BlogGang.com : : amulet108 : ระเบิดเขย่าขวัญท่องเที่ยว ลุ้นสร้างมหัศจรรย์เมืองไทย

ระเบิดเขย่าขวัญท่องเที่ยว ลุ้นสร้างมหัศจรรย์เมืองไทย

ระเบิดเขย่าขวัญท่องเที่ยว ลุ้นสร้างมหัศจรรย์เมืองไทย

รายงานพิเศษ

พลันที่สิ้นเสียงระเบิดตูมที่โรงแรม ลี การ์เดนส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา ขวัญของนักท่องเที่ยวกระเจิดกระเจิง

สมาคมธุรกิจท่องเที่ยว จ.สงขลา รายงานการยกเลิกการเดินทางของนักท่องเที่ยวทันทีประมาณ 30% ของยอดการจองเข้าพักกว่า 1 หมื่นคน และประเมินว่ารายได้ท่องเที่ยวช่วงเทศกาลสงกรานต์ในหาดใหญ่จะหายไปประมาณ 500 ล้านบาท

ขณะที่นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา คาดว่าเหตุการณ์นี้จะทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวใน อ.หาดใหญ่ ในปี 2555 ลดลงจาก 200,000 คนในปี 2554 เหลือ 100,000 - 120,000 คน รายได้จากการท่องเที่ยวเหลือ 120,000 ล้านบาทในปี 2555 จากที่เคยได้รับในปี 2554 จำนวน 156,000 ล้านบาท แต่นายกฤษฎา ยืนยันว่าจะไม่มีการยกเลิกการจัดงานใดๆ ทั้งในจ.สงขลาและอ.หาดใหญ่ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ ขณะเดียวกันได้ร่วมมือกับภาคเอกชนลดราคาสินค้าและบริการ 5 อย่างคือ ราคาสินค้า ค่าบริการ อาหาร ค่าเดินทาง และที่พัก ซึ่งจะรวมเป็นแพ็กเกจ เพื่อกระตุ้นนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ

และคาดว่าไม่เกิน 3 เดือนหาดใหญ่จะกลับมาคึกคักเหมือนเดิมได้

ส่วนนายสุรพล เศวตเศรนี ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ซึ่งได้ประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวกับธุรกิจท่องเที่ยวในพื้นที่ ระบุว่า นอกจากการจัดโปรโมชั่นครบ วงจรโดยอาจเป็นตั้งแต่หลังสงกรานต์ถึงต้นเดือนพ.ค.นี้แล้ว จะนำสื่อมวลชนจากต่างประเทศมาศึกษาดูงานในพื้นที่จริง รวมทั้งนำเสนอการลดหรือยกเลิกค่าแลนด์ดิ้งเครื่องบินที่บินมาจอดยังสนามบิน หาดใหญ่ด้วย

นายสรสิทธิ์ สุนทรเกศ รองผู้ว่าการด้านบริหาร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประเมินว่า เหตุการณ์ดังกล่าวคงส่งผลกระทบเฉพาะพื้นที่ทางภาคใต้เท่านั้น ไม่น่าจะส่งผล กระทบต่อการท่องเที่ยวโดยรวมทั้งประเทศ

สอดคล้องกับที่หลายฝ่ายประเมินเหตุการณ์ครั้งนี้น่าจะส่งผลกระทบทางจิตวิทยา และความเชื่อมั่นในระยะสั้นๆ เท่านั้น เพราะเหตุการณ์ระเบิดที่หาดใหญ่ครั้งนี้ ไม่ใช่ครั้งแรก

และหลังจากเหตุระเบิดนักท่องเที่ยวจะลดลงทันที จากนั้นประมาณ 2 - 3 เดือน จำนวนนักท่องเที่ยวจะค่อยๆ กลับสู่ภาวะปกติในที่สุด เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา

เพราะนักท่องเที่ยวบางส่วนเริ่มเคยชิน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวในตลาดหลัก เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย และสิงคโปร์

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ระเบิดนี้นับเป็นภัยที่ตอกย้ำจุดเปราะบางของการท่องเที่ยวไทย

เพราะนอกจากจะมีปัญหาไฟใต้เกิดขึ้นเป็นระยะแล้ว หากย้อนไปแค่ต้นปี 2555 มีสัญญาณร้ายมาตลอด เริ่มจากการเตือนภัยจากต่างประเทศ เกี่ยวกับการก่อวินาศกรรมที่เกิดขึ้นต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปี กระทั่งมาถึงเหตุระเบิดเขย่าขวัญคนกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 14 ก.พ. ส่งผลให้หลายประเทศออกประกาศเตือนนักท่องเที่ยวของประเทศตนให้ระมัดระวังการ เดินทางมายังไทย

จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติของไทยช่วง 2 เดือนแรกปี 2555 จึงขยายตัวเพียง 5% ซึ่งน้อยกว่าในช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่ขยายตัว 12%

แต่ความพยายามในการปลุกปั้นการท่องเที่ยวของทุกฝ่ายยังมีอย่างต่อเนื่อง โดย เฉพาะททท.และรัฐบาลประกาศ ให้ปี 2554 - 2555 เป็นปีมหัศจรรย์เมืองไทยหรือมิราเคิล เยียร์ ออฟ อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ เพื่อเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย

และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพิ่งเปิดงานมิราเคิล เยียร์ ออฟ อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ 2012 ไปเมื่อวันที่ 29 มี.ค.ที่ผ่านมา ที่เมืองทองธานี

ในงานนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ประกาศว่า ตนภูมิใจ และยินดี ที่สามารถพูดได้เต็มปากกับคนทั้งโลกได้ว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่น่าท่อง เที่ยวมากที่สุด แม้ว่าปีที่ผ่านมาจะเกิดมหาอุทกภัย แต่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวสามารถฟื้นตัวได้เร็วที่สุด และสามารถทำรายได้เข้าประเทศถึง 7 แสนล้านบาท

'และในอีก 5 ปีข้างหน้ารัฐบาลตั้งเป้าสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวให้ได้ 2 ล้านล้านบาท ซึ่งเป้าหมายนี้คงไม่ไกลเกินที่ตั้งไว้ แต่ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย เพื่อให้การท่องเที่ยวเป็นแหล่งสร้างรายได้ให้คนไทยทั้งประเทศอย่างมั่นคง และถาวรต่อไป' น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว

พร้อมกับขอให้ทุกหน่วยงานร่วมมือกันเพื่อสร้างมหัศจรรย์เมืองไทยให้เกิดขึ้นในทุกช่วงเวลาตลอดทั้งปี

ไม่ใช่เฉพาะหน้าไฮซีซั่นเท่านั้น

ด้านนายชุมพล ศิลปอาชา รองนายกรัฐมนตรี และรมว.การท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ปีนี้จะจัดกิจกรรมขนาดใหญ่ให้มากขึ้น เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยตั้งเป้าหมายสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวให้ประเทศ 800,000 ล้านบาท ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยว จะไม่ให้ความสำคัญนัก เพราะต้องการเน้นที่รายได้มากกว่าปริมาณนักท่องเที่ยว

ทั้งนี้ หลังเทศกาลสงกรานต์จะมีงานใหญ่ ที่มีต่างชาติมาร่วมงานในไทยเกิดขึ้นหลายงาน และแต่ละงานมีคนร่วมงานจำนวนมาก จึงน่าจะสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวได้ เช่น งานของสโมสรโรตารี ที่จะจัดในกรุงเทพฯ เดือนพ.ค.จะมีคนมาถึง 30,000 คน งานของแอมเวย์ ที่จะจัดในภูเก็ต มีคนร่วมงาน 18,000 คน และคอนเสิร์ตยานี่ บริเวณท้องสนามหลวง

นายสุวัตร สิทธิหล่อ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า เดือนมิ.ย.นี้ กระทรวงจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อโครงการประกันภัยนักท่องเที่ยวต่างชาติไปจนถึงสิ้นปีงบประมาณ 2555 หรือเดือนก.ย.นี้ โดยใช้งบประมาณกลาง คาดว่าจะใช้วงเงิน 100 ล้านบาท หลังจากโครงการดังกล่าวจะสิ้นสุดลงในเดือนมิ.ย.นี้ เพราะยอมรับว่าสถานการณ์ความไม่สงบเริ่มปรากฏอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่เฉพาะในประเทศไทยแต่หมายถึงประเทศอื่นๆ ในโลกนี้ด้วย

ส่วนจะขยายวงเงินคุ้มครองสูงสุด กรณีนักท่องเที่ยวต่างชาติเสียชีวิตจาก 309,000 บาทต่อรายหรือไม่นั้น จะต้องประเมินข้อดีข้อเสีย รวมถึงเปรียบเทียบกับว่าโครงการประกันภัยของประเทศอื่นๆ เป็นอย่างไร เหมาะสมกับค่าครองชีพในประเทศไทยหรือไม่

แต่เมื่อหันมาทางฝั่งนักธุรกิจท่องเที่ยว ก็สะท้อนอีกแง่มุมให้ภาครัฐได้ตระหนักเช่นกัน

นางปิยะมาน เตชะไพบูลย์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่า การฟื้นฟูภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยวภาครัฐควรมีความชัดเจนและรายงาน สถานการณ์ให้เป็นปัจจุบันทันด่วน ควรมีโฆษกที่น่าเชื่อถือ มีประสบการณ์และมีความสามารถในการสื่อสารที่ดี สื่อสารอย่างเป็นทางการและต่อเนื่องสม่ำเสมอ เพื่อให้ได้ข่าวสารที่ถูกต้องและตรงประเด็น รวมถึงรายงานความคืบหน้าการวางแผนและการดำเนินการป้องกันและให้ความมั่นใจใน ความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว

นายศิริศักดิ์ หวังธรรมมั่ง กรรมการเขตพื้นที่ชายแดนภาคใต้ สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า พื้นที่ชายแดนภาคใต้มีปัญหาเรื่องความมั่นคงปลอดภัยมาเป็นระยะเวลานาน ภาครัฐควรให้ความสนใจในการแก้ไขปัญหามากเป็นพิเศษ

ผู้ประกอบการในพื้นที่พยายามร่วมมือกับภาครัฐในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการ ท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง อาทิ งานเทศกาลสมโภชเจ้าแม่ ลิ้มกอเหนี่ยว งานเทศกาลสมโภชเจ้าแม่โต๊ะโม๊ะ อาหารจานเด็ด ฯลฯ แต่ยังคงต้องการสร้างความมั่นคงปลอดภัยเพื่อเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมา ด้วย

ดังนั้น สิ่งสำคัญคือ การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุของการสูญเสียความเชื่อมั่น

ซึ่งทั้งภาครัฐและเอกชนคงต้องร่วมมือกันอย่างจริงจัง

ไม่ใช่พอเกิดเหตุการณ์ร้ายเมื่อใดก็มาเร่งฟื้นฟูภาพลักษณ์เมืองไทยเป็นครั้งคราวไป

แล้วมหัศจรรย์เมืองไทยจะเกิดทุกช่วงเวลาตลอดทั้งปีได้อย่างไร