นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่าจากการตรวจสอบนิติบุคคลไทย ที่มีคนต่างด้าวถือหุ้นเกิน 50% ในพื้นที่ 5 จังหวัดท่องเที่ยว ได้แก่ ชลบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต และกระบี่ ซึ่งได้ตรวจสอบเสร็จแล้วใน 2 จังหวัด คือชลบุรี และประจวบคีรีขันธ์ พบว่ามีคนไทยถือหุ้นแทนคนต่างชาติ หรือนอมินี จำนวน 329 ราย แบ่งเป็น จังหวัดชลบุรี 303 ราย และประจวบคีรีขันธ์ 26 ราย ทั้งนี้ ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่ตรวจพบพฤติกรรมนอมินี 26 รายนั้น กรรมการ และผู้ถือหุ้นยอมรับสารภาพ 2 ราย ว่ามีการถือหุ้นแทนคนต่างชาติเพื่อดำเนินธุรกิจนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจบริการตัดเย็บเสื้อผ้า ตามบัญชีแนบท้าย 3 พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ซึ่งหากต่างด้าวจะทำธุรกิจจะต้องขออนุญาต โดยมีผู้เข้าข่ายกระทำผิดคือผู้ถือหุ้นคนไทย 5 คน และกรรมการคนต่างด้าวอีก 2 คน ซึ่งกรมฯ ได้ส่งดำเนินคดีตามมาตรา 36 และมาตรา 37 ของพ.ร.บ.ดังกล่าวแล้ว โดยจะมีโทษจำคุก 3 ปี ปรับ 100,000 -1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ขณะที่อีก 24 ราย ทำธุรกิจเกี่ยวกับซื้อที่อยู่อาศัย ซึ่งไม่ได้อยู่ในธุรกิจตามบัญชีแนบท้ายกฎหมาย แต่กรมฯ จะตรวจสอบเชิงลึก และส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป ส่วนในจังหวัดชลบุรี ตรวจพบพฤติกรรมนอมินี 303 ราย โดย 20 ราย ทำธุรกิจตามบัญชีแนบท้าย 3 คือธุรกิจนายหน้าขายอสังหาริมทรัพย์ 2 ราย ธุรกิจก่อสร้าง 1 ราย ธุรกิจการท่องเที่ยว 1 ราย ธุรกิจขายอาหารและเครื่องดื่ม 5 ราย และธุรกิจบริการ 11 ราย เช่น ให้เช่าที่พัก 7 ราย ให้เช่ารถ 1 ราย ผลิตบรรจุภัณฑ์ 1 ราย โรงกลึง 1 ราย บาร์และโต๊ะบิลเลียด 1 ราย ซึ่งมีผู้เข้าข่ายกระทำผิดเป็นผู้ถือหุ้นคนไทย 8 คน กรรมการคนไทย 4 คน และกรรมการคนต่างด้าว 34 คน ทั้งหมดนี้จะต้องตรวจสอบเชิงลึกต่ออีก โดยการเรียกสอบกรรมการบริษัท และให้ส่งเอกสารการทำธุรกิจเข้ามายังกรมพัฒนาธุรกิจการค้า หากพบการกระทำผิดจะส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนที่ไม่สามารถขอหลักฐานได้ จะส่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดำเนินการต่อไป ขณะที่อีก 283 ราย ทำธุรกิจเกี่ยวกับซื้อที่อยู่อาศัย ไม่ได้อยู่ในบัญชีแนบท้ายกฎหมาย จะตรวจสอบเชิงลึกและส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป สำหรับอีก 3 จังหวัดที่เหลือ จะเร่งตรวจสอบให้แล้วเสร็จในเดือน ก.พ.นี้ ส่วนอีก 71 จังหวัดทั่วประเทศ จะตรวจสอบให้เสร็จภายในปีนี้ นายณัฐวุฒิ กล่าว อย่าง ไรก็ตาม ยืนยันว่า การตรวจสอบครั้งนี้ไม่ได้ทำลายบรรยากาศการลงทุนของคนต่างชาติ แต่ต้องการสร้างบรรทัดฐานและรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 58 เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติและภาคธุรกิจไทยว่าจะไม่มี การกระทำหลบเลี่ยงกฎหมาย
Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2556 |
Last Update : 5 กุมภาพันธ์ 2556 3:32:16 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1521 Pageviews. |
|
|