สัปดาห์นี้ราคาทองคำมีการเคลื่อนไหวในกรอบแคบ โดยยังติดแนวต้านที่ 1,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ประเด็นที่กระทบต่อตลาดทองคำมาจากการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่นวานนี้ มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยใกล้ 0% ตามที่ตลาดประเมิน และไม่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใดๆ เพิ่มเติม ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดประเมินจึงกดดันให้เงินเยนกลับแข็งค่าขึ้นสวนทางกับเงินดอลลาร์ที่กลับอ่อนค่าลง
โดยธนาคารกลางญี่ปุ่นได้ประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจญี่ปุ่นว่ากำลังฟื้นตัวขึ้น และยืนยันที่จะเพิ่มฐานเงินเข้าสู่ระบบ 60-70 ล้านเยนต่อปี ตามที่ประกาศไว้ในการประชุมครั้งก่อน ซึ่งค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเป็นปัจจัยหนุนให้ราคาทองคำฟื้นตัวขึ้นจากที่ลงไปต่ำสุดที่ 1,365 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในวันอังคาร เนื่องจากตลาดมีความกังวลว่าการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ในสัปดาห์หน้าจะมีปรับลดปริมาณการซื้อสินทรัพย์ในมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)
สัปดาห์หน้าติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ในวันจันทร์และวันอังคาร ซึ่งการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ รอบนี้ถือว่าถูกจับตามองเป็นพิเศษว่า การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ จะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินหรือไม่ เนื่องจากการแถลงของเบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ต่อสภาคองเกรสในวันที่ 22 พ.ค. ส่งสัญญาณว่าอาจพิจารณาถอนมาตรการ QE ในการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ในไม่กี่ครั้งข้างหน้าถ้าตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ซึ่งตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรล่าสุดเดือน พ.ค. เพิ่มขึ้น 175,000 ตำแหน่ง ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของตลาดที่ 163,000 ตำแหน่ง และดีขึ้นเมื่อเทียบกับตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนเดือน เม.ย. ที่เพิ่มขึ้น 149,000 ตำแหน่ง
ทำให้กังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะมีการพิจารณาเรื่องการทยอยปรับลดปริมาณการซื้อสินทรัพย์ในมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ซึ่งถ้ามีการปรับลดปริมาณการซื้อสินทรัพย์ คาดจะทำให้เกิดแรงเทขายสินทรัพย์เสี่ยง รวมไปถึงทองคำด้วย แต่คาดว่าการปรับตัวลงของราคาทองคำมีกรอบที่จำกัด ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,365 และ 1,350 ดอลลาร์ต่อออนซ์ตามลำดับ ส่วนกรณีที่ไม่มีการประกาศปรับลดปริมาณการซื้อสินทรัพย์อย่างที่ตลาดกังวล คาดราคาทองคำมีโอกาสฟื้นตัวได้ โดยมีแนวต้านที่ 1,420 และ 1,440-1,450 ดอลลาร์ต่อออนซ์ตามลำดับ.