กูรูคาดแนวโน้มราคาทองสัปดาห์นี้มีโอกาสทดสอบระดับ 1,345 เหรียญ/ออนซ์ ในช่วง 1-2 วันแรกที่เปิดการซื้อขาย ในขณะที่นักวิเคราะห์ลุ้นตลาดหุ้นไทยมีโอกาสรีบาวด์...
นายกฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก เปิดเผยถึงแนวโน้มราคาทองคำในสัปดาห์นี้ (13-17 ส.ค.56) ว่า ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาทองคำสัปดาห์นี้ หลักๆ ยังคงต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่อาจกดดันให้ราคาทองคำปรับลดลง แต่ระยะหลังสังเกตเห็นราคาทองคำเริ่มทรงตัวใกล้กับแนวรับด้านล่าง ทำให้มีโอกาสเห็นราคาทองคำเด้งขึ้นอีกครั้งในช่วงสั้นๆ แต่ในระยะยาวยังคงต้องติดตามต่อไป เนื่องจากมีมุมมองของสถาบันการลงทุนระดับโลกหลายสำนัก เช่น โกลด์แมน แซค, เครดิต สวิส ฯลฯ ประเมินแนวโน้มราคาทองคำสิ้นปีนี้อาจลดลง จากแรงกดดันที่เกิดขึ้นจากข่าวธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจทอนมาตรการ QE ซึ่งจะทำให้เกิดแรงเทขายทองคำจากกลุ่มดังกล่าว กดดันราคาทองให้ปรับลดลง
สำหรับนักลงทุนทั้งในระยะสั้น และระยะยาว ต้องระมัดระวังการลงทุนในช่วงสัปดาห์นี้ เพราะมีโอกาสที่ราคาทองคำขึ้นไปทดสอบระดับ 1,345 เหรียญ/ออนซ์ ในช่วง 1-2 วันหลังเปิดการซื้อขายในวันที่ 13 ส.ค. 56 หากทะลุไปได้อาจทดสอบระดับ 1,380 เหรียญ/ออนซ์ แต่ถ้าไม่ผ่านราคาทองคำอาจปรับลดลงไปทดสอบที่ระดับ 1,300 เหรียญ/ออนซ์ อีกครั้ง โดยประเมินกรอบแนวรับราคาทองคำในสัปดาห์นี้ที่ 1,310 เหรียญ/ออนซ์ แนวต้าน 1,345 เหรียญ/ออนซ์ ส่วนราคาทองคำในประเทศ กรอบแนวรับอยู่ที่บาทละ 19,400 บาท แนวต้านที่ 19,700 บาท.
ด้านนายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัยไทย บล.เอเชีย พลัส เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยระหว่างวันที่ 13-16 ส.ค.2556 ยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามากดดันตลาด แต่มีโอกาสที่จะได้เห็นดัชนีรีบาวด์กลับมายืนในแดนบวก เนื่องจากดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับลดลงถึง 110 จุด นับตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค. 56 จนกระทั่งปิดการซื้อขายในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา จึงมีโอกาสที่จะได้เห็นดัชนีปรับขึ้น
นายเทิดศักดิ์ ยังกล่าวอีกด้วยว่า ปัจจัยการเมืองในประเทศช่วงนี้ไม่น่ากังวล เพราะหลังจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยสามัญ ผ่านการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม วาระแรกไปแล้ว ยังเหลือเวลาให้ติดตามการพิจารณาในวาระ 2 และ 3 อีกพอสมควร ส่วนการชุมนุมของกลุ่มที่คัดค้านก็ไม่ได้ยกระดับจนสร้างความกังวลหรือกดดันความเชื่อมั่นนักลงทุน
ส่วนปัจจัยต่างประเทศในสัปดาห์นี้ ยังต้องติดตามรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญๆ ของสหรัฐฯ แต่คาดว่าคงไม่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นนักลงทุนมากนัก ส่วนการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ต้องรอดูความชัดเจนอีกครั้งในเดือน ก.ย. โดยกลยุทธ์การลงทุน แนะนำกรอบลงทุนแนวรับ 1,420 จุด แนวต้านแรกที่ 1,450 จุด และหากดัชนีสามารถผ่านแนวต้านแรกไปได้ก็มีโอกาสที่จะขึ้นไปทดสอบที่แนวต้านถัดไป 1,460 จุด โดยแนะนำให้นักลงทุนทยอยซื้อสะสม 40% ของพอร์ตลงทุน เมื่อดัชนีอยู่ที่ระดับ 1,450 จุด และให้จุดตัดขาดทุนที่ีีระดับ 1,430 จุด
สำหรับหุ้นเด่นสัปดาห์นี้ แนะนำหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที เช่น INTUCH กลุ่มวัสดุก่อสร้าง เช่น SCC, TPIPL และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เช่น STEC.