กรมการขนส่งทางบก จัดเก็บภาษีรถทั่วประเทศใน 7 เดือนแรก ได้ 16 ล้านคัน ยอดเงินทะลุ 1.5 หมื่นล้านบาท ขณะที่ยังมีรถที่ค้างภาษีอีก 33 ล้านคัน...

นายสมชัย ศิริวัฒนโชค อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า สถิติการชำระภาษีรถยนต์ทั่วประเทศใน 7 เดือนแรกของปี 56 (ม.ค.-ก.ค.56) มีจำนวน 16.6 ล้านคัน คิดเป็นเงิน 15,445 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นการจัดเก็บภาษีรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ 15,728,066 คัน จำนวนเงิน 12,413 ล้านบาท และเป็นภาษีรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบกจำนวน 961,726 คัน จำนวนเงิน 3,032 ล้านบาท โดยยังมีรถค้างภาษีอีก 33 ล้านคัน เป็นรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ 32 ล้านคัน เป็นรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก 1 ล้านคัน

ทั้งนี้ สาเหตุที่มีการค้างชำระ อาจเกิดจากกรณีที่รถชำรุด หรือสูญหาย แต่ไม่ได้แจ้งขอหยุดใช้รถ  ทำให้ต้องมีภาระในการชำระภาษีรถต่อไป ซึ่งหากค้างชำระภาษีเกิน 3 ปี จะถูกระงับทะเบียนทันที โดยกรมการขนส่งทางบกอยู่ระหว่างเร่งติดตามรถที่ค้างภาษีดังกล่าวดำเนินการให้ถูกต้องต่อไป

นายสมชัย กล่าวต่อว่า การจัดเก็บภาษีรถประจำปีทั่วประเทศใน 7 เดือน แบ่งเป็นการจัดเก็บภาษีภายในสำนักงาน 11,702 ล้านบาท ผ่านบริการเลื่อนล้อต่อภาษี ชำระภาษีรถผ่านช่องทางด่วน 1,476 ล้านบาท ผ่านบริการช้อปให้พอ แล้วต่อภาษีที่ห้างสรรพสินค้าที่ห้างบิ๊กซีทั้ง 13 สาขาในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล รามอินทรา และศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค ในวันเสาร์–อาทิตย์ 420 ล้านบาท ออกหน่วยบริการเคลื่อนที่ 219 ล้านบาท ผ่านทางธนาคารพาณิชย์ 251 ล้านบาท ผ่านทางไปรษณีย์ 24 ล้านบาท และช่องทางอื่นๆ อีกกว่า 12 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี ปัจจุบันกรมการขนส่งทางบกได้พัฒนาช่องทางการให้บริการรับชำระภาษีรถหลากหลาย และล่าสุด ได้เปิดให้บริการรับชำระภาษีรถผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิสและเซเว่นอีเลฟเว่น กว่า 8,000 แห่งทั่วประเทศ และในอนาคตกรมการขนส่งทางบกยังมีโครงการให้บริการรับชำระภาษีผ่านโทรศัพท์ทุกเครือข่าย รวมถึงผ่านเคาน์เตอร์ของสถาบันการเงิน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร.1584