เมื่อวันที่ 28 ส.ค. "ฮั่วเซ่งเฮง" รายงานว่า สถานการณ์ความตึงเครียดในซีเรียเป็นปัจจัยบวกที่เข้ามาสนับสนุนให้ราคาทองคำเมื่อวานนี้ดีดตัวขึ้นได้ต่อเนื่องจากการซื้อขายช่วงต้นสัปดาห์ แม้ว่าจะมีรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯ ที่กลับออกมาดีขึ้นสวนทางกับที่ตลาดประเมิน และยังคงมีแนวโน้มที่ราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นต่อ แต่ด้วยราคาที่ปรับตัวขึ้นมามากติดต่อกันหลายวัน จึงคาดว่าจะเริ่มมีแรงขายทำกำไรสลับออกมา

โดยราคาทองคำปิดตลาดเมื่อคืนนี้ที่ 1,416.25 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 11.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาทำจุดต่ำสุดและจุดสูงสุดที่ 1,395 และ 1,425 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามลำดับ ส่วนราคาซื้อขายทองคำแท่งในประเทศชนิด 96.5% เมื่อวานนี้ขายออกที่บาทละ 21,500 บาท และรับซื้อคืนที่บาทละ 21,400 บาท กองทุน SPDR รายงานว่าได้เพิ่มปริมาณการถือครองทองคำขึ้น 0.90 ตัน โดยปัจจุบันกองทุนถือครองทองคำรวม 921.03 ตัน

ราคาทองคำเมื่อวานนี้ ยังคงปรับตัวขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มมีแรงซื้อเข้ามาในการซื้อขายช่วงบ่ายและต่อเนื่องไปถึงช่วงค่ำ โดยราคาปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดที่แนวต้านบริเวณ 1,425 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นระดับแนวต้านสำคัญในทางเทคนิค จึงเริ่มมีแรงขายทำกำไรกลับออกมา แต่โดยรวมก็ยังคงมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวขึ้นได้ต่อ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับการใช้อาวุธเคมีในประเทศซีเรียส่งผลให้นักลงทุนกลับเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

ทั้งนี้ นายชัค ฮาเกล รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวว่า สหรัฐฯ พร้อมเปิดฉากโจมตีซีเรีย หากประธานาธิบดีบารัค โอบามา เลือกใช้มาตรการดังกล่าวและได้สั่งการลงมา วิกฤตการณ์ในซีเรียเลวร้ายลง หลังจากที่มีรายงานข่าวว่ามีการใช้อาวุธเคมีโจมตีพลเรือนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยกองกำลังฝ่ายต่อต้านชี้ว่าการโจมตีดังกล่าวเป็นฝีมือของรัฐบาลของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด แม้ว่ากองทัพซีเรียได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ก็ตาม

อย่างไรก็ตาม นอกจากประเด็นดังกล่าวแล้ว ราคาทองคำยังได้รับปัจจัยบวกจากดัชนีราคาบ้านในเดือน มิ.ย. ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้น 12.1% จากเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งชะลอตัวลงจากที่เพิ่มขึ้น 12.2% เมื่อเทียบรายปี ส่งสัญญาณว่าการฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัยอาจลดความร้อนแรงลง การรายงานยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ประจำเดือน ก.ค. ที่จะประกาศคืนนี้เป็นประเด็นที่นักลงทุนให้ความสนใจ

ส่วนราคาทองคำในประเทศยังคงได้รับปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของเงินบาท ซึ่งอ่อนค่าลงตามการเคลื่อนไหวของค่าเงินสกุลอื่นๆ ในภูมิภาค ความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ เป็นปัจจัยลบกดดันให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง การรายงานตัวเลขเศรษฐกิจเดือน ก.ค. ของธนาคารแห่งประเทศไทยในช่วงปลายสัปดาห์ ยังเป็นประเด็นหลักอีกประเด็นหนึ่ง ที่จะส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของเงินบาท

สำหรับภาพการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในทางเทคนิค หลังจากวานนี้ราคาทองเริ่มอ่อนตัวลง หลังจากดีดตัวขึ้นเข้าใกล้แนวต้านบริเวณ 1,425 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ยังคงมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นต่อ และหากราคาดีดตัวขึ้นไปยืนเหนือแนวต้านดังกล่าวได้ คาดว่าการฟื้นตัวของราคาทองคำก็จะมีความต่อเนื่องมากขึ้น ในระหว่างวันหากราคากลับอ่อนตัวลงที่แนวรับบริเวณ 1,400-1,402 และ 1,385-1,390 ดอลลาร์ต่อออนซ์ คาดว่าจะมีแรงซื้อกลับเข้ามา และราคาทองคำก็จะปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่องจากช่วงปลายสัปดาห์.