กบง.ขยายเวลาตรึงราคาแอลพีจีภาคครัวเรือนที่ 18.13 บาท/กก.ออกไปอีก 1 เดือนจากเดิม 31 พ.ค.เป็น 30 มิ.ย. เพื่อเตรียมความพร้อมบรรเทาผลกระทบ และยังเห็นชอบลดเก็บดีเซลเข้าเงินกองทุนน้ำมันลง 40 สต.เพื่อคงราคาขายปลีกไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร...
เมื่อวันที่ 31 พ.ค. 2556 นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.พลังงาน เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ว่า ที่ประชุม กบง.ได้พิจารณาแนวทางการบรรเทาผลกระทบจากการปรับราคาขายปลีกก๊าซหุงต้มหรือแอลพีจี ภาคครัวเรือน และมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาตรึงราคาภาคครัวเรือนที่ 18.13 บาทต่อกิโลกรัม จากเดิมวันที่ 31 พ.ค. เป็นวันที่ 30 มิ.ย. เพื่อเตรียมความพร้อมด้านขั้นตอนดำเนินการบรรเทาผลกระทบ โดยมอบให้บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินงาน จัดตั้งหน่วยงานการยืนยันสิทธิ์ ผ่านระบบ Call Center ระบบ sms ยืนยันสิทธิ์ รวมทั้งค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง และประสานงานกับผู้ค้ามาตรา 7 รายอื่นๆ เพื่อการยืนยันสิทธิ์ร่วมกัน และมอบหมายให้กรมธุรกิจพลังงานและพลังงานจังหวัดเป็นผู้รับผิดชอบกำกับดูแล ให้ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 จัดทำระบบการช่วยเหลือผู้มีสิทธิ์สามารถซื้อแอลพีจี ได้ในราคาเดิม
ทั้งนี้ กบง. ได้เห็นชอบอนุมัติในหลักการให้ใช้เงินจากกองทุนน้ำมัน เพื่อการดำเนินโครงการบรรเทาผลกระทบ จากการปรับราคาขายปลีกแอลพีจี ภาคครัวเรือน โดยมอบให้คณะอนุกรรมการบริหารกองทุนน้ำมัน รับไปพิจารณารายละเอียด และอนุมัติค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการในวงเงินที่กำหนด
นอกจากนี้ กบง. ได้มีมติเห็นชอบการปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันของน้ำมันดีเซลลง 0.40 บาทต่อลิตร จากเดิมจัดเก็บ 3.40 บาทต่อลิตร เป็น 3.00 บาทต่อลิตร เพื่อคงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. ซึ่งการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันครั้งนี้ ส่งผลให้กองทุนน้ำมัน มีรายรับลดลงจากเดิมที่มีรายรับ 196 ล้านบาทต่อวัน เป็นรายรับประมาณ 174 ล้านบาทต่อวัน.