ค่าไฟเดือน พ.ค.จ่อขึ้น 1 สต.

นายดิเรก ลาวัณย์ศิริ ประธานกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (เรคกูเลเตอร์) เปิดเผยถึงการหารือร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ถึงกรณีการหยุดจ่ายก๊าซธรรมชาติจากประเทศพม่าระหว่างวันที่ 5-14 เม.ย.นี้ว่า กฟผ.ประเมินกรณีเลวร้ายที่สุดหากการซ่อมแท่นผลิตต้องเลื่อนออกไปจนทำให้การจ่ายก๊าซเลื่อนไป 1 สัปดาห์ หรือเป็นวันที่ 5-21 เม.ย.นี้ จะส่งผลให้ค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) เพิ่มขึ้นอีก 1 สตางค์ต่อหน่วย ในงวดเดือน พ.ค.-ส.ค. ซึ่ง กฟผ.จะบริหารจัดการต้นทุนเชื้อเพลิงให้ดีที่สุด แต่ระยะยาวไทยจำเป็นต้องลดการพึ่งพาก๊าซ  ที่ปัจจุบันใช้ผลิตไฟสูงถึง 70% ซึ่งก่อให้เกิดความเสี่ยงทั้งความมั่นคง และค่าไฟฟ้าที่จะสูงขึ้น

“การหยุดจ่ายก๊าซ ของพม่าวันที่ 5-14 เม.ย.นี้ ตามแผน กฟผ.จะใช้น้ำมันเตา 86 ล้านลิตร ดีเซล 47 ล้านลิตร มาผลิตไฟฟ้า ซึ่งได้คำนวณไว้ในเอฟที ที่เรียกเก็บไปแล้วงวดเดือน ม.ค.-เม.ย. ประมาณ 1 สตางค์ต่อหน่วย และเหลือคำนวณในงวดถัดไปเพียง 0.48 สตางค์ต่อหน่วย แต่ถ้าการซ่อมต้องเลื่อนออกไปอีก 1 สัปดาห์ จะทำให้การใช้น้ำมันเตาเพิ่มเป็น 150 ล้านลิตร ดีเซล 80 ล้านลิตร และจะทำให้ค่าเอฟทีเพิ่มขึ้นอีกกว่า 1 สตางค์ต่อหน่วย”

ด้านนายธนา พุฒิรังษี รองผู้ว่าการระบบส่ง กฟผ. กล่าวว่า ถ่านหินเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ถูกนำมาใช้เพราะมีสำรองทั่วโลก และจะใช้ได้มากกว่า 200 ปี อีกทั้งราคาถูกกว่าก๊าซ ไทยจำเป็นต้องเร่งกระจายความเสี่ยงด้านเชื้อเพลิงเพื่อความมั่นคงของระบบไฟฟ้า สำหรับการปิดซ่อมบำรุงแหล่งก๊าซ ในพม่าจะเกิดขึ้นทุกปี โดยในปี 57 จะปิดซ่อมเดือน พ.ค.57 รวม 9 วัน แต่ปีหน้าไม่น่าห่วงในเรื่องปริมาณสำรองไฟ เพราะจำนวนโรงไฟฟ้าที่จะจ่ายไฟเข้าระบบจะเพิ่มขึ้น ส่วนปีนี้ ปริมาณสำรองไฟฟ้าที่วิกฤติส่วนหนึ่งเพราะการเลื่อนจ่ายไฟเข้าระบบของ 2 โรงไฟฟ้า คือโรงไฟฟ้าบางคล้าเดิม และโรงไฟฟ้าถ่านหินของบริษัท เนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลาย (เอ็นพีเอส)

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า ผู้ประกอบการแก๊สหุงต้มบรรจุถัง เริ่มสั่งซื้อแก๊สเพิ่มขึ้นและกักตุนกันไว้ล่วงหน้า เพราะกังวลว่าอาจเกิดภาวะขาดแคลนวันที่ 5-14 เม.ย. ขณะเดียวกัน ยังได้รับร้องเรียนจากร้านข้าวแกง อาหารตามสั่งว่าร้านแก๊สจะเรียกเก็บเงินค่าแก๊สล่วงหน้าก่อนส่งแก๊สให้เพราะต้องนำเงินไปซื้อแก๊สมาสำรองไว้ หากไม่จ่ายเงินก่อน อาจไม่มีแก๊สมาส่งให้ ขณะที่นายสันติชัย สารถวัลย์แพศย์ รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบสถานการณ์และร้านจำหน่ายแก๊ส เพื่อป้องกันการตื่นตระหนก และฉวยเอาเปรียบประชาชน จึงเตือนอย่ากักตุน เพราะกระทรวงพลังงานยืนยันว่าจะเกิดปัญหาก๊าซที่ใช้ผลิตไฟฟ้าเท่านั้น ส่วนภาคครัวเรือนไม่ได้รับผลกระทบ.