ทีดีอาร์ไอ ชี้ ประชานิยมทำเศรษฐกิจไทยปีหน้าร่วง แนะรัฐบาลดึงนโยบายกลับมาทบทวน ขณะที่อดีตรัฐมนตรีคลัง อัด จำนำข้าว-เบี้ยผู้สูงอายุ เป็นนโยบายเหวี่ยงแห...
เมื่อวันที่ 18 พ.ย.56 นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวในงานสัมมนาวิชาการ ประจำปี 2556 โมเดลใหม่ในการพัฒนา สู่การเติบโตอย่างมีคุณภาพโดยการเพิ่มผลผลิต ว่า เศรษฐกิจไทยปี 2557 ยังมีความน่าเป็นห่วงเรื่องการปรับตัว และขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคเอกชน โดยเฉพาะภาคส่งออกที่ยังมีภาระต้นทุนสูง จึงไม่มั่นใจว่าภาคการส่งออกของไทยจะสามารถปรับตัวได้ดีตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกได้จริงๆ หากขับเคลื่อนได้ ก็อาจจะเป็นเพียงแค่ระยะสั้นเท่านั้น
ทั้งนี้ นโยบายประชานิยมของรัฐบาลยังส่งผลให้ฐานะทางการคลังมีความเสี่ยง และทำให้ประชาชนมีหนี้สินสูงขึ้น ด้วยปัจจัยเหล่านี้จึงเป็นตัวบั่นทอนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ จึงเสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่ตามมาจากนโยบายประชานิยม คือ สร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย สร้างความสมดุลของการส่งออกกับการเพิ่มผลิตภาพของแรงงาน และปรับค่าตอบแทนทั้งค่าจ้างและประกันสังคม
ด้านนายสมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการวิจัยทีดีอาร์ไอ กล่าวว่า ไทยต้องปฏิรูปการคลัง และลดความเหลื่อมล้ำ โดยต้องกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้ดีเสียก่อนว่าใครคือคนจน ซึ่งพบว่านโยบายประชานิยมไม่ได้แก้โจทย์เรื่องนี้ เช่น นโยบายจำนำข้าว เกิดจากความเชื่อว่าชาวนาคือ คนจน แต่ข้อเท็จจริงมีชาวนาเพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้นที่เป็นคนจน โดยเงินขาดทุนจำนำข้าวแต่ละปีมีจำนวน 150,000 ล้านบาท จริงๆ คนจนใช้เพียง 35,000 ล้านบาท แต่เงินที่เหลือ 120,000 ล้านบาท ได้ตกไปยังกลุ่มข้าราชการ โรงสี ชาวนาที่ร่ำรวย ชาวนาต่างประเทศ แต่ถ้าหากนำงบส่วนนี้ไปช่วยลดความเหลื่อมล้ำก็จะช่วยสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยได้อีกด้วย
ด้านนายทนง พิทยะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า นโยบายประชานิยมไม่ได้ลดความเหลื่อมล้ำทางรายได้ นอกจากเรื่องจำนำข้าวแล้ว เรื่องเบี้ยผู้สูงอายุ พบว่า ผู้รับเบี้ยผู้สูงอายุไม่ได้เป็นคนจนทั้งหมด นับว่าเป็นนโยบายที่เหวี่ยงแห และควรนำกลับมาทบทวนใหม่.