พาณิชย์อ้างบาทแข็ง-เศรษฐกิจโลกชะลอตัว กระทบส่งออก 5 เดือนแรก โตแค่ 1.86% ยืนยันไม่ทบทวนเป้าหมายส่งออก เชื่อทั้งปีโตได้ 7-7.5% ประเมินครึ่งปีหลังสถานการณ์ดีขึ้น หลังค่าเงินบาทเริ่มอ่อนค่า เศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวแข็งแกร่งขึ้น โยน กขช. พิจารณาข้อเรียกร้องชาวนา 28 มิ.ย.นี้...
นางวัชรี วิมุกตายน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ยอดส่งออกในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-พ.ค.56) มีมูลค่ารวม 94,206 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 1.86% แต่หากคิดในรูปเงินบาทมูลค่าการส่งออก 5 เดือนแรกของปีนี้จะอยู่ที่ 2,771,839.5 ล้านบาท ลดลง 2.72% เฉพาะเดือน พ.ค.เพียงเดือนเดียว มูลค่าการส่งออกจะอยู่ที่ 19,830.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง 5.25% หากคิดในรูปเงินบาทลดลง 11.73% โดยมีมูลค่าประมาณ 565,808.4 ล้านบาท
ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ยอมรับว่า ยอดส่งออก 5 เดือนแรกของปีนี้ขยายตัวต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องและผันผวนอย่างหนัก นับตั้งแต่เดือน ม.ค. จนถึงขณะนี้เฉลี่ยเงินบาทแข็งค่าขึ้นแล้วถึง 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยแข็งค่าสูงสุดที่ 28.75 บาท/ดอลลาร์ฯ ในเดือน พ.ค. ซึ่งเป็นการแข็งค่าอย่างมีนัยยะสำคัญ ส่งผลให้ความสามารถในการแข่งขันของไทยในตลาดโลกลดลง ในขณะที่สินค้าเกษตรซึ่งเป็นสินค้าหลักในตลาดส่งออกได้รับผลกระทบจากปัญหาสภาพภูมิอากาศและโรคระบาดในกุ้ง มาตรการกีดกันทางการค้า โดยเฉพาะข้าว ซึ่งเป็นสินค้าสำคัญของไทยประสบปัญหาการแข่งขันสูง เนื่องจากประเทศคู่แข่งมีแนวโน้มขยายปริมาณการส่งออกเพิ่มขึ้น ในขณะที่ประเทศคู่ค้ามีนโยบายลดพึ่งพาการนำเข้า ทำให้โอกาสในการระบายข้าวสู่ตลาดต่างประเทศมีน้อยลง
นอกจากนี้ ยังมีผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะสหรัฐฯ ยุโรป ญี่ปุ่น จีน และกลุ่มประเทศในแถบอาเซียน ที่ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญ อย่างสหรัฐฯ ยุโรป ญี่ปุ่น จีน ซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ส่งผลให้การส่งออกสินค้าในเดือน พ.ค. ลดลงทุกตลาด โดยตลาดหลัก ซึ่งประกอบด้วย ญี่ปุ่น สหรัฐฯ ยุโรป 15 ประเทศ มียอดส่งออกลดลง 8.8% ตลาดศักยภาพสูง ได้แก่ อาเซียน อินโดจีน และเมียนมาร์ เอเชียใต้และไต้หวัน ลดลง 4.3% ตลาดศักยภาพระดับรอง เช่น ตะวันออกกลาง แอฟริกา แคนาดา ลดลง 2.1%
ทั้งนี้ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ยืนยันว่า ยังไม่มีแนวคิดทบทวนปรับเป้าหมายส่งออกลดลงจากที่ตั้งเป้าส่งออกทั้งปีขยายตัว 7-7.5% แม้ว่า 5 เดือนแรกของปีจะมียอดส่งออกเพิ่มขึ้นเพียง 1.86% เนื่องจากมองว่าแนวโน้มการส่งออกของไทย หลังจากนี้ไปคาดว่าจะขยายตัวขึ้นและเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เพราะทิศทางเศรษฐกิจโลกในช่วงครึ่งปี หลังจากนี้จะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งขึ้น ส่วนปัญหาหนี้เสียของสถาบันการเงินในจีน ส่วนตัวมองว่าไม่น่าเป็นห่วง โดยเชื่อว่ารัฐบาลจีนจะบริหารจัดการได้ และไม่ปล่อยให้ยืดเยื้อ ในขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทเริ่มอ่อนค่าลง โดยมองว่าอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทที่ 30.50-31.50 บาท/ดอลลาร์ เป็นระดับที่เหมาะสมและเอื้อต่อการส่งออก โดยนับจากเดือน มิ.ย.จนถึงสิ้นปี ก.พาณิชย์ ต้องผลักดันยอดส่งออกให้ได้ถึง 21,500 เหรียญสหรัฐฯ/เดือน จึงจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 7-7.5%
อย่างไรก็ตาม ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ยังปฏิเสธที่จะตอบคำถามแนวทางการพิจารณาข้อเสนอของกลุ่มชาวนาที่เรียกร้องให้รัฐบาลขยายเวลารับจำนำข้าวเปลือกเจ้า ความชื้น 15% ที่ราคา 15,000 บาท/ตัน ออกไปจนถึงสิ้นเดือน ก.ย. โดยระบุว่าขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ซึ่งมีกำหนดประชุมพิจารณาวาระดังกล่าวในวันที่ 28 มิ.ย.นี้ หากที่ประชุม กขช.เห็นชอบตามแนวทางที่ชาวนาเสนอก็ต้องนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขอความเห็นชอบต่อไป.