นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงศ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศเมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา มีจำนวน 98,251 คัน ลดลง 25.4% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นเดือนแรกในรอบ 15 เดือน ยอดขายต่ำกว่า 100,000 คัน เนื่องจากสถาบันการเงินมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น และโชว์รูมส่วนใหญ่ส่งมอบรถยนต์โครงการรถคันแรกหมดแล้ว โดยรถยนต์นั่งมียอดจำหน่าย 47,484 คัน ลดลง 26.3% รถกระบะมียอดจำหน่าย 41,469 คัน ลดลง 29.6%

“ขณะนี้ยอดการจำหน่ายในประเทศลดลงอย่างมาก เพราะปีก่อนมีโครงการรถคันแรกของรัฐบาล และที่สำคัญสถาบันการเงินเข้มงวดปล่อยสินเชื่อมากขึ้น โดยคนที่จองรถแล้วและไปขอสินเชื่อถูกปฏิเสธสูงถึง 30% เทียบกับคนไปขอสินเชื่อทั้งหมดจากปกติยอดการถูกปฏิเสธจะอยู่ที่ประมาณ 10-20% เท่านั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะยอดสินเชื่อในกลุ่มนี้สูงแล้ว สถาบันการเงินจึงเข้มงวดมากขึ้น และอีกอย่างเป็นผลจากการจัดโปรโมชั่นของโชว์รูมให้ดาวน์ต่ำ 5-10% จึงทำให้วงเงินขอสินเชื่อสูงขึ้น”

นายสุรพงษ์กล่าวว่า  การที่ยอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ส่งผลให้อุตสาหกรรมยานยนต์ ได้ปรับยอดผลิตรถยนต์ปี นี้ใหม่ โดยเน้นผลิตเพื่อการส่งออกมากขึ้น จากเป้าหมายเดิม 1.1 ล้านคัน ปรับเพิ่มเป็น 1.15 ล้านคัน ซึ่งจะเน้นการส่งออกไปยังหลายประเทศในเอเชีย, แอฟริกาใต้ และกลุ่มโอเชียเนีย เช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เป็นต้น ลดการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ จากเดิม 1.45 ล้านคัน ลดลงเหลือ 1.4 ล้านคัน แต่ทั้งปียังคงเป้าการผลิตรถยนต์ไว้ที่ 2.55 ล้านคัน ส่วนยอดผลิตรถจักรยานยนต์ ในปีนี้ก็มีการปรับเป้าลงจากเดิมที่ผลิตได้ 2.6 ล้านคัน เป็น 2.35 ล้านคันหรือลดลง 9.56% ในส่วนของยอดการผลิตรถยนต์ในเดือน ก.ค. มีทั้งสิ้น 201,446 คัน ลดลง 6.45% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน.