บุญทรง เผยผู้ส่งออกไทย และผู้นำเข้าสินค้าไทยของอินโดนีเซีย ร้องระงม รัฐบาลอิเหนาใช้เอ็นทีบีกีดกันนำเข้าสินค้าไทย ทำส่งออกสะดุด สั่งกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เร่งแก้ไขก่อนเสียตลาด
เมื่อวันที่ 31 ต.ค. นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้รับการร้องเรียนจากผู้ส่งออกไทยและผู้นำเข้าของอินโดนีเซียอย่างต่อเนื่องถึงปัญหา และอุปสรรคการนำเข้าสินค้าจากไทย โดยเฉพาะสินค้าผัก ผลไม้และพืชสวน ข้าวหอมมะลิ สินค้าอาหารสำเร็จรูป ยาและผลิตภัณฑ์ จึงได้สั่งการให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน ก่อนที่สินค้าไทยจะเสียตลาดในอินโดนีเซีย สำหรับมาตรการกีดกันทางการค้าที่อินโดนีเซียใช้กับการนำเข้าสินค้าดังกล่าวจากไทย เช่น ลดจำนวนท่าเรือนำเข้าผัก ผลไม้สด และพืชสวน โดยไม่ให้นำเข้าที่ท่าเรือ ณ กรุงจาการ์ตา ส่งผลให้ต้นทุนการขนส่งสูง และพืชผัก ผลไม้สดเสียหาย เพราะระยะทางการขนส่งไกล เป็นต้น พร้อมทั้งได้สั่งให้ตั้งหน่วยปฏิบัติการพิเศษ มีอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเป็นหัวหน้า ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกระทรวงพาณิชย์ และภาคเอกชน ลงพื้นที่และประชุมร่วมกับคู่ค้า เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาเอ็นทีบีให้ได้ เพราะไม่อย่างนั้น จะกระทบต่อการส่งออกของไทยไปประเทศต่างๆ และสินค้าไทยอาจเสียตลาดได้ในอนาคต
อย่างไรก็ตาม หากผู้ส่งออกของไทยพบปัญหาและอุปสรรคทางการค้าจากมาตรการเอ็นทีบีของประเทศต่างๆ สามารถร้องเรียนผ่านศูนย์เออีซี ของกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ และที่ศูนย์เออีซี ของกระทรวงพาณิชย์ ณ สำนักงานพาณิชย์จังหวัด ทุกแห่งทั่วประเทศ โดยจะมีคณะทำงานปฏิบัติการพิเศษ เป็นผู้ดำเนินการเร่งรัดการแก้ไขปัญหาต่างๆ ซึ่งจะส่งผลทำให้สามารถเพิ่มปริมาณและมูลค่าการค้าระหว่างประเทศของไทยให้มากขึ้นอีกด้วย
ด้านนางพิรมล เจริญเผ่า อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้หารือกับกรมความร่วมมือการค้าระหว่างประเทศของอินโดนีเซีย เพื่อแจ้งข้อกังวลของไทย และขอให้อินโดนีเซียเร่งแก้ไขปัญหาต่างๆ ซึ่งจากการหารือครั้งนี้ อินโดนีเซีย จะช่วยเร่งรัดจัดทำความตกลงยอมรับการตรวจรับรองร่วมกัน (เอ็มอาร์เอ) กับประเทศไทยให้เร็วที่สุด เพื่อให้สินค้าผักผลไม้ได้ผ่านเข้าได้ทุกจุด โดยไม่ต้องตรวจสารตกค้างที่ด่านนำเข้าของอินโดนีเซียซ้ำอีก
นอกจากการแก้ปัญหาเป็นรายประเทศแล้ว กรมฯยังได้เร่งรัดให้คณะผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การการค้าโลก (ดับบลิวทีโอ) ณ นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ หยิบยกกรณีที่ประเทศต่างๆ หันมาใช้เอ็นทีบีกีดกันการนำเข้าสินค้ามากขึ้น ในเวทีดับบลิวทีโอ ซึ่งมีหลายประเทศได้รับผลกระทบแล้ว เช่น จีน สหรัฐฯ แคนาดา ออสเตรเลีย อินเดีย เวียดนาม มาเลเซีย เป็นต้น นางพิรมล กล่าว